ปราโมทย์ จัดเป็นรุ่นที่ 3 ของตระกูล “เจษฏาวรางกูล” ที่ถูกเลือกให้รับช่วงบริหารกิจการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว ต่อจาก “โกมล เจษฏาวรางกูล พี่ชายคนรอง” ที่ก้าวขึ้นไปเป็นซีอีโอ
เขาก็เป็นเช่นเดียวกับ ผู้บริหาร “เลือดใหม่” ที่ต้องการนำความสดใหม่ของไอเดียแตกต่าง ไม่จำกัดตัวเองอยู่กับรูปแบบเดิมๆ สร้างองค์กรให้ทันสมัย มีชีวิตชีวา นำเครื่องมือการตลาดมาใช้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ปราโมทย์แปรเปลี่ยนไอเดียให้เป็นแนวทางการปฏิบัติ เริ่มจากการกำหนด positioning ของ “วังทองกรุ๊ป” ใหม่ให้มีความทันสมัย โดดเด่นเรื่องของดีไซน์ ทั้งการออกแบบบ้าน และฟังก์ชันการใช้งานภายใน ชนิดที่รู้ทันที่ว่าเป็น บ้านวังทองกรุ๊ป
กลยุทธ์การตลาดก็เปลี่ยนแปลง แทนที่จะทำตลาดเฉพาะช่วงเปิดขายโครงการ เหมือนกับที่แล้วมา เปลี่ยนไปใช้จัดกิจกรรม ซื้อใจลูกค้าเก่า จัดกิจกรรมดูหนัง อบรมทำกับข้าว เข้าตำรา ซื้อใจลูกค้า ด้วยกลยุทธ์แบบสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า CRM (Customer Relation Management)
ปรากฏว่าวิธีคิดของปราโมทย์สอบผ่าน ยอดขายบ้านของวังทองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และลูกค้าเริ่มสัมผัสถึงความแตกต่างในเรื่องของการดีไซน์
ระหว่างนั้นเขาแก้ปัญหายอดขายบ้านฝืด ด้วยการย่อส่วนโครงการแบบลง แทนที่จะทำโครงการใหญ่ขนาด 100 ไร่ ก็ลดลงเหลือเพียง 30 ไร่ ปรากฏว่าโครงการขายเกลี้ยงในเวลาไม่นาน
ปราโมทย์บอกว่า กว่าจะไปถึงจุดนี้ได้ เขาก็ต้องปรับจูนคนในองค์กร และครอบครัว ให้มองเห็นร่วมกันไปในทิศทางเดียวกัน
แม้ว่าปีนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะลดความร้อนแรงลง แต่วังทองกรุ๊ป ในยุคของปราโมทย์ยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่รวดเดียว 4 โครงการ วรารักษ์ รังสิต-คลอง 4, วรารักษ์ รังสิต คลอง 3, บ้านเจษฏา รังสิตคลอง 4 และบ้านภุมริน ริมถนนวิภาวดี-รังสิต
ปราโมทย์ บอกว่า โจทย์ใหญ่ของเขาไม่ได้อยู่ที่ทำโครงการแล้วขายไม่ได้ แต่อยู่ที่การแตกทำเล เพราะทำเลที่วังทองกรุ๊ปยึดหัวหาดมาตลอด คือ กรุงเทพฯด้านเหนือ จนได้ฉายาว่าเป็น “เจ้าพ่อตลาดบ้านโซนเหนือ”
“โจทย์เรายากขึ้นทุกๆ ปี… ปีที่แล้วเราสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน ปีนี้เน้นเรื่องการแตกทำเล แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จ เพราะยังมีอุปสรรค ซื้อที่ไม่ได้บ้าง”
โจทย์ใหญ่ของอสังริมทรัพย์เวลานี้ คือ กำลังซื้อลดลง ปราโมทย์จึงกำหนดโจทย์ 2 ข้อในการขับเคลื่อนธุรกิจของวังทองกรุ๊ปในปีถัดไป
ข้อแรก คือ การเตรียมคนสำหรับการออกแบบบ้านล่วงหน้า ข้อถัดมา คือ การนำกลยุทธ์การตลาดมาใช้ เพื่อให้ตลาดมีการตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
ปราโมทย์ เชื่อว่า ด้วยกลยุทธ์ทั้งสองข้อจะช่วยกระตุ้นสภาพคล่องในเรื่องการซื้อบ้านดีขึ้น
เมื่อถามว่า เขาเป็นซีอีโอแบบไหน ระหว่าง ชำนาญเรื่องของการเงิน และการตลาด ปราโมทย์เลือกที่จะเป็นซีอีโอมาร์เก็ตติ้งด้วยเหตุผลที่ว่า “เพราะผมมีความสุขกับการดูพฤติกรรมของผู้คน ดูความต้องการของเขา ถ้าเราทำตามลูกค้าต้องการ วาง positioning ให้ชัด การสร้าง brand ก็จะตามมาเอง”
Profile
Name : ปราโมทย์ เจษฏาวรางกูล
Age : 35 ปี
Education:
ปริญญาโท
– บริหารธุรกิจการตลาด National University USA
– MBA มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
Career Highlights :
2546-ปัจจุบัน กรรมการผู้จัดการ วังทองกรุ๊ป
2540-2546 ผู้อำนวยการสำนักกรรมการ, กรรมการบริหาร
2539 ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
2538 ผู้จัดการโครงการ บริษัทวังทองกรุ๊ป
Family : แต่งงานกับ สุดารัตน์ เจษฏาวรางกูล มีลูกสาว 1 คน ด.ญ.พิมพ์ชนก เจษฏาวรางกูล