ปรากฏการณ์ สยามพารากอน

ถือเป็นปรากฎการณ์ใหญ่แห่งปีของวงการค้าปลีกที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักต้องยกใหญ่บิ๊กอีเว้นท์เปิดตัว สยามพารากอน อภิโปรเจ็ค 15,000 ล้านบาทที่สร้างกระแสฟีเวอร์ไม่แพ้ปรากฎการณ์ สนธิฟีเวอร์ดีเดย์ ในค่ำคืนเดียวกันของวันศุกร์ที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา

ด้วยขนาดความใหญ่ และต้องเปิดให้ตรงกับเวลาที่กำหนด ทำให้ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ต้องระดม ผู้รับเหมาก่อสร้างมากที่สุด ไม่แพ้จากสนามบินสุวรรณภูมิ ใช้ที่ปรึกษาในการออกแบบมากที่สุดแล้ว กิจกรรมในวันเปิดตัวที่เน้นความหลากหลาย และอสังการ จึงทำให้วันเปิดตัวห้างแห่งนี้ ขึ้นชื่อว่า ระดมอีเว้นท์ออแกไนเซอร์ มาช่วยงานมากที่สุด รวมแล้วกว่า 10 ราย

จุดเด่นงานอยู่ที่ช่วงค่ำ มีองค์ประธานเปิดงานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และการแสดงที่สร้างสีสันหลายจุด ทั้งภายนอกและภายในศูนย์ฯอย่างน่าสนใจ อาทิ การแสดงร้องเพลงประกอบแสงสีแสง การแสดงดอกไม้ไฟและน้ำพุเต้นระบำจากแคนาดา ม่านน้ำตก รวมทั้งการแสดงระบำกลอง ขบวนพารากอน และนางฟ้าพารากอน

งานนี้สยามพารากอนยังได้นำเทคนิคแสงสีเสียง ที่ทันสมัยที่สุดมาใช้ เช่น LED Technology จากอเมริกามูลค่ากว่า 20 ล้านใช้ในการย้อมสีของโดมแก้ว The Jewel ที่ตั้งไว้หน้าศูนย์การค้าสูงเด่น 60 เมตร รวมทั้งสวนแนวตั้งที่อยู่ในศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก Vertical Garden ที่ออกแบบโดยมิสเตอร์ Patrick Blanc นักออกแบบสวนชื่อดังอีกทั้งยังได้ควักกระเป๋า 10 ล้านเอาต้นคริสตัล ขนาดใหญ่สูงถึง 20 เมตรมาตั้งเด่นในงานอีกด้วย

การเปิดครั้งนี้เป็นเพียง soft opening และยังไม่เต็มรูปแบบ เพราะเปิดบริการเฉพาะส่วนห้างสรรพสินค้าและบางส่วนของศูนย์การค้า สำหรับร้านแบรนด์เนม ซึ่งถือเป็นแม่เหล็กอีกส่วนหนึ่งจะทยอยเปิดอีกครั้งในราวต้นปี 2549 อีกครั้ง

*Show Case Center พาเหรดอีเว้นต์

สยามพารากอนยังสร้างแม่เหล็กด้านอีเว้นต์ โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่น สำหรับ Show Case Center โดยเฉพาะบริเวณ Fashion Hall ของชั้น 1 ที่มีแฟชั่นโชว์ ช่วงค่ำต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 9 ไปจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม

สำหรับอีเว้นต์แฟชั่นครั้งนี้ มีค่ายคูโด้ ออแกไนเซอร์จัดงานอีเว้นต์แฟชั่นชั้นนำของเมืองไทยของ ทินกร อัศวรักษ์ หรือ กุ๊กกี้ ทำหน้าที่ดูแลร่วมกับค่าย “ตือออแกไนซอร์” ออแกไนเซอร์ ชำนาญด้านแฟชั่น

ตือ หรือ สมบัษร ถิระสาโรช บอกว่า งานนี้ Bangkok Fashion Week ซึ่งเน้นนำเสนอคอลเล็คชั่นในฤดูกาลหน้า ส่วนแฟชั่นงานสยามพารากอน จัดแบ่งเป็น 4 โชว์ มีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน เน้นไปที่การรวมตัวของแบรนด์แฟชั่นชั้นนำที่มาร่วมฉลองเปิดตัวห้าง

“ตลาดอีเว้นแฟชั่นในห้างยังคงแรง และในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น เพราะการแข่งขันสูงอีกทั้งตลาดสินค้าแฟชั่น ช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า ทั้ง super brand และ Top Designer เมืองไทยจะหันมาคิดทำแฟชั่นโชว์ มากขึ้น” ตือ ให้ความเห็น

บริเวณในตัวห้างสรรพสินค้า จัดให้มีการเดินแบบ นางแบบ นายแบบ อย่างใกล้ชิด เพราะมีทั้งเดินในห้างและบนเวทีขนาดย่อม ในห้างฯ ชนิดที่ไม่ต้องไปดูถึงเวทีแคทวอล์กไหน โดยเป็นอีเว้นต์เปิดตัวแฟชั่นเสื้อผ้า และเครื่องประดับได้ระดมจัดต่อเนื่องยาวเกือบทั้งเดือนจากแบรนด์ชั้นนำเกือบ 100 แบรนด์

ความสำเร็จงานครั้งนี้ จัดได้ว่าบรรลุเป้าหมายในการสร้างกระแส talk of the town โดยเฉพาะความสามารถดึงดูดให้คนทุกสารทิศเข้ามาร่วมงาน ร่วมแสนคนแห่เข้ามาในสยามพารากอนคับคั่ง อีกทั้งยังเป็นโจทย์การตลาดสยามพารากอน มุ่งเน้นเข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยบอกว่ากลุ่มเป้าหมายคนไทย 70 เปอร์เซ็นต์ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 30 เปอร์เซ็นต์ ด้วยกลยุทธ์ทำตลาดแนวใหม่ Multi Dimension

*Marketing Approach

อันเป็นการสร้าง Experience Marketing และ Brand Awareness หรือสร้างการรับรู้แบรนด์ให้ลูกค้าได้รู้สึกอย่างกลมกลืน โดยเฉพาะกลยุทธ์การใช้สื่อที่ระดมใช้ก่อนการเปิดตัวทั้ง Ad โฆษณาทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์หัวใหญ่เกือบทุกฉบับตีพิมพ์โฆษณาและบทสัมภาษณ์พิเศษผู้บริหารอย่างพร้อมเพรียง จนการเปิดตัวของเอ็มโพเรียมเมื่อ 8 ปีก่อนกลายเป็นอีเว้นต์เล็กๆ ลงไปอย่างแทบไม่ได้เลย

*จุดขายอยู่ที่ความใหญ่

ด้วยพื้นที่นับแสนตารางเมตรของห้างพารากอน ทำให้ห้างแห่งนี้นำ เรื่องขนาดความใหญ่ของพื้นที่มาเป็น “จุดขาย” ให้กับบรรดาร้านค้า สามารถสร้าง สาขาแห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเก่า จูงใจให้แบรนด์เนมหลายยี่ห้อ เปิดสาขา Flagship store หรือ คอนเซปท์ สโตร์ เช่นเดียวกับในต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน เพื่อให้สอดคล้องกับความเป็น luxury และสอดคล้องกับความเป็นร้านของสินค้าแบรนด์เนมเหล่านี้จะสามารถออกแบบร้าน ให้มีความหรูเลิศ เพื่อดึงดูดลูกค้ากระเป๋าหนัก

ร้านหนังสือ Kinokuniya Bookstore ตั้งอยู่บนชั้น 3 ห้างพารากอน กลายเป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย โดยมีพื้นที่ราว 2,000 ตารางเมตร เป็น flagship store ที่ใหญ่กว่าทุกสาขาในไทย นอกจากหลากหลายแล้ว ยังเพิ่มหนังสือที่เป็นภาษาไทย อังกฤษ จีน เยอรมัน

แม้กระทั่งซูปเปอร์มาร์เก็ต ที่ดูแล้วไม่แตกต่างไปจากห้าง “เอ็มโพเรียม” แต่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นเท่า และสินค้า มีความหลากหลายกว่า

ที่ขาดไม่ได้ คือ ดีไซน์ของร้านในห้างแห่งนี้ นอกจากความใหญ่แล้ว ต้องเน้นความหรูหรา มีดีไซน์ เพื่อให้เข้ากับคอนเซปท์ของห้าง บรรดา สินค้าแบรนด์เนม ที่มีสาขาที่นี่ หากไม่ใหญ่กว่าสาขาเดิมๆ แล้ว ดีไซน์ก็ต้องต่าง รวมถึงแบรนด์เนมธรรมดาๆ เมื่อมีสาขาในห้างนี้ ก็ต้องดูแล้ว พรีเมียม กว่าเก่า