หากไม่รู้มาก่อนว่า VERTU Shop ชั้น 2 อาคารชินวัตร 3 เป็นโชว์รูมและสำนักงานของโทรศัพท์มือถือหรูอย่าง VERTU ก็อาจจะคิดว่าเป็นร้านนี้ต้องขายเพชรหรูแห่งหนึ่ง ด้วยดีไซน์ร้านที่โล่งโปร่ง เลือกใช้ผนังสีดำสลับขาวและเทา ปูพื้นห้องสีน้ำตาลครีม พร้อมโซฟาสีน้ำเงินเข้ม หรือจัดโบรชัวร์สินค้าเป็นระเบียบเพิ่มความเรียบหรูได้ดี
แทนที่จะมีขนมือถือมาโชว์เน้นความไฮเทคเหมือนกับร้านทั่วไป แต่ที่ร้านนี้มีโทรศัพท์มือถือ VERTU เพียงโมเดลละ 1 ชิ้นให้ดูเป็นของหายาก พร้อมจัดวางสินค้าบนชั้นวางที่หรูบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินและชมพูเช่นเดียวกับกล่องเครื่องประดับหรูระดับ 5 ดาว
แม้แต่หนังสือที่วางในร้านยังต้องเลือกเล่มที่มีกลุ่มคนอ่านระดับบน อาทิ พลอยแกมเพชร แพรว เป็นต้น เพื่อสื่อถึง Positioning สินค้า VERTU ที่ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดพรีเมี่ยมโดยเฉพาะ
ตัวเครื่องโทรศัพท์ VERTU ใช้วัสดุที่หายากและมีราคาสูง อาทิ ทองคำ สเตนเลสสตีล ทองคำขาว และแพลตตินั่มที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเครื่องดูหรู พร้อมดีไซน์เครื่องเรียวยาวที่แต่งแต้มด้วยวัสดุที่หรูหราคล้ายเครื่องประดับ หรือใช้วัสดุทันสมัยเหมือนที่ใช้ในรถยนต์หรูอย่าง Bugati และ Lamborghini เป็นต้น
หรือใช้ทองคำเป็นอุปกรณ์นำไฟฟ้าในตัวเครื่องได้ดี จากเครื่องปกติใช้ทองแดง และใช้ทับทิมเหมือนกับที่ใช้ทำปุ่มหมุนนาฬิกา “ปาเต๊ะ ฟิลิปส์” เป็นปุ่มกดช่วยช่วยเพิ่มความแม่นยำให้ VERTU และใช้สามารถใช้งานได้นานถึง 40-50 ปี หรือกดปุ่มได้หลายล้านครั้งโดยไม่ผิดเพี้ยน
นอกจากนี้ยังเป็นโทรศัพท์มือถือรุ่นเดียวที่ใช้มือประกอบ (แฮนด์เมด) ใช้เวลาเฉลี่ยเครื่องละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ได้เครื่องที่มีความประณีตเช่นเดียวกับเครื่องประดับ หรือนาฬิกาหรู แตกต่างจากการประกอบเครื่องโทรศัพท์ปกติที่ใช้เวลาเพียง 5-6 นาทีเท่านั้น
กรณีการส่งซ่อมก็ต้องใช้เวลานานถึง 6 สัปดาห์ เพราะต้องส่งไปซ่อมที่โรงงานในสำนักงานใหญ่ ณ ประเทศอังกฤษ และมีบริการมารับเครื่องถึงที่บ้านหรือที่ทำงาน พร้อมบริการเครื่องใหม่รุ่นเดียวกันให้ลูกค้าใช้ระหว่างรอรับเครื่องคืน
บริการ Call Center เป็นอีกหนทางหนึ่งในการเข้าถึงลูกค้าโดยตรง มีชื่อเรียกว่า VERTU CONCIERGE ที่เป็นเลขาที่ปรึกษาส่วนตัว ทั้งในด้านข้อมูลการเดินทาง โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าระดับห้าดาว เพื่อให้บริการลูกค้า VERTU ได้ทั่วโลก
การคัดเลือกพนักงานขายและบริการ โดยเลือกบุคคลที่มีความสามารถเฉพาะตำแหน่งสูง การศึกษาดี และเป็นคนที่มีรสนิยมค่อนข้างหรูหรา เพื่อให้สามารถพรีเซนต์ความ Luxury ของสินค้าได้ตรงใจลูกค้า
หากมีเงินอย่างเดียวแต่ไม่มีรสนิยม ก็ไม่สามารถเป็นลูกค้าของ VERTU ได้ หากลูกค้าไม่มีภาพลักษณ์ดี หรือเป็นบุคคลมีชื่อเสียง การศึกษาดี และมีรสนิยมสูง เพื่อรักษาความเป็น Luxury ของสินค้าไว้
กิจกรรมที่จะทำจะเลือกแล้วว่าต้องเป็นงานสังคมชั้นสูงเท่านั้น เช่น การเชิญให้ไปร่วมงานเปิดตัวรถยนต์หรูระดับโลก หรือชมรายการกอล์ฟนัดพิเศษเฉพาะแขกระดับ VIP เท่านั้น
ต้นปีนี้ VERTU จะมี shop ที่ใช้คอนเซ็ปต์ใหม่เปลี่ยนจากความคลาสสิกมาสู่ “VERTU Gift Shop” แห่งแรกของโลก โดยจะเปิดที่ชั้น 1 Siam Paragon Shopping Complex ในช่วงต้นปี 2549 นี้ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการโปรโมตแบรนด์ และสนับสนุนการขยายตลาดสู่กลุ่มเป้าหมายระดับ Luxury ตามคอนเซ็ปต์ห้างหรูอย่าง Siam Paragon เช่นเดียวกับสินค้า Luxury กลุ่มอื่นๆ อาทิ น้ำหอม เสื้อผ้า เครื่องประดับ และรถยนต์ เป็นต้น
นอกจากพื้นที่ใหญ่ขึ้นแล้ว VERTU Store จะเน้นความหรูหรายิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนสีพื้นของ Shop ให้เป็นสีดำ และตกแต่งร้านให้รู้สึก Luxury Lifestyle มากขึ้น ด้วยโซฟาสีม่วงอินเทรนด์ เป็นผลงานการออกแบของ Frank NUOVO ผู้อำนวยการฝ่าย Creative และ Designer ของ VERTU ประเทศอังกฤษ เป็นความจงใจที่ VERTU store จะอยู่รวมกับสินค้า Luxury แบรนด์เนมทั้งหลาย
ด้วยราคาของเครื่องที่มีตั้งแต่แสนกว่าๆ จนถึงล้านกว่าๆ แน่นอนว่า ลูกค้าเป้าหมายของ VERTU ต้องเป็นชนิดไฮโซกระเป๋าหนัก ตัวแทนจำหน่ายต้องไม่ธรรมดา การได้บริษัทมาสเตอร์โฟน ที่มี พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนักการเมืองเบอร์หนึ่งของไทย ลงขันกับพื่อนลูกหลานโฮโซอีก 4 คน มาเป็นตัวแทนนำเข้าและทำตลาดโทรศัพท์สุดหรูนี้เพียงผู้เดียว
“ผมจึงไม่แปลกใจที่คนระดับมีเงินซื้อรถหรูหลายล้านบาทได้จะควักเงินซื้อโทรศัพท์เครื่องละแสนบาทไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจว่ายังมีช่องว่างอยู่ เพียงแค่เราต้องหาตลาดให้เจอ และทำให้ลูกค้าย่อมซื้อสินค้าเรา” ธนศักดิ์ ชัยอาญา กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้รับนโยบายมาบริหารจัดการและวางกลยุทธ์การตลาดเชิงปฏิบัติทั้งหมดร่วมกับพนักงานรวม 10 คน
การทำตลาดของ VERTU จะเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต แต่ต้องเป็นระดับหรู และก็เหมือนกับสินค้าหรูอื่นๆ ที่ต้องมีรุ่น Special Edition ได้แก่ VERTU ASCENT PINK คอลเลกชั่นพิเศษเฉพาะผู้หญิง หรือผู้ชายซื้อมอบเป็นของขวัญให้คนรัก
หรืออย่างรุ่น VERTU ASCENT MOTORSPORT รุ่น Limited Edition ผลิตเพียง 997 เครื่องทั่วโลก เพื่อเอาใจผู้ที่ชื่นชอบความเร็วแรงของรถยนต์ ด้วยการจับมือกับค่ายรถยนต์หรู Porsche ในงาน Porsche Michilin Supercup and Porsche Infineon Carrera Cup Asia ซึ่งนำเข้ามาขายในประเทศไทยหมดเกลี้ยงภายในวันเดียว ราคาทั้ง 2 รุ่นอยู่ที่ 215,000 บาท
VERTU ASCENT ซึ่งมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีดำ สีน้ำตาล สีแทน สีแดง ที่ออกแบบและเปิดตัวลิงค์กับรถ Ferrari สีน้ำเงินลิงค์กับรถ Bugati และสีเหลืองลิงค์กับรถ Lamborghini ราคา 190,000 บาท
การร่วมมือกับแบรนด์ดัง เป็นอีกหนทางหนึ่งในการสร้างกิจกรรมเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เป็นกลยุทธ์ของ VERTU ที่ใช้ในการ CRM (Customer Relationship Management) ผ่านกิจกรรมในระดับพรีเมยมและ Luxury เช่นกัน โดยเชิญลูกค้า VERTU มาร่วมงาน Serenade Card Launch และ Serenade to Golf Paradise II หรือ Emporium Serenade Music Festival 2005 ร่วมกับเฉพาะลูกค้าระดับพรีเมียมของ AIS
งานเปิดตัวโทรศัพท์ VERTU รุ่นใหม่ๆ เฉพาะกลุ่มลูกค้ากระเป๋าหนัก ต้องจัดร่วมกับร้านตัดผมชื่อดังอย่าง Chalachol HIP Avenue ที่ร่วมตัวของเหล่าไฮโซระดับแนวหน้าของเมืองไทย และงานเปิดตัวรถยนต์หรูที่ลิงค์เข้ากับคอนเซ็ปต์ของ VERTU ที่ได้เชิญเฉพาะลูกค้า VERTU และพันธมิตรเท่านั้น
Profile
แบรนด์ VERTU เกิดจากบริษัทที่แยกจาก Nokia มาตั้งโรงงานผลิตเครื่องโทรศัพท์มือถือที่มี positioning เป็นโทรศัพท์หรูหราและแพงที่สุดในโลก โดยเริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2545 (2002) ที่ประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะขยายไปยังตลาดที่มีกำลังซื้ออื่นๆ ทั่วโลก
