“โอภาส ศรีพยัคฆ์” “เอ็มดี” แบบกลางๆ

ในเดือนเมษายน 2549 นี้ บริษัทแอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จะมีกรรมการผู้จัดการคนใหม่อย่างเป็นทางการ ที่ชื่อ “โอภาส ศรีพยัคฆ์” แทน “ทิฆัมพร เปล่งศรีสุข” ที่ไปนั่งในตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร

นับเป็นอีกก้าวสำหรับแอลพีเอ็น กับกรรมการผู้จัดการที่เป็นลูกหม้อขององค์กรโดยแท้ หลังร่วมงานกับแอลพีเอ็นมาตั้งแต่ปี 2538

ด้วยความเชื่อที่ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงมีอัตราการเติบโต จากที่ Developer หรือผู้ประกอบการ ต่างพยายามสร้างตลาด รวมทั้งแอลพีเอ็นก็มีแผนอยู่หลากหลาย จึงทำให้ “โอภาส” ไม่รู้สึกหนักใจกับตำแหน่งใหม่เท่าไรนัก ยิ่งไปกว่านั้น ความเป็นลูกหม้อที่ผ่านประสบการณ์การทำงานในแอลพีเอ็นมาหลากหลายแผนก ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการในฐานะสถาปนิกออกแบบก่อสร้าง จนถึงระดับบริหาร จึงยิ่งทำให้มีความเชื่อมั่นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมีเนียม ที่แอลพีเอ็นค้นพบแนวทางความสำเร็จในการทำตลาดลูกค้าระดับกลาง

มุมมองของกรรมการผู้จัดการแอลพีเอ็นคนใหม่ เห็นว่า ถึงอย่างไรคนก็ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง ถือเป็นปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต แต่ละปีจึงมีคนมองหาที่อยู่อาศัย และส่วนหนึ่งคือ Developer เองก็ถูกท้าทายว่าสามารถ Demand จากผู้บริโภคได้หรือไม่ เหมือนห้างสรรพสินค้าจัดมิดไนต์เซลส์ จริงๆ ผู้ซื้อยังไม่มีความต้องการ แต่เมื่อเห็นลดราคาก็อาจคิดว่าไปซื้อมาเก็บไว้ก่อนก็ได้

เช่นเดียวกับคอนโดมิเนียม หากสามารถสร้างในแบบที่ไปสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าได้ เช่น สร้างเสร็จก่อนเสนอขาย ไม่ต้องดาวน์ ให้ผ่อนแบงก์โดยตรง ก็มีลูกค้าสนใจในที่สุด เป็นการสร้าง Demand เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากในปี 2549 นี้แอลพีเอ็นจะมีสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาดคอนโดมิเนียมให้ผู้อยู่อาศัยได้เลือก นอกเหนือจากภารกิจที่กรรมการผู้จัดการคนใหม่ต้องกระทำให้บรรลุให้ได้ คือ การพยายามรักษา แอลพีเอ็นซึ่งเป็นองค์กรที่ดี และอยู่ในสภาวะที่ดีที่สุดอยู่แล้วในเวลานี้ ให้ดีไปอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้เป็นเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารใหม่ในเวลานี้ “โอภาส” อธิบายว่าไม่เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงในองค์กรอื่น ครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนตัวคนแต่ไม่ได้เปลี่ยนตัวนโยบาย

“ผมเข้ามาในช่วงที่บริษัทดีที่สุด ไม่เหมือนบริษัทอื่นที่เข้ามาในช่วงบริษัทแย่ ถ้ามาแบบนั้นก็ต้องสร้างขวัญและกำลังใจให้พนักงาน ผมคิดว่าผมเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดในสถานการณ์นี้ ผมไม่ใช่คนเก่งที่สุด ดีที่สุด เป็นคนกลางๆ รู้ทุกเรื่อง ทั้งก่อสร้าง ขาย ออกแบบ เหมาะที่จะนำองค์กรไปในทิศทางที่วางไว้อยู่แล้ว”

ดังนั้น อย่างน้อยตัวเลขที่เคยทำได้ปี 2548 อย่างอัตราการเติบโตในแง่ยอดขายก็ควรอยู่ที่ 10% ส่วนต่างกำไรที่ 30% และกำไรที่โต 17%

ฐานะทางการเงิน LPN (ล้านบาท)
ณ วันที่ 2005 (30/09/2548) 2004 (31/12/2547)
สินทรัพย์รวม 4,407.62 4,423.08
หนี้สินรวม 1,700.64 2,099.14
รายได้รวม 2,768.95 2,478.40
กำไรสุทธิ 470.71 448.39