“ทรงพล ชัญมาตรกิจ” ทีวีไดเร็กต์ มาร์เก็ตเตอร์

บุกเบิกธุรกิจขายตรงผ่านสื่อโทรทัศน์ หรือที่รู้จักกันดี “ทีวี ไดเร็กต์” มานานกว่า 10 ปี วันนี้ “ทรงพล ชัญมาตรกิจ” ได้จังหวะต่อยอด connection และรับมือเกมการแข่งขันของรูปแบบทีวีเมืองไทยที่เปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ดังจะเห็นได้จากการตัดสินใจขยายไลน์ธุรกิจมาสู่ คอนเทนต์โพวายเดอร์ (content provider)

ทรงพล ยอมรับว่า วันนี้ธุรกิจทีวีไดเร็กต์จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องผันตัวเองเข้าสู่การผลิตรายการโทรทัศน์อย่างยากที่จะเลี่ยง ส่วนหนึ่งเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจทีวีที่ไม่หยุดนิ่ง ขณะเดียวกันยังได้สร้างโอกาสเพิ่มช่องทางโฆษณาสินค้า รวมทั้งขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มแม่บ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก

ทีเด็ดครั้งนี้ เขาได้เตรียมนำคอนเทนต์ซีรี่ส์ละครจีนเป็นหัวหอก หลังจากทำการบ้านหาดีมานด์กลุ่มคนดูเป้าหมายจนมาลงตัวที่หนังจีนชุด ซึ่งในปีแรกเตรียมไว้ 7 เรื่อง แต่ประเดิมเรื่องแรกเป็นละครที่กำลังโด่งดังอย่างมากในฮ่องกง แนวโศกนาฏกรรมความรักสะเทือนอารมณ์ เรื่อง “ฟ้านี้ลิขิตรัก” กับทางพันธมิตร ไอทีวี

ไม่ธรรมดากับการใช้กลยุทธ์การตลาดมาสร้างกระแส ซึ่งมีครบครันทั้งกิจกรรมทางการตลาด ได้นำเอา SMS marketing มาใช้ให้คนดูที่ต้องการบอกรัก หรือส่งความในใจแก่คนพิเศษ หรือประกาศหาคนรักที่พลัดพราก หรือกล่าวขอโทษคนที่เคยกระทำผิด ซึ่งสอดคล้องกับเนื้อหาของละครชุดนี้

พร้อมเสริมด้วยกิจกรรมยอดนิยม road show ไปตามสถานที่ชุมชนใจกลางเมืองต่างๆ เพื่อพีอาร์ตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ ที่น่าสนใจไม่น้อยเพราะค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น คือ การนำกลยุทธ์ call center service ซึ่งเป็นจุดแข็งฐานสำคัญของทีวีไดเร็กต์ ให้พนักงานโทรศัพท์ไปยังกลุ่มเป้าหมายคนดูหลายแสนคนเพื่อส่งข้อความ กระตุ้นเชิญชวนให้ดูซีรี่ส์ชุดนี้อย่างครบครัน จัดเป็นรายการหนึ่งที่นำ direct marketing มาใช้ได้น่าสนใจไม่น้อย

ทรงพล จัดเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ที่โดดเด่น มีการศึกษาดี จบปริญญาตรีบริหารธุรกิจ และปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยเอแบค คลุกคลีในธุรกิจ TV Home shopping มาร่วม 10 ปี จนทีวีไดเร็กต์กลายเป็นผู้นำธุรกิจ

เขาเป็นคนหนุ่มที่สะสมชั่วโมงบินโดยเริ่มจากเจ้าหน้าที่ดูแลการส่งออกอาหารแช่แข็งในเครือซีพีกรุ๊ป ก่อนมาจับงานด้านประสานงานให้โครงการแข่งขันรถ จากนั้นพลิกบทบาทหันมาทำงานตัวเอง เปิดบริษัท สยามเทเลมาร์เก็ตติ้ง ขายสินค้าไดเร็กต์เมลผ่านแค็ตตาล็อกไปยังลูกค้า จากนั้นดันบริษัทเติบโตเป็นสยามทีวี มีเดีย จนกระทั่งปี 2544 ได้วางตำแหน่งธุรกิจเป็น Direct Response Television ขายสินค้าทั่วทุกมุมโลกผ่านสื่อทีวี 24 ชั่วโมง พร้อมบริการค้าปลีก ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการ ทีวีไดเร็กต์