ค่ำคืนศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2548 เป็นอีกวันหนึ่งที่เหล่าบรรดานายแบงก์เกือบทุกธนาคาร นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มารวมตัวกันอย่างคึกคัก เพราะงานวันนั้นโฟกัสอยู่ที่การเปิดตัวอย่างเป็นทางการ Grand Opening ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ เพื่อรายย่อย หรือ L H Bank ที่สำนักงานใหญ่ ณ อาคารคิวเฮาส์ หัวมุมถนนสาทร
ด้วยบรรยากาศโล่งโปร่ง โทนสีขาวนวล ตั้งแต่เก้าอี้ ฉากตามมุมต่างๆ ตามคอนเซ็ปต์ของธนาคาร ที่ต้องการเน้นความเป็นธนาคารที่ให้ความอบอุ่นแก่ลูกค้าธนาคาร ไม่เพียงทำให้แขกที่มาร่วมงานจำนวนกว่า 200 คน รู้สึกเป็นกันเอง ไม่เว้นแม้กระทั่ง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานของงาน ยังทำให้ทุกสายตาที่ผ่านมุมถนนสาทรต้องหันมามอง อย่างน้อยต้องจดจำโลโก้ของธนาคารไปด้วย
แน่นอนแม่งานในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคาร ”อนันต์ อัศวโภคิน” เศรษฐีของประเทศไทย เป็นผู้ที่เหนื่อยในการต้อนรับแขกมากที่สุด แต่ก็มีความสุขมากที่สุด เพราะสีหน้าและแววตาบ่งบอกว่าอย่างนั้น
เช่นเดียวกับ ”รัตน์ พานิชพันธ์” ในฐานะซีอีโอ และ ”ศศิธร พงศธร” กรรมการผู้จัดการ ที่ทำหน้าที่ได้ดียิ่งชนิดที่สมกับที่บิ๊กบอสไว้วางใจ
ความเป็นธนาคารน้องใหม่ ที่มีขนาดเล็ก แถมยังเกิดขึ้นพร้อมแบงก์เพื่อรายย่อยอื่น ตามนโยบายของแบงก์ชาติที่ให้สถาบันการเงินปรับฐานะจากบริษัทเงินทุน บริษัทเครดิตฟองซิเอร์ มาเป็นธนาคาร จึงทำให้ L H Bank ชูจุดเด่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการใช้ฐานธุรกิจของแลนด์แอนด์เฮาส์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มาต่อยอด แม้กระทั่งสีประจำธนาคาร ที่ ”ศศิธร” เล่าว่าเลือกใช้สีขาวนวล (off-white) ไม่ใช้สีขาวจ้า เพราะต้องการสื่อถึงความอบอุ่น ตรงไปตรงมา ตามคอนเซ็ปต์ของธุรกิจเดิมที่ทำเกี่ยวบ้าน ซึ่งบ้านหมายถึงครอบครัว ครอบครัว หมายถึงความอบอุ่น แต่ภายใต้โลโก้ก็ยังมีแถบสีหลายสี แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น เป็นธนาคารที่มีทางเลือกให้ลูกค้า เช่น แพ็กเกจเงินฝากที่หลายหลาย ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันตามประเภทเงินฝาก ที่สำคัญคือการพิจารณาขอกู้เงิน ลูกค้าธนาคารจะทราบผลภายใน 3 วัน ตามที่สำรวจมาพบว่าการรู้ผลเร็วเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุดจากบริการของธนาคาร
แม้จะยังไม่ขอเปิดเผยแผนธุรกิจเท่าไรนัก แต่ผู้บริหารระดับบิ๊กของ LH Bank ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่างน้อยไตรมาสแรก ปี 2550 จะมีกำไร
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยใจของผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง ”อนันต์ อัศวโภคิน” ที่แม้จะรู้ว่าตัวเองไม่มีอะไรดีเด่นในธุรกิจธนาคาร แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้อย่างดีคือการรู้จักตัวเอง
“ถามผมเหรอว่ามีอะไรดีที่มาทำธุรกิจแบงก์ ตอบได้เลยว่า เรื่องเดียวที่รู้ คือรู้ว่าตัวเองไม่ฉลาด จึงต้องพยายามทำทุกอย่าง ผมคิดเสมอว่าสู้คนอื่นไม่ได้ จึงต้องพยายามทำให้ดี และขยันกว่าคนอื่น”
แค่นี้ก็น่าจะมีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว สำหรับ L H Bank