“นอกจาก คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี แล้ว วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็น Role Model ของผม… การลงทุนเป็นการแสวงหาโอกาส… การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง”
เป็นหนึ่งในทัศนะของโสมพัฒน์ ไตรโสรัส รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทที.ซี.ซี แคปปิตอลแลนด์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้เครือข่ายธุรกิจของ เจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้เป็นพ่อตา ที่เปิดตัวคอนโดมิเนียมหรูไปแล้ว 3 โครงการ พลาซ่า แอทธินี เพรสซิเดนท์ และThe Empire Place
ทุกวันนี้ โสมพัฒน์สวมบทบาททีมบริหาร ของ ที.ซี.ซี แคปปิตอลแลนด์ ร่วมกับภรรยา “วัลลภา ไตรโสรัส” ลูกสาวคนที่สองของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี และเฉิน เหลียง ปัง มือบริหารชาวสิงคโปร์ ที่แคปปิตอลแลนด์ ส่งมาช่วยในงานด้านบริหารโครงการ
โสมพัฒน์ มาจากครอบครัวที่ พ่อแม่รับราชการ เป็นผู้พิพากษาอยู่ต่างจังหวัด “ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก”
ในวัยเด็กของเขาและพี่ชาย ไม่ได้ย้ายตามพ่อ แต่ปักหลักเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ เขาใช้ชีวิตโรงเรียนเซนต์คาเบรียล 12 ปีเต็ม จากนั้นเอนทรานซ์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และที่นี่เอง เขาได้พบกับ วัลลภา รุ่นน้องมหาวิทยาลัย และการพบรักในครั้งนั้นก็ทำให้ทั้งคู่ใช้ชีวิตเคียงคู่กันมาตลอด
หลังเรียนจบ เขายึดอาชีพสถาปนิกออกแบบบ้านได้ไม่นาน ก็เข้ามาทำงานที่ “ทีซีซี“ ซึ่งเป็นช่วงที่เจริญ ซื้อห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์ และอพาร์ตเมนต์ ที่เพิ่งซื้อมาหมาดๆ
ทำงานหาประสบการณ์ได้ 2 ปี บินไปเรียนต่อที่อังกฤษพร้อมกับ “วัลลภา” เริ่มด้วยการเลือกเรียนทางด้านคณะเศรษฐศาสตร์การวางผังเมือง จากนั้นไปหาความรู้เพิ่ม ในคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เรียนจบ ฝึกงานแผนกขอใบอนุญาต ที่บริษัท จีวีเอ กริมลี่ เป็นที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีธุรกิจนายหน้าที่ดินในอังกฤษ
ชีวิตการทำงานของเขาเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และถือเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ เพราะเขาเลือกบริษัทไฟแนนซ์ “เมอร์ริล ลินช์” ฮ่องกง ซึ่งถือว่าเป็นการฝึกฝนความอดทน และความมีวินัย
“มีคนบอกว่า ทำงานในฮ่องกงและนิวยอร์กได้ จะไปทำงานที่ไหนก็ได้ ถ้าเขาสั่งงานมา เราต้องทำได้ ไม่มีใครสอน งานหนัก กระตุ้นให้เรารับผิดชอบ ผมทำงานอยู่จนถึงเช้า ใครทำไม่ได้ โดนด่าประจาน ถือว่าเป็นการฝึกมาก ทำอะไร…ต้องเข้ากฎเกณฑ์ ต้องมีระเบียบไปโดยปริยาย”
ทำอยู่ปีครึ่ง บินกลับมาแต่งงานในไทย จากนั้นคู่แต่งงานก็บินไปทำงานฮ่องกง คราวนี้โสมพัฒน์เปลี่ยนมาเรียนรู้งานนักวิเคราะห์การลงทุน ในบริษัท Metlife Investment Asia ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ เมโทโปลิแตนท์ ไลฟ์ อินชัวรันส์ ซึ่งมีฐานอยู่ในอเมริกา วัลลภานั้นไปดูแลธุรกิจเหล้า “เฉาชิง” ที่เจริญไปลงทุนไว้ในจีน แต่บริหารงานในฮ่องกง
“หน้าที่ของผม ต้องใช้เงินปีละ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ในการลงทุนทั้งเอเซีย ฟังดูดี แต่จริงๆ แล้วเครียดมาก เพราะแต่ละครั้งต้องนึกเสมอว่า ผลตอบแทนต้องได้เกิน 10-15 % ขึ้นไป”
ทำงานอยู่ได้ปีเดียว ก็ต้องยื่นใบลาออก เพราะพ่อตาชักชวนให้ไปช่วยดูเรื่องการลงทุนซื้อโรงกลั่นเหล้า 3 โรง ที่สกอตแลนด์ ซึ่งเป็นโรงงานที่มีสต็อกเหล้าวิสกี้มอลต์อยู่เป็นจำนวนมาก มูลค่าการซื้อขาย 60 กว่าล้านบาท
“สิ่งที่มีค่าคือ สต็อกเหล้าที่เก็บมา 20-30 ปี และเหล้าบางส่วนของไทยก็เก็บอยู่ที่โน่นอยู่แล้ว ซึ่งการเก็บเหล้าก็เหมือนกับการเก็บทอง ซึ่งเมืองไทยทำไม่ได้ เพราะ ระเหยเร็วมาก แต่ที่โน่นระเหยช้า เมืองไทย 5 ปี ระเหยหมดแล้ว แต่ที่โน่น 25 ปี ยังเก็บได้ ก็เลยเอามา ผสมเป็นเหล้านอกขาย”
บินกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง คราวนี้ต้องมาร่วมบุกเบิกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มต้นด้วยการจัดตั้งเป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์ จึงต้องมีการรวบรวมที่ดินกระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศเกือบแสนไร่ ชนิดที่เจ้าของเองยังลืมมาจัดให้เป็นระบบ โดยได้มืออาชีพอย่าง “ซิตี้แบงก์” เข้ามาเก็บโฉนด และได้ “ไวท์ แอนด์เคสท์” เป็นที่ปรึกษากฎหมาย
ขั้นต่อไป คือ การหาพันธมิตรที่มีประสบการณ์เข้ามาช่วย ซึ่งเป็นที่มาของ “แคปปิตอลแลนด์”อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่มีรัฐบาลสิงคโปร์ เป็นเจ้ามาของมาถือหุ้น
การคว้าพันธมิตรที่มีประสบการณ์ แคปปิตอลแลนด์ ถือเป็นการเรียนลัด และเป็นการสร้างจุดแข็งให้กับ “ทีซีซี แคปปิตอลแลนด์” ที่ใช้โอกาสเหล่านี้ติดปีกขยายโครงการอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงแค่ 2 ปี ผุดคอนโดมิเนียม 3 แห่ง และมีพนักงานในปีแรกเพียงแค่ 4 คน และเพิ่มเป็น 100 คน
ความท้าทายในการทำงานของโสมพัฒน์ อยู่ที่เรื่องของ “คน” และ Positioning ที่เขาต้องการ คือ การเป็น เจ้านาย ที่มีลูกน้องเก่ง และการต้องมีความรับผิดชอบส่วนตัวในการตัดสินใจสูง
“ลูกน้องเขารอเราอยู่ ทำอย่างไรจะกระตุ้นเขา โดยที่จิตใจเขาต้องร่วมกับเราด้วย อยากให้ตัวเองเป็น Deputy CEO ทีมีลูกน้องเก่ง…สติ เป็นเรื่องสำคัญ คนส่วนใหญ่จะใช้ทัศนคติส่วนตัวมาตัดสิน… ผมว่าการมองที่เป้าหมายในการทำงานมากกว่า อย่างแลนด์ แอนด์ เฮาส์ ที่เขามีสอนธรรมะทุกวันศุกร์ ผมว่าดีนะ”
ห้องทำงานของเขา บนตึก ที.ซี.ซี. ริมถนนสาทร ใช้ร่วมกับวัลลภา ถูกตกแต่งด้วยสไตล์จีน และยึดหลัก ฮวงจุ้ยในการเลือกตำแหน่งห้อง ที่ต้องเป็นห้องหัวมุมตึก เพราะต้องดูแลลูกน้อง การวางโต๊ะทำงาน ข้าวของเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์ เจริญซื้อลดครึ่งราคามาจากฮ่องกง จึงเปิดกว้างเสมอสำหรับพนักงาน
“ห้องผมเปิดตลอด พนักงานจะเข้าพบผม ไม่ต้องนัดผม ถึงจะคุยได้ เขาโต้เถียงผมได้ตลอด เพราะผมอยากได้ลูกน้องเก่ง เพราะเขาเก่งเท่าไหร่ เรายิ่งสบายเท่านั้น และถ้าความคิดเขายังไม่ถูกต้อง เราต้องชี้แจง และในที่สุดเราต้องเป็นคนตัดสินใจสุดท้าย”
เส้นทางการทำงานของเขายังดำเนินไปตามครรลอง ซึ่งเขาใช้ความรู้ทั้งไฟแนนซ์และสถาปนิกมาช่วยในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนที่ดินผืนใหญ่ ซึ่งมีโครงการไม่น้อยกว่า 14 มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท รอแจ้งเกิด
ชีวิตส่วนตัวของเขา เพิ่งเป็นคุณพ่อลูกสอง การเลี้ยงลูกของเขายึดหลักความมัธยัสถ์ “ผมจะพาลูกไปเที่ยวสวนลุมฯ หรือไม่ก็ซาฟารีเวิลด์ ไปมาแล้วเกือบ 20 ครั้ง แต่ที่จะไม่ตามใจคือซื้อของเล่น…ถ้าไปห้างสรรพสินค้า ผมจะให้เขาไปดูอย่างเดียว ถ้าเขาอยากให้เล่น ก็ให้เล่นของส่วนกลาง แล้วกลับบ้าน เป็นวิธีการฝึกลูกอีกแบบหนึ่ง”
ไม่ต่างไปจากวิธีคิดเกี่ยวกับ “ของสะสม” นอกจากเป็นของที่มีค่าทางใจแล้ว ต้องสร้างมูลค่าเพิ่มด้วย อย่างเช่น “นาฬิกาเก่า” ซึ่งสะสมมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย และเคยเปิดแผงขายในจตุจักร และ รถเบนซ์เก่า ที่เขาเพิ่งสะสมได้ไม่นาน
“รถเบนซ์เก่าซื้อมาแล้ว 2 คัน รถเบนซ์ปี 1955 ปี 1979 และเวลานี้กำลังซื้อปี 1970 ดูคลาสสิกแล้ว ในแง่การลงทุนก็เป็นประเด็น เพราะยังไงราคาก็ขึ้น”
เป็นส่วนผสมที่ลงตัวทั้งชีวิตการทำงาน และครอบครัว บนเส้นทางของการพัฒนาที่ดินให้แปรเปลี่ยนเป็นขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า
Profile
Name : โสมพัฒน์ ไตรโสรัส
Age : 35 ปี
Education :
ประถม – มัธยมศึกษา โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
ปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์การวางผังเมือง มหาวิทยาลัยลอนดอน คณะเศรษฐศาสตร์ที่ดิน มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
Career Highlights
นักวิเคราะห์การเงิน บริษัทเมอร์ริล ลินช์ (เอเชียแปซิฟิก) จำกัด ฮ่องกง เป็นเวลา 2 ปี
นักวิเคราะห์การลงทุน บริษัท Metlife Investment Asia ฮ่องกง
ปัจจุบัน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัทที.ซี.ซี แคปปิตอลแลนด์
Status : สมรส
