ธิดา วิบูลย์วณิช Big Job… Big Passio

เมื่อ King Power ลุกขึ้นมารีแบรนด์ตัวเองครั้งใหญ่ รับการเปิดตัวสนามบินสุวรรณภูมิ…การระดมทีมงานมืออาชีพจากวงการเอเยนซี่จึงเกิดขึ้น…ในฐานะผู้ดูแลการปั้นแบรนด์ไปสู่เวทีระดับโลก จึงตกเป็นหน้าที่ของ “วายแอนด์อาร์” ที่ได้เข้ามาปฏิบัติอยู่เบื้องหลังภารกิจครั้งใหญ่นี้ และ 1 ในทีมงานที่วายแอนด์อาร์มอบหมายให้ดูแล “ธิดา วิบูลย์วณิช” สาวสวยวัย 36…บุคลิกมาดมั่น…ในฐานะ Group Account Director

ธิดา จัดเป็นมือเก๋าด้านClient Service เพราะเธอผ่านเวทีจากเอเยนซี่ระดับอินเตอร์หลายแห่ง มีประสบการณ์ดูแลแบรนด์ทั้งระดับอินเตอร์และโลคอลมาก็หลายตัว และครั้งนี้กับ Local Brand อย่าง King Power ที่กำลังยกระดับไปสู่ Inter Brand กลับเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ นับตั้งแต่การ Pitching

“Pitching ครั้งนี้มันยิ่งใหญ่มาก ตามปกติเวลาไปพิชชิ่งก็ทำงานเป็นแผนกๆ มาประชุมร่วมกันเป็นบางวัน แต่ครั้งนี้ถึงขนาดต้องออกไป Work Shopข้างนอกเก็บตัวกันที่โรงแรมแรฟเฟิลส์กับทีมงานทุกแผนกทั้ง ครีเอทีฟ Client Service, Strategic Planner ระดมกันไปทั้งทีม” ธิดาบอกกับ POSITIONING ถึงเบื้องหลัง การระดมทีมงาน

King Power ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่มีบิลลิ่งมากที่สุด (ประมาณ 100 ล้านบาทขึ้นไป) ที่ต้องการสร้างแบรนด์ เพราะมีการเปลี่ยนโลเกชั่นใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ดูยิ่งใหญ่เป็นช้อปปิ้ง คอมเพล็กซ์ครบวงจร จากเดิมที่ทำเพียงร้านค้าปลอดภาษี อีกทั้งการย้ายท่าอากาศยานใหม่จากดอนเมืองไปยังสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นแอร์พอร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิก และคิง เพาเวอร์ได้เป็น Operate ดูแลพื้นที่ร้านค้าทั้งหมดในสุวรรณภูมิ
ดังนั้น วายแอนด์อาร์ในฐานะพาร์ตเนอร์ที่ดูแล จึงต้องทำงานทุ่มเทอย่างหนักเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า

“หลังจากที่ คิง เพาเวอร์ให้เราเป็นเอเยนซี่ดูแล โจทย์กับอีกเวลาที่เหลือไม่กี่เดือนที่จะต้องให้แคมเปญ Launchออกไป ดังนั้น มันต้องทำงานอย่างหนัก คุยกับแทบทุกวัน ส่วนใหญ่ทางโทรศัพท์ และทุกอาทิตย์จะนัดประชุมกับลูกค้า อย่างน้อยที่สุด 3 ครั้งต่ออาทิตย์

นอกจากหารือกันอย่างใกล้ชิดแล้ว การลงสำรวจภาคสนามก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ “มืออาชีพ” อย่างเธอ งานนี้ธิดากับเพื่อนทีมงานลุยกันเอง “ที่สุวรรณภูมิ แอนกับเพื่อนในทีม Strategic Planner,Client Service ลงพื้นที่ 3 ครั้ง ครั้งแรก เราแอบไป (หัวเราะ) ระหว่างทางจะเจออะไรบ้างก็จดบ้าง เช่น บิลบอร์ดระหว่างทาง…ถ่ายรูปบ้าง เพื่อจะหาสื่อโฆษณาที่จะใช้ได้ในสุวรรณภูมิ อีกทั้งเป็นการหา Opportunity ส่วนครั้งที่ 2 ลูกค้าพาไปเพื่อไปดูแต่ละจุด แต่ละแห่ง ส่วนครั้งที่ 3 ไปตอนถ่ายทำหนังโฆษณา”

ประสบการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงเธอได้เรียนรู้ ในฐานะ Client Service แต่ยังได้แชร์ Experience ร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ในออฟฟิศกันอย่างเสมอหน้า เพราะในช่วงนั้นทั้งออฟฟิศวายแอนด์อาร์ต้องผลัดเปลี่ยน ช่วยเหลือกับงานอื่นๆ เพื่อให้คีย์หลักในแต่ละแผนกได้มีเวลาคิดงาน ทำงานอย่างเต็มที่

“หลังจากประชุมระดมสมองกันได้ข้อสรุป ก็เอามาใส่ใน Tools แบบวายแอนด์อาร์ และให้ Brand Idea แต่ละกลุ่มออกพรีเซนต์กัน และก็จะขอเลยมาในแต่ละทีมอะไรที่มั่นใจที่สุด ซึ่งจะเลือกไว้ 2-3 ไอเดีย เพื่อให้ครีเอทีฟมี Room คิด และเก็บตัวต่อไปอีก 3 วัน ส่วนงานอื่นๆ ให้คนอื่นช่วยทำไปก่อน”

ในฐานะหัวหน้าทีมดูแลลูกค้า หรือ Group Account Director เธอบอกว่า ภาระหน้าที่ Client Serviceมันอยู่ระหว่างครีเอทีฟและโฆษณา ที่จะต้องมีความเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งบริษัทและลูกค้า ก็ต้องรู้ว่าเขาต้องการอะไร ขณะเดียวกันก็ต้องมีจุดยืนในความคิดตัวเองเหมือนกัน ไม่ใช่ลูกค้าพูดอะไรและต้องเอาอย่างนั้นเสมอไป หากเห็นว่า “ไม่ใช่” ก็ต้องพูดออกมาอย่างจริงใจ

“การทำอาชีพนี้ สำคัญที่สุดคือ คุณต้องมี Passion มันอยู่ข้างใน ที่ต้องรักงานและรักสินค้าที่ตัวเองดูแล เมื่อมีสิ่งเหล่านี้มันก็จะผลักดันตัวเองให้มีสินค้า ลูกค้าอยู่ในใจ ไม่ว่าจะไปติดต่อ ไปไหนก็ตาม กินข้าว คุยกับเพื่อน คนในครอบครัว และในที่สุดเราก็จะคุยกับลูกค้า…คุยกับทุกคนในเรื่องเดียวกันที่สนใจได้ ส่งผลให้การสื่อสารมันไปได้อย่างราบรื่น”

แต่กว่าจะค้นพบ “ตัวเอง” และ Passion ว่าใช่…ในอาชีพนี้ ธิดาก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี ทั้งจากห้องเรียนโฆษณาในเชิงลึกในชั้นเรียนปริญญาตรี ที่เอแบค แต่ทฤษฎีไหนจะสู้ประสบการณ์จริงได้

“สมัยเรียนโฆษณาก็ทำให้รู้จักมากขึ้น เพราะเด็กชอบดูโฆษณา อยากทำงานด้านนี้ตลอด แต่มาทำงานในเอเยนซี่ก็ได้รู้จัก Passion เพราะสินค้า 1 ตัวกว่าจะออกโฆษณามา 1 ชิ้น ก็ต้องมีการสื่อสารตลาด Communication ถ้าหากเอาไปใส่ในโฆษณาแล้ว หากโดนใจผู้บริโภค ก็แสดงว่าประสบความสำเร็จ”

เมื่อถูกถามถึงประสบการณ์ว่าช่วงใดทำให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต เล่าอย่างภาคภูมิใจว่า “เป็นช่วงที่ได้กลับมาทำงานที่วายแอนด์อาร์อีกครั้ง (ครั้งแรกทำงานเมื่อปี 1994) หลังจากได้เรียนรู้งานที่เอเยนซี่ ลีโอ เบอร์เน็ท ได้ดูแลลูกค้าโลคอล และเข้าใจคอนซูเมอร์

“เปิดโอกาสให้เราได้คิดและทำงานด้านครีเอทีฟ และ belief อีกว่า งานครีเอทีฟทำให้เขาขายของได้ โดยเฉพาะลูกค้าโออิชิ ทำให้แอนเรียนรู้ว่างานครีเอทีฟที่ตอบโจทย์ ทำให้ขายสินค้าได้แล้ว ยังสามารถทำให้คนจำ Brand และรู้ว่าแบรนด์เราแตกต่าง” ธิดาบอกด้วยรอยยิ้ม

ทุกวันนี้ธิดาดูแลสินค้าทั้งโลคอลและอินเตอร์แบรนด์ อาทิ Colgate Palmolive, Amway, Fujifilm, Inbisco, Oishi, King Power Duty Free และเธอยังรักษามาตราฐานสาวมั่น แอ็กทีฟกับการทำงานเพื่อเก็บรักษาความสำเร็จ และความภาคภูมิใจในอาชีพ ขณะเดียวกันเธอยังคงให้ความสำคัญกับการแบ่งเวลาทำงานและส่วนตัว อย่างมีวินัย

“แอน เป็นคนทำงานหนัก แต่ก็อยากมีเวลาพักผ่อน เวลาส่วนตัว เหมือนกัน ดังนั้นพยายามทำงานให้เต็มที่ 5 วัน ตื่นแต่เช้า 6 โมง ไปทำงานเช้า และกลับค่ำๆ ประมาณ 2 ทุ่ม ส่วนเสาร์-อาทิตย์หากไม่ติดงาน Pitching หรือถ่ายหนังโฆษณา ก็จะอยู่กับครอบครัว ลูก ๆ” ธิดาบอกพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี

สำหรับ เวิร์คกิ้ง วูแมน ผู้นี้…เธอ จึงเป็นคำตอบของโจทย์คนโฆษณาที่อัดแน่นไปด้วย Big Passion…Big Job โดยแท้ !?

Profile

Name : ธิดา วิบูลย์วณิช
Birth Date :7 เมษายน 2514
Education :
– ระดับไฮสคูล Kennedy High School (California, U.S.A.)
– North Hollywood High School (California, U.S.A.)
– Santhiratvitthayalai School
– มหาวิทยาลัย University Assumption University
– Bachelor Degree of Business Administration
– Major Advertising Management GPA 3.30
Career Highlights :
– 2537-2539 Account Manager Bates Advertising
– 2539-2540 Assistant Business Development Director Greensville Co., Ltd. (A Subsidiary Organization of Osotsapa)
– 2541-2543 Account Supervisor DDB Needham Worldwide
– 2543-2544 Account Supervisor Dentsu Young & Rubicam
– 2544-2545 Account Supervisor Leo Burnett
2545- ปัจจุบัน Group Account Director Young & Rubicam ดูแลแบรนด์ Colgate Palmolive, Amway, Fujifilm, Inbisco – Oishi, King Power Duty Free
status สมรสแล้ว มีบุตร 2 คน คนโตอายุ 9 ขวบ และคนเล็ก 7 ขวบ