เจาะเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ไทย ปี 2562 มิกซ์ยูส-โครงการผู้สูงวัยมาแรง ทำเลเกิดใหม่ป้อมปราบศัตรูพ่าย-บางแค ราคาพุ่ง 36%

DDproperty เว็บไซต์สื่อกลางซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ เผยเทรนด์ปีหน้าผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลมองหาที่อยู่อาศัยมากขึ้น

ขณะเดียวกันทางด้านผู้ประกอบการก็จะเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทมิกซ์ยูส (Mixed-use) รวมถึงการนำเทคโนโลยีด้าน Smart Home มาเสริมธุรกิจให้สอดคล้องกับเทรนด์อสังหาฯ ในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

ทำเลย่านจตุจักร สวนหลวง และพญาไทจะมีการเติบโตสูงขึ้น และทำเลเกิดใหม่ย่านป้อมปราบศัตรูพ่าย และบางแค ที่ได้อานิสงค์จากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ราคาพุ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมากว่า 36%

กมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย DDproperty.com กล่าวว่าในปีหน้าอุปทานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดจะยังคงแข่งขันกันด้วยนวัตกรรม ส่วนรูปแบบโครงการจะเห็นภาพการพัฒนาโครงการสำหรับผู้สูงอายุมากขึ้น และโครงการรูปแบบมิกซ์ยูส (Mixed-use) โดยเฉพาะพื้นที่ใจกลางเมือง เนื่องจากราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น และเป็นการสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวให้กับผู้ประกอบการ รวมถึงการร่วมมือกันพัฒนาโครงการในแบบ Joint Venture เพื่อมาช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับโครงการ และเป็นการลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ

“โครงการที่อยู่อาศัยหลายๆ แห่งมีการพัฒนาคอนเซ็ปต์สู่การเป็น Smart Home ไม่ว่าจะระบบไฟฟ้า ระบบพลังงาน หรือระบบควบคุมอุณหภูมิ ด้วยเทรนด์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ปัจจัยที่ผู้ซื้อบ้านในยุค 4.0 การพิจารณาซื้อไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องการออกแบบ และสิ่งอำนวยความสะดวกแบบเดิมๆ แต่มองหาความแตกต่างที่ช่วยยกระดับการอยู่อาศัยให้ดีขึ้น โดยมองการณ์ไกลถึงอนาคตว่า “บ้าน” จะต้องเป็นมากกว่าแหล่งพักพิง แต่เป็นสถานที่ที่ทำให้ชีวิตเติบโต พร้อมก้าวไปข้างหน้าได้อย่างทันโลก” นางกมลภัทร กล่าว

สำหรับรายงานแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ประจำปี 2562 หรือ DDproperty Property Market Outlook 2019 เผยว่าในช่วงไตรมาส 1 ของปี 2562 คาดว่าตลาดจะมีความคึกคักต่อเนื่องไปจากช่วงปลายปีนี้จากการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ก่อนจะปรับตัวเพื่อรับมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป

โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับผู้ที่ผ่อนที่อยู่อาศัยพร้อมกัน 2 หลังขึ้นไป รวมไปถึงผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยต้องวางเงินดาวน์ขั้นต่ำร้อยละ 10-30

ในปี 2562 คาดว่าผู้ประกอบการจะยังคงพัฒนาโครงการในตลาดระดับไฮเอนด์ไปจนถึงลักซ์ชัวรี่  ซึ่งแม้ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการของ ธปท.ก็ตาม

ส่วนกลุ่มที่กำลังซื้อ ระดับล่าง (ต่ำกว่า 3 ล้านบาท) คาดว่าจะยังคงเติบโตอย่างช้า ๆ เนื่องจากในเซ็กเมนต์ดังกล่าวเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมไปถึงภาวะหนี้ครัวเรือนที่แม้จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะระมัดระวังในการเลือกทำเลเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ๆมากขึ้น หันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อเป็นกลุ่มเรียลดีมานด์มากกว่าซื้อเพื่อเก็งกำไร ภายใต้นโยบายของธนาคาร/สถาบันการเงินที่มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น

นอกจากนี้ โครงการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม ทั้งสถานีกลางบางซื่อ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายต่าง ๆ และมอเตอร์เวย์ ทำให้การเดินทางออกสู่ชานเมือง และต่างจังหวัดทำได้สะดวกขึ้น รวมถึงการพัฒนาพื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC)  ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยเสริมที่จะทำให้อุปสงค์และอุปทานกระจายออกไปยังพื้นที่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ จังหวัดปริมณฑล และจังหวัดทางภาคตะวันออกมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่น่าจับตา คือ การเลือกตั้งทั่วไปที่มีกำหนดจะจัดขึ้นในช่วงต้นปี 2562 ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ ของประเทศชะลอตัว เนื่องจากทุกฝ่ายต่างรอดูความชัดเจนด้านนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่อาจจะออกมาเพื่อสนับสนุนการเติบโตของตลาด แต่ทั้งนี้จะเป็นการชะลอตัวในช่วงสั้น ๆ.