“อย่าลืมแวะซื้อไก่ย่างห้าดาวก่อนกลับบ้าน” ประโยคนี้เคยปรากฏในภาพยนตร์โฆษณาเมื่อ 34 ปีที่แล้ว ทำให้ภาพไก่ย่างที่หมุนอยู่ในตู้กระจกกลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และอดที่จะลิ้มลองไม่ได้ หากไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหรที่ “ร้านไก่ย่าง 5 ดาว” ไม่ได้ใช้ชื่อนี้ในการขยายร้านอีกต่อไปแล้ว
ที่มาที่ไปของ “ไก่ย่าง 5 ดาว” นั้นเริ่มธุรกิจในปี 2528 ที่ซอยลาดพร้าว 80 แรกเริ่มเดิมทีเป็นธุรกิจดำเนินกิจการโดยตรงจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ต่อมามีการเติบโตของยอดขายและการขยายสาขา ในปี 2543 จึงเดินหน้าเป็นรูปแบบธุรกิจแฟรนไชส์อย่างเต็มตัวในปี 2543 ซึ่งวันนี้ใช้เงินเริ่มต้น 40,000 บาท ก็ตั้งได้แล้ว
จริงๆ แล้วไก่ย่าง 5 ดาวไม่ได้ขายเฉพาะไก่ย่างที่มีอยู่ราว 6,000 สาขา และอีก 1,600 สาขาในต่างประเทศเท่านั้น แต่ที่ได้ถูกแตกธุรกิจอีก 5 ประเภทนอกเหนือจากจุดขายไก่ย่าง ได้แก่ จุดขายไก่ทอด จุดขายข้าวมันไก่ จุดขายบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง จุดขายเรดดี้มีล และจุดขายไส้กรอก ซึ่งไม่ได้มีแค่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังขยายไปยังประเทศเวียดนาม อินเดีย ลาว และกัมพูชา
ดังนั้นการเปลี่ยนมาใช้ “Five Star” ในการเขียนชื่อร้านแม้จะยังมีคำว่า “5 ดาว” อยู่ก็ตาม เชื่อว่าทาง CPF คงต้องการทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูทันสมัยมากขึ้น และทำให้ผู้บริโภคไม่ได้จำได้เฉพาะไก่อย่างเดียว เพราะวันนี้ถ้าไปดูร้านที่ถูกขยายไปเรื่อยๆ จะพบว่าในร้านขายเมนูไก่ทอดและบางที่ยังจัดเป็นเซตอาหาร
อีกทั้งการใช้ชื่อแบรนด์เป็นภาษาอังกฤษ ยังสอดคล้องกับธุรกิจที่ขยายไปยังต่างประเทศ และเป็นผลดีเมื่อนักท่องเที่ยวในประเทศนั้นๆ ได้เดินทางมาเมืองไทยสามารถรู้จักได้ทันที
ปัจจุบันธุรกิจ 5 ดาวและร้านอาหาร เช่นร้านอาหารเซสเตอร์ และร้านอาหารซีพี คิทเช่น ได้ถูก CPF โอนย้ายไปยังบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ และถือหุ้น 99.99% ชื่อ “ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน” ทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน
สำหรับ “ธุรกิจอาหาร” ของ CPF ประกอบไปด้วยอาหารสด อาหารแปรรูป และอาหารปรุงสุด อยู่ภายใต้แบรนด์ CP, คิดเช่นจอย, บีเค และบีเคพี เป็นต้น มีรายได้รวมกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ จีน สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ย้อนหลัง 3 ปีดังนี้
- ปี 2559 รายได้ 56,403 ล้านบาท จากรายได้รวม 470,170 ล้านบาท
- ปี 2560 รายได้ 91,961 ล้านบาท จากรายได้รวม 515,197 ล้านบาท
- ปี 2561 รายได้ 89,991 ล้านบาท จากรายได้รวม 555,503 ล้านบาท