ธุรกิจเพชร – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 01 Mar 2024 07:55:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “แอฟ-ทักษอร” พรีเซ็นเตอร์คนแรกในรอบ 95 ปีของ “ยูบิลลี่” ตอกย้ำแบรนด์ “เพชร” คุณภาพระดับโลก https://positioningmag.com/1464603 Fri, 01 Mar 2024 07:13:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464603 “ยูบิลลี่ ไดมอนด์” เปิดตัว “แอฟทักษอร” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์ในรอบ 95 ปี ช่วยโปรโมตย้ำแบรนด์ “เพชร” คุณภาพระดับโลกจากเบลเยียม พร้อมขยายวงเข้าถึงลูกค้าระดับกลางได้มากขึ้น

ก่อตั้งมานาน 95 ปีแต่ไม่เคยมีพรีเซ็นเตอร์จนกระทั่งปีนี้ เมื่อบริษัทต้องการเสริมแกร่งให้จุดยืนของแบรนด์ชัดและเข้าถึงลูกค้ากว้างขึ้น ทำให้ต้องมีพรีเซ็นเตอร์คนแรก

“อัญรัตน์ พรประกฤต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์เครื่องเพชร “ยูบิลลี่ ไดมอนด์” ประกาศแคมเปญใหญ่ “World Class Excellence” พร้อมเปิดตัว “แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ” เป็น “Friend of Jubilee Diamond” หรือพรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์

“อัญรัตน์ พรประกฤต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)

ภายใต้แคมเปญนี้บริษัททุ่มงบการตลาด 50 ล้านบาท จัดทำหนังโฆษณา TVC ฉายทุกช่องทางดิจิทัล และขึ้นป้ายโฆษณา OOH ทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัด เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ

อัญรัตน์กล่าวว่า เหตุที่ต้องมีพรีเซ็นเตอร์เพราะต้องการให้การโปรโมตแบรนด์เข้าถึงลูกค้าเป็นวงกว้าง และที่ต้องเป็น “แอฟ-ทักษอร” เพราะเธอมีคาแรกเตอร์ที่ตรงกับ “เพชรยูบิลลี่” คือภายนอกอาจจะดูเป็นลุคสาวหวานและเรียบร้อย แต่ภายในเป็นคนแข็งแกร่ง เป็นลูกคนโตที่มีความเป็นผู้นำสูง ขับรถสปอร์ต จึงมีความน่าสนใจและเป็นคนที่มีหลากหลายแง่มุม

 

“เพชร” ระดับโลกสำหรับทุกระดับราคา

ด้าน “key messages” ที่จะสื่อสารกับแคมเปญนี้ อัญรัตน์กล่าวว่า ใจความหลักคือบริษัทต้องการ “ย้ำจุดแข็ง” ของแบรนด์ให้ชัดเจน นั่นคือการเป็นเครื่องประดับเพชรมาตรฐาน “ระดับโลก”

โดยเพชรทุกเม็ดของยูบิลลี่คัดสรรจากแหล่งเพชรที่เมืองแอนด์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม มีใบรับรองจากสถาบันรับรองเพชรชั้นนำระดับโลก รวมถึงใช้นวัตกรรมการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจากญี่ปุ่น ให้เพชรเป็นประกายสูงจากวิธีการเจียระไนและดีไซน์

ที่สำคัญคือต้องการย้ำว่า เพชรทุกระดับราคาที่ขายในร้านยูบิลลี่ ไดมอนด์ใช้มาตรฐานเดียวกันนี้ทั้งหมด ต้องการให้ลูกค้ามั่นใจว่าไม่ว่าจะซื้อที่สาขาใดใน 131 สาขาทั่วประเทศก็จะได้เพชรแท้ตามมาตรฐาน

 

ปีที่รุกหนักตลาด “Mid-Level” มากขึ้น

อัญรัตน์แบ่งแยกกลุ่มสินค้าในร้านคร่าวๆ เป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่ม “High-Level” เครื่องเพชรระดับสูงในราคามากกว่า 1 แสนบาทต่อชิ้น และกลุ่ม “Mid-Level” ราคาไม่เกิน 1 แสนบาทต่อชิ้น

ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ซื้อก็จะแบ่งเป็น 8 เซ็กเมนต์ตามยอดการใช้จ่ายต่อปีและไลฟ์สไตล์การใช้เครื่องเพชร ไล่ตั้งแต่กลุ่มผู้ซื้อชิ้นแรก (Entry Level) ไปจนถึงระดับสูงสุดคือกลุ่ม “High Spender” ผู้ซื้อเพชรหลักสิบล้านบาทต่อปี

สร้อยเพชรจากยูบิลลี่

ที่ผ่านมายอดขายในกลุ่ม “High Spender” คิดเป็นสัดส่วนในรายได้รวมของยูบิลลี่สูงถึง 20-25% เป็นกลุ่มลูกค้าที่ทางบริษัทดูแลอย่างใกล้ชิดและมีอีเวนต์สร้างประสบการณ์เอ๊กซ์คลูซีฟให้อยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม อัญรัตน์มองว่าปีนี้แบรนด์ต้องการจะขยายตลาดในกลุ่ม “Mid-Level” ให้มากขึ้น โดยกลุ่มเครื่องเพชรราคาหลักหมื่นต่อชิ้นนี้ไม่ได้มีแค่กลุ่มแหวนหมั้น-แหวนแต่งงาน แต่ยังมีเครื่องเพชรสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันได้ง่ายที่ลูกค้ามักจะซื้อให้ตัวเอง (self purchase) โดยไม่ต้องรอโอกาสพิเศษ

ทำให้ยูบิลลี่ต้องการจะเน้นหนักกับตลาดนี้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความถี่ในการซื้อ สร้างลอยัลตี้ในแบรนด์ หรือดึงให้เพิ่มการใช้จ่ายต่อบิล ซึ่งทั้งหมดนี้จะใช้พลังของพรีเซ็นเตอร์อย่าง “แอฟ-ทักษอร” มาช่วยในการประชาสัมพันธ์

ยูบิลลี่
แหวนเพชรแถวสไตล์มินิมอล ใส่ได้ในชีวิตประจำวัน และมีแบบ Unisex ใช้บุกตลาด Mid-Level

รวมถึงยูบิลลี่จะออกแบบดีไซน์เครื่องประดับแบบใหม่กว่า 300 ดีไซน์ที่จะออกวางจำหน่ายในปีนี้ เน้นการสร้างดีไซน์ที่ใส่ได้ในชีวิตประจำวัน มีความหลากหลายให้เลือกตามบุคลิกและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน และมีหลายแบบที่จะเป็นเครื่องประดับ “Unisex” หลังพบดีมานด์ของกลุ่มผู้ชาย / LGBTQ+ สนใจใส่เครื่องประดับเพชรมากขึ้น หรือผู้หญิงเองก็ต้องการเครื่องประดับที่ไม่หวานจนเกินไป เป็นโอกาสการขายของเพชรยูบิลลี่

 

“ยูบิลลี่” ตั้งเป้ารายได้โต 8-10%

สรุปเป้ารายได้ของปีนี้ อัญรัตน์ตั้งเป้ายูบิลลี่จะเติบโต 8-10% จากการกระตุ้นตลาดผ่านแคมเปญ

ทั้งนี้ รายงานผลประกอบการของยูบิลลี่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2566 ทำรายได้รวม 1,580 ล้านบาท (-12.7% YoY) และทำกำไรสุทธิ 203 ล้านบาท (-34.6% YoY) ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และผู้บริโภคนิยมใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นหลังเปิดประเทศอย่างเต็มที่

ส่วนปี 2567 นี้อัญรัตน์ยอมรับว่าสภาวะเศรษฐกิจอาจจะยังไม่เอื้อ เพราะถึงแม้กลุ่มเป้าหมายจะอยู่ในกลุ่มที่มีกำลังซื้อ แต่สภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาอาจมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกในการจับจ่ายได้

“เราควบคุมเศรษฐกิจไม่ได้ แต่ที่เราทำได้คือการหาทางเข้าถึงลูกค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เราต้องสร้างพรีเซ็นเตอร์​ มาร์เก็ตติ้งในปีนี้เพื่อขยายฐานลูกค้า” อัญรัตน์กล่าวปิดท้าย

]]>
1464603
ดีมานด์ “เพชรแท้” ตกวูบหลัง “เพชรเลี้ยง” เป็นที่นิยม De Beers ต้องลดราคาเพชรบางเกรดลงถึง 40% https://positioningmag.com/1443577 Wed, 06 Sep 2023 04:52:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1443577 ความนิยมใน “เพชรเลี้ยง” ที่กำลังเติบโตขึ้น ทำให้ดีมานด์ตลาด “เพชรแท้” ตกลงมาตั้งแต่เริ่มเกิดโรคระบาด จนยักษ์ใหญ่วงการเพชรอย่าง “De Beers” ยังต้องลดราคาเพชรดิบบางเกรดลงถึง 40%

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า “เพชรเลี้ยง” เริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในการนำมาประดับแหวนหมั้นซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของตลาดค้าเพชร ทำให้ดีมานด์ “เพชรแท้” เริ่มตกลงมาตั้งแต่ช่วงเกิดโรคระบาด โดยเฉพาะในกลุ่มแหวนหมั้นที่ราคาไม่สูงนัก

เพชรเลี้ยงเริ่มเข้ามากินตลาดเพชรแท้มากขึ้นเรื่อยๆ วัดได้จากตลาดใน “อินเดีย” ซึ่งเป็นแหล่งเจียระไนเพชรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันอินเดียมีการส่งออกเพชรเลี้ยงเจียระไนคิดเป็นสัดส่วน 9% ของการส่งออกเพชรทั้งหมด เทียบกับเมื่อเดือนมิถุนายน 2022 มีการส่งออกเพชรเลี้ยงเจียระไนเพียง 1% ของการส่งออกเพชรทั้งหมด

เหตุที่เพชรเลี้ยงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะเพชรเลี้ยงสามารถผลิตได้เร็วกว่า ถูกกว่า และดีกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า เมื่อเทียบกับเพชรแท้จากธรรมชาติที่ต้องขุดจากเหมือง

(Photo: Shutterstock)

ความนิยมที่ลดลงทำให้ยักษ์ใหญ่วงการเพชรอย่าง De Beers ต้องลดราคาเพชรดิบในกลุ่มที่เรียกว่า ‘select makeables’ ลงมากกว่า 40% โดยเพชรกลุ่มนี้หมายถึงเพชรดิบขนาด 2-4 กะรัต ที่นำมาเจียระไนเป็นเพชรประดับแหวนหมั้นได้พอดี โดยยังให้คุณภาพเพชรสูงแต่ไม่ถึงระดับที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ

เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2022 บริษัท De Beers คิดราคาเพชรกลุ่ม select makeables ที่ 1,400 เหรียญสหรัฐต่อกะรัต แต่ช่วงกรกฎาคม 2023 บริษัทต้องลดราคาเพชรกลุ่มนี้ลงเหลือ 850 เหรียญสหรัฐต่อกะรัต

อย่างไรก็ตาม Paul Rowley หัวหน้าฝ่ายค้าเพชรของ De Beers กล่าวกับ Bloomberg ว่า เขาไม่คิดว่าความผันผวนในช่วงนี้จะเป็นการเปลี่ยนโครงสร้างในตลาดเพชรไปโดยถาวร เขามองว่าสภาวะตลาดปัจจุบันเป็นแค่ช่วงดีมานด์ตกต่ำชั่วคราวเท่านั้น

“เราเห็นว่าปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบคือเรื่องเศรษฐกิจมหภาคเสียมากกว่า” Rowley กล่าว

โดยดูได้จากตลาดเพชรเลี้ยงเองก็ราคาตกเช่นกัน แม้ดีมานด์ในกลุ่มสินค้านี้จะสูงขึ้น เมื่อ 5 ปีก่อน ราคาเพชรเลี้ยงจะขายในราคาต่ำกว่าเพชรแท้ 20% แต่ปัจจุบันกลับขายในราคาต่ำกว่าเพชรธรรมชาติถึง 80%

Rowley มองว่า ยิ่งมีการผลิตเพชรเลี้ยงออกมามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ราคาเพชรเลี้ยงตกลงเท่านั้น และนั่นจะทำให้เกิดความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างตลาดเพชรเลี้ยงกับเพชรจากธรรมชาติ

“ในท้ายที่สุดแล้ว สองผลิตภัณฑ์นี้ก็ยังเป็นของที่แตกต่างกัน ความหาได้ยากและมีจำนวนจำกัดของเพชรธรรมชาติยังคงเป็นจุดขายที่แตกต่างของเพชรแท้” Rowley กล่าวปิดท้าย

Source

]]>
1443577
อินเดีย-เบลเยียมไม่สนคว่ำบาตร “เพชรรัสเซีย” ธุรกิจยังเดินต่ออย่างเงียบๆ https://positioningmag.com/1400637 Mon, 19 Sep 2022 05:28:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1400637 จากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย บริษัทจำนวนมากในธุรกิจ “เพชร” เลือกที่จะหยุดซื้อ “เพชรรัสเซีย” เพราะกังวลว่าจะถูกแบนการขายสินค้าในตลาดตะวันตก ยกเว้นประเทศอินเดียและเบลเยียมที่ยังซื้อเพชรรัสเซียกันอย่างลับๆ

เหมืองเพชรรายใหญ่ของรัสเซียคือ Alrosa PJSC นั้นได้รับผลกระทบเมื่อสหรัฐอเมริกาดำเนินการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซีย จนกระทั่งผู้ซื้อในอินเดียและเบลเยียมหวนกลับมาซื้อ “เพชรรัสเซีย” อย่างลับๆ

โดยทั่วไปแล้วซัพพลายเออร์จัดหาเพชรให้กับผู้ผลิตเครื่องประดับจะกังวลมากหากยังรับซื้อเพชรรัสเซียอยู่ เพราะอาจจะสูญเสียสัญญาขายเพชรให้กับผู้ผลิตเครื่องประดับชื่อดังฝั่งตะวันตก เช่น Tiffany & Co. หรือ Signet Jewelers ได้

รวมถึงสหรัฐฯ นั้นเป็นตลาดขายเพชรสำคัญ เพราะ 50% ของเพชรที่เจียระไนแล้วจะขายอยู่ในสหรัฐฯ ตลาดใหญ่ที่ตอบรับเครื่องประดับเพชรทุกระดับตั้งแต่ระดับราคาชิ้นละหลายร้อยล้านบาท ไปจนถึงเครื่องประดับเพชรทั่วไปสนนราคาหลักหมื่นบาท

เมื่อตลาดผู้ซื้ออยู่ในมือสหรัฐฯ เป็นหลัก จึงทำให้ผู้ขายตลอดซัพพลายเชนระวังตัวเมื่อสหรัฐฯ ทำการคว่ำบาตรรัสเซีย

 

แต่ในทางปฏิบัติ…ยากหน่อยถ้าจะบอยคอต “เพชรรัสเซีย”

อย่างไรก็ตาม การที่บางบริษัทไม่กลัวที่จะซื้อเพชรรัสเซียก็สะท้อนให้เห็นภาพว่าการบอยคอตสินค้านี้เป็นเรื่องยากมาก เพราะทุกคนในอุตสาหกรรมต่างรู้ดีว่า เมื่อเพชรหลุดรอดเข้ามาในซัพพลายเชนได้แล้ว ก็เป็นเรื่องแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะติดตามสืบย้อนว่าแท้จริงแล้วเพชรเม็ดนั้นมาจากไหน

เพชรนั้นจะถูกคัดแยกคุณภาพและขนาดออกมาโดยแยกประเภทได้ถึง 15,000 แบบ และเมื่อมีการซื้อขายต่อ พ่อค้าอาจจะนำไปผสมปนเปกันแม้เป็นเพชรต่างที่มา กว่าจะขึ้นไปอยู่บนตัวเรือนแหวนเพชรหรือบนจี้ห้อยคอก็ยากที่จะบอกได้แน่ชัดแล้วว่าเพชรถูกขุดหรือผลิตมาจากไหน

หนำซ้ำ รัสเซียยังเป็นผู้ส่งออกเพชรรายใหญ่ โดยเพชรของ Alrosa จะโดดเด่นในเวทีโลกเพราะเป็นผู้ผลิตเพชรขนาดเล็กเป็นพิเศษและมีราคาถูกกว่าแหล่งอื่น ทำให้เกิดความกังวลตลอดซัพพลายเชนว่าเพชรจะมีไม่เพียงพอหลังคว่ำบาตรรัสเซียแล้ว

แม้ว่าแบรนด์ลักชัวรีในยุโรปจะร้องขอกับ De Beers ผู้ผลิตเพชรรายใหญ่ของสหรัฐฯ ให้ช่วยเพิ่มการผลิตและโควตาขายแก่ซัพพลายเออร์ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีเพชรในตลาดเพียงพอ แต่ดูเหมือน De Beers ก็เพิ่มการผลิตได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ผลสุดท้ายคือ ประเทศที่มีเพชรเป็นอุตสาหกรรมสำคัญก็จำต้องซื้อเพชรรัสเซียต่อไป อย่างเช่น “อินเดีย” ที่เป็นแหล่งซื้อขายและเจียระไนเพชร แรงงานนับล้านๆ คนในอินเดียต้องพึ่งพิงอุตสาหกรรมนี้ หรือใน “เบลเยียม” ท่าทีของประเทศก็ลังเลที่จะคว่ำบาตรเพชรรัสเซียเต็มตัว เนื่องจากปกติ 80% ของเพชรดิบในโลกนี้จะมีการซื้อขายผ่านเมืองท่าแอนต์เวิร์ปของเบลเยียม ทำให้เลี่ยงยากที่จะสกัดกั้นเพชรรัสเซียออกไป

 

ตลาดตะวันออกไม่มีปัญหากับเพชรรัสเซีย

ก่อนหน้าการคว่ำบาตร Alrosa มีผู้ซื้อสำคัญอยู่ราว 50 ราย บัดนี้ลดเหลือ 10 ราย โดยแหล่งข่าวของสำนักข่าว India Times ระบุว่ามีบริษัทอินเดียสองรายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุด คือ Kiran Gems และ Shree Ramkrishna Exports

(Photo: Shutterstock)

สำหรับเพชรรัสเซียที่นำเข้ามาผลิตในอินเดียคาดว่าส่วนใหญ่จะเข้าไปขายต่อที่ตลาดใหญ่ของฝั่งตะวันออกคือ จีน ญี่ปุ่น และในอินเดียเอง ซึ่งสามประเทศนี้รวมกันคิดเป็นตลาดราว 30% ของตลาดเครื่องประดับเพชรทั่วโลก และทั้งสามตลาดไม่ได้มีปัญหากับการใช้เพชรรัสเซียเหมือนอย่างตะวันตกขณะนี้

แต่แน่นอนว่า ด้วยธรรมชาติในการซื้อขายวงการเพชรดังกล่าว ก็เป็นไปได้ที่จะมีเพชรรัสเซียเล็ดรอดไปอยู่ในตลาดตะวันตกด้วย

อินเดียยังเข้าไปมีบทบาทสำคัญกับ Alrosa ในทางการเงินด้วย เพราะการคว่ำบาตรทำให้ธนาคารสหรัฐฯ ยุโรป จนถึงตะวันออกกลางหยุดให้เงินทุนกับ Alrosa และหยุดสนับสนุนการซื้อขายด้วยสกุลเงินดอลลาร์ ธนาคารอินเดียจึงกลายเป็นคนสำคัญในการเป็นตัวกลางซื้อขายให้ผ่านสกุลเงินยูโรและรูปี

ถึงแม้ว่า Alrosa จะกลับมาทำการค้าขายได้ เพราะมีตลาดพร้อมรับซื้อแบบนี้ แต่บริษัทก็ตกอยู่ในสถานะที่ต้องยอมยืดหยุ่นให้ผู้ซื้อมากกว่าเดิม เพราะปกติผู้ขายจะทำการจัดเพชรใส่กล่องไว้ให้แล้ว ผู้ซื้อจะไม่สามารถคัดเพชรได้ แต่ในปัจจุบัน บริษัทต้องยอมให้ผู้ซื้อคัดเพชรเอง ซึ่งเป็นผลดีกับผู้ซื้อที่จะทำการเลือกเพชรที่กำลังขาดแคลนในตลาดหรือเพชรที่จะได้กำไรดีกว่าไว้ก่อน

Alrosa ยังมีนโยบายจะเพิ่มออฟฟิศสาขาใหม่ในอินเดียด้วย เรียกได้ว่า “อินเดีย” เป็นผู้รับผลบวกในตลาดเพชรเต็มๆ หลังจากการคว่ำบาตรของรัสเซียกับตะวันตก

Source

]]>
1400637
“ยูบิลลี่” ขายเพชรช่วงโควิดยังมีกำไร! คนลงทุนเพชรเพิ่ม คอลเลกชันมุ้งมิ้งช่วยดันยอด https://positioningmag.com/1322051 Fri, 05 Mar 2021 07:38:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1322051 “ยูบิลลี่” บริษัทเครื่องประดับเพชรของไทย รายงานผลประกอบการปี 2563 รายได้ลดลง -5% แต่กำไรสุทธิยังโตเล็กน้อย +1.8% หลังจากช่วงครึ่งปีหลังตลาดฟื้นตัว และคาดว่าจะโตต่อเนื่องถึงปีนี้ ทำให้ตั้งเป้าปี 2564 โต 10% เน้นเร่งยอดขายสาขาเดิม กระตุ้นยอดออนไลน์ และใช้งาน collab กับแบรนด์พันธมิตรสร้างดีมานด์

อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการบริษัทปี 2563 ทำรายได้ 1,704 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน -5% แต่ทำกำไรสุทธิ 266.8 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย 1.8% เทียบกับปีก่อนยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์

โดยช่วงปีที่ผ่านมา สถานการณ์ COVID-19 มีผลกับยูบิลลี่ในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจาก 130 สาขาหน้าร้านของบริษัทตั้งอยู่ในศูนย์การค้า มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐจึงมีผลให้ยูบิลลี่เหลือสาขาที่เปิดทำการได้เพียง 3 สาขาสแตนด์อะโลน คือ สีลม, สะพานเหล็ก และ จ.อยุธยา รายได้ช่วงไตรมาส 1-2 ปีก่อนจึงหดตัวลง

อัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการปรับมาเปิดช่องทาง อีคอมเมิร์ซ อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งช่วยพยุงยอดขายของบริษัทไว้ได้ โดยช่องทางนี้จะเหมาะกับผู้ซื้อเครื่องประดับราคาไม่สูง ซื้อเพื่อใส่ในชีวิตประจำวัน ในไตรมาส 2/63 บริษัทจึงรุกช่องทางออนไลน์ด้วยการใช้คอลเลกชันที่ collab กับคาแร็กเตอร์ LINE FRIENDS เป็นคอลเลกชันชูโรง ทั้งนี้ ตลอดทั้งปียอดขายของสาขาใหม่รวมกับช่องทางออนไลน์สามารถเติบโตได้ 3.7%

 

ปี’64 ตั้งเป้ากลับมาโต 10%

อัญรัตน์กล่าวต่อว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 บริษัทเห็นสัญญาณการ “ฟื้นตัว” ในตลาดเครื่องประดับเพชรแล้ว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSS) โตถึง 7% เทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าจะมีการระบาดระลอกสองของ COVID-19 ช่วงโค้งท้ายปีก็ตาม

ทำให้มองว่า กำลังซื้อปี 2564 น่าจะฟื้นตัวจากปีก่อน หลังจากบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว จากช่วงที่ถูกปิดสาขาเกือบทั้งหมดโดยไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก

สำหรับเป้าหมายของปี 2564 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อน และเป้าหมายอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 45% ทั้งนี้ ช่วงสองเดือนแรก บริษัทได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกสองบ้างในเดือนมกราคม แต่ยังเชื่อว่ารวมทั้งไตรมาส 1 จะยังเติบโตได้ตามเป้า เนื่องจากการจับจ่ายของผู้ซื้อกลับมาเร็วในเดือนกุมภาพันธ์

 

อัดขายออนไลน์ งาน collab กับพันธมิตร

ด้านกลยุทธ์เพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย อัญรัตน์วางแนวทาง 5 ข้อหลักที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ คือ

1) ออกคอลเลกชันใหม่เพื่อเร่งการซื้อ โดยจะมีการวิจัยสินค้าให้แม่นยำก่อนวางตลาดเพื่อทำให้การขายทำได้เร็ว ไม่เหลือสต๊อกค้าง โดยยกตัวอย่างผลงานเมื่อปีก่อน บริษัทออกคอลเลกชัน “วันแม่” เดือนสิงหาคม 2563 เพื่อกระตุ้นการซื้อหาเป็นของขวัญ ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะสาขาต่างจังหวัด

คอลเลกชัน Mon Amour ต้อนรับวันแม่ 2563 หนึ่งในคอลเลกชันที่ขายดีและช่วยดันรายได้-กำไรครึ่งปีหลัง

2) ฟื้นโปรแกรม CRM กับลูกค้าเก่าให้เข้มแข็ง จากปัจจุบันยูบิลลี่มีฐานสมาชิก 1.8 แสนรายทั่วประเทศ กลุ่มนี้จะเป็นเป้าหมายสำคัญ เพื่อดึงให้เกิดการซื้อซ้ำ

3) เปิดสาขาใหม่ 3-5 สาขา เน้นทำเลศักยภาพที่ยูบิลลี่ยังไม่มีสาขาครอบคลุม โดยจะเริ่มเปิดช่วงครึ่งปีหลัง

4) ช่องทางออนไลน์ หลังจากปีก่อนเปิดเต็มรูปแบบ นำสินค้าทุกรายการขึ้นสู่แพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว ปีนี้จะเป็นการอัด Exclusive Deal บนช่องทางนี้โดยเฉพาะ คาดว่าสัดส่วนอีคอมเมิร์ซจะปรับขึ้นมาเป็น 5-6% ของรายได้รวม

คอลเลกชัน collab กับคาแร็กเตอร์ LINE FRIENDS เจาะกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น

5) พันธมิตรแบรนด์ เช่น งาน collab กับแบรนด์อื่น ยูบิลลี่มีพันธมิตรแล้ว 2 ราย คือ LINE และ Hello Kitty ปีนี้จะยังคงเป็นพันธมิตรต่อเนื่อง และมองหาพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ

ตลาดเพชรกำลังกลับมาฟื้นทั่วโลก ข้อมูลจาก International Diamond Exchange ระบุว่า ราคาเพชรเจียระไนเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ปรับขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาเพชรร่วงลงต่ำสุดเนื่องจากโรคระบาด แถมยังเป็นราคาที่ปรับขึ้นสูงยิ่งกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดด้วย คาดว่าเกิดจากความอัดอั้นของเศรษฐีที่ไม่ได้ออกเที่ยวต่างประเทศเหมือนเคย ทำให้มาลงทุนซื้อ “เพชร” จนขายดีเช่นเดียวกับสินค้าลักชัวรีอื่นๆ

]]>
1322051
เริ่มแล้ว! Tiffany ระบุแหล่งที่มาเพชรทุกเม็ด หลีกเลี่ยงมีส่วนในอาชญากรรม “เพชรสีเลือด” https://positioningmag.com/1293570 Thu, 20 Aug 2020 11:41:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1293570 Tiffany & Co. ประกาศเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า บริษัทได้เริ่มกระบวนการให้ใบรับรองเพชรทุกชิ้นของบริษัทว่ามีแหล่งกำเนิดและแหล่งเจียระไนเพชรที่ใดบ้าง เพื่อแสดงความโปร่งใส่ว่าบริษัทใส่ใจต่อการรับผิดชอบสังคม ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในวังวนอาชญากรรม “เพชรสีเลือด” สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจประเด็นดังกล่าว

บริษัท Tiffany & Co. ร้านเพชรที่ก่อตั้งมายาวนาน 183 ปี ประกาศว่า บริษัทจะเริ่มให้ใบรับรองเพชรกับเครื่องประดับที่มีเพชรขนาด 0.18 กะรัตขึ้นไปเป็นส่วนประกอบ โดยจะรับรองว่าเป็นเพชรที่ขุดได้จากเหมืองแห่งใด ประเทศไหน รวมไปถึงเจียระไนที่ใด สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้

บริษัทจะเริ่มต้นให้ใบรับรองเดือนตุลาคมนี้ และประกาศว่าตนเป็นบริษัทแรกที่สามารถระบุที่มาของเพชรทุกเม็ดได้สำเร็จ

นโยบายของ Tiffany นั้นเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ 20 ปีก่อน เมื่อกลุ่ม Kimberly Process ก่อตั้งขึ้น กลุ่มนี้เป็นกลุ่มรณรงค์ต่อต้านและหยุดยั้งการค้า “เพชรสีเลือด” หรือเพชรแห่งความขัดแย้ง ซึ่งหมายถึงเพชรที่ตกไปอยู่ในมือพ่อค้าสงคราม ใช้แทนเงินในการซื้อขายแลกเปลี่ยนอาวุธ โดยเฉพาะอาวุธที่ใช้ในสงครามกลางเมืองแถบทวีปแอฟริกา เช่น ไอวอรีโคสต์, คองโก, เซียร์รา ลีโอน ฯลฯ นำไปสู่การบาดเจ็บล้มตายของประชาชน

เมื่อผู้บริโภครับทราบความโหดร้ายที่พ่วงมากับอุตสาหกรรมเพชร ทำให้มีการเรียกร้องให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเพชรช่วยกันรับผิดชอบ ไม่ซื้อเพชรสีเลือดเหล่านี้มาใช้ผลิตสินค้า

ผู้บริโภคบางกลุ่มหันไปใช้ “เพชรเลี้ยง” ที่สร้างขึ้นในห้องวิจัยแทนที่เพชรขุุดจากธรรมชาติ เพื่อความมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ส่งเสริมความโหดร้ายของสงครามอยู่ (แถมยังราคาถูกกว่าเพชรขุดประมาณ 50%) โดยมีผลวิจัยจาก MVI Industries เมื่อปี 2561 พบว่า คนเจนเนอเรชันวาย 70% มีแนวโน้มพิจารณาเลือกใช้แหวนเพชรเลี้ยงแทนเพชรขุด เมื่อจะซื้อแหวนหมั้นให้กับเจ้าสาว

สำหรับยอดขายแหวนหมั้นประดับเพชรของ Tiffany & Co. ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ตกลงถึง -97% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยลดจาก 280.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 142.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนยอดขายรวมทั้งบริษัทลดลง -45% จากปีก่อนทำได้กว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 555.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

เป็นผลจากการล็อกดาวน์ช่วง COVID-19 ทำให้หลายคนเลื่อนการขอหมั้นและแต่งงานออกไปก่อน

Source

]]>
1293570
เศรษฐกิจแบบนี้ ธุรกิจเพชรโตแค่ไหน https://positioningmag.com/1174959 Tue, 19 Jun 2018 10:01:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1174959 1174959