วัยเกษียณ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 15 Jun 2023 13:32:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 55% ของคนทำงานยังมี “เงินเก็บ” ไม่พอใช้หลัง “เกษียณ” หรือยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันนั้นจะมีพอหรือเปล่า https://positioningmag.com/1434313 Thu, 15 Jun 2023 12:43:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1434313 World Economic Forum สำรวจกลุ่มตัวอย่างจากคนวัยทำงานในหลายทวีป พบว่าคนส่วนใหญ่ 55% ยังไม่มี “เงินเก็บ” พอใช้หลัง “เกษียณ” หรือยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันนั้นจะมีพอหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม 44% ของคนวัยต่ำกว่า 40 ปียังฝันถึงการเกษียณในวัยไม่เกิน 60 ปี แม้แนวโน้มของคนส่วนใหญ่จะทำไม่ได้ตามเป้า

คนในโลกนี้พร้อมแค่ไหนที่จะ “เกษียณ” อายุ? World Economic Forum (WEF) หาคำตอบผ่านการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 397 คนจากหลากหลายทวีป ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปยุโรป ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ ทวีปเอเชีย และตะวันออกกลาง ตามลำดับ โดย 90% สำรวจในกลุ่มคนที่จบการศึกษาชั้นปริญญาตรีขึ้นไป แต่มีการกระจายตัวของกลุ่มอายุ ตั้งแต่ไม่เกิน 20 ปี จนถึงกลุ่มอายุมากกว่า 70 ปี

การสำรวจครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะสหประชาชาติพบว่าค่าเฉลี่ยอายุขัยประชากรได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก จากอายุขัย 48 ปีในปี 1950 ขึ้นมาเป็น 73 ปีในปี 2019 และยังคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะขึ้นไปแตะ 81 ปีในปี 2100 อีกด้วย

ด้วยอายุขัยที่เพิ่มมากขึ้นจากคนรุ่นพ่อแม่หรือรุ่นปู่ย่าตายายถึง 20 ปี นั่นแปลว่าประชากรวัยเกษียณในยุคต่อจากนี้จะต้องมีเงินเก็บเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณมากกว่าเดิม มิฉะนั้นอาจเกิดความเสี่ยงที่จะกลายเป็นคนยากไร้ในวัยชราได้

นอกจากอายุขัยจะเพิ่มขึ้นแล้ว ความคาดหวังของคนยุคนี้ยังต้องการจะเกษียณเร็วด้วย โดย 44% ของคนวัยไม่เกิน 40 ปี หวังว่าตนจะได้เกษียณในวัยไม่เกิน 60 ปี

(Photo : Shutterstock)

ในทางกลับกัน มีคนกลุ่มใหญ่เหมือนกันที่ต้องการทำงานไปเรื่อยๆ โดยมี 40% ของผู้ถูกสำรวจที่ต้องการทำงานไปจนอายุมากกว่า 65 ปี หากแยกตามประเทศที่อาศัยอยู่ คนทำงานจนถึงวัยชรามักจะอยู่ในเอเชียแปซิฟิก เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ อินเดีย จีน

แล้วคนเรามองว่า “ตนเองต้องการรายได้เท่าไหร่หลังเกษียณ?” คำตอบเป็นดังนี้

  • 9% ต้องการ 1 ส่วน 3 ของรายรับสุทธิปัจจุบัน
  • 24% ต้องการ 1 ส่วน 2 ของรายรับสุทธิปัจจุบัน
  • 38% ต้องการ 2 ส่วน 3 ของรายรับสุทธิปัจจุบัน
  • 23% ต้องการเท่ากับรายรับสุทธิปัจจุบัน
  • 6% ต้องการมากกว่ารายรับสุทธิปัจจุบัน
เกษียณ
(ที่มา: World Economic Forum)

 

ความเป็นจริงแล้วคนเราจะไม่ได้ “เกษียณ” ตามแผนที่ฝันไว้

แม้ว่าจะมีตัวเลขในใจแล้วว่าควรมีรายได้เท่าไหร่หลังเกษียณ แต่คนถึง 55% กลับยังไม่มีเงินเพียงพอหรือยังไม่รู้ว่าตัวเองจะมีเงินเก็บได้ถึงเป้าที่ตั้งไว้หลังเกษียณหรือไม่ และเฉพาะในกลุ่มคนวัยไม่เกิน 40 ปี มีถึง 37% ที่ยังไม่เคยคำนวณเลยด้วยว่าตนเองต้องมีเงินเก็บหลังเกษียณมากน้อยแค่ไหน

WEF ยังรายงานด้วยว่า ในความเป็นจริงแล้วมีความเป็นไปได้ที่คนส่วนใหญ่จะไม่ได้เกษียณตามแผนที่ฝันไว้ เพราะตัวเลขรายได้หลังเกษียณที่ต้องการไม่สอดคล้องกับความจริงที่สามารถทำได้ นั่นแปลว่าคนทำงานจะมีทางออกอยู่ 4 เส้นทางหากต้องการจะถึงฝัน คือ

  1. เก็บเงินออมให้มากขึ้นตั้งแต่วันนี้
  2. เกษียณให้ช้าลง
  3. ยอมรับที่จะมีรายได้หลังเกษียณน้อยลง
  4. ปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เสี่ยงมากขึ้นแต่โอกาสได้ผลตอบแทนจะสูงขึ้น
45% ของกลุ่มคนวัยไม่เกิน 40 ปี คาดว่าตนเองจะต้องมีเงินเก็บเตรียมไว้ดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจที่จะทำให้แผนเกษียณของคนยุคต่อไปยากยิ่งขึ้น เพราะคนกลุ่มใหญ่มองว่านอกจากจะเตรียมเงินเก็บให้ตนเองแล้ว “ยังต้องเตรียมเงินเก็บไว้ดูแลพ่อแม่ยามแก่ชราด้วย” โดย 1 ใน 3 ของผู้ถูกสำรวจเห็นด้วยว่าตนเองจะต้องใช้เงินดูแลพ่อแม่ในอนาคต

ตัวเลขนี้ยิ่งสูงขึ้นในกลุ่มคนวัยไม่เกิน 40 ปี ซึ่งมีถึง 45% ที่คาดว่าตนเองจะต้องมีเงินเก็บเตรียมไว้ดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า โดยเฉพาะผู้ถูกสำรวจจากทวีปเอเชียและตะวันออกกลาง รวมถึงคนเชื้อชาติอื่นที่ไม่ใช่คนผิวขาวในทุกทวีป จะยิ่งมีค่าเฉลี่ยปัจจัยเรื่องการดูแลพ่อแม่มากกว่าคนอื่น

สรุปจาก WEF มีความเห็นว่า โลกกำลังก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ที่ประชากรต้องเปลี่ยนมุมมองเรื่องการ “เกษียณ” ที่ต่างไปจากคนรุ่นก่อน จากในอดีตคนเรามีขั้นตอนการใช้ชีวิต 3 ขั้น คือ วัยเรียน, วัยทำงาน และวัยเกษียณ แต่ยุคต่อไปชีวิตจะมีหลายขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้นและคนเราอาจจะมีทางเดินหลายแบบ หมายถึงเราจะต้องอาศัยการเรียนรู้ตลอดชีวิต เปลี่ยนแปลงอาชีพ และมีอาชีพใหม่ในช่วงบั้นปลาย รวมถึงโลกทางการเงินอาจจะต้องมีวิธีหรือนวัตกรรมใหม่ที่จะส่งเสริมให้คนยังยืดหยุ่นทางการเงินได้ หากอายุขัยยืนยาวขึ้นกว่าเดิม

Source

]]>
1434313
“ไทย” ติดอันดับ 9 ประเทศที่เหมาะใช้ชีวิตหลัง “เกษียณ” มากที่สุดในโลก ปี 2023 https://positioningmag.com/1432527 Tue, 30 May 2023 12:38:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1432527 นิตยสาร International Living จัดอันดับประเทศที่เหมาะกับกับการใช้ชีวิตวัย “เกษียณ” ประจำปี 2023 ปรากฏ “ไทย” ติดโผในอันดับ 9 และเป็นประเทศแถบเอเชียหนึ่งเดียวที่ติดลิสต์ในกลุ่ม 10 อันดับแรก สะท้อนศักยภาพประเทศไทยยังแข็งแรงหลังผ่านพ้นโควิด-19

International Living นิตยสารอเมริกันด้านการใช้ชีวิตเกษียณในต่างประเทศที่มีมานานกว่า 30 ปี และมีการจัดอันดับประเทศที่เหมาะกับกับการใช้ชีวิตวัย “เกษียณ” อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในปี 2023 ปรากฏว่าประเทศ “ไทย” ยังคงอยู่ในใจชาวต่างชาติ ติดอันดับลิสต์นี้ในอันดับที่ 9

ไทยถือเป็นประเทศแถบเอเชียหนึ่งเดียวในกลุ่ม 10 อันดับแรก ร่วมกับประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกา โดยนิตยสารฉบับนี้มองจุดเด่นไทยในการใช้ชีวิตหลังเกษียณ คือ ค่าครองชีพต่ำ อุดมด้วยแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งไลฟ์สไตล์ ระบบสาธารณสุขดีและบุคลากรสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ รวมถึงสภาพอากาศมีแดดตลอดปี

การจัดอันดับของ International Living นั้นรวบรวมอินไซต์จากเครือข่ายแหล่งข่าวที่นิตยสารมี ซึ่งทางนิตยสารมองว่ามีน้ำหนักมากกว่าการเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาโหวตหรือส่งข้อมูลใดๆ ก็ได้

10 อันดับแรกประเทศที่เหมาะกับกับการใช้ชีวิตวัย “เกษียณ” ประจำปี 2023 ได้แก่

อันดับ 10 โคลอมเบีย
Cartagena de Indias ประเทศโคลอมเบีย (Photo: Shutterstock)

จุดเด่นของโคลอมเบีย คือ การได้ใช้ชีวิตในภูมิอากาศที่ดีตลอดปีด้วยค่าครองชีพต่ำ และวัฒนธรรมคนท้องถิ่นเปิดกว้างต่อคนแปลกหน้า ยินดีต้อนรับผู้มาอยู่อาศัยใหม่ นอกจากนี้ โคลอมเบียยังมีระบบสาธารณสุขที่ดีระดับ Top 25 ของโลก ในราคาที่ต่ำกว่าในสหรัฐฯ 2-3 เท่า

ปัจจุบันโคลอมเบียมีวีซ่าระบบใหม่เอื้อต่อผู้พำนักต่างชาติมากขึ้น โดยชาวต่างชาติที่มีเงินบำนาญไม่ต่ำกว่าเดือนละ 700 เหรียญสหรัฐ สามารถขอวีซ่าเกษียณในโคลอมเบียได้ทันที รวมถึงมีการเปิดวีซ่าสำหรับกลุ่ม ดิจิทัล โนแมด ด้วยเช่นกัน

ค่าใช้จ่ายที่ต่ำในโคลอมเบียหมายถึงการมีรายได้ 1,000-2,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายในไลฟ์สไตล์แบบชนชั้นกลางบนได้ โดยโคลอมเบียมีแหล่งไลฟ์สไตล์มากมาย เช่น สนามกอล์ฟ สนามเทนนิส เต้นรำแทงโก้ พิพิธภัณฑ์ แกลลอรีศิลปะ โรงละคร ฯลฯ

อันดับ 9 (ร่วม) ไทย
หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต

จุดเด่นของไทย คือ ภูมิอากาศร้อน แสงแดดสดใส แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมงดงามตั้งแต่หมู่เกาะทางใต้ ไปจนถึงขุนเขาทางเหนือ เต็มไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ ร้านอาหาร-คาเฟ่หลายสัญชาติ งานเทศกาลต่างๆ ที่ทำให้ผู้มาอาศัยมีชีวิตชีวาเสมอ รวมถึงระบบสาธาณสุขดีเยี่ยมโดยบุคลากรที่พูดภาษาอังกฤษได้ โดยทั้งหมดนี้มาพร้อมกับค่าครองชีพที่ต่ำ

ประเทศไทยยังเป็นแหล่งเกษียณอายุมานานหลายทศวรรษ ทำให้ปัจจุบันมีชุมชน expat ที่แข็งแรง โดยเฉพาะชาวอเมริกัน อังกฤษ แคนาเดียน ฝรั่งเศส และสวิส

ในแง่ค่าครองชีพ expat ส่วนใหญ่ในไทยมองว่าหากมีรายได้ 2,500 เหรียญสหรัฐต่อเดือนก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในไทยได้แล้ว

อันดับ 9 (ร่วม) อิตาลี
Photo : Shutterstock

จุดเด่นของอิตาลี คือ ภูมิอากาศ ชายหาด อาหาร ไวน์ กีฬา ระบบสาธารณสุขอันดับ 2 ของโลก และไลฟ์สไตล์ที่แวดล้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

โครงสร้างพื้นฐานของอิตาลีก็รองรับการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งมวลชน อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทั่วประเทศ ระบบไฟฟ้าเสถียร น้ำประปาดื่มได้

ด้านค่าครองชีพที่คนมักจะมองว่าแพง แต่จริงๆ แล้วสามารถใช้ชีวิตได้ในราคา 3,500 เหรียญสหรัฐต่อเดือน หากเลือกพักอาศัยในเมืองหรือในทำเลที่ไม่ใช่จุดท่องเที่ยวหลัก และปัจจุบันอิตาลีมีบางเมืองที่ต้องการหาผู้พักอาศัยด้วย โดยการจ่ายค่าที่พักให้บางส่วนเพื่อดึงคนเข้ามา

อันดับ 8 ฝรั่งเศส
(Photo by Pascal Le Segretain/Getty Images )

ฝรั่งเศสมักจะถูกมองข้ามเมื่อพูดถึงประเทศสำหรับใช้ชีวิตวัยเกษียณ แต่ที่จริงแล้วฝรั่งเศสมีจุดเด่นที่ “คุณภาพชีวิต” ซึ่งฝังอยู่ในวัฒนธรรม มีภูมิความรู้ด้าน “อาหาร” ที่ได้รับยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกประเภทจับต้องไม่ได้ สิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศสเอื้อให้คนวัยเกษียณได้ใช้ชีวิต “สโลว์ไลฟ์” อย่างที่ต้องการ

สำหรับค่าครองชีพที่หลายคนกังวล ที่จริงแล้วหากไม่ได้เลือกอาศัยในปารีสหรือเฟรนช์ริเวียร่า ค่าที่พักจะถูกกว่าในสหรัฐฯ​ ประมาณ 34%

อันดับ 7 กรีซ
ซานโตรินี่ ประเทศกรีซ (Photo by Aleksandar Pasaric from Pexels)

ไม่ต้องสืบเลยว่าทำไมกรีซจึงอยู่ในลิสต์ ประเทศชายทะเลเมดิเตอเรเนียนนี้มีวิวทิวทัศน์แสนงาม ผู้คนมีใจรักการบริการ อาหารชั้นเลิศ เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ และค่าครองชีพไม่สูงมากนัก

หนึ่งในวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการเกษียณอายุ คือคนกรีกมีความเคารพและโอบอุ้มกลุ่มคนสูงวัยมาก ทำให้คนสูงวัยยังเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และทำให้ระบบการแพทย์มีคุณภาพในราคาถูก บุคลากรการแพทย์ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดี

ค่าครองชีพที่ว่าถูกนั้นประมาณการว่าถูกกว่าในสหรัฐฯ ราวครึ่งหนึ่ง และไลฟ์สไตล์ในกรีซยังทำให้การเข้าสังคมไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากอีกด้วย

อันดับ 6 สเปน
(Photo by David Ramos/Getty Images)

อีกหนึ่งประเทศชายทะเลที่มีแดดตลอดปี เป็นประเทศยอดนิยมหลังเกษียณของคนในยุโรปด้วย ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ เยอรมัน หรือกลุ่มยุโรปเหนือ ชื่นชอบที่จะย้ายมาใช้ชีวิตในสเปนหลังเกษียณ

ค่าครองชีพที่จริงไม่ได้สูงมากนัก โดยสามารถใช้จ่ายที่ 2,000-2,500 เหรียญสหรัฐต่อเดือนได้ หากเลือกอาศัยในเมืองที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญหรือเมืองหลวง และราคาพืชผักผลไม้ยังถูกกว่าในสหรัฐฯ​ มากทำให้มีโภชนาการที่ดี นำไปสู่อายุที่ยืนยาว

นอกจากนี้ สเปนยังเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นมิตรกับ LGBTQ+ มากที่สุดในโลก ทำให้มีชุมชนคนวัยเกษียณที่เป็นเพศ LGBTQ+ อยู่ด้วย

อันดับ 5 คอสตาริกา
Photo by Edgar Arroyo / Pexels

ปัจจุบัน 10% ของผู้อาศัยในคอสตาริกาเป็น expat ต่างชาติที่ถูกดึงดูดด้วยจุดเด่นหลายอย่าง เช่น ภูมิอากาศ ค่าครองชีพต่ำ มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตนอกบ้าน คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร และล่าสุดยังให้สิทธิแต่งงานของเพศเดียวกัน ทำให้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เหมาะกับ LGBTQ+

คอสตาริกามีชื่อเล่นว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งอเมริกากลาง” เพราะประเทศไม่มีกองทัพมาตั้งแต่ปี 1948 และใช้งบประมาณส่วนนี้ไปกับการศึกษาและระบบสาธารณสุข จนทำให้เป็นประเทศชั้นนำด้านการแพทย์ในแถบละตินอเมริกา

ค่าครองชีพในคอสตาริกาอยู่ที่ประมาณ 2,500-3,000 เหรียญสหรัฐ เพื่ออาศัยในบ้านหรือคอนโดฯ ขนาด 2 ห้องนอน และใช้ชีวิตได้สะดวกสบาย

อันดับ 4 เอกวาดอร์
เอกวาดอร์ (Photo by Alejandra Tellez Venegas / Pexels)

ประเทศนี้กำลังมาแรงเพราะการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น 30% ในช่วง 5 ปีหลัง ถือเป็นประเทศใหม่ที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก แต่ expat กลับย้ายเข้าไปอยู่มากขึ้น เพราะพบว่าค่าครองชีพถูก แต่มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งขนส่งมวลชนและอินเทอร์เน็ตพร้อม ในภูมิอากาศแสงแดดสดใสชายทะเลแปซิฟิก และผู้คนที่เป็นมิตรกับไลฟ์สไตล์สุดชิล

ค่าครองชีพในเอกวาดอร์อยู่ที่ประมาณ 1,500-1,800 เหรียญสหรัฐต่อเดือนเท่านั้น

อันดับ 3 ปานามา
ปานามา (Photo by Luis Quintero / Pexels)

ปานามามีเสน่ห์จากทะเลสีฟ้าคราม และกิจกรรมไลฟ์สไตล์ครบทั้งแหล่งเที่ยวกลางคืน ร้านอาหาร คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ โรงละคร ฯลฯ มาพร้อมกับค่าครองชีพและราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่สูง พร้อมด้วยบริการทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และน้ำประปาดื่มได้

ปานามามีวีซ่าที่ส่งเสริมให้ expat มาเกษียณอายุที่นี่ โดยถ้าหากมีบำนาญมากกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือนก็สามารถยื่นขอวีซ่าได้ทันที ทำให้มีชุมชนคนต่างชาติจากทั่วโลกมาอาศัย เช่น อเมริกัน แคนาเดียน เวเนซูเอลา อาร์เจนตินา จาไมกา ฝรั่งเศส กรีก เกาหลี จีน ฯลฯ

อันดับ 2 เม็กซิโก
เม็กซิโก (Photo by Rafael Guajardo / Pexels)

เม็กซิโกเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศหลากหลายมาก ตั้งแต่ชายหาด ทะเลทราย ป่าดิบชื้น จนถึงภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม ประเทศนี้ถือเป็นแหล่งอาศัยของ expat อเมริกันและแคนาเดียนมากกว่า 2 ล้านคน

ด้วยความหลากหลายของประเทศทำให้มีไลฟ์สไตล์ตอบสนองคนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแหล่งเที่ยวกลางคืน ปีนเขา เต้นรำ คอนเสิร์ต ละครเวที ฯลฯ และคนท้องถิ่นยังมีความเป็นมิตร ทำให้ชาวต่างชาติสามารถเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้ไม่ยาก

ค่าครองชีพในเม็กซิโกอยู่ที่ 2,000-2,500 เหรียญสหรัฐต่อเดือน รวมค่าประกันสุขภาพแล้ว

อันดับ 1 โปรตุเกส

ประเทศที่เป็นมิตรกับการเกษียณอายุด้วยภูมิประเทศติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม อาหาร รวมถึงผู้คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดีโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ทำให้ประเทศนี้ยินดีต้อนรับชาวต่างชาติ

แหล่งเกษียณของโปรตุเกสนั้นมีให้เลือกทั้งเมืองชายทะเลใกล้ชิดกับแหล่งเกษตรกรรม หรือเมืองหลวงลิสบอนที่เต็มไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้ค่าครองชีพประมาณ 2,500-3,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน

]]>
1432527
“ศุภาลัย” เปิดหมู่บ้านสไตล์อิตาลีใน “เชียงใหม่” ดึงรีเทลท้องถิ่น “กาดฝรั่ง” ขึ้นสาขา https://positioningmag.com/1386155 Fri, 20 May 2022 11:00:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386155 ตลาดต่างจังหวัดยังไปได้ดี ศุภาลัยปี 2565 เปิดหน้าดิน 172 ไร่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” หมู่บ้านหรูที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมอิตาลี พร้อมจับมือกับพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์ “กาดฝรั่ง” ขึ้นบูทีค ไลฟ์สไตล์ มอลล์สาขาใหม่ด้านหน้าโครงการ

“ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร และ “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงเปิดโครงการหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่สุดที่ศุภาลัยเคยพัฒนาในเชียงใหม่ “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” บนถนนโชตนา (ตรงข้ามสนามกอล์ฟซัมมิท กรีน วัลเล่ย์) ที่ดินรวม 172 ไร่ หากพัฒนาครบทั้งโครงการจะมีมูลค่ารวมราว 3,800-4,000 ล้านบาท

อุโมงค์ต้นไม้ ด้านหน้าโครงการศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์

ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ แบ่งที่ดินพัฒนาออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1)โครงการศุภาลัย เบลล่า ดอนแก้ว-แม่ริม บ้านแฝดและบ้านเดี่ยว พื้นที่ 38 ไร่ แบ่งแปลง 218 แปลง ราคาบ้านแฝดเริ่ม 3.4 ล้านบาท ราคาบ้านเดี่ยวเริ่ม 4.3 ล้านบาท เปิดขายเมื่อช่วงต้นปี 2565

2)โครงการศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว-แม่ริม บ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น พื้นที่ 92 ไร่ แบ่งแปลง 370 แปลง ราคาเริ่ม 4.99-16 ล้านบาท เตรียมเปิดขายวันที่ 28-29 พ.ค. 2565

3)พื้นที่โครงการในอนาคต เนื้อที่ประมาณ 30-40 ไร่

(ทั้งนี้ มีพื้นที่ส่วนกลางบริเวณคลับเฮาส์และสระว่ายน้ำอยู่ประมาณ 2 ไร่)

ศุภาลัย เชียงใหม่ กาดฝรั่ง
แผนที่การแบ่งที่ดินในโครงการศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ เชียงใหม่

โครงการนี้เป็นการออกแบบพิเศษจากบริษัท เนื่องจากทำเลที่ดินมีวิวเทือกเขาโอบล้อมคล้ายกับแคว้นทัสคานีในอิตาลี ทำให้เลือกออกแบบในสไตล์อิตาลีที่เข้ากับภูมิประเทศ

โดยไตรเตชะระบุว่า โครงการได้รับความสนใจดี แม้ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่มียอดจองโครงการแล้ว 200 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว-แม่ริม ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ มีกลุ่มลูกค้าจากกรุงเทพฯ จำนวนมากสนใจซื้อเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศหรือบ้านพักหลังเกษียณ เชื่อว่าโครงการนี้อาจมีลูกค้าจากกรุงเทพฯ มากถึง 50% ของยอดขาย จากปกติจะมีสัดส่วน 10-15%

“ทัสคานี วัลเล่ย์จะเป็นโครงการชูโรงในเชียงใหม่ของศุภาลัย จากการเสนอการออกแบบที่แปลกใหม่ในทำเล” ดร.ประทีปกล่าว

ไทป์บ้าน Montana ฟังก์ชันแบบ 5 ห้องนอน ไทป์นี้ราคาเริ่ม 13.58 ล้านบาท
คลับเฮาส์ของโครงการ ออกแบบสไตล์อิตาลี

 

ดึง “กาดฝรั่ง” ขึ้นสาขาใหม่ ช่วยเสริมความคึกคักให้พื้นที่

ด้านหน้าโครงการศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ จะมีการก่อสร้างบูทีค ไลฟ์สไตล์ มอลล์ “เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม” อีกด้วย โดยเป็นสาขา 2 ของกาดฝรั่ง หลังจากประสบความสำเร็จในสาขาแรกที่กาดฝรั่ง วิลเลจ หางดง

ไตรเตชะอธิบายถึงการเฟ้นหาพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์เป็นกลุ่มรีเทลเข้ามาเปิดด้านหน้าโครงการ เนื่องจากพื้นที่แม่ริมแม้เป็นทำเลที่เริ่มมีความเจริญเข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอตอบสนองลูกค้า ทำให้ต้องมีรีเทลด้านหน้าโครงการเป็นแหล่งทานอาหาร ไลฟ์สไตล์ที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น

เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม เตรียมเปิดบริการไตรมาสแรกปี 2566
เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม เตรียมเปิดบริการไตรมาสแรกปี 2566
บรรยากาศจำลองในโครงการเดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม

การออกแบบโครงการเดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม จะเกื้อกูลกันกับหมู่บ้าน ร้านค้าที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดในโครงการจะคัดให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ขณะนี้มีร้านที่ยืนยันเช่าพื้นที่แล้ว เช่น Starbucks, McDonald’s โครงการกาดฝรั่งจะแล้วเสร็จช่วงไตรมาสแรกปี 2566

 

เป้ายอดขาย “ต่างจังหวัด” คาดทะลุ 12,000 ล้าน

ศุภาลัยนั้นถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากกรุงเทพฯ ที่ออกไปพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดมากที่สุด และปี 2565 จะยิ่งเห็นได้ชัดถึงความสำคัญของตลาดภูมิภาคต่อการเติบโตของบริษัท เนื่องจากจะมีการเปิดตัวโครงการต่างจังหวัดมากกว่าในกรุงเทพฯ

รวมถึงยอดขายจากต่างจังหวัดจากเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท ปีนี้ไตรเตชะคาดว่าน่าจะทะลุ 12,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43% ของเป้ายอดขายรวมปี 2565 ของศุภาลัย

แน่นอนว่า Top 5 ต่างจังหวัดที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดต้องมี “เชียงใหม่” อยู่ในโผ ร่วมกับจังหวัดใหญ่ๆ อย่างชลบุรี ระยอง ภูเก็ต และสงขลา

สำหรับตลาดเชียงใหม่นั้นถือเป็นตลาดสำคัญของศุภาลัย เพราะขณะนี้เปิดสะสมไปแล้ว 15 โครงการ ไตรเตชะยังกล่าวด้วยว่า เชียงใหม่ถือเป็นตลาดที่ท้าทายมาก เพราะมีบริษัทท้องถิ่นที่แข็งแรง ทำต้นทุนราคาได้ดี ทำให้ศุภาลัยจะนำเสนอแบรนด์ในแง่คุณภาพและการออกแบบเป็นหลัก

รวมถึงมีการผูกมิตรกับชุมชนรอบข้าง ในส่วนนี้ “สายชล ลืมขำ” ผู้อำนวยการฝ่าย สายงานโครงการภูมิภาค 4 บมจ.ศุภาลัย ยกตัวอย่างในโครงการทัสคานี วัลเล่ย์ ได้ลงทุนบูรณะศาลเจ้าที่และแบ่งที่ดินตัดถนนสาธารณะให้กับชาวบ้าน รวมถึงทำทางน้ำไหลผ่านที่ดินโครงการจากภูเขาลงสู่แปลงนาของชาวบ้านได้ดังเดิม

ในแง่ของกำลังซื้อเชียงใหม่ในช่วงโควิด-19 แม้จะชะลอตัวลง แต่ไม่มากเท่ากับจังหวัดอื่นที่พึ่งพิงการท่องเที่ยวมากกว่า และเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้วในช่วงครึ่งปีหลัง 2564

]]>
1386155
“เชียงใหม่” จุดหมายยอดฮิตซื้อบ้านหลัง “เกษียณ” แต่ยังมีอุปสรรคสำคัญคือ “ราคาสูง” เกินเอื้อม https://positioningmag.com/1381681 Mon, 18 Apr 2022 09:25:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381681 DDproperty จัดสำรวจผู้บริโภคชาวไทย พบว่าคนไทยสนใจซื้อบ้านเพื่อ “เกษียณ” มากขึ้น และจุดหมายที่ฮิตที่สุดคือ “เชียงใหม่” เพราะได้ใกล้ชิดธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่ทำให้หลายคนยังไม่ตัดสินใจซื้อบ้านพักวัยเกษียณคือ “ราคาสูง” เกินไป

DDproperty แพลตฟอร์มซื้อขายที่พักอาศัย จัดทำสำรวจ Thailand Consumer Sentiment Study ประจำรอบครึ่งปีแรกปี 2565 โดยสำรวจผ่านทางออนไลน์ มีผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถาม 936 คน ช่วงอายุ 22-69 ปี

การสำรวจครั้งนี้พบประเด็นที่น่าสนใจคือ คนไทย 3 ใน 4 คนมีการวางแผนที่จะซื้อบ้านหลังที่สองโดยไม่ได้ขายบ้านหลังแรก และเหตุผลอันดับ 1 ที่จะซื้อบ้านหลังที่สอง คือ “ซื้อเพื่อการเกษียณ” (31% ของผู้ตอบแบบสอบถาม) ส่วนเหตุผลรองๆ ลงมา คือ ซื้อให้ญาติ/พี่น้อง (28%) ซื้อเพื่อปล่อยเช่า (26%) ซื้อเพื่อการลงทุน (25%) และซื้อให้ลูก (25%)

จากกลุ่มที่วางแผนซื้อบ้านหลังเกษียณ ตอบว่า จุดหมายอันดับ 1 ที่สนใจคือ “เชียงใหม่” (24%) รองมาคือ “เชียงราย” (10%) และ “ชลบุรี” (8%) เหตุผลสำคัญที่ทำให้สถานที่เหล่านี้เป็นจุดหมายในใจคือ จะได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวมากขึ้น รวมถึงยังได้อยู่ใกล้สถานพยาบาลที่สะดวก และมีระบบขนส่งมวลชนเพื่อเดินทางไปที่ต่างๆ ได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มที่ยังไม่คิดว่าจะซื้อบ้านหลังเกษียณ เนื่องจากยังมีอุปสรรคสำคัญ ข้อแรกคือ ราคาสูงเกินไป (45%) ตามด้วย ยังอยากอยู่ใกล้ครอบครัว (44%) และ ชอบที่อยู่ปัจจุบัน (41%)

แต่ถ้าหากวัดเฉพาะคำตอบจากคนวัย 60 ปีขึ้นไปซึ่งอยู่ในวัยเกษียณแล้ว เหตุผลหลักจะไม่ใช่เรื่องราคา แต่ผู้สูงอายุ 52% ต้องการอยู่บ้านเดิมของตนมากกว่าย้ายไปยังบ้านพักวัยเกษียณ และ 51% ต้องการอยู่กับครอบครัว

ทั้งนี้ DDproperty มีการสรุปรูปแบบบ้านพักวัยเกษียณที่มีในปัจจุบันออกเป็น 2 แบบ คือ

1.บ้านพักคนชรา – โครงการที่พักอาศัยที่มีพยาบาลวิชาชีพดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีหลายระดับตั้งแต่แบบห้องพักรวม ห้องพักเดี่ยว หรือแยกบ้านเป็นหลังๆ ในโครงการ คิดค่าบริการเป็นรายเดือน พร้อมอาหาร 3 มื้อ อุปกรณ์ดูแล กิจกรรมพิเศษ ฯลฯ เหมาะสมกับคนชราที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษซึ่งอาจจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ราคาจะเริ่มตั้งแต่หลักพันบาทต่อเดือน แต่บ้านพักคนชราในไทยที่ราคาไม่สูงค่อนข้างจะมีจำกัด

2.บ้าน/คอนโดผู้สูงอายุ – โครงการที่พักอาศัยที่ออกแบบมาเพื่อให้วัยเกษียณใช้ชีวิตได้สะดวกและปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มีกิจกรรมที่จัดขึ้นบ่อยๆ เพื่อให้วัยเกษียณมีสังคมและไม่เหงา โครงการประเภทนี้มักจะขายขาด หรือทำสัญญาเช่ายาว 30 ปี โดยราคาไม่รวมค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และบำรุงรักษาที่อยู่อาศัย ดังนั้น โครงการจึงเหมาะกับผู้สูงอายุที่ยังดูแลตนเองได้ และมีการบริหารการเงินเพียงพอที่จะดูแลค่าใช้จ่ายทุกด้านได้

น่าสนใจว่า หลังจากประเทศไทยเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมสูงอายุ และปี 2564 ที่ผ่านมายังเป็นปีแรกที่มีจำนวนประชากรเกิดใหม่น้อยกว่าการตาย ซึ่งน่าจะเป็นแนวโน้มสำคัญที่ทำให้คนในสังคมจะมีประชากรที่ไม่มีบุตรหลานมากขึ้น จึงคิดถึงการวางแผนการอยู่อาศัยในช่วงเกษียณสูงขึ้น และอาจจะส่งผลให้โครงการสำหรับผู้สูงอายุเป็นที่ต้องการมากขึ้นในอนาคตด้วย

]]>
1381681
วิจัยเกาหลีพบ “วัยเกษียณ” ฉีด Pfizer/AstraZeneca “เข็มเดียว” ประสิทธิภาพเกิน 86% https://positioningmag.com/1330730 Thu, 06 May 2021 05:19:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330730 ข้อมูลจากเกาหลีพบว่า ผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไปหลังได้รับวัคซีน Pfizer หรือ AstraZeneca เพียงเข็มเดียว ประสิทธิภาพป้องกัน COVID-19 สูงมากกว่า 86%

รายงานข่าวจาก Reuters ระบุข้อมูลที่ออกโดย สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคเกาหลีใต้ (KDCA) พบว่า วัคซีน Pfizer มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค COVID-19 อยู่ที่ 89.7% หลังการฉีดเข็มแรก 2 สัปดาห์ ขณะที่วัคซีน AstraZeneca สามารถป้องกันได้ 86.0% หลังฉีดเข็มแรก 2 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม กลุ่มประชากรที่ KDCA ศึกษา เป็นการเจาะเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไปจำนวน 3.5 ล้านคน โดยกว่า 5.2 แสนคนในจำนวนนี้ได้รับวัคซีนเข็มแรกมานานกว่า 2 เดือนแล้ว

ด้านผลข้างเคียงร้ายแรงจากการฉีดวัคซีน ทางกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ระบุว่ามีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ แต่อยู่ใน “อัตราที่ต่ำมาก” และส่วนใหญ่สามารถรักษาได้

ปัจจุบัน เกาหลีใต้มีประชากรได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็มคิดเป็นสัดส่วน 6.7% ของประชากรทั้งหมด หากวัดประชากรที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มจะมีเพียง 0.5% เท่านั้น โดยประเทศนี้ตั้งเป้าจะสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชากร 70% ภายในเดือนกันยายน และต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ภายในเดือนพฤศจิกายน

Photo : Shutterstock

ผลการศึกษาของ KDCA ค่อนข้างแตกต่างจากข้อมูลประสิทธิภาพวัคซีนสองชนิดนี้ที่เคยมีการศึกษามา เพราะก่อนหน้านี้ AstraZeneca ถูกระบุว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโรค 76% หลังจากฉีดครบ 2 โดส ซึ่งต่ำกว่าที่ KDCA พบว่าฉีดเพียงเข็มเดียวก็ป้องกันได้ถึง 86% แล้ว

ขณะที่ Pfizer ยังถือเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกัน เพราะข้อมูลเดิมพบว่าการฉีดครบ 2 โดสจะป้องกันได้ 95% เพิ่มขึ้นมากกว่าการฉีดโดสเดียวที่ป้องกันได้ 89.7% ตามการศึกษาของ KDCA

ความแตกต่างนี้ เป็นไปได้ว่าเกิดจากสายพันธุ์ของ COVID-19 ที่เกิดกลายพันธุ์ไปหลายพันธุ์แล้ว เช่น สายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์แอฟริกาใต้ โดยที่ KDCA ไม่ได้ระบุแยกย่อยถึงประสิทธิภาพการป้องกันต่อสายพันธุ์ต่างๆ

ข้อมูลนี้มีความสำคัญ เพราะขณะนี้สหราชอาณาจักรวางแผนการฉีดวัคซีนโดยเน้นการฉีด “เข็มแรก” ให้กับประชากรให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประเทศก่อน ดังนั้น ข้อมูลประสิทธิภาพจากการฉีดเข็มแรกที่เกิดขึ้นจะเป็นข้อมูลสนับสนุนสำคัญต่อวิธีวางแผนของอังกฤษ และอาจเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นที่เพิ่งเริ่มการฉีดวัคซีนได้

Source

]]>
1330730
60 ยังแจ๋ว! แนะ 7 อาชีพสร้างรายได้ให้ผู้สูงวัยในยามเกษียณ https://positioningmag.com/1249399 Thu, 10 Oct 2019 07:52:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1249399 สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเตรียมตัวเพื่อรองรับกับสังคมผู้สูงอายุ จึงเป็นเรื่องที่คนไทยไม่อาจจะมองข้าม ถ้าถามผู้ใหญ่วัย 60 หลายๆ ท่านแล้ว ก็ได้คำตอบตรงกันว่า “อยู่บ้านมันว่างเกินไป อยากหาอะไรทำแก้เบื่อ” วันนี้ทางธนาคารออมสิน มี 7 อาชีพ สำหรับผู้สูงอายุในวัยเกษียณ มาแนะนำ

1. รับเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท

การที่อาบน้ำร้อนมาก่อนถือว่าได้เปรียบมาก เพราะถึงแม้คนหนุ่มสาวจะมีเรี่ยวแรงและมีไฟในการทำงานมากกว่า แต่ประสบการณ์ในด้านการทำงานและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่มีทางที่จะมีเท่าผู้ใหญ่แน่นอน ดังนั้น บริษัทมักว่าจ้างพนักงานที่เกษียณอายุแล้วเป็นที่ปรึกษาให้กับรุ่นน้องในทีม เพื่อคอยชี้แนะแนวทางนั่นเอง

2. ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์

สำหรับผู้สูงอายุที่พอจะมีกำลังทรัพย์อยู่บ้าง อาจซื้อห้องแถว ห้องเช่า หรือคอนโดสักห้องไว้เพื่อปล่อยเช่าอีกทีก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ สมัยนี้ หากสามารถซื้อห้องในทำเลดีๆ ได้ อาจสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาดีเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ย่านอโศกหรือทองหล่อ ถ้าเป็นห้องเช่าก็อาจจะเก็บค่าเช่าได้ถึงเดือนละ 9,000 – 10,000 บาท หรือถ้าเป็นห้องคอนโดก็อาจจะได้สูงถึงเดือนละ 13,000 – 15,000 บาทเลยทีเดียว รับเงินรายเดือนได้เลยสบายๆ แต่ย่านเหล่านี้ก็ค่อนข้างราคาสูงอยู่เหมือนกัน หากใครที่ไม่ได้มีงบประมาณสูงมาก อาจมองหาทำเลที่อยู่ชานเมืองหน่อย แต่ก็ยังสามารถเดินทางได้สะดวก เช่น ย่านบางนา วงเวียนใหญ่ พญาไท ราชเทวี เป็นต้น

3. ทำอาหาร/ขนมขาย

ผู้สูงอายุบางท่านที่ชื่นชอบการทำอาหาร อาจรับทำอาหารกล่องส่งตามบ้านใกล้เคียง หรือสำนักงานใกล้เคียงก็ได้ ส่วนใครที่ถนัดทำขนมหวานมากกว่า อาจลองทำขนมตั้งขายที่หน้าบ้าน ตลาดแถวบ้าน หรือติดต่อร้านเบเกอรี่แถวบ้านก็ได้ เผื่อว่าจะสามารถขยับขยายเป็นการทำขนมส่งประจำร้านนั้นๆ ไปเลย

4. เพาะต้นไม้จำหน่าย

การเพาะปลูกต้นไม้ถือเป็นงานอดิเรกยอดฮิตอย่างหนึ่งของผู้สูงอายุเลยก็ว่าได้ เพราะผู้สูงอายุหลายๆ คนมือเย็น และใจเย็นในการดูแลถะนุถนอมต้นไม้ตั้งแต่เล็กๆ ให้เติบใหญ่ แม้อาชีพนี้อาจไม่ได้ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย เพราะผู้สูงอายุเองจะได้ใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แถมได้ออกแรงบ้างเล็กน้อย ก็จะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นได้ แถมยังเป็นกิจกรรมที่ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

5. ลงทุนในหุ้นปันผล/สลากออมสิน

แม้ว่าวัยเกษียณอาจไม่เหมาะกับการเล่นหุ้นเท่าไหร่นักในความคิดของหลายๆ คน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่หากผู้สูงอายุที่ลองศึกษาและเลือกหุ้นที่ดีเป็นบริษัทที่ให้ผลที่น่าพอใจและมีความมั่นคงในการประกอบธุรกิจก็สามารถเป็นรายได้อีกทางหนึ่งได้สบาย หรือหากใครที่มีเงินเย็นแต่ไม่ชอบความเสี่ยงสูงๆ อาจลองซื้อสลากออมสินเป็นอีกทางเลือกก็ได้ ไม่ต้องเสี่ยงมากแถมสร้างความตื่นเต้น ได้ลุ้นรางวัลทุกเดือนอีกด้วย

6. ทำงานประดิษฐ์/งานฝีมือขาย

สมัยที่ยังทำงาน บางคนอาจทำงานประดิษฐ์เป็นงานอดิเรกยามว่าง แต่เมื่อเกษียณอายุและมีเวลาว่างเหลือเฟือ น่าจะดีถ้าลองหยิบจับทักษะงานฝีมือของตนเองมาทำเงินดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นงานเย็บ ปัก ถัก ร้อย ต่างๆ อาจให้ลูกหลานช่วยเรื่องการโฆษณาหรือค้าขายให้แทนก็ได้ เดี๋ยวนี้ขายของออนไลน์ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น เรื่องรับเงินก็รับได้ง่ายดายเช่นกัน

7. ทำธุรกิจตู้หยอดเหรียญ

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นตู้หยอดเหรียญเต็มไปหมด ไม่ว่าจะตู้กดน้ำ ตู้ซักผ้า ตู้เติมเงิน หรือตู้เติมน้ำมัน ด้วยความสะดวกสบายต่อผู้ใช้งาน ธุรกิจนี้จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าลงทุนไม่ใช่น้อย และถ้ามองดีๆ ธุรกิจนี้ก็เป็นอีกธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากไม่มีภาระให้ต้องคอยดูแลมากนัก จะมีก็เพียงค่าดูแลรักษาตู้ และคอยเก็บเหรียญที่หยอดเท่านั้นเอง

แม้จะเกษียณจากการทำงานมาอยู่บ้านแล้ว ก็ใช่ว่าชีวิตจะต้องน่าเบื่อเสมอไป ถึงสภาพแวดล้อมจะต่างจากตอนที่ต้องเดินทางเป็นชั่วโมง ฝ่ารถติด ฝ่าฝูงคนเพื่อไปนั่งทำนางในออฟฟิศ แต่การได้นำงานอดิเรกที่ชอบมาทำจนก่อเกิดรายได้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายเหมือนกัน ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้รับค่าตอบแทน แถมไม่เหงาด้วย.

ที่มา : GSB ธนาคารออมสิน

]]>
1249399