วัยเกษียณ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 19 Oct 2025 12:49:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 5 สัญญาณเสี่ยงคนไทย เมื่อประเทศก้าวสู่ ‘สังคมสูงวัยระดับสุดยอด’ https://positioningmag.com/1543364 Sun, 19 Oct 2025 04:44:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1543364 สิ่งที่น่ากังวลและเป็นความท้าทายกับการก้าวสู่ ‘สังคมสูงวัยระดับสุดยอด’ (Super Aged Society) ของประเทศ ไทยในอีก 10 ข้างหน้า ไม่ใช่ ‘จำนวนของผู้สูงอายุ’ แต่เป็นการที่ชีวิตของคนทุกวัยกำลัง ‘ไร้อิสระ’ จากผล กระทบของวิกฤตประชากรที่จะเกิดขึ้น

 

บนเวทีเสวนา ‘ภารกิจคิดเผื่อ X Life Fest 40+’ ในงาน ‘Life Fest 40+ รู้ก่อน ดีกว่า’ ได้สะท้อนให้เห็นว่า ในอีกไม่เกิน 10 ปี ไทยกำลังเข้าสู่ Super Aged Society โดยในปี 2567 ข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติ (สสช.) ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 60 ขึ้นไป เพิ่มขึ้นคิดเป็น 20% ของประชากร หรือสูงถึง 1 ใน 5 ของประเทศ

 

นอกจากนี้ ไทยกำลังเผชิญสถานการณ์มีเด็กเกิดใหม่น้อยที่สุดในรอบ 70 ปี ชัดเจนในปี 2567 ที่บ้านเรามีเด็กเกิดใหม่น้อยกว่า 500,000 คน ซึ่งเป็นการเร่งให้สังคมเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอดไวมากขึ้น ขณะเดียวกัน สัดส่วนแรงงานก็ลดน้อยลงอย่างเห็นชัดเจน

 

สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นความท้าทายและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัวทุกวัย เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังพึ่งพารายได้จากผู้อื่นเป็นหลัก เมื่อรวมกับความเปราะบางทางเศรษฐกิจและสุขภาพที่เพิ่มขึ้นด้วยแล้ว ทำให้การที่ชีวิตของคนทุกวัยกำลังไร้อิสระ โดยเฉพาะ ‘เดอะแบก’ ที่ต้องดูแลทั้งผู้สูงอายุในครอบครัวและดูแลครอบครัวของตัวเอง 

 

5 ข้อที่ทำให้ชีวิตของคนไทยไร้อิสระ

 

1.ด้านการเงิน (Wealth+) : ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปี 2568 พบว่า กว่า 95% ของครัวเรือนไทยยังมีหนี้ และหนี้เฉลี่ย 740,596 บาท/ครัวเรือน สูงสุดรอบ 4 ปี ขณะที่ข้อมูลจาก สสช. ชี้ให้เห็นถึงปัญหาการวางแผนการเก็บออมในยามชราและเมื่อต้องเกษียณของคนไทย พบว่า 

-มีเพียง 13.2% ที่คิด/วางแผน และทำได้ตามแผน

-21.7% คิด/วางแผน แต่ยังไม่เริ่มทำ

-45.3% คิด/วางแผน แต่ทำไม่ได้ตามแผนหรือที่ตั้งใจ 

-19.8% ยังไม่คิด ยังไม่วางแผน 

 

ส่วนรายได้หลักของผู้สูงอายุ โดย 35.7% มาจากลูกหลาน รองลงมา 33.9% มาจากการทำงาน โดยผู้สูงอายุที่ยังต้องทำงานมีอยู่ 5.26 ล้านคน หรือ 37.2%

 

สะท้อนให้เห็นถึงเหตุจำเป็นที่อาจทำให้ผู้สูงอายุหยุดทำงานไม่ได้ รวมถึงในวันที่ทำงานไม่ไหว หรือ ไม่มีตลาดแรงงานรองรับ หนี้สินทั้งหมดรวมถึงค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูก็จะตกมาถึงลูกหลานวัยทำงาน

2.ด้านสุขภาพ (Health+) : ข้อมูลจากกรมควบคุมโรคเผยไทยมี “ผู้ป่วยความดัน” ราว 14 ล้านคน แต่ขึ้นทะเบียนรักษาเพียง 7 ล้านคน อีกทั้งคนไทยป่วยเบาหวานราว 6.5 ล้านคน หรือประมาณ 1 ใน 10 และจำนวนผู้ไม่รู้สถานะอีกจำนวนมาก ซึ่งโรคในหมวด NCDs เหล่านี้เป็นฐานความเสี่ยงใหญ่ของวัย 40+ ที่จะลากยาวถึงวัยสูงอายุ ทั้งต้นทุนรักษาค่อนข้างสูงและทอนคุณภาพชีวิตครัวเรือน

 

3.ด้านจิตใจ (Mind+) : จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อย่างน้อย 1 ใน 4 ของผู้สูงอายุเผชิญภาวะ social isolation ขณะที่สสช. ระบุจากผู้สูงอายุทั้งหมด 14 ล้านคน มี 12.9% ที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง ซึ่งอาจเป็นปัญหาที่ทำให้ผู้สูงวัยพัฒนาไปสู่ภาวะซึมเศร้าแบบไม่รู้ตัว และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติภายในบ้าน หรือเจ็บป่วยโดยไม่มีผู้ดูแล เพิ่มโอกาสในการเสียชีวิตสูงมากขึ้น

 

4.ด้านไลฟ์สไตล์ (Living+): จากข้อมูล สสช. มีผู้สูงอายุหกล้มที่บ้านสูงถึง 82.9% แบ่งเป็นบริเวณบ้าน 50.5% และภายในบ้าน 32.4% สอดคล้องข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ชี้ 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุ หกล้มทุกปี และต้องเข้าพักรับการรักษาในโรงพยาบาลกว่า 165,000 คน บาดเจ็บรุนแรงถึงขั้นกระดูกสะโพกหักกว่า 40,000 รายต่อปี โดย 17% ของผู้ที่กระดูกสะโพกหัก จะเสียชีวิตภายใน 1 ปี ชี้ให้เห็นถึงปัญหาการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ไม่เป็นมิตรกับผู้สูงวัย

 

5.ด้านเทคโนโลยี (Digital+) : ผู้สูงวัยตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์เพิ่มขึ้นจาก 16% ในปี 2564 เป็น 23.12% ในปี 2567 สาเหตุเกิดจากการขาดทักษะตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจ และขาดการไตร่ตรองก่อนเชื่อหรือแชร์ ส่งผลให้ต้องสูญเสียทรัพย์สิน กระทบต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความมั่นคงในการใช้ชีวิต

นอกจากสะท้อนให้เห็นผลกระทบเมื่อไทยเข้าสู่ Super Aged Society เวทีเสวนาดังกล่าว ยังแนะนำเพื่อรับมือสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพื่อแก้ปัญหาของสังคมสูงวัย และทำให้คนทุกวัยมีชีวิตที่เป็นอิสระ โดยด้านการเงิน แนะนำให้วางแผนการเงินอย่างชาญฉลาด ปลดภาระหนี้สิน สร้างความมั่นคงระยะยาว

 

ด้านสุขภาพ แนะนำบาลานซ์สุขภาพแบบองค์รวม ทั้งการกิน การออกกำลังกาย พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในทุกช่วงวัย, ด้านจิตใจ ให้สร้างสมดุลชีวิต ดูแลความสัมพันธ์ และความสุขที่ยั่งยืน, ด้านไลฟ์สไตล์ ให้ปรับไลฟ์สไตล์และที่อยู่อาศัย เปิดมุมมองชีวิตใหม่ เพิ่มคุณภาพชีวิตในทุกมิติ และการเป็น Active citizen

 

สุดท้ายด้านเทคโนโลยี ให้พัฒนาตัวเองให้เท่าทันทันเทคโนโลย ใช้นวัตกรรมอย่างฉลาดและปลอดภัย

]]>
1543364
55% ของคนทำงานยังมี “เงินเก็บ” ไม่พอใช้หลัง “เกษียณ” หรือยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันนั้นจะมีพอหรือเปล่า https://positioningmag.com/1434313 Thu, 15 Jun 2023 12:43:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1434313 World Economic Forum สำรวจกลุ่มตัวอย่างจากคนวัยทำงานในหลายทวีป พบว่าคนส่วนใหญ่ 55% ยังไม่มี “เงินเก็บ” พอใช้หลัง “เกษียณ” หรือยังไม่รู้ว่าเมื่อถึงวันนั้นจะมีพอหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม 44% ของคนวัยต่ำกว่า 40 ปียังฝันถึงการเกษียณในวัยไม่เกิน 60 ปี แม้แนวโน้มของคนส่วนใหญ่จะทำไม่ได้ตามเป้า

คนในโลกนี้พร้อมแค่ไหนที่จะ “เกษียณ” อายุ? World Economic Forum (WEF) หาคำตอบผ่านการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 397 คนจากหลากหลายทวีป ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปยุโรป ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ ทวีปเอเชีย และตะวันออกกลาง ตามลำดับ โดย 90% สำรวจในกลุ่มคนที่จบการศึกษาชั้นปริญญาตรีขึ้นไป แต่มีการกระจายตัวของกลุ่มอายุ ตั้งแต่ไม่เกิน 20 ปี จนถึงกลุ่มอายุมากกว่า 70 ปี

การสำรวจครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะสหประชาชาติพบว่าค่าเฉลี่ยอายุขัยประชากรได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก จากอายุขัย 48 ปีในปี 1950 ขึ้นมาเป็น 73 ปีในปี 2019 และยังคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะขึ้นไปแตะ 81 ปีในปี 2100 อีกด้วย

ด้วยอายุขัยที่เพิ่มมากขึ้นจากคนรุ่นพ่อแม่หรือรุ่นปู่ย่าตายายถึง 20 ปี นั่นแปลว่าประชากรวัยเกษียณในยุคต่อจากนี้จะต้องมีเงินเก็บเตรียมไว้ใช้หลังเกษียณมากกว่าเดิม มิฉะนั้นอาจเกิดความเสี่ยงที่จะกลายเป็นคนยากไร้ในวัยชราได้

นอกจากอายุขัยจะเพิ่มขึ้นแล้ว ความคาดหวังของคนยุคนี้ยังต้องการจะเกษียณเร็วด้วย โดย 44% ของคนวัยไม่เกิน 40 ปี หวังว่าตนจะได้เกษียณในวัยไม่เกิน 60 ปี

(Photo : Shutterstock)

ในทางกลับกัน มีคนกลุ่มใหญ่เหมือนกันที่ต้องการทำงานไปเรื่อยๆ โดยมี 40% ของผู้ถูกสำรวจที่ต้องการทำงานไปจนอายุมากกว่า 65 ปี หากแยกตามประเทศที่อาศัยอยู่ คนทำงานจนถึงวัยชรามักจะอยู่ในเอเชียแปซิฟิก เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ อินเดีย จีน

แล้วคนเรามองว่า “ตนเองต้องการรายได้เท่าไหร่หลังเกษียณ?” คำตอบเป็นดังนี้

  • 9% ต้องการ 1 ส่วน 3 ของรายรับสุทธิปัจจุบัน
  • 24% ต้องการ 1 ส่วน 2 ของรายรับสุทธิปัจจุบัน
  • 38% ต้องการ 2 ส่วน 3 ของรายรับสุทธิปัจจุบัน
  • 23% ต้องการเท่ากับรายรับสุทธิปัจจุบัน
  • 6% ต้องการมากกว่ารายรับสุทธิปัจจุบัน
เกษียณ
(ที่มา: World Economic Forum)

 

ความเป็นจริงแล้วคนเราจะไม่ได้ “เกษียณ” ตามแผนที่ฝันไว้

แม้ว่าจะมีตัวเลขในใจแล้วว่าควรมีรายได้เท่าไหร่หลังเกษียณ แต่คนถึง 55% กลับยังไม่มีเงินเพียงพอหรือยังไม่รู้ว่าตัวเองจะมีเงินเก็บได้ถึงเป้าที่ตั้งไว้หลังเกษียณหรือไม่ และเฉพาะในกลุ่มคนวัยไม่เกิน 40 ปี มีถึง 37% ที่ยังไม่เคยคำนวณเลยด้วยว่าตนเองต้องมีเงินเก็บหลังเกษียณมากน้อยแค่ไหน

WEF ยังรายงานด้วยว่า ในความเป็นจริงแล้วมีความเป็นไปได้ที่คนส่วนใหญ่จะไม่ได้เกษียณตามแผนที่ฝันไว้ เพราะตัวเลขรายได้หลังเกษียณที่ต้องการไม่สอดคล้องกับความจริงที่สามารถทำได้ นั่นแปลว่าคนทำงานจะมีทางออกอยู่ 4 เส้นทางหากต้องการจะถึงฝัน คือ

  1. เก็บเงินออมให้มากขึ้นตั้งแต่วันนี้
  2. เกษียณให้ช้าลง
  3. ยอมรับที่จะมีรายได้หลังเกษียณน้อยลง
  4. ปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เสี่ยงมากขึ้นแต่โอกาสได้ผลตอบแทนจะสูงขึ้น
45% ของกลุ่มคนวัยไม่เกิน 40 ปี คาดว่าตนเองจะต้องมีเงินเก็บเตรียมไว้ดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า

อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจที่จะทำให้แผนเกษียณของคนยุคต่อไปยากยิ่งขึ้น เพราะคนกลุ่มใหญ่มองว่านอกจากจะเตรียมเงินเก็บให้ตนเองแล้ว “ยังต้องเตรียมเงินเก็บไว้ดูแลพ่อแม่ยามแก่ชราด้วย” โดย 1 ใน 3 ของผู้ถูกสำรวจเห็นด้วยว่าตนเองจะต้องใช้เงินดูแลพ่อแม่ในอนาคต

ตัวเลขนี้ยิ่งสูงขึ้นในกลุ่มคนวัยไม่เกิน 40 ปี ซึ่งมีถึง 45% ที่คาดว่าตนเองจะต้องมีเงินเก็บเตรียมไว้ดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า โดยเฉพาะผู้ถูกสำรวจจากทวีปเอเชียและตะวันออกกลาง รวมถึงคนเชื้อชาติอื่นที่ไม่ใช่คนผิวขาวในทุกทวีป จะยิ่งมีค่าเฉลี่ยปัจจัยเรื่องการดูแลพ่อแม่มากกว่าคนอื่น

สรุปจาก WEF มีความเห็นว่า โลกกำลังก้าวสู่ยุคสมัยใหม่ที่ประชากรต้องเปลี่ยนมุมมองเรื่องการ “เกษียณ” ที่ต่างไปจากคนรุ่นก่อน จากในอดีตคนเรามีขั้นตอนการใช้ชีวิต 3 ขั้น คือ วัยเรียน, วัยทำงาน และวัยเกษียณ แต่ยุคต่อไปชีวิตจะมีหลายขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้นและคนเราอาจจะมีทางเดินหลายแบบ หมายถึงเราจะต้องอาศัยการเรียนรู้ตลอดชีวิต เปลี่ยนแปลงอาชีพ และมีอาชีพใหม่ในช่วงบั้นปลาย รวมถึงโลกทางการเงินอาจจะต้องมีวิธีหรือนวัตกรรมใหม่ที่จะส่งเสริมให้คนยังยืดหยุ่นทางการเงินได้ หากอายุขัยยืนยาวขึ้นกว่าเดิม

Source

]]>
1434313
“ไทย” ติดอันดับ 9 ประเทศที่เหมาะใช้ชีวิตหลัง “เกษียณ” มากที่สุดในโลก ปี 2023 https://positioningmag.com/1432527 Tue, 30 May 2023 12:38:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1432527 นิตยสาร International Living จัดอันดับประเทศที่เหมาะกับกับการใช้ชีวิตวัย “เกษียณ” ประจำปี 2023 ปรากฏ “ไทย” ติดโผในอันดับ 9 และเป็นประเทศแถบเอเชียหนึ่งเดียวที่ติดลิสต์ในกลุ่ม 10 อันดับแรก สะท้อนศักยภาพประเทศไทยยังแข็งแรงหลังผ่านพ้นโควิด-19

International Living นิตยสารอเมริกันด้านการใช้ชีวิตเกษียณในต่างประเทศที่มีมานานกว่า 30 ปี และมีการจัดอันดับประเทศที่เหมาะกับกับการใช้ชีวิตวัย “เกษียณ” อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในปี 2023 ปรากฏว่าประเทศ “ไทย” ยังคงอยู่ในใจชาวต่างชาติ ติดอันดับลิสต์นี้ในอันดับที่ 9

ไทยถือเป็นประเทศแถบเอเชียหนึ่งเดียวในกลุ่ม 10 อันดับแรก ร่วมกับประเทศในทวีปยุโรปและอเมริกา โดยนิตยสารฉบับนี้มองจุดเด่นไทยในการใช้ชีวิตหลังเกษียณ คือ ค่าครองชีพต่ำ อุดมด้วยแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งไลฟ์สไตล์ ระบบสาธารณสุขดีและบุคลากรสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ รวมถึงสภาพอากาศมีแดดตลอดปี

การจัดอันดับของ International Living นั้นรวบรวมอินไซต์จากเครือข่ายแหล่งข่าวที่นิตยสารมี ซึ่งทางนิตยสารมองว่ามีน้ำหนักมากกว่าการเปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาโหวตหรือส่งข้อมูลใดๆ ก็ได้

10 อันดับแรกประเทศที่เหมาะกับกับการใช้ชีวิตวัย “เกษียณ” ประจำปี 2023 ได้แก่

อันดับ 10 โคลอมเบีย
Cartagena de Indias ประเทศโคลอมเบีย (Photo: Shutterstock)

จุดเด่นของโคลอมเบีย คือ การได้ใช้ชีวิตในภูมิอากาศที่ดีตลอดปีด้วยค่าครองชีพต่ำ และวัฒนธรรมคนท้องถิ่นเปิดกว้างต่อคนแปลกหน้า ยินดีต้อนรับผู้มาอยู่อาศัยใหม่ นอกจากนี้ โคลอมเบียยังมีระบบสาธารณสุขที่ดีระดับ Top 25 ของโลก ในราคาที่ต่ำกว่าในสหรัฐฯ 2-3 เท่า

ปัจจุบันโคลอมเบียมีวีซ่าระบบใหม่เอื้อต่อผู้พำนักต่างชาติมากขึ้น โดยชาวต่างชาติที่มีเงินบำนาญไม่ต่ำกว่าเดือนละ 700 เหรียญสหรัฐ สามารถขอวีซ่าเกษียณในโคลอมเบียได้ทันที รวมถึงมีการเปิดวีซ่าสำหรับกลุ่ม ดิจิทัล โนแมด ด้วยเช่นกัน

ค่าใช้จ่ายที่ต่ำในโคลอมเบียหมายถึงการมีรายได้ 1,000-2,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายในไลฟ์สไตล์แบบชนชั้นกลางบนได้ โดยโคลอมเบียมีแหล่งไลฟ์สไตล์มากมาย เช่น สนามกอล์ฟ สนามเทนนิส เต้นรำแทงโก้ พิพิธภัณฑ์ แกลลอรีศิลปะ โรงละคร ฯลฯ

อันดับ 9 (ร่วม) ไทย
หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต

จุดเด่นของไทย คือ ภูมิอากาศร้อน แสงแดดสดใส แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมงดงามตั้งแต่หมู่เกาะทางใต้ ไปจนถึงขุนเขาทางเหนือ เต็มไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ ร้านอาหาร-คาเฟ่หลายสัญชาติ งานเทศกาลต่างๆ ที่ทำให้ผู้มาอาศัยมีชีวิตชีวาเสมอ รวมถึงระบบสาธาณสุขดีเยี่ยมโดยบุคลากรที่พูดภาษาอังกฤษได้ โดยทั้งหมดนี้มาพร้อมกับค่าครองชีพที่ต่ำ

ประเทศไทยยังเป็นแหล่งเกษียณอายุมานานหลายทศวรรษ ทำให้ปัจจุบันมีชุมชน expat ที่แข็งแรง โดยเฉพาะชาวอเมริกัน อังกฤษ แคนาเดียน ฝรั่งเศส และสวิส

ในแง่ค่าครองชีพ expat ส่วนใหญ่ในไทยมองว่าหากมีรายได้ 2,500 เหรียญสหรัฐต่อเดือนก็สามารถใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพในไทยได้แล้ว

อันดับ 9 (ร่วม) อิตาลี
Photo : Shutterstock

จุดเด่นของอิตาลี คือ ภูมิอากาศ ชายหาด อาหาร ไวน์ กีฬา ระบบสาธารณสุขอันดับ 2 ของโลก และไลฟ์สไตล์ที่แวดล้อมด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

โครงสร้างพื้นฐานของอิตาลีก็รองรับการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งมวลชน อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทั่วประเทศ ระบบไฟฟ้าเสถียร น้ำประปาดื่มได้

ด้านค่าครองชีพที่คนมักจะมองว่าแพง แต่จริงๆ แล้วสามารถใช้ชีวิตได้ในราคา 3,500 เหรียญสหรัฐต่อเดือน หากเลือกพักอาศัยในเมืองหรือในทำเลที่ไม่ใช่จุดท่องเที่ยวหลัก และปัจจุบันอิตาลีมีบางเมืองที่ต้องการหาผู้พักอาศัยด้วย โดยการจ่ายค่าที่พักให้บางส่วนเพื่อดึงคนเข้ามา

อันดับ 8 ฝรั่งเศส
(Photo by Pascal Le Segretain/Getty Images )

ฝรั่งเศสมักจะถูกมองข้ามเมื่อพูดถึงประเทศสำหรับใช้ชีวิตวัยเกษียณ แต่ที่จริงแล้วฝรั่งเศสมีจุดเด่นที่ “คุณภาพชีวิต” ซึ่งฝังอยู่ในวัฒนธรรม มีภูมิความรู้ด้าน “อาหาร” ที่ได้รับยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกประเภทจับต้องไม่ได้ สิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศสเอื้อให้คนวัยเกษียณได้ใช้ชีวิต “สโลว์ไลฟ์” อย่างที่ต้องการ

สำหรับค่าครองชีพที่หลายคนกังวล ที่จริงแล้วหากไม่ได้เลือกอาศัยในปารีสหรือเฟรนช์ริเวียร่า ค่าที่พักจะถูกกว่าในสหรัฐฯ​ ประมาณ 34%

อันดับ 7 กรีซ
ซานโตรินี่ ประเทศกรีซ (Photo by Aleksandar Pasaric from Pexels)

ไม่ต้องสืบเลยว่าทำไมกรีซจึงอยู่ในลิสต์ ประเทศชายทะเลเมดิเตอเรเนียนนี้มีวิวทิวทัศน์แสนงาม ผู้คนมีใจรักการบริการ อาหารชั้นเลิศ เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ และค่าครองชีพไม่สูงมากนัก

หนึ่งในวัฒนธรรมที่เอื้อต่อการเกษียณอายุ คือคนกรีกมีความเคารพและโอบอุ้มกลุ่มคนสูงวัยมาก ทำให้คนสูงวัยยังเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และทำให้ระบบการแพทย์มีคุณภาพในราคาถูก บุคลากรการแพทย์ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดี

ค่าครองชีพที่ว่าถูกนั้นประมาณการว่าถูกกว่าในสหรัฐฯ ราวครึ่งหนึ่ง และไลฟ์สไตล์ในกรีซยังทำให้การเข้าสังคมไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากอีกด้วย

อันดับ 6 สเปน
(Photo by David Ramos/Getty Images)

อีกหนึ่งประเทศชายทะเลที่มีแดดตลอดปี เป็นประเทศยอดนิยมหลังเกษียณของคนในยุโรปด้วย ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ เยอรมัน หรือกลุ่มยุโรปเหนือ ชื่นชอบที่จะย้ายมาใช้ชีวิตในสเปนหลังเกษียณ

ค่าครองชีพที่จริงไม่ได้สูงมากนัก โดยสามารถใช้จ่ายที่ 2,000-2,500 เหรียญสหรัฐต่อเดือนได้ หากเลือกอาศัยในเมืองที่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญหรือเมืองหลวง และราคาพืชผักผลไม้ยังถูกกว่าในสหรัฐฯ​ มากทำให้มีโภชนาการที่ดี นำไปสู่อายุที่ยืนยาว

นอกจากนี้ สเปนยังเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นมิตรกับ LGBTQ+ มากที่สุดในโลก ทำให้มีชุมชนคนวัยเกษียณที่เป็นเพศ LGBTQ+ อยู่ด้วย

อันดับ 5 คอสตาริกา
Photo by Edgar Arroyo / Pexels

ปัจจุบัน 10% ของผู้อาศัยในคอสตาริกาเป็น expat ต่างชาติที่ถูกดึงดูดด้วยจุดเด่นหลายอย่าง เช่น ภูมิอากาศ ค่าครองชีพต่ำ มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตนอกบ้าน คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร และล่าสุดยังให้สิทธิแต่งงานของเพศเดียวกัน ทำให้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เหมาะกับ LGBTQ+

คอสตาริกามีชื่อเล่นว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์แห่งอเมริกากลาง” เพราะประเทศไม่มีกองทัพมาตั้งแต่ปี 1948 และใช้งบประมาณส่วนนี้ไปกับการศึกษาและระบบสาธารณสุข จนทำให้เป็นประเทศชั้นนำด้านการแพทย์ในแถบละตินอเมริกา

ค่าครองชีพในคอสตาริกาอยู่ที่ประมาณ 2,500-3,000 เหรียญสหรัฐ เพื่ออาศัยในบ้านหรือคอนโดฯ ขนาด 2 ห้องนอน และใช้ชีวิตได้สะดวกสบาย

อันดับ 4 เอกวาดอร์
เอกวาดอร์ (Photo by Alejandra Tellez Venegas / Pexels)

ประเทศนี้กำลังมาแรงเพราะการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น 30% ในช่วง 5 ปีหลัง ถือเป็นประเทศใหม่ที่คนยังไม่ค่อยรู้จัก แต่ expat กลับย้ายเข้าไปอยู่มากขึ้น เพราะพบว่าค่าครองชีพถูก แต่มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งขนส่งมวลชนและอินเทอร์เน็ตพร้อม ในภูมิอากาศแสงแดดสดใสชายทะเลแปซิฟิก และผู้คนที่เป็นมิตรกับไลฟ์สไตล์สุดชิล

ค่าครองชีพในเอกวาดอร์อยู่ที่ประมาณ 1,500-1,800 เหรียญสหรัฐต่อเดือนเท่านั้น

อันดับ 3 ปานามา
ปานามา (Photo by Luis Quintero / Pexels)

ปานามามีเสน่ห์จากทะเลสีฟ้าคราม และกิจกรรมไลฟ์สไตล์ครบทั้งแหล่งเที่ยวกลางคืน ร้านอาหาร คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ โรงละคร ฯลฯ มาพร้อมกับค่าครองชีพและราคาอสังหาริมทรัพย์ยังไม่สูง พร้อมด้วยบริการทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และน้ำประปาดื่มได้

ปานามามีวีซ่าที่ส่งเสริมให้ expat มาเกษียณอายุที่นี่ โดยถ้าหากมีบำนาญมากกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือนก็สามารถยื่นขอวีซ่าได้ทันที ทำให้มีชุมชนคนต่างชาติจากทั่วโลกมาอาศัย เช่น อเมริกัน แคนาเดียน เวเนซูเอลา อาร์เจนตินา จาไมกา ฝรั่งเศส กรีก เกาหลี จีน ฯลฯ

อันดับ 2 เม็กซิโก
เม็กซิโก (Photo by Rafael Guajardo / Pexels)

เม็กซิโกเป็นประเทศที่มีภูมิประเทศหลากหลายมาก ตั้งแต่ชายหาด ทะเลทราย ป่าดิบชื้น จนถึงภูเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม ประเทศนี้ถือเป็นแหล่งอาศัยของ expat อเมริกันและแคนาเดียนมากกว่า 2 ล้านคน

ด้วยความหลากหลายของประเทศทำให้มีไลฟ์สไตล์ตอบสนองคนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแหล่งเที่ยวกลางคืน ปีนเขา เต้นรำ คอนเสิร์ต ละครเวที ฯลฯ และคนท้องถิ่นยังมีความเป็นมิตร ทำให้ชาวต่างชาติสามารถเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้ไม่ยาก

ค่าครองชีพในเม็กซิโกอยู่ที่ 2,000-2,500 เหรียญสหรัฐต่อเดือน รวมค่าประกันสุขภาพแล้ว

อันดับ 1 โปรตุเกส

ประเทศที่เป็นมิตรกับการเกษียณอายุด้วยภูมิประเทศติดกับทะเลเมดิเตอเรเนียน เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม อาหาร รวมถึงผู้คนท้องถิ่นที่เป็นมิตร ส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษได้ดีโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ทำให้ประเทศนี้ยินดีต้อนรับชาวต่างชาติ

แหล่งเกษียณของโปรตุเกสนั้นมีให้เลือกทั้งเมืองชายทะเลใกล้ชิดกับแหล่งเกษตรกรรม หรือเมืองหลวงลิสบอนที่เต็มไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้ค่าครองชีพประมาณ 2,500-3,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน

]]>
1432527
“ศุภาลัย” เปิดหมู่บ้านสไตล์อิตาลีใน “เชียงใหม่” ดึงรีเทลท้องถิ่น “กาดฝรั่ง” ขึ้นสาขา https://positioningmag.com/1386155 Fri, 20 May 2022 11:00:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386155 ตลาดต่างจังหวัดยังไปได้ดี ศุภาลัยปี 2565 เปิดหน้าดิน 172 ไร่ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” หมู่บ้านหรูที่ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมอิตาลี พร้อมจับมือกับพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์ “กาดฝรั่ง” ขึ้นบูทีค ไลฟ์สไตล์ มอลล์สาขาใหม่ด้านหน้าโครงการ

“ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม” ประธานกรรมการบริหาร และ “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) ร่วมกันแถลงเปิดโครงการหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่สุดที่ศุภาลัยเคยพัฒนาในเชียงใหม่ “ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์” บนถนนโชตนา (ตรงข้ามสนามกอล์ฟซัมมิท กรีน วัลเล่ย์) ที่ดินรวม 172 ไร่ หากพัฒนาครบทั้งโครงการจะมีมูลค่ารวมราว 3,800-4,000 ล้านบาท

อุโมงค์ต้นไม้ ด้านหน้าโครงการศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์

ศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ แบ่งที่ดินพัฒนาออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

1)โครงการศุภาลัย เบลล่า ดอนแก้ว-แม่ริม บ้านแฝดและบ้านเดี่ยว พื้นที่ 38 ไร่ แบ่งแปลง 218 แปลง ราคาบ้านแฝดเริ่ม 3.4 ล้านบาท ราคาบ้านเดี่ยวเริ่ม 4.3 ล้านบาท เปิดขายเมื่อช่วงต้นปี 2565

2)โครงการศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว-แม่ริม บ้านเดี่ยว 2-3 ชั้น พื้นที่ 92 ไร่ แบ่งแปลง 370 แปลง ราคาเริ่ม 4.99-16 ล้านบาท เตรียมเปิดขายวันที่ 28-29 พ.ค. 2565

3)พื้นที่โครงการในอนาคต เนื้อที่ประมาณ 30-40 ไร่

(ทั้งนี้ มีพื้นที่ส่วนกลางบริเวณคลับเฮาส์และสระว่ายน้ำอยู่ประมาณ 2 ไร่)

ศุภาลัย เชียงใหม่ กาดฝรั่ง
แผนที่การแบ่งที่ดินในโครงการศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ เชียงใหม่

โครงการนี้เป็นการออกแบบพิเศษจากบริษัท เนื่องจากทำเลที่ดินมีวิวเทือกเขาโอบล้อมคล้ายกับแคว้นทัสคานีในอิตาลี ทำให้เลือกออกแบบในสไตล์อิตาลีที่เข้ากับภูมิประเทศ

โดยไตรเตชะระบุว่า โครงการได้รับความสนใจดี แม้ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการแต่มียอดจองโครงการแล้ว 200 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการศุภาลัย ทัสคานี ดอนแก้ว-แม่ริม ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ มีกลุ่มลูกค้าจากกรุงเทพฯ จำนวนมากสนใจซื้อเพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศหรือบ้านพักหลังเกษียณ เชื่อว่าโครงการนี้อาจมีลูกค้าจากกรุงเทพฯ มากถึง 50% ของยอดขาย จากปกติจะมีสัดส่วน 10-15%

“ทัสคานี วัลเล่ย์จะเป็นโครงการชูโรงในเชียงใหม่ของศุภาลัย จากการเสนอการออกแบบที่แปลกใหม่ในทำเล” ดร.ประทีปกล่าว

ไทป์บ้าน Montana ฟังก์ชันแบบ 5 ห้องนอน ไทป์นี้ราคาเริ่ม 13.58 ล้านบาท
คลับเฮาส์ของโครงการ ออกแบบสไตล์อิตาลี

 

ดึง “กาดฝรั่ง” ขึ้นสาขาใหม่ ช่วยเสริมความคึกคักให้พื้นที่

ด้านหน้าโครงการศุภาลัย ทัสคานี วัลเล่ย์ จะมีการก่อสร้างบูทีค ไลฟ์สไตล์ มอลล์ “เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม” อีกด้วย โดยเป็นสาขา 2 ของกาดฝรั่ง หลังจากประสบความสำเร็จในสาขาแรกที่กาดฝรั่ง วิลเลจ หางดง

ไตรเตชะอธิบายถึงการเฟ้นหาพาร์ทเนอร์เชิงกลยุทธ์เป็นกลุ่มรีเทลเข้ามาเปิดด้านหน้าโครงการ เนื่องจากพื้นที่แม่ริมแม้เป็นทำเลที่เริ่มมีความเจริญเข้ามาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เพียงพอตอบสนองลูกค้า ทำให้ต้องมีรีเทลด้านหน้าโครงการเป็นแหล่งทานอาหาร ไลฟ์สไตล์ที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบายมากขึ้น

เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม เตรียมเปิดบริการไตรมาสแรกปี 2566
เดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม เตรียมเปิดบริการไตรมาสแรกปี 2566
บรรยากาศจำลองในโครงการเดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม

การออกแบบโครงการเดอะ กาดฝรั่ง แม่ริม จะเกื้อกูลกันกับหมู่บ้าน ร้านค้าที่จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดในโครงการจะคัดให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ขณะนี้มีร้านที่ยืนยันเช่าพื้นที่แล้ว เช่น Starbucks, McDonald’s โครงการกาดฝรั่งจะแล้วเสร็จช่วงไตรมาสแรกปี 2566

 

เป้ายอดขาย “ต่างจังหวัด” คาดทะลุ 12,000 ล้าน

ศุภาลัยนั้นถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์จากกรุงเทพฯ ที่ออกไปพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดมากที่สุด และปี 2565 จะยิ่งเห็นได้ชัดถึงความสำคัญของตลาดภูมิภาคต่อการเติบโตของบริษัท เนื่องจากจะมีการเปิดตัวโครงการต่างจังหวัดมากกว่าในกรุงเทพฯ

รวมถึงยอดขายจากต่างจังหวัดจากเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท ปีนี้ไตรเตชะคาดว่าน่าจะทะลุ 12,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43% ของเป้ายอดขายรวมปี 2565 ของศุภาลัย

แน่นอนว่า Top 5 ต่างจังหวัดที่ทำยอดขายได้ดีที่สุดต้องมี “เชียงใหม่” อยู่ในโผ ร่วมกับจังหวัดใหญ่ๆ อย่างชลบุรี ระยอง ภูเก็ต และสงขลา

สำหรับตลาดเชียงใหม่นั้นถือเป็นตลาดสำคัญของศุภาลัย เพราะขณะนี้เปิดสะสมไปแล้ว 15 โครงการ ไตรเตชะยังกล่าวด้วยว่า เชียงใหม่ถือเป็นตลาดที่ท้าทายมาก เพราะมีบริษัทท้องถิ่นที่แข็งแรง ทำต้นทุนราคาได้ดี ทำให้ศุภาลัยจะนำเสนอแบรนด์ในแง่คุณภาพและการออกแบบเป็นหลัก

รวมถึงมีการผูกมิตรกับชุมชนรอบข้าง ในส่วนนี้ “สายชล ลืมขำ” ผู้อำนวยการฝ่าย สายงานโครงการภูมิภาค 4 บมจ.ศุภาลัย ยกตัวอย่างในโครงการทัสคานี วัลเล่ย์ ได้ลงทุนบูรณะศาลเจ้าที่และแบ่งที่ดินตัดถนนสาธารณะให้กับชาวบ้าน รวมถึงทำทางน้ำไหลผ่านที่ดินโครงการจากภูเขาลงสู่แปลงนาของชาวบ้านได้ดังเดิม

ในแง่ของกำลังซื้อเชียงใหม่ในช่วงโควิด-19 แม้จะชะลอตัวลง แต่ไม่มากเท่ากับจังหวัดอื่นที่พึ่งพิงการท่องเที่ยวมากกว่า และเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้วในช่วงครึ่งปีหลัง 2564

]]>
1386155
“เชียงใหม่” จุดหมายยอดฮิตซื้อบ้านหลัง “เกษียณ” แต่ยังมีอุปสรรคสำคัญคือ “ราคาสูง” เกินเอื้อม https://positioningmag.com/1381681 Mon, 18 Apr 2022 09:25:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381681 DDproperty จัดสำรวจผู้บริโภคชาวไทย พบว่าคนไทยสนใจซื้อบ้านเพื่อ “เกษียณ” มากขึ้น และจุดหมายที่ฮิตที่สุดคือ “เชียงใหม่” เพราะได้ใกล้ชิดธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่ทำให้หลายคนยังไม่ตัดสินใจซื้อบ้านพักวัยเกษียณคือ “ราคาสูง” เกินไป

DDproperty แพลตฟอร์มซื้อขายที่พักอาศัย จัดทำสำรวจ Thailand Consumer Sentiment Study ประจำรอบครึ่งปีแรกปี 2565 โดยสำรวจผ่านทางออนไลน์ มีผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถาม 936 คน ช่วงอายุ 22-69 ปี

การสำรวจครั้งนี้พบประเด็นที่น่าสนใจคือ คนไทย 3 ใน 4 คนมีการวางแผนที่จะซื้อบ้านหลังที่สองโดยไม่ได้ขายบ้านหลังแรก และเหตุผลอันดับ 1 ที่จะซื้อบ้านหลังที่สอง คือ “ซื้อเพื่อการเกษียณ” (31% ของผู้ตอบแบบสอบถาม) ส่วนเหตุผลรองๆ ลงมา คือ ซื้อให้ญาติ/พี่น้อง (28%) ซื้อเพื่อปล่อยเช่า (26%) ซื้อเพื่อการลงทุน (25%) และซื้อให้ลูก (25%)

จากกลุ่มที่วางแผนซื้อบ้านหลังเกษียณ ตอบว่า จุดหมายอันดับ 1 ที่สนใจคือ “เชียงใหม่” (24%) รองมาคือ “เชียงราย” (10%) และ “ชลบุรี” (8%) เหตุผลสำคัญที่ทำให้สถานที่เหล่านี้เป็นจุดหมายในใจคือ จะได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวมากขึ้น รวมถึงยังได้อยู่ใกล้สถานพยาบาลที่สะดวก และมีระบบขนส่งมวลชนเพื่อเดินทางไปที่ต่างๆ ได้

อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มที่ยังไม่คิดว่าจะซื้อบ้านหลังเกษียณ เนื่องจากยังมีอุปสรรคสำคัญ ข้อแรกคือ ราคาสูงเกินไป (45%) ตามด้วย ยังอยากอยู่ใกล้ครอบครัว (44%) และ ชอบที่อยู่ปัจจุบัน (41%)

แต่ถ้าหากวัดเฉพาะคำตอบจากคนวัย 60 ปีขึ้นไปซึ่งอยู่ในวัยเกษียณแล้ว เหตุผลหลักจะไม่ใช่เรื่องราคา แต่ผู้สูงอายุ 52% ต้องการอยู่บ้านเดิมของตนมากกว่าย้ายไปยังบ้านพักวัยเกษียณ และ 51% ต้องการอยู่กับครอบครัว

ทั้งนี้ DDproperty มีการสรุปรูปแบบบ้านพักวัยเกษียณที่มีในปัจจุบันออกเป็น 2 แบบ คือ

1.บ้านพักคนชรา – โครงการที่พักอาศัยที่มีพยาบาลวิชาชีพดูแลตลอด 24 ชั่วโมง มีหลายระดับตั้งแต่แบบห้องพักรวม ห้องพักเดี่ยว หรือแยกบ้านเป็นหลังๆ ในโครงการ คิดค่าบริการเป็นรายเดือน พร้อมอาหาร 3 มื้อ อุปกรณ์ดูแล กิจกรรมพิเศษ ฯลฯ เหมาะสมกับคนชราที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษซึ่งอาจจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ราคาจะเริ่มตั้งแต่หลักพันบาทต่อเดือน แต่บ้านพักคนชราในไทยที่ราคาไม่สูงค่อนข้างจะมีจำกัด

2.บ้าน/คอนโดผู้สูงอายุ – โครงการที่พักอาศัยที่ออกแบบมาเพื่อให้วัยเกษียณใช้ชีวิตได้สะดวกและปลอดภัย มีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มีกิจกรรมที่จัดขึ้นบ่อยๆ เพื่อให้วัยเกษียณมีสังคมและไม่เหงา โครงการประเภทนี้มักจะขายขาด หรือทำสัญญาเช่ายาว 30 ปี โดยราคาไม่รวมค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และบำรุงรักษาที่อยู่อาศัย ดังนั้น โครงการจึงเหมาะกับผู้สูงอายุที่ยังดูแลตนเองได้ และมีการบริหารการเงินเพียงพอที่จะดูแลค่าใช้จ่ายทุกด้านได้

น่าสนใจว่า หลังจากประเทศไทยเปลี่ยนผ่านเข้าสู่สังคมสูงอายุ และปี 2564 ที่ผ่านมายังเป็นปีแรกที่มีจำนวนประชากรเกิดใหม่น้อยกว่าการตาย ซึ่งน่าจะเป็นแนวโน้มสำคัญที่ทำให้คนในสังคมจะมีประชากรที่ไม่มีบุตรหลานมากขึ้น จึงคิดถึงการวางแผนการอยู่อาศัยในช่วงเกษียณสูงขึ้น และอาจจะส่งผลให้โครงการสำหรับผู้สูงอายุเป็นที่ต้องการมากขึ้นในอนาคตด้วย

]]>
1381681
วิจัยเกาหลีพบ “วัยเกษียณ” ฉีด Pfizer/AstraZeneca “เข็มเดียว” ประสิทธิภาพเกิน 86% https://positioningmag.com/1330730 Thu, 06 May 2021 05:19:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330730 ข้อมูลจากเกาหลีพบว่า ผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไปหลังได้รับวัคซีน Pfizer หรือ AstraZeneca เพียงเข็มเดียว ประสิทธิภาพป้องกัน COVID-19 สูงมากกว่า 86%

รายงานข่าวจาก Reuters ระบุข้อมูลที่ออกโดย สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคเกาหลีใต้ (KDCA) พบว่า วัคซีน Pfizer มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค COVID-19 อยู่ที่ 89.7% หลังการฉีดเข็มแรก 2 สัปดาห์ ขณะที่วัคซีน AstraZeneca สามารถป้องกันได้ 86.0% หลังฉีดเข็มแรก 2 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม กลุ่มประชากรที่ KDCA ศึกษา เป็นการเจาะเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุวัย 60 ปีขึ้นไปจำนวน 3.5 ล้านคน โดยกว่า 5.2 แสนคนในจำนวนนี้ได้รับวัคซีนเข็มแรกมานานกว่า 2 เดือนแล้ว

ด้านผลข้างเคียงร้ายแรงจากการฉีดวัคซีน ทางกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ระบุว่ามีโอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ แต่อยู่ใน “อัตราที่ต่ำมาก” และส่วนใหญ่สามารถรักษาได้

ปัจจุบัน เกาหลีใต้มีประชากรได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็มคิดเป็นสัดส่วน 6.7% ของประชากรทั้งหมด หากวัดประชากรที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มจะมีเพียง 0.5% เท่านั้น โดยประเทศนี้ตั้งเป้าจะสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชากร 70% ภายในเดือนกันยายน และต้องการให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ภายในเดือนพฤศจิกายน

Photo : Shutterstock

ผลการศึกษาของ KDCA ค่อนข้างแตกต่างจากข้อมูลประสิทธิภาพวัคซีนสองชนิดนี้ที่เคยมีการศึกษามา เพราะก่อนหน้านี้ AstraZeneca ถูกระบุว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโรค 76% หลังจากฉีดครบ 2 โดส ซึ่งต่ำกว่าที่ KDCA พบว่าฉีดเพียงเข็มเดียวก็ป้องกันได้ถึง 86% แล้ว

ขณะที่ Pfizer ยังถือเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกัน เพราะข้อมูลเดิมพบว่าการฉีดครบ 2 โดสจะป้องกันได้ 95% เพิ่มขึ้นมากกว่าการฉีดโดสเดียวที่ป้องกันได้ 89.7% ตามการศึกษาของ KDCA

ความแตกต่างนี้ เป็นไปได้ว่าเกิดจากสายพันธุ์ของ COVID-19 ที่เกิดกลายพันธุ์ไปหลายพันธุ์แล้ว เช่น สายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์แอฟริกาใต้ โดยที่ KDCA ไม่ได้ระบุแยกย่อยถึงประสิทธิภาพการป้องกันต่อสายพันธุ์ต่างๆ

ข้อมูลนี้มีความสำคัญ เพราะขณะนี้สหราชอาณาจักรวางแผนการฉีดวัคซีนโดยเน้นการฉีด “เข็มแรก” ให้กับประชากรให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประเทศก่อน ดังนั้น ข้อมูลประสิทธิภาพจากการฉีดเข็มแรกที่เกิดขึ้นจะเป็นข้อมูลสนับสนุนสำคัญต่อวิธีวางแผนของอังกฤษ และอาจเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นที่เพิ่งเริ่มการฉีดวัคซีนได้

Source

]]>
1330730
60 ยังแจ๋ว! แนะ 7 อาชีพสร้างรายได้ให้ผู้สูงวัยในยามเกษียณ https://positioningmag.com/1249399 Thu, 10 Oct 2019 07:52:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1249399 สังคมไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเตรียมตัวเพื่อรองรับกับสังคมผู้สูงอายุ จึงเป็นเรื่องที่คนไทยไม่อาจจะมองข้าม ถ้าถามผู้ใหญ่วัย 60 หลายๆ ท่านแล้ว ก็ได้คำตอบตรงกันว่า “อยู่บ้านมันว่างเกินไป อยากหาอะไรทำแก้เบื่อ” วันนี้ทางธนาคารออมสิน มี 7 อาชีพ สำหรับผู้สูงอายุในวัยเกษียณ มาแนะนำ

1. รับเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท

การที่อาบน้ำร้อนมาก่อนถือว่าได้เปรียบมาก เพราะถึงแม้คนหนุ่มสาวจะมีเรี่ยวแรงและมีไฟในการทำงานมากกว่า แต่ประสบการณ์ในด้านการทำงานและการแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่มีทางที่จะมีเท่าผู้ใหญ่แน่นอน ดังนั้น บริษัทมักว่าจ้างพนักงานที่เกษียณอายุแล้วเป็นที่ปรึกษาให้กับรุ่นน้องในทีม เพื่อคอยชี้แนะแนวทางนั่นเอง

2. ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์

สำหรับผู้สูงอายุที่พอจะมีกำลังทรัพย์อยู่บ้าง อาจซื้อห้องแถว ห้องเช่า หรือคอนโดสักห้องไว้เพื่อปล่อยเช่าอีกทีก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ สมัยนี้ หากสามารถซื้อห้องในทำเลดีๆ ได้ อาจสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาดีเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ย่านอโศกหรือทองหล่อ ถ้าเป็นห้องเช่าก็อาจจะเก็บค่าเช่าได้ถึงเดือนละ 9,000 – 10,000 บาท หรือถ้าเป็นห้องคอนโดก็อาจจะได้สูงถึงเดือนละ 13,000 – 15,000 บาทเลยทีเดียว รับเงินรายเดือนได้เลยสบายๆ แต่ย่านเหล่านี้ก็ค่อนข้างราคาสูงอยู่เหมือนกัน หากใครที่ไม่ได้มีงบประมาณสูงมาก อาจมองหาทำเลที่อยู่ชานเมืองหน่อย แต่ก็ยังสามารถเดินทางได้สะดวก เช่น ย่านบางนา วงเวียนใหญ่ พญาไท ราชเทวี เป็นต้น

3. ทำอาหาร/ขนมขาย

ผู้สูงอายุบางท่านที่ชื่นชอบการทำอาหาร อาจรับทำอาหารกล่องส่งตามบ้านใกล้เคียง หรือสำนักงานใกล้เคียงก็ได้ ส่วนใครที่ถนัดทำขนมหวานมากกว่า อาจลองทำขนมตั้งขายที่หน้าบ้าน ตลาดแถวบ้าน หรือติดต่อร้านเบเกอรี่แถวบ้านก็ได้ เผื่อว่าจะสามารถขยับขยายเป็นการทำขนมส่งประจำร้านนั้นๆ ไปเลย

4. เพาะต้นไม้จำหน่าย

การเพาะปลูกต้นไม้ถือเป็นงานอดิเรกยอดฮิตอย่างหนึ่งของผู้สูงอายุเลยก็ว่าได้ เพราะผู้สูงอายุหลายๆ คนมือเย็น และใจเย็นในการดูแลถะนุถนอมต้นไม้ตั้งแต่เล็กๆ ให้เติบใหญ่ แม้อาชีพนี้อาจไม่ได้ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อย เพราะผู้สูงอายุเองจะได้ใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ แถมได้ออกแรงบ้างเล็กน้อย ก็จะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นได้ แถมยังเป็นกิจกรรมที่ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

5. ลงทุนในหุ้นปันผล/สลากออมสิน

แม้ว่าวัยเกษียณอาจไม่เหมาะกับการเล่นหุ้นเท่าไหร่นักในความคิดของหลายๆ คน เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง แต่หากผู้สูงอายุที่ลองศึกษาและเลือกหุ้นที่ดีเป็นบริษัทที่ให้ผลที่น่าพอใจและมีความมั่นคงในการประกอบธุรกิจก็สามารถเป็นรายได้อีกทางหนึ่งได้สบาย หรือหากใครที่มีเงินเย็นแต่ไม่ชอบความเสี่ยงสูงๆ อาจลองซื้อสลากออมสินเป็นอีกทางเลือกก็ได้ ไม่ต้องเสี่ยงมากแถมสร้างความตื่นเต้น ได้ลุ้นรางวัลทุกเดือนอีกด้วย

6. ทำงานประดิษฐ์/งานฝีมือขาย

สมัยที่ยังทำงาน บางคนอาจทำงานประดิษฐ์เป็นงานอดิเรกยามว่าง แต่เมื่อเกษียณอายุและมีเวลาว่างเหลือเฟือ น่าจะดีถ้าลองหยิบจับทักษะงานฝีมือของตนเองมาทำเงินดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นงานเย็บ ปัก ถัก ร้อย ต่างๆ อาจให้ลูกหลานช่วยเรื่องการโฆษณาหรือค้าขายให้แทนก็ได้ เดี๋ยวนี้ขายของออนไลน์ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น เรื่องรับเงินก็รับได้ง่ายดายเช่นกัน

7. ทำธุรกิจตู้หยอดเหรียญ

เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นตู้หยอดเหรียญเต็มไปหมด ไม่ว่าจะตู้กดน้ำ ตู้ซักผ้า ตู้เติมเงิน หรือตู้เติมน้ำมัน ด้วยความสะดวกสบายต่อผู้ใช้งาน ธุรกิจนี้จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าลงทุนไม่ใช่น้อย และถ้ามองดีๆ ธุรกิจนี้ก็เป็นอีกธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากไม่มีภาระให้ต้องคอยดูแลมากนัก จะมีก็เพียงค่าดูแลรักษาตู้ และคอยเก็บเหรียญที่หยอดเท่านั้นเอง

แม้จะเกษียณจากการทำงานมาอยู่บ้านแล้ว ก็ใช่ว่าชีวิตจะต้องน่าเบื่อเสมอไป ถึงสภาพแวดล้อมจะต่างจากตอนที่ต้องเดินทางเป็นชั่วโมง ฝ่ารถติด ฝ่าฝูงคนเพื่อไปนั่งทำนางในออฟฟิศ แต่การได้นำงานอดิเรกที่ชอบมาทำจนก่อเกิดรายได้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายเหมือนกัน ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ได้รับค่าตอบแทน แถมไม่เหงาด้วย.

ที่มา : GSB ธนาคารออมสิน

]]>
1249399