สวัสดิการ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 05 Apr 2023 00:34:27 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เข้าสู่โหมดรัดเข็มขัด! Google เริ่มตัดงบสำนักงาน ตั้งแต่คอมพิวเตอร์จนถึงคลาสฟิตเนส https://positioningmag.com/1426055 Tue, 04 Apr 2023 05:49:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426055 หมดเวลาอู้ฟู่ของหนึ่งในบริษัทที่ดูแลพนักงานดีที่สุดในโลก “Google” ส่งแจ้งเตือนถึงพนักงานว่าบริษัทจะต้องเริ่ม “รัดเข็มขัด” จึงต้อง “ตัดงบ” ภายในสำนักงาน ไม่ว่าจะเป็นงบคอมพิวเตอร์พกพาจนถึงที่เย็บกระดาษ หรือคลาสฟิตเนสฟรีของพนักงาน จะถูกลดงบประมาณลงทั้งหมด

The Wall Street Journal รายงานว่า “รูธ พอราต” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินของ Google แจ้งผ่านอีเมลถึงพนักงานทั้งบริษัทว่า บริษัทกำลังจะเริ่มตัดงบประมาณที่เกี่ยวกับการบริการพนักงานในองค์กร และจะเป็นนโยบายที่ใช้ทั้งบริษัท เป็นระยะเวลาต่อเนื่องหลายปี

ขณะที่สำนักข่าว CNBC รายงานจากเอกสารภายในของ Google พบว่า บริษัทกำลังตัดงบประมาณลง ทั้งคลาสฟิตเนส ที่เย็บกระดาษ เทปกาว และ ‘ความถี่’ ในการเปลี่ยนรุ่นเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาให้กับพนักงาน

หนึ่งในเป้าหมายหลักของบริษัทในปี 2023 คือ “การประหยัดต้นทุนได้อย่างยั่งยืน ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วในการทำงาน” พอราตกล่าวในอีเมล

การลดต้นทุนเหล่านี้เป็นขั้นตอนต่อเนื่องหลังจาก Alphabet บริษัทแม่ เริ่มการเลย์ออฟพนักงานไปแล้วถึง 12,000 ตำแหน่ง คิดเป็น 6% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ถือเป็นการลดต้นทุนหนักหน่วงที่สุดในรอบสองทศวรรษ นับตั้งแต่บริษัทเริ่มจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยจำเป็นต้องทำเพราะยอดขายที่เริ่มเติบโตช้าลง

สำนักงานใหญ่ Google ประจำเมืองวอเตอร์ลู ประเทศแคนาดา (Photo: Shutterstock)

อย่างไรก็ตาม พอราตกล่าวถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008 (วิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์) ว่า “เราเคยเผชิญเรื่องเหล่านี้มาก่อน เมื่อปี 2008 ต้นทุนของเราวิ่งนำหน้ารายได้ ทำให้เราต้องพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์ ลดการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รัดเข็มขัดงบท่องเที่ยวและบันเทิง งบที่ใช้ในคาเฟ่ ครัวขนาดเล็ก ไปจนถึงปริมาณการใช้งานโทรศัพท์มือถือ และตัดงบอุดหนุนการเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะแบบไฮบริด”

“เหมือนกับที่เราเคยทำในปี 2008 เราจะดูข้อมูลและหาส่วนที่เราใช้จ่ายอย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร” พอราตกล่าว โดยย้ำกับทาง CNBC ว่า แม้จะใช้ทรัพยากรอย่างรับผิดชอบมากขึ้น แต่จะยังคงให้สิ่งอำนวยความสะดวกและสวัสดิการพนักงานในระดับที่เป็น ‘ผู้นำ’ ในอุตสาหกรรมนี้เช่นเคย

 

ลดความถี่เปลี่ยนรุ่นคอมพิวเตอร์

ในงบอุปกรณ์สำนักงาน Google หยุดการเปลี่ยนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จอมอนิเตอร์ และคอมพิวเตอร์พกพา ให้พนักงานไปก่อน และจะมีการเปลี่ยนดัชนีชี้วัด “ความถี่” ว่าเมื่อไหร่ควรจะเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้

รวมถึงพนักงานที่ไม่ใช่ตำแหน่งด้านวิศวกรรม จะได้แล็ปท็อป Chromebook ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการชื่อ Chrome OS ระบบของ Google เอง

เงื่อนไขนี้แตกต่างจากที่เคยเป็นมา เพราะ Google เคยมีรุ่นแล็ปท็อปให้พนักงานเลือกมากมาย รวมไปถึง MacBooks ของ Apple ด้วย

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ Samsung Galaxy Chromebook

ด้านสมาร์ทโฟน พนักงานจะไม่สามารถขอเบิกซื้อเครื่องใหม่ได้ ถ้าภายในบริษัทมีเครื่องว่างให้ใช้อยู่แล้ว และหากต้องการจะซื้ออุปกรณ์ใดๆ ที่มีราคาสูงกว่า 1,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 34,000 บาท) จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำแหน่ง “ผู้อำนวยการ” หรือสูงกว่า เซ็นรับรองว่ามีความจำเป็น

แม้แต่ที่เย็บกระดาษและเทปกาว ก็จะไม่วางพร้อมไว้ให้ที่เครื่องพิมพ์ทุกเครื่องอีกแล้ว แต่ต้องไปเบิกยืมใช้ที่ฝ่ายต้อนรับ

 

อาหาร ฟิตเนส ค่าเดินทาง ถูกรัดเข็มขัด

“เราสร้างมาตรฐานการให้สวัสดิการและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในออฟฟิศไว้สูงมากในอุตสาหกรรมนี้ และเราจะทำเช่นนั้นต่อไปในอนาคต” พอราตกล่าวในอีเมล “อย่างไรก็ตาม บางโครงการจำเป็นต้องพัฒนาไปเพื่อให้เหมาะกับ Google ในวันนี้”

เอกสารภายในจากทีมบริหารที่ทำงานของ Google พบว่า ปัจจุบันค่าอาหาร ค่าฟิตเนส ห้องนวด ค่าเดินทาง ฯลฯ สวัสดิการเหล่านี้ที่ให้พนักงานเป็นการออกแบบสำหรับเมื่อครั้งที่พนักงานยังเข้าออฟฟิศสัปดาห์ละ 5 วัน

“ขณะนี้คนส่วนใหญ่มาทำงานแค่สัปดาห์ละ 3 วัน เราสังเกตเห็นว่าดีมานด์-ซัพพลายของสิ่งต่างๆ ไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่ เราอบขนมมัฟฟินมากเกินไปในวันจันทร์ เราเห็น GBuses (รถรับส่งพนักงาน) วิ่งไปรับผู้โดยสารแค่คนเดียว เรามีคลาสโยคะบ่ายวันศุกร์ซึ่งนั่นเป็นวันที่คนส่วนใหญ่ทำงานจากบ้าน” เอกสารภายในระบุ

ดังนั้น Google อาจจะพิจารณา “ปิด” คาเฟ่ในวันจันทร์และวันศุกร์ และปิดสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างที่ “ไม่ค่อยได้ใช้งาน” เพราะตารางงานที่ไฮบริดมากขึ้นเหล่านี้

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา หนึ่งในกลุ่มพนักงานที่ถูกเลิกจ้างนั้นรวมถึง “หมอนวด” มากกว่า 20 คนที่เคยอยู่ประจำในสำนักงานด้วย

การตัดสวัสดิการของบริษัทที่เป็นต้นแบบการดูแลพนักงาน ถือว่าเป็นสัญญาณสะท้อนว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้จะร้ายแรงเพียงใด!

Source

]]>
1426055
‘ไบเดน’ ผลักดันให้ผู้ป่วย ‘long COVID’ ได้รับการช่วยเหลือ-มีสิทธิ คุ้มครองตามกฎหมายผู้พิการ https://positioningmag.com/1344344 Wed, 28 Jul 2021 07:19:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1344344 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เเห่งสหรัฐฯ ผลักดันให้ผู้ป่วย ‘long COVID’ ที่หายจากการติดเชื้อเเล้ว เเต่ยังคงมีอาการข้างเคียงเรื้อรัง ที่อาจเข้าข่ายทุพพลภาพจะต้องได้รับสิทธิ สวัสดิการ การช่วยเหลือคุ้มครองตามกฎหมาย

ในขณะที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่ที่มีอาการไม่รุนเเรงมากนัก จะฟื้นตัวได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ แต่บางคนกลับมีอาการเรื้อรังในระยะยาว เเตกต่างกันไป ตั้งแต่ปวดข้อ เป็นไข้ เหนื่อยล้า มองเห็นภาพซ้อน ไปจนถึงผมร่วง

ชาวอเมริกันจำนวนมาก ดูเหมือนจะหายจากไวรัสโควิดเเล้ว เเต่ก็ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า เช่น ปัญหาการหายใจ ภาวะสมองล้า (Brain Fog) อาการปวดเรื้อรัง หรือความเหนื่อยล้าต่างๆ บางครั้งอาจเพิ่มระดับความรุนแรงจนเข้าข่ายความพิการได้ไบเดนระบุ

ทำเนียบขาว กำลังประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อดูเเลชาวอเมริกันที่มีอาการ ‘Long COVID’ ที่เข้าข่ายทุพพลภาพ ให้ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย สามารถเข้าถึงสิทธิและทรัพยากรภายใต้กฎหมายคนพิการ เช่น การอำนวยความสะดวกและบริการในที่ทำงานและโรงเรียน ระบบบริการสุขภาพให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรี

ทางกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงแรงงาน ได้ออกแนวทางปฏิบัติเพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในระยะยาวได้รับความช่วยเหลือต่างๆ จากรัฐบาลกลาง

เเต่แนวทางปฏิบัติดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า  ‘Long COVID ไม่ถือเป็นความพิการโดยอัตโนมัติโดยจะต้องมีการประเมินเป็นรายบุคคลอย่างละเอียดว่า ผลกระทบหรืออาการใดๆ ก็ตามจากการป่วยโควิดในระยะยาวนั้น ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ อย่างไร

โดยผู้ป่วย ‘Long COVID’ อาจได้รับสิทธิในการปรับสภาพแวดล้อมเพิ่มเติม ‘ตามสมควร’ ในที่ทำงานหรือที่โรงเรียน เเละสามารถเข้าถึงทรัพยากรของชุมชนในด้านการรักษาพยาบาลและที่อยู่อาศัยได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการรักษาผู้ป่วย ‘long COVID’ ยังเป็นไปอย่างจำกัด ซึ่งทางองค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา ทำความเข้าใจระยะการฟื้นตัวโรคโควิด-19 ให้ดีขึ้น

 

ที่มา : NBC , Reuters 

]]>
1344344
เยอรมนี จ่อออกกฎบังคับให้ ‘บริษัทเอกชน’ ต้องจ่ายค่าตรวจโควิด-19 ให้พนักงานทุกสัปดาห์ https://positioningmag.com/1327860 Thu, 15 Apr 2021 11:53:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327860 รัฐบาลเยอรมนี กำลังร่างแก้ไขกฎระเบียบด้านสุขภาพและความปลอดภัยสำหรับแรงงาน เตรียมออกข้อบังคับให้บริษัทเอกชนต้องออกค่าใช้จ่ายเเละจัดหาชุดตรวจ COVID-19 ให้กับพนักงานทุกคน อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้งสำหรับพนักงานที่ทำงานเสี่ยงสูงอย่างการติดต่อลูกค้าหรือทำงานในห้องปิด

ร่างแก้ไขดังกล่าว ถูกเสนอเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีไปเเล้ว คาดว่าจะลงมติเห็นชอบไม่เกินช่วง 2 สัปดาห์นี้ พร้อมกับการอนุมัติมาตรการต่างๆ เพื่อสกัดการระบาดระลอกที่ 3’ ที่กำลังลุกลามในประเทศ

Olaf Scholz รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เป็นความจำเป็นที่บริษัททุกเเห่งต้องเข้าร่วม

โดยหวังจะให้มีการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาในกลุ่มพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศ ทำงานที่บ้านเเละทำงานในโรงงานได้อย่างต่อเนื่อง จากที่ตอนนี้มีพนักงานน้อยกว่า 90% ได้รับการตรวจเชื้ออย่างต่อเนื่องตามเเผน
ของรัฐ

ปัจจุบันมีพนักงานภาคเอกชนในเยอรมนีราว 60% ได้รับการตรวจ COVID-19 ฟรีจากนายจ้างเเล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จึงเป็นที่มาของการออกกฎระเบียบดังกล่าว ให้เป็นส่วนหนึ่งของสวัสดิการเเรงงาน

ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีมีเเนวโน้มขยายมาตรการอื่นๆ ต่อไปอีกไปจนถึงวันที่ 30 มิ.. 2021 รวมถึงกำหนดให้นายจ้างให้ทางเลือกกับพนักงานในการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) เพื่อควบคุมสถานการณ์โรคระบาด

อย่างไรก็ตาม หลังร่างแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าวเผยเเพร่ออกไป ภาคธุรกิจหลายแห่งของเยอรมนี มีท่าที
‘ต่อต้าน’ เพราะมองว่าตอนนี้บริษัทก็ให้ความช่วยเหลือพนักงานในการตรวจหาเชื้อ COVID-19 อยู่เเล้ว ทั้งโดยสมัครใจและภาคบังคับ จึงเหมือนเป็นการโยนภาระหน้าที่ของรัฐ ให้กับผู้ประกอบการโดยไม่คำนึงถึงเรื่องภาระค่าใช้จ่าย เเละมองว่า ข้อผูกพันตามกฎหมายที่จะออกมาบังคับบริษัทเอกชนให้ตรวจสอบเชื้อ COVID-19 กับพนักงานนั้นไม่จำเป็นอีกด้วย

 

 

ที่มา : Reuters , The Local , theedgemarkets

]]>
1327860
ส่องสวัสดิการ “เทสโก้ โลตัส” ดูแลพนักงานแบบสุดปัง ให้มากเหนือกว่าเงินเดือน https://positioningmag.com/1301000 Thu, 15 Oct 2020 03:00:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1301000

ในท่ามกลางวิกฤตไวรัส COVID-19 นอกจากภาวะเรื่องเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาใหญ่แล้ว ยังมีเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน เนื่องจากหลายคนอาจถูกลดเงินเดือน หรือต้องตกงานแบบฟ้าผ่า เพราะบริษัทไม่สามารถแบกภาระต่อไปได้ หลายคนจึงกังวลเรื่องความมั่นคงในอาชีพกันมากขึ้น

ต้องบอกว่าจากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ทำให้คนไทยต้องตกงานกว่า 2-3 ล้านคน แต่ก็ยังมีทั้งภาครัฐ และเอกชนมีโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มการจ้างงานมากขึ้น ล่าสุดกระทรวงแรงงานได้จัด Job Expo Thailand 2020 มหกรรมการจัดหางานครั้งยิ่งใหญ่ที่รวบรวมตำแหน่งงานทั่วประเทศกว่า 1 ล้านอัตรา

“เทสโก้ โลตัส” เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการค้าปลีก เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอีกด้วย ได้สร้างความมั่นใจให้กับพนักงานที่ยังดูแลอย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากจะไม่มีการปรับลดเงินเดือนพนักงานในช่วงโควิด-19 ยังมีการให้รางวัลพิเศษเพื่อตอบแทนการทำงานอย่างหนัก รวมไปถึงยังเปิดรับพนักงานเพิ่มอีกหลายพันตำแหน่งด้วย เรียกว่าเป็นแสงสว่างท่ามกลางวิกฤตได้อย่างดี

การดูแลเพื่อนพนักงานกว่า 50,000 คน ของเทสโก้ โลตัสนั้น เรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว นอกเหนือจากเงินเดือน และโบนัสแล้ว ยังมีสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย

ขอพาไปรู้จักกับนโยบาย Total Rewards หรือผลตอบแทนโดยรวมเพื่อเพื่อนพนักงาน ใครเห็นจะต้องร้องว้าวเป็นแน่

  • รับแต้มคลับการ์ด 10 เท่า!

เพื่อนพนักงานประจำที่ทำงานครบ 1 ปี จะได้รับแต้มคลับการ์ด 10 เท่าทุกการใช้จ่าย โดยแต้มคลับการ์ดสามารถนำมาแลกเป็นส่วนลดใช้ในเทสโก้ โลตัส หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ร่วมกับพันธมิตรมากมาย เช่น ลดราคาร้านอาหาร ตั๋วหนัง เป็นต้น

  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ยืดหยุ่น

เพื่อนพนักงานสามารถเลือกแผนที่เหมาะกับระดับความเสี่ยงของตนเอง และเลือกอัตราสมทบที่เหมาะสม โดยสามารถเปลี่ยนแผนได้ทุกปี พนักงานสามารถเลือกได้ตั้งแต่ 3 – 15% และแผนการลงทุน

  • เกษียณอายุ 65 ปี 

เทสโก้ โลตัสมองเห็นเทรนด์สำคัญในระเทศไทย เพื่อรองรับการก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ จึงให้เพื่อนพนักงานที่ยังมีไฟ และศักยภาพมีรายได้หาเลี้ยงชีพได้ ห้พนักงานที่ทำงานอยู่สามารถเลือกเกษียณได้ตั้งแต่อายุ 60-65 ปีครับ เพื่อให้พนักงานยังคงมีรายได้ต่อไปหลังจากอายุ 60 ปี นอกจากนั้น ยังมีโครงการ “60 ยังแจ๋ว” ให้ผู้สูงอายุมาทำงาน Part Time ส่วนใหญ่จะทำงานในส่วนของตำแหน่งดูแล แนะนำ และจัดเรียงสินค้า รวมถึงให้บริการลูกค้า ณ จุดบริการลูกค้า และแคชเชียร์

  • คูปองธงเขียว

เพื่อนพนักงานจะได้คูปองธงเขียวเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งคูปองนี้จะลดราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ อาทิ ข้าวสาร ไข่ไก่ เนื้อไก่ ลดราคาสูงสุดถึง 90% เลยทีเดียว

  • โรงอาหารพนักงาน

ภายในบริษัท หรือสโตร์จะมีจำหน่ายอาหารราคาประหยัด และโครงการตู้กับข้าว รวมถึงคูปองส่วนลดสำหรับพนักงานในสาขาที่ไม่มีโรงอาหาร

  • ส่งเสริมด้านการศึกษาเต็มที่

มีทุนการศึกษาโดยมูลนิธิเทสโก้เพื่อไทย ให้เพื่อนพนักงานศึกษาต่อในระดับอนุปริญญา และปริญญาตรี นอกจากนั้นยังมีโครงการ Learning Dollars ร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ ให้เพื่อนพนักงานสามารถลงเรียนหลักสูตรต่างๆ ทั้งในห้องเรียนและออนไลน์ รวมถึงหลักสูตร Micro MBA โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นการสนับสนุนให้เพื่อนพนักงานได้ศึกษาอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

  • คุณพ่อลาดูแลบุตรได้

เพื่อนพนักงานของเทสโก้ โลตัสที่มีบทบาทเป็น “คุณพ่อ” มือใหม่ ได้รับสิทธิลาเพื่อดูแลภรรยา และบุตรได้ 5 วัน เพื่อใช้เวลาดูแลครอบครัวในช่วงหลังคลอดได้อย่างเต็มที่ เพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต

  • ไม่ทิ้งเรื่องสุขภาพ

ที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือเรื่องสุขภาพของเพื่อนพนักงาน มีโปรแกรมให้ตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ฟรีทุกปี พร้อมกับมีประกันสุขภาพ และอุบัติเหตุให้อีกด้วย

  • ดูแลอย่างดีช่วง COVID-19

นอกจากนี้ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 เทสโก้ โลตัส ได้ทำประกันสุขภาพ COVID-19 ให้กับเพื่อนพนักงานที่ให้บริการลูกค้าโดยตรง และมอบบัตรกำนัลขอบคุณเพื่อนพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักเพื่อให้บริการลูกค้า

เมื่อดูสวัสดิการแบบจัดเต็มของเทสโก้ โลตัสแล้ว เรียกว่ามีความใส่ใจในทุกส่วน ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม เป็นสิทธิประโยชน์ที่ให้มากกว่าผลตอบแทนที่เป็นมูลค่าจาก “เงินเดือน” แต่ล้วนเป็นมูลค่าทางจิตใจที่มิอาจประเมินค่าเป็นเงินได้ แต่สามารถซื้อใจให้อยู่กับองค์กรได้ในระยะยาวอย่างแน่นอน เป็นการดูแลอย่างครบวงจรจริงๆ

]]>
1301000
Google เตรียมรับพนักงานกลับออฟฟิศ ก.ค. นี้ แต่เลือก ‘WFH’ ต่อได้ บริษัทจ่ายเงินสนับสนุน https://positioningmag.com/1280782 Wed, 27 May 2020 05:45:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1280782 Google จะทยอยเปิดออฟฟิศบางแห่งเดือนกรกฎาคมนี้ สวนทางกับบริษัทเทคฯ ระดับโลกอื่นๆ อย่าง Twitter หรือ Facebook ที่ประกาศให้พนักงานสามารถทำงานจากบ้าน (Work from Home) ได้ “ตลอดไป” อย่างไรก็ตาม Google ยังมีตัวเลือกให้พนักงาน Work from Home ต่อได้ถ้าไม่พร้อมกลับออฟฟิศ โดยจะสนับสนุนค่าอุปกรณ์การทำงาน 1,000 เหรียญสหรัฐ

ซันดาร์ พิชัย ซีอีโอ Google ประกาศเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า บริษัทวางแผนจะกลับมาเปิดใช้งานอาคารสำนักงานหลายแห่งในหลายเมืองทั่วโลก เริ่มต้นวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ แต่ยังไม่ระบุว่าเป็นออฟฟิศในเมืองใดบ้าง โดยพนักงานสามารถกลับเข้าสำนักงานได้อีกครั้ง แต่จะจำกัดจำนวนคนไม่เกิน 10% ของพื้นที่ใช้สอยในช่วงแรก และจะปรับเพิ่มอัตราเป็น 30% ภายในเดือนกันยายน

“เราจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยและสุขภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะปฏิบัติตามระเบียบการทำความสะอาดและการเว้นระยะห่างทางสังคม” พิชัยแถลง “ดังนั้น สำนักงานจะมีหน้าตาและบรรยากาศเปลี่ยนไปจากเมื่อวันที่คุณเดินออก เป้าหมายของเราคือการจัดสรรเวลาเข้าออฟฟิศอย่างยุติธรรม ในขณะเดียวกันก็จำกัดจำนวนคนเข้าออฟฟิศด้วย เพื่อรักษานโยบายด้านความปลอดภัย”

Sundar Pichai ซีอีโอคนใหม่ของ Alphabet ควบตำแหน่งซีอีโอ Google

การตัดสินใจเปิดสำนักงานของ Google สวนทาง กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกส่วนใหญ่ เช่น Twitter หรือ Facebook ที่ก่อนหน้านี้ประกาศแผนสนับสนุนให้พนักงานทำงานระยะไกลได้ถาวร รวมถึง Coinbase บริษัทสกุลเงินคริปโตรายใหญ่ก็เพิ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าจะเปลี่ยนนโยบายการทำงานเป็นแบบ ‘remote-first’ หรือการให้ความสำคัญกับการทำงานระยะไกลเป็นหลัก แทนที่การเข้าออฟฟิศ

ก่อนหน้านี้ การออกแบบสำนักงานของ Google เป็นต้นแบบที่ได้รับการกล่าวขวัญและนำไปใช้ในสำนักงานอื่นทั่วโลก ด้วยลูกเล่นภายในอาคารที่ให้บรรยากาศเหมือนเป็นแคมปัสมหาวิทยาลัย มีพื้นที่ทำงานหลากรูปแบบในสไตล์ co-working space ที่พนักงานสามารถเปลี่ยนที่นั่งได้ตามใจและนั่งรวมกันได้ รวมถึงมีพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจอีกเพียบ ซึ่งพิชัยแย้มออกมาในแถลงการณ์ของเขาแล้วว่า “สำนักงานจะมีหน้าตาและบรรยากาศเปลี่ยนไป”

ผู้เชี่ยวชาญบางรายคาดการณ์ว่า Google น่าจะต้องปรับออฟฟิศกลับไปเป็นแบบสมัยก่อน คือออฟฟิศที่เป็นโต๊ะและคอกส่วนตัว ตรงข้ามกับการออกแบบ open-plan พื้นที่เปิดโล่งที่นิยมกันในซิลิคอน วัลเลย์ทุกวันนี้

การออกแบบสำนักงานของ Google จากสำนักงานใหญ่ประจำเมืองวอเตอร์ลู ประเทศแคนาดา (Photo: Shutterstock)

ในอีกมุมหนึ่ง สาเหตุที่ Google อาจจะไม่ต้องการปรับนโยบายเป็นการ Work from Home ตลอดไปเหมือนบริษัทเทคฯ อื่นในทันที เพราะบริษัทมีการลงทุนเช่าพื้นที่ออฟฟิศจำนวนมากรอบโลกไปแล้ว รวมถึงสัญญาล่าสุดที่เกิดขึ้นในปี 2018 บริษัทเพิ่งลงทุนมูลค่า 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเช่าออฟฟิศในเมืองนิวยอร์ก

อย่างไรก็ตาม บริษัทประกาศก่อนหน้านี้ว่า พนักงานที่ทำงานจากบ้านเนื่องจากโรคระบาด COVID-19 สามารถอยู่บ้านต่อได้เหมือนเดิมจนถึงสิ้นปี หากพวกเขาต้องการ และพิชัยยังย้ำตัวเลือกนี้อีกครั้งหนึ่งในการแถลงเปิดออฟฟิศ โดยพนักงานที่เลือกทำงานจากบ้านต่อจะได้รับเงินสนับสนุน 1,000 เหรียญสหรัฐ ครอบคลุมค่าใช้จ่าย “อุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ออฟฟิศ” ที่จำเป็นในการทำงานจากบ้าน

Source

]]>
1280782
เปิดลิสต์ 10 สวัสดิการที่คนทำงานต้องการมากที่สุด “วันลาต้องมี สุขภาพก็สำคัญ”  https://positioningmag.com/1196450 Thu, 08 Nov 2018 11:00:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1196450 Thanatkit

การจะตัดสินใจทำงานกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง นอกเหนือจากเรื่องผลตอบแทนที่คนทำงานส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกแล้ว ยังมีปัจจัยที่คนทำงานให้ความสำคัญรองลงมาก็คือ “สวัสดิการ

ด้วยเหตุนี้ จ๊อบไทยเว็บไซต์หางาน สมัครงาน ที่มีผู้ลงทะเบียนฝากประวัติกว่า 1.5 ล้านคน และมีจำนวนงานจากบริษัทชั้นนำกว่า 90,000 อัตรา จึงได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของคนทำงานทั่วประเทศ จำนวน 7,420 คน เรื่องสวัสดิการที่คนทำงานต้องการจากองค์กร” พบว่า 10 สวัสดิการแรกที่คนทำงานต้องการมากที่สุด ได้แก่

1.โบนัส 2.วันหยุดวันลาตามกฎหมาย 3.ประกันสังคม 4.ประกันสุขภาพ 5.ค่าล่วงเวลา 6.เงินออมพิเศษ 7.ค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวของพนักงาน 8.เวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้ (Flexible Hour) 9.ประกันชีวิต และ 10.เบี้ยขยัน

ในขณะเดียวกันจ๊อบไทยยังได้ทำการสำรวจฝ่ายบุคคลในหัวข้อ สวัสดิการที่องค์กรจัดสรรให้กับพนักงาน จำนวน 457 คน ทั่วประเทศ พบว่า 10 สวัสดิการที่องค์กรจัดสรรให้กับพนักงานมากที่สุด ได้แก่ 1.วันหยุดวันลาตามกฎหมาย 2.ประกันสังคม 3.โบนัส 4.ค่าล่วงเวลา 5.กิจกรรมสันทนาการ 6.ชุดทำงาน 7.ตรวจสุขภาพประจำปี 8.เบี้ยขยัน 9.เงินสนับสนุน เช่น งานแต่งงาน งานอุปสมบท และ 10.ประกันอุบัติเหตุ 

ซึ่งหากเปรียบเทียบสวัสดิการที่องค์กรให้พนักงานกับสวัสดิการที่พนักงานต้องการพบว่ามีสวัสดิการที่ตรงกัน 5 สวัสดิการ ได้แก่ โบนัสวันหยุดวันลาตามกฎหมายประกันสังคมค่าล่วงเวลา และเบี้ยขยัน 

ส่วนสวัสดิการที่คนทำงานยุคใหม่ต้องการนอกเหนือจากเรื่องรายได้คือสวัสดิการด้านสุขภาพ อันประกอบด้วยประกันสุขภาพ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัวของพนักงาน ประกันชีวิต ฯลฯ กลับไม่ได้ถูกนำมาเป็นสวัสดิการที่องค์กรมอบให้แก่พนักงานใน 10 สวัสดิการแรก

นอกจากนี้ผลสำรวจยังเผยให้เห็นว่า คนทำงานในแต่ละกลุ่มนั้นมีความต้องการสวัสดิการที่แตกต่างกันออกไปดังนี้

สวัสดิการของคนทำงานตามช่วงอายุ (Generation) พบว่ากลุ่มคนทำงาน Gen X จะให้ความสำคัญกับสวัสดิการด้าน “เงินออม” เนื่องจากเป็นวัยที่กำลังใกล้เกษียณ หลักประกันที่จะช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีหลังเกษียณจึงเป็นเรื่องจำเป็น ในทางกลับกันกลุ่มคนทำงาน Gen Y และ Gen Z ไม่ได้มองว่าสวัสดิการด้านนี้สำคัญ แต่ให้ความสำคัญกับสวัสดิการด้าน ค่าล่วงเวลา และ เบี้ยขยัน” มากกว่า

สวัสดิการของคนทำงานตามเพศ (Gender) พบว่าสวัสดิการที่คนทำงานแต่ละเพศให้ความสำคัญแตกต่างกันคือ เพศชายต้องการ “เวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้” ในขณะที่เพศหญิงต้องการ เงินค่าล่วงเวลา มากกว่า  

สวัสดิการของคนทำงานตามระดับงาน (Level) โดยระดับผู้บริหารจะให้ความสำคัญในเรื่อง “ค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว มากกว่าคนทำงานในระดับอื่น ๆ ส่วนสวัสดิการด้าน โบนัส” “วันหยุดวันลาตามกฎหมาย และ “ประกันสุขภาพ” เป็นสิ่งที่คนทำงานในทุกระดับต้องการ

สวัสดิการของคนทำงานตามประเภทธุรกิจ (Industry) จากการสำรวจคนทำงานที่อยู่ในประเภทธุรกิจที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานมากที่สุด 5 อันดับในเว็บไซต์จ๊อบไทย ได้แก่ อาหารเครื่องดื่มบริการค้าปลีกยานยนต์ และก่อสร้าง พบว่าโดยภาพรวมสวัสดิการที่คนทำงานต้องการเหมือนกันคือ โบนัส” “วันหยุดวันลาตามกฎหมาย และ ประกันสังคม

ส่วนคนทำงานในประเภทธุรกิจยานยนต์นั้นมีความต้องการสวัสดิการด้าน ค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว และ “เงินออม” มากกว่าคนทำงานในประเภทธุรกิจอื่น ๆ ในขณะที่คนทำงานในประเภทธุรกิจก่อสร้างมีความต้องการสวัสดิการด้าน “เวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้” มากกว่าคนทำงานในประเภทธุรกิจอื่นๆ

สวัสดิการของคนทำงานในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด (Area) พบว่าคนทำงานที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีความต้องการสวัสดิการด้าน “เวลาทำงานที่ยืดหยุ่นได้” เนื่องจากการทำงานที่ยืดหยุ่นจะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางได้ส่วนหนึ่ง ส่งผลให้คนทำงานในกรุงเทพฯ สามารถจัดสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้มากขึ้น ในขณะที่คนทำงานที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ความสำคัญกับสวัสดิการด้าน ค่ารักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว มากกว่า

แสงเดือน ตั้งธรรมสถิตย์ ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าผู้บริหารด้านปฏิบัติการของจ๊อบไทย (JobThai) กล่าวว่า

จะเห็นได้ว่าการดูแลพนักงานให้สนใจอยากร่วมทำงาน หรืออยู่ทำงานกับองค์กรให้ยาวนานที่สุดถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่องค์กรมองข้ามไม่ได้ ซึ่งนอกเหนือจากเงินเดือนแล้ว สวัสดิการเหล่านี้ ถือเป็นขวัญกำลังใจที่จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกับองค์กรได้อย่างมีความสุข

ทั้งนี้นอกจากสวัสดิการตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว องค์กรยังสามารถจัดสรรสวัสดิการแปลกใหม่ตามความเหมาะสม เพื่อช่วยดึงดูดให้คนอยากมาร่วมงานและมีส่วนช่วยในการรักษาพนักงานไว้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี

]]>
1196450