แบมแบม – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 11 Feb 2019 03:16:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ไส้กรอกซีพี ถ้าจะขนาดนี้ ซื้อโฆษณาในสนามบินเลยดีมั้ย!? https://positioningmag.com/1213211 Sun, 10 Feb 2019 23:04:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1213211 เกิดเป็นปรากฏการณ์ส่งท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกครั้ง กับการเดินทางกลับมาประเทศไทยของแบมแบม GOT7 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมีภารกิจให้เจ้าตัวทำและตามลุ้นพร้อม กันอย่างละเรื่อง 

เรื่องแรก จากการกลับมาถ่ายทำโฆษณาให้กับไส้กรอกซีพี ซึ่งคาดว่าจะมีกิจกรรมแฟนมีทตามมา รวมทั้งให้ผู้บริโภคบางส่วนเตรียมรับมือกับปรากฏการณ์ไส้กรอกซีพีล้นตลาดกันอีกครั้ง หลังจากปี 2561 ที่ผ่านมา แคมเปญ “CP Sausage Forever ไส้กรอกยังไงก็ต้อง CP” ซึ่งทำโปรโมชั่นพร้อมการจัด Exclusive Fan Meeting ของ BAMBAM GOT7 ทำให้เกิดแม่ค้าไส้กรอกหน้าใหม่เต็มตลาด การเลหลังไส้กรอก รวมไปถึงการบริจาคไส้กรอกจำนวนมาก เพราะบางคนเหมาซื้อไส้กรอกเพื่อให้ได้สิทธิ์ร่วมงานตามกติกาที่แบรนด์กำหนดไว้

ภาพจาก : CHACHA_WORLD

ส่วนเรื่องที่สอง คือการที่จะเจ้าตัวจะได้ลุ้นการขายบัตรแฟนมีทเดี่ยวของตัวเองครั้งแรกในไทย BAMBAM THE FIRST FAN MEETING TOUR “BLACK FEATHER” IN THAILAND ที่จะจัดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ครบทั้ง 4 ภาค ซึ่งสองรอบแรกสำหรับในกรุงเทพฯ นั้นผ่านไปด้วยดี เพราะบัตรทั้งสองวันถูกจองหมดเกลี้ยงภายใน 7 นาทีแรกที่เปิดจองวันแรกในวันที่ 10 กุมภาพันธ์

แถมตบท้ายด้วยแฟนคลับที่คำนวณรายรับจากการขายบัตรสองวันกว่า 5,000 ที่นั่งในราคา 2,500 บาท 3,500 บาท และ 4,900 บาท รวมเป็นรายประมาณ 18.5 ล้านบาท อืม… ต้องยอมรับเลยว่า แฟนคลับเขาละเอียดและติดตามทุกย่างก้าวและทุกๆ เรื่องจริง 

วิธีการเปลี่ยนพื้นที่สนามบินให้เป็นฟรีมีเดียของไส้กรอกซีพี

สำหรับครั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจที่นักการตลาดควรจะเรียนรู้จากความเคลื่อนไหวผ่านไอดอลอย่างแบมแบม ซึ่งถือเป็นไอดอลที่ทรงอิทธิพลด้านการตลาดสูงสุดคนหนึ่งในไทย ตอนนี้ ก็คือ รูปแบบการสร้างฟรีมีเดียของแบรนด์ดังอย่างซีพีแบรนด์ ที่ล้ำลึกและไม่ยอมพลาดโอกาสในการใช้ประโยชน์จากพรีเซ็นเตอร์แม้ช่วงเวลาสั้นๆ 

ภาพจาก_@nareeratt_b

ทุกครั้งที่ศิลปินเกาหลีมาไทย คนที่เฝ้าติดตามมักจะได้เห็นทีมการ์ดที่ใส่เสื้อแจ็กเก็ตสีดำ สกรีนชื่อบริษัทไว้ด้านหลัง กับรถตู้ที่คอยจอดรอรับศิลปิน ซึ่งแฟนคลับทีมสนามบินก็จะต้องคอยจับตาดู 2 อย่างนี้ว่าอยู่ตรงไหนอย่างไร เพื่อจะได้เฝ้าไม่ผิดประตู

ส่วนทีมหน้าจอ อย่างไรก็จะไม่พลาดที่จะได้เห็นแบรนด์เหล่านี้ติดมากับภาพ และวิดีโอ ผ่านโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง จากทีมสนามบิน 

สิ่งที่แฟนคลับเห็นกันทั่ว นอกจากตัวศิลปินที่ทุกคนรอคอย ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาจากภาพที่ถูกแชร์เหล่านี้ คือฟรีมีเดียที่มีขยายเพิ่มแวลูสำหรับแบรนด์อย่างยิ่ง แล้วซีพีแบรนด์ก็ไม่พลาด เลือกหยิบมาใช้เพิ่มมูลค่าให้เกิดประโยชน์ เพียงแค่เตรียมการบางอย่างเพิ่มเล็ก น้อย 

เริ่มจากการติดป้ายโลโก้ที่ตัวรถตู้ที่มารับ ให้ทีมการ์ดใส่เสื้อสกรีนที่มีทั้งโลโก้แบรนด์พร้อมแฮชแท็กสกรีนไว้ที่ด้านหลัง 

ภาพจาก : @igot7Noknoy
ภาพจาก : @ma_praw

ไม่เพียงเท่านั้น ซีพียังใช้ช่วงเวลานี้จัดทำกิจกรรมเล็ก น้อย กับเหล่าแฟนคลับที่มารอรับที่สนามบิน ด้วยการแจกพัดที่มีโลโก้และแฮชแท็กพร้อม ทำเวลคัมการ์ดมาแจกให้แฟนคลับเขียนข้อความถึงแบมแบม ทั้งยังมีป้ายไวนิลพกมาตั้งไว้ที่สนามบินอีกด้วย 

รูปแบบที่เห็นนี้ แทบไม่ต่างกับการออกบูธจัดอีเวนต์ย่อย เลยใช่ไหมล่ะ ไม่รู้ถ้าทุกแบรนด์ทำแบบนี้ อีกหน่อยสนามบินจะต้องคิดค่าพื้นที่เหมือนอีเวนต์ฮอลล์ที่ใช้จัดงานได้หรือเปล่า

แล้วก็ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าจะมีน้ำใจเอาไส้กรอกมาแจกแฟนคลับด้วยนี่ ก็ครบสูตรการออกอีเวนต์เลย

ภาพจาก_@RosewitchM

สำหรับแฮชแท็กที่ซีพีใช้กับแคมเปญไส้กรอกซีพีที่เลือกใช้แบมแบม เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อในรอบนี้ คือ #ไส้กรอกซีพีXใส่ใจXแบมแบม โดยเพิ่มคำว่าใส่ใจที่ต้องการสื่อถึงแวลูของแบรนด์เพิ่มเข้ามาผ่านแคมเปญนี้ ส่วนกติกาและวิธีร่วมสนุกยังไม่เผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการว่าจะเหมือนหรือต่างจากเดิมอย่างไร

แต่ทั้งนี้มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า แวลูของพรีเซ็นเตอร์ที่มีอิทธิพลระดับที่แฟนคลับอยากเจอ คงไม่ต่างจากเดิมที่คงมีทั้งการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายให้โตกระฉูดจากช่วงปกติ แล้วต่อยอดด้วยแฟนมีท ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายน่าจะต้องการไม่ต่างจากเดิม 

โดยแคมเปญของซีพีที่ทำกับแบมแบมก่อนหน้านี้ เกิดจากความนิยมของแบมแบมกับความผูกพันที่มีกับแบรนด์ซีพีมาตั้งแต่สมัยที่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ตอนเป็นเด็กก่อนไปฝึกหัดเป็นศิลปินเกาหลี 

รูปแบบของแคมเปญคือการจัดโปรโมชั่นกับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกซีพีกลุ่มแฟรงค์ ได้แก่ ซีพี ชิกเก้นแฟรงค์ซีพี ชิกเก้นแฟรงค์พริกซีพี ชิกเก้นแฟรงค์พริกไทยดำซีพี พอร์คแฟรงค์ซีพี แฟรงค์เฟอร์เตอร์ไก่ซีพี แฟรงค์เฟิร์ตเตอร์ และ ซีพี แฟรงค์เฟิร์ตค็อกเทล ภายใต้ชื่อแคมเปญ “CP Sausage Forever ไส้กรอกยังไงก็ต้อง CP” 

โดยกำหนดวิธีการ ให้ลูกค้าที่สนใจร่วมลุ้นบัตรโดยส่งใบเสร็จที่ซื้อผลิตภัณฑ์ภายใต้เงื่อนไข จากช่องทางร้านค้าที่ร่วมรายการเพื่อลุ้นแลกสิทธิ์การเข้าร่วมงานได้ 3 ประเภทได้แก่ #สายเปย์! Top Spenders เพื่อนซี้ที่มียอดซื้อสูงสุดประจำสัปดาห์ #สายเหนือ! VIP Passเดินเข้างานได้ทันที จำนวนจำกัด และ #สายดวง! Lucky Draw สุ่มจับรางวัลทุกสัปดาห์ ซึ่งแต่ละสายก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป

กลุ่มที่สร้างปรากฏการณ์และดันยอดขายให้กับซีพีจากแคมเปญครั้งที่แล้ว หนีไม่พ้น #สายเปย์ Top Spenders ซึ่งแม้จะมีเพียง 80 รางวัล แต่การกำหนดช่วงเวลาสั้น เพียง 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน โดยต้องเป็นผู้ซื้อที่มียอดรวม 5,000 บาทขึ้นไปและส่งกี่ใบเสร็จก็ได้ ทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ไส้กรอกซีพีล้นตลาด โดยเห็นได้ผ่านโซเชียลมีเดียที่มีการประกาศขายไส้กรอกซีพีลดราคา แจก บริจาค หรือเปิดขายไส้กรอกทอดชั่วคราวของแม่ค้าหน้าใหม่กันจำนวนไม่น้อยนั่นเอง 

สำหรับรอบนี้ ไส้กรอกซีพี ซึ่งมีเบสท์แพรคทิสมาแล้วจากแคมเปญครั้งก่อน ก็เชื่อได้ว่า ครั้งนี้ทั้งเป้าหมายยอดขายและการสร้างปรากฏการณ์ก็คงไม่น้อยหน้าครั้งที่ผ่านมาแน่

]]>
1213211
หูยยย แบมแบม GOT7 ยกแขนโบกมือแว็บเดียว ติดทวิตเตอร์เทรนด์เลยจ้า รีแอคชั่นแฟนคลับจากกระแสคู่จิ้น กรณีศึกษา #XCVII จากใต้วงแขนแบมแบม GOT7 https://positioningmag.com/1209577 Tue, 22 Jan 2019 07:28:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1209577 ภาพจาก : @bambammmmm

ความฮอตไม่เข้าใครออกใคร แค่แบมแบม GOT7 ยกแขนโบกมือแว็บเดียว ก็มีแฮชแท็คติดทวิตเตอร์เทรนด์ไปเรียบร้อยช่วงประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา ถึงเช้าวันนี้ (22 มกราคมยาวนานร่วม 8 ชั่วโมง และในไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็ยังมี #XCIII ร่วมด้วยและยังคงติด Top 10 ถึงชั่วโมงนี้ (11.00)

ต้นเหตุมาจากที่ตัวเลขโรมันดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเลข 97 มาจากปี 1997 ปีเกิดของ แบมแบม กันต์ภิมุกต์ ภูวกุล ไอดอลชาวไทยสมาชิกวง GOT7 ที่ยกแขนโบกมือลาแฟนคลับที่สนามบินภูเก็ตขณะกำลังกลับจากเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว 

แค่แว็บเดียวที่แขนเสื้อร่นขึ้นแถมโชว์ตัวอักษรที่สักไว้ไม่เต็มดี ก็ทำให้บรรดาแฟนคลับที่ถ่ายภาพติด ต้องสืบค้น ตามสืบ กันทันที พร้อมกับกระแสความดังของแบมแบมที่ว่า แค่ยกแขนก็ติดเทรนด์

ภาพจาก : @bambammmmm

เอาจริงๆ อย่าว่าแต่อะไรที่สะดุดตาอย่างรอยสักเลย แม้แต่สิวขึ้นเม็ดหนึ่ง รอยแมวข่วน เจาะหูเพิ่ม ทุกอย่างพร้อมจะถูกแฟนคลับส่องและรายงานผ่านโซเชียลในทันทีนั่นแหละ

งานนี้ทำให้เข้าใจเลยว่า ทุกการขยับเขยื้อนของศิลปินดัง หนีไม่พ้นสายตาแฟนคลับที่คอยเฝ้ามองจริง ไม่ใช่แค่ต่อหน้า แต่ต่อให้ไม่เห็นด้วยตา บรรดาแฟนคลับก็พร้อมจะเฝ้าสืบค้นตามหาข้อมูลในสิ่งที่อยากรู้จนได้ 

สำหรับ #XCVII เรื่องเล็กๆ ที่กลายเป็นเทรนด์ในประเทศไทยนี้ เป็นอีกภาพที่สะท้อนให้เห็นภาพ ไอดอลกับโลกธุรกิจ” อีกครั้งว่าไปด้วยกันอย่างไร และโลกโซเชียลมีเดียก็คือตัวส่งที่มีอิทธิพล โดยเฉพาะการสร้างกระแสหล่อเลี้ยงความดังให้ไอดอล แม้ในช่วงที่พักจากงาน

Positioning เคยพูดถึง รีแอคชั่นของแฟนคลับต่อความสัมพันธ์ของไอดอล มาแล้ว หนึ่งในประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ จาก 4 เรื่องหลักที่ถูกแยกไว้ก็คือ เรื่องของ คู่จิ้นในวง หรือ คู่ชิปในวง (อ่านเพิ่มเติม : ไค EXO เดต เจนนี่ BLACKPINK คู่รักต่างค่ายหรือกลยุทธ์ขับเคลื่อนตลาดเคป็อป)

คู่ชิปในวง คือประเด็นที่อธิบายความสัมพันธ์ของ 2 แฮชแท็ก #XCVII และ  #XCIII ที่ติดเทรนด์ไทยได้อย่างดี เพราะแฮชแท็ก 93 ซึ่งมาจากปี 1993 เป็นปีเกิดของ มาร์ค ต้วน พี่ใหญ่ในวง GOT7 ที่เป็นคู่ชิปกับแบมแบม ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้ #MARKBAM ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง และท็อป มาแล้วหลายรอบ จากการเป็นคู่ชิปที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก 

ภาพจาก : GQ

ตัวอย่างเช่น #MARKBAM ติดเทรนด์ท็อป 3 ในช่วงงาน MAMA2018 หรือแม้กระทั่งล่าสุดจากการไปดูมิลานแฟชั่นวีคที่อิตาลี พร้อมถ่ายแฟชั่นเซตสำหรับปก GQ Thailand ที่เลือกทั้งคู่มาถ่ายให้กับแบรนด์ Ermenegildo Zenga แบรนด์เครื่องแต่งกายชายระดับไฮเอ็นด์ของอิตาลี 

กระแสที่เกิดขึ้นนอกจากสร้างความคึกคักและให้โซเชียลมีเดียของนิตยสารจีคิวมียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นจากกลุ่มแฟนคลับแล้ว จากบทสนทนาก็สะท้อนภาพทางธุรกิจที่ชัดเจนอีกด้วยว่า พวกเขารอเตรียมงบเพื่ออุดหนุนสินค้าที่มีคู่จิ้นที่ชื่นชอบไปเกี่ยวข้องด้วยมากน้อยอย่างไร 

คู่จิ้น คู่ชิป ต่อโลกธุรกิจของไอดอล

คำว่าคู่จิ้นชาย ชาย หรือ หญิง หญิงในวง เป็นผลลัพธ์อย่างหนึ่งทางด้านการตลาดที่ต้นสังกัดเป็นคนสร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ใช้จัดงานมีตติ้ง ออกอีเวนต์ร่วมกัน หรือออกสินค้าได้มากขึ้น 

เพราะทำให้แฟนคลับที่คอยลุ้น คอยตามดู จะไม่ซื้อสินค้าแค่เฉพาะไอดอลที่ชอบ หรือ เมนตัวเอง แต่ยังต้องซื้อของคู่ชิปหรือคู่จิ้นตัวเองอีกด้วย (อ่านเพิ่มเติม : พจนานุกรมฉบับติ่ง รู้ไว้ก่อนตกกระแเคป็อป)

ดังนั้นการทำตลาดคู่จิ้น/คู่ชิป จึงเป็นที่นิยมและมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาล โดยที่ไอดอลก็มักให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี 

ทั้งนี้ ไอดอลส่วนใหญ่จะมีภาพลักษณ์อย่างหนึ่งที่ค่ายตั้งใจขายเสมือนกับสินค้าชิ้นหนึ่งของแบรนด์ มีมูลค่าที่สูง จับต้องและเข้าถึงยาก ขายตัวตนลงไปในเนื้องานด้วย และบ่อยครั้งเมื่อเวลาแฟนคลับติดตามไปนานๆ ผ่านช่องทางส่วนตัว หรือในรูปแบบผลงาน จะเกิดความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของขึ้นได้ แต่เป็นในลักษณะของเจ้าของที่มีร่วมกันของคนจำนวนมาก แต่เมื่อใดที่มีคนใดคนหนึ่งสามารถเป็นเจ้าของได้ จะทำให้เกิดอาการผิดหวังและเหมือนเสียของรักไปในคราวเดียวกัน.

]]>
1209577
คอนเทนต์เกาหลียังปัง GOT7 Real Thai ตอนแรกดันเรตติ้งให้ True4U https://positioningmag.com/1208971 Fri, 18 Jan 2019 09:57:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1208971 พลัง GOT7 จาก 4 หนุ่ม แบมแบม จินยอง ยองแจ และ มาร์ค รายการ “GOT7 เรียลไทย กับเหล่าผู้พิทักษ์” ออกอากาศวันแรกทำเรตติ้งสูงสุดของช่องทรูโฟร์ยู และติดอันดับ 15 รายการเรตติ้งสูงสุดของรายการช่วงไพรม์ไทม์ 

หลังจากที่ทรูโฟร์ยูประกาศเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นช่อง ติ่งเกาหลี ประเดิมรายการใหม่ “GOT7 เรียลไทย กับเหล่าผู้พิทักษ์” ลงผังหวังดึงสาวกเกาหลี เข้ามาเป็นกลุ่มฐานผู้ชมช่อง สร้างความแตกต่างจากทีวีดิจิทัลทุกช่อง ซึ่งได้ผลตั้งแต่การออกอากาศวันแรก 16 มกราคม 2562 ได้เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 0.467 เป็นรายการที่เรตติ้งสูงสุดของช่องประจำวัน

เมื่อแยกพื้นที่การรับชม พบว่า มีเรตติ้งผู้ชมในกลุ่มต่างจังหวัด 0.482 สูงกว่าพื้นที่กรุงเทพฯ 0.381 นอกจากนี้หากเทียบกับรายการที่ออกอากาศในช่วงเวลาเดียวกัน เวลาหลังข่าว 2 ทุ่ม จะพบว่า พลังอากาเซ ทำให้เรตติ้งรายการขึ้นมาอยู่ในอันดับ 15 ของช่วงเวลาเลยทีเดียว

ปกติรายการที่ทำเรตติ้งสูงสุดของช่องทรูโฟร์ยูประจำวัน คือ รายการราคาพารวย ออกอากาศช่วงเย็นของทุกวันทำงาน เรตติ้งทำได้อยู่ในระดับ 0.8 แต่วันที่ 16 ม.ค. มีการถ่ายทอดสดฟุตบอล มีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 0.383 เท่านั้น ทำให้รายการ GOT7 ทำเรตติ้งสูงสุดประจำวัน

หากเทียบกับรายการของช่องที่ออกอากาศในทุกวันพุธ โดยในวันพุธที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมานั้น ช่วงเวลานี้เป็นการออกอากาศ รายการ รีรัน ป๋าซ่า พาซิ่ง ได้เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 0.150 เท่านั้น 

ในขณะที่เรตติ้งเฉลี่ยของช่องทรูโฟร์ยู ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น อยู่ในอันดับ 15 มีเรตติ้งเฉลี่ย 0.114 เท่านั้น การที่รายการ GOT7 เรียลไทย ได้เรตติ้ง 0.467 นั้น นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่า ระดับเรตติ้งเฉลี่ยช่องมาก

ปลายปีที่แล้ว ทรู ได้ร่วมทุนซีเจ อีเอ็นเอ็ม (CJ E&M) ยักษ์ใหญ่ธุรกิจบันเทิงครบวงจรจากเกาหลี เจ้าของค่าย Xtvn ที่ฉายซีรีส์ดังหลยเรื่องที่คนไทยติดงอมแงม ตั้งบริษัท “ทรู ซีเจ ครีเอชั่นส์” เพื่อมาผลิตคอนเทนต์ป้อนให้กับทรูโฟร์ยู

ช่องทรูโฟร์ยูนำรายการที่มีต้นฉบับจากเกาหลี มาผลิตในเวอร์ชั่นไทยมาแล้ว เช่น รายการ You are my fantasy หรือ แฟนฉันเป็นซุปตาร์ แต่ได้เรตติ้งอยู่ในระดับ 0.1-0.2 เท่านั้น ส่วนซีรีส์รีเมกเกาหลี ที่นำมาผลิตในเวอร์ชั่นไทย ก็ได้เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ในระดับ 0.1-0.3

การที่ความนิยมและเรตติ้งของรายการ GOT7 สูงกว่ารายการเกาหลีอื่นๆ ของช่อง ยังสามารถวิเคราะห์ได้ว่า ความดังของศิลปิน 4 หนุ่ม แบมแบม จินยอง ยองแจ และ มาร์ค ที่มีฐานแฟนจำนวนมากในไทย มาร่วมรายการ มีส่วนอย่างมากในการดึงผู้ชม ให้เข้ามาชมมากขึ้น การที่ GOT7 มีฐานแฟนคลับทั่วโลก จึงดึงผู้ชมเข้ามาร่วมรับชมรายการนี้สูงขึ้นทันที

ทั้งนี้รายการ GOT7 Real Thai (GOT7 Real Thai กับเหล่าผู้พิทักษ์) เป็นรายการที่ให้ 4 หนุ่ม แบมแบม จินยอง ยองแจ และ มาร์ค ปฏิบัติภารกิจตามหาโชคทั้งเจ็ดในประเทศไทยตามจังหวัดต่างๆ ได้แก่ กาญจนบุรี อยุธยา และอุบลราชธานี และยังมีความฮาจากบรรดาผู้พิทักษ์ เป็นรูปแบบรายการตลกแบบมีสาระ

นอกจากนี้ ระหว่างออกอากาศ แฮชแท็กรายการ ที่ใช้คำว่า #GOT7RealThai ก็ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ไทยอันดับ 1 ทันที ด้วยเหตุผลของความดังของวง GOT7 ที่มีสาวกอยู่ทั่วโลก

นอกจากเรื่องอิทธิพลของพรีเซ็นเตอร์ จึงเป็นการส่งสัญญาณการแข่งขันที่จะเข้มข้นขึ้นของการผลิตคอนเทนต์ ในอุตสาหกรรมบันเทิงไทยที่กำลังเจอคู่แข่งระดับอาเซียนที่เข้ามาบุกถึงถิ่นอีกด้วย.

]]>
1208971
Evangelist Marketing เรื่องต้องรู้ เหตุผลที่ทำให้คนยอมเป็นติ่ง https://positioningmag.com/1207562 Thu, 10 Jan 2019 23:07:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1207562 ภาพประกอบจาก : TrueSeries

ทำไมคนบางกลุ่มถึงทุ่มสุดตัว ยอมเปย์คนที่รวยกว่า รายได้ดีกว่า หรือซื้อบัตรคอนเสิร์ตแพงๆ เพื่อไปเจอตัวจริง ต่อให้เห็นไกลๆ หรือแม้แต่ต้องยอมซื้อบัตรเพื่อเข้าไปจับมือ ขอลายเซ็น ถ่ายรูปคู่ แล้วถ้ามีใครมาว่า ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ทำ แต่ว่าคนที่ชอบก็พร้อมจะออกมาปกป้องในทันที

ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย เหมือนกรณีที่เราได้เห็นกลุ่มคนที่รักแบมแบม GOT7 ออกมาปกป้องตอนที่เกิดดราม่าเรื่องการใช้ภาษา หรือแม้แต่กรณีล่าสุดของ ลิซ่า แบล็กพิงค์ ที่คนรักลิซ่าเป็นเดือดเป็นร้อนกันทั่วโลก จนเกิดเป็นกระแส #RespectLisa และอีกหลายๆ กรณี ที่ไม่ใช่แค่ไอดอล แต่รวมถึงแบรนด์ดังทั้งหลาย ไม่เว้นแม้แต่ทีมฟุตบอลทีมโปรดของแฟนบอลที่ต่อให้ตกชั้น เล่นห่วย แพ้ติดๆ กันหลายนัด ก็ห้ามใครมาวิจารณ์เชิงลบให้ระคายหู

การตลาดแบบไหนที่ทำให้ผู้บริโภคธรรมดากลายเป็นผู้บริโภคสายปกป้อง ทุ่มสุดตัว พร้อมปะ ฉะ ดะ เพื่อไอดอลหรือแบรนด์ที่รักได้ขนาดนี้

ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ประธานหลักสูตร Master in Branding and Marketing (MBM) ภาษาอังกฤษ และอาจารย์สอนปริญญาตรี-เอก ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการการยอมรับในฐานะกูรูการตลาดในยุคนี้ เคยพูดถึงเรื่องนี้หลายครั้ง โดยช่วงกลางปี 2561 ที่ผ่านมา ภาควิชาการตลาดฯ ก็ยังได้จัดสัมมนาใหญ่ที่สรุปเทรนด์การตลาดของยุคนี้ออกมา และหนึ่งในนั้นก็คือความสำคัญที่แบรนด์ยุคนี้ หรือยุคดิจิทัล ต้องตระหนักและต้องเปลี่ยนให้ “ลูกค้า” (Customer) ยกระดับมาเป็น “สาวก” (Evangelists) ให้ได้ เพราะต่อให้เป็นแค่ “แฟนคลับ” (Advocates) ก็ยังถือว่าไม่เพียงพอต่อแบรนด์อีกต่อไป

ทั้งนี้ สาวกของแบรนด์ ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งมีในวงการตลาด แต่มีมาทุกยุคทุกสมัย ที่ผู้บริโภคมักจะมีความหลงใหล หลงรัก อะไรสักอย่างจนเชื่อว่าแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ที่ตนเลือกใช้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีข้อเสีย หรือต่อให้มีจริง ทุกอย่างก็ยังดีเลิศ เพราะตัวเอง “หลงใหล” หรือ “หลงรัก” เข้าไปแล้วเต็มๆ ยกตัวอย่างชัดๆ ก็ต้อง iPhone และบรรดาผลิตภัณฑ์ของ Apple ซึ่งต่อจะให้มีข้อจำกัดเรื่องอะไรก็มักจะถูกบรรดาสาวกมองข้ามไปเสียหมดนั่นล่ะ

ในยุคนี้นอกจากแบรนด์ ไอดอลทั้งหลายซึ่งก็เปรียบเหมือนแบรนด์ๆ หนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหารายได้ในเชิงธุรกิจ ก็มีสภาพไม่ต่างจากแบรนด์ ที่ต้องนอกจากสร้างแฟนคลับแล้ว ด้วยพัฒนาการความผูกพันระหว่างแฟนคลับกับตัวศิลปิน หากมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นสาวก ที่จะคอยปกป้องไอดอลได้เช่นกัน

ในกรณีของคนไทย บุคคลที่ ดร.เอกก์ มักจะยกมาเป็นตัวอย่างอยู่เสมอ คือ พี่ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย ที่การวิ่งจากใต้สุดจรดเหนือสุดเพื่อหาทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลรัฐที่ขาดแคลน ก็เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ พี่ตูน เปลี่ยนแฟนคลับจำนวนมากให้กลายมาเป็นสาวก รวมทั้งทำให้คนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน รวมทั้งกลุ่มคนอีกจำนวนมากที่อาจจะไม่เคยฟังเพลงของพี่ตูนเลยด้วยซ้ำ กลายมาเป็นสาวกโดยอัตโนมัติ เพราะประทับใจจากสิ่งที่เขาทำ

ทำอย่างไรแบรนด์จะสร้างสาวกได้ วิธีการง่ายนิดเดียว อยากได้สาวก ต้องเป็นคนดี ต้องเป็นแบรนด์ที่ดี

วิธีการทำ Evangelist Marketing ที่ชัดเจนที่สุดที่ ดร.เอกก์ เคยพูดถึงเสมอ ซึ่งฟังดูเหมือนง่าย แต่ ดร.เอกก์ กล่าวว่า

“การเป็นคนดีในโลกธุรกิจไม่ง่ายเสมอไป โดยเฉพาะธุรกิจที่มีเรื่องของผลประโยชน์มากมาย ทำให้บางทีมีอะไรที่ทำให้กลายเป็นคนไม่ดีได้ง่าย”

สำหรับไอดอลซึ่งก็เป็นเหมือนแบรนด์ ก็ต้องเป็นคนดีเช่นกัน ถึงจะมีแฟนคลับและสาวกี่ค่อยๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้น

เรื่องของการสร้างสาวกจึงเป็นกลยุทธ์การตลาดสำคัญ ที่ ดร.เอกก์ และภาควิชาการตลาดฯ ฟันธงไว้ว่าจะเป็นเทรนด์การตลาดที่มาแรงตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา โดยย้ำไว้ในวันที่ออกมาพูดถึงเทรนด์นี้ว่า

“มองเป็นลูกค้าไม่พอ แต่ต้องการสาวก แม้สมัยก่อนจะเคยบอกกันว่าลูกค้าคือพระเจ้า แต่อนาคตลูกค้าไม่ได้ถูกเสมอ และจากที่เคยพูดกันว่าแบรนด์ต้องการแฟนคลับก็ไม่พอ แต่ตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา แบรนด์ต้องการสาวก ย้ำเลยว่า ไม่เอา Customer ต้องเป็น Evangelist”

ส่วนจะรู้จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็น ลูกค้า แฟนคลับ หรือ สาวก ดร.เอกก์ แยกพฤติกรรมให้เห็นดังนี้

  • ลูกค้า – อย่างมากก็ซื้อซ้ำ
  • แฟนคลับ – ซื้อ ซื้อซ้ำ บอกต่อ แนะนำให้ไปดู ชวนกันไปซื้อ แล้วบอกต่อ
  • สาวก ซื้อ ซื้อซ้ำ บอกต่อ และปกป้อง

สำหรับความจำเป็นที่แบรนด์ต้องมีสาวกโดยเฉพาะในยุคดิจิทัล เพราะด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับแบรนด์ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อย การสื่อสารไวกว่าไฟลามทุ่ง ยิ่งเป็นเรื่องร้าย อัตราแรงของข่าวยิ่งไปไวกว่าข่าวดีทวีคูณ ต่างจากยุคสมัยก่อนที่พอจะปิดข่าว แก้ปัญหากันเป็นจุดๆ ไม่ให้ข่าวรั่วออกไปได้

“ยุคดิจิทัลไม่ใช่ยุคที่แบรนด์จะปิดเรื่องไม่ดีได้เร็ว วันนี้ทำผิดนิดเดียวคนแชร์ออกไปทั่วโลก ถ้าไม่มีสาวกไม่มีทางแก้ทัน การมีสาวกจะมีคนช่วยแก้แทนเต็มไปหมด”

เพราะฉะนั้น ทั้งแบรนด์ บุคคล ไอดอล องค์กรเล็กใหญ่ ต้องเริ่มสร้างสาวกตั้งแต่วันนี้ ด้วยการทำความดี เพราะ ดร.เอกก์ ยืนยันว่า “ไม่มีใครปกป้องคนเก่ง แต่คนส่วนใหญ่จะเลือกปกป้องคนดี”

ลำดับขั้นของการพัฒนาแบรนด์สู่การสร้างสาวก เริ่มจาก

  1. สร้างการรับรู้ รู้จัก (Awareness)
  2. ให้ความรู้ (Knowledge)
  3. ทำให้ชอบ เริ่มซื้อสินค้า (Like)
  4. ทำให้รัก เลือกเป็นแบรนด์โปรด ซื้อและบอกต่อ (Love)
  5. ทำให้หลงรัก ซื้อซ้ำ บอกต่อ ปกป้อง (Passsion)

ที่มา : ดร.เอกก์ ภทรธนกุล

]]>
1207562
ทำไม! ชั่วโมงนี้ แบรนด์ไหนก็อยากมี แบมแบม GOT7 เป็นพรีเซ็นเตอร์ https://positioningmag.com/1206939 Mon, 07 Jan 2019 23:07:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1206939 ยังคงรักษากระแสความนิยมได้ต่อเนื่องสำหรับ แบมแบม GOT7 หรือ กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หนุ่มไทยแต่เป็นศิลปินเกาหลี ที่หลายแบรนด์ดังของไทยเลือกใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งช่วงหลังเป็นการเลือกใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์เดี่ยว มากกว่าใช้เป็นวงเหมือนในช่วงแรกที่ GOT7 เริ่มมีชื่อเสียง เช่นเดียวกับที่สมาชิกคนอื่นของวง โดยเฉพาะ แจ็คสัน หวัง ที่มีผลงานเดี่ยวในจีนชุกมาก พร้อมกับดึง มาร์ค สมาชิกอีกคนเข้าไปมีผลงานเดี่ยวมากขึ้นในจีน รวมทั้งสมาชิกของวงชาวเกาหลี ที่ต่างก็มีผลงานเดี่ยวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งด้านงานเพลงและการแสดง

แต่การปรากฏภาพโปรโมตกิจกรรมของของแบมแบม กับแบรนด์ล่าสุด ที่ทำเอาแฟนคลับหลายคนงง เพราะ “แบมแบม” ยังมีสถานะเป็นพรีเซ็นเตอร์ตัวเป้ง ที่มีพลังดึงดูดสูงคนหนึ่งของเอไอเอสอยู่ แต่ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมีภาพไปโปรโมตเพื่อให้แฟนคลับมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับแบมแบมในสังกัดทรูฯ ได้ด้วย

งานนี้ต้องบอกเลยว่า ถ้าพรีเซ็นเตอร์ดังขนาดนี้ แบรนด์ใหญ่แค่ไหนก็ไม่สนแล้วว่าจะสร้างความสับสนอย่างไร ซึ่งกรณีนี้ ในความเป็นจริงก็ไม่มีอะไรอธิบายยาก เพราะลักษณะธุรกิจของฝั่งทรูที่แบมแบมเข้าไปร่วมกิจกรรม กับการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของเอไอเอสก็ไม่มีอะไรทับซ้อนกัน นอกจากความสับสนของชื่อแบรนด์ทรูฯ ที่อาจจะทำให้คนนึกถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทรูมูฟเท่านั้นเอง

แต่การที่แฟนคลับเอ๊ะกันในตอนแรก ก็ต้องยอมรับว่า เอไอสจะมีพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์จำนวนมากแบบเป็นเน็ตเวิร์ก เป็นแฟมิลี่ แต่ก็ยังทำให้ผู้บริโภคจดจำภาพของ “แบมแบม” กับภาพของแบรนด์ผูกกันอย่างเหนียวแน่น จนเกิดความสงสัยขึ้นทันที

ทั้งที่ผ่านมา แม้ไม่เคยใช้แบมแบมในการจัด Meet and greet เดี่ยวๆ เหมือนหลายแบรนด์ที่เลือกแบมแบมเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่การจัดกิจกรรมของเอไอเอสที่ดึงแบมแบมเข้าไปเป็นแม็กเน็ตสำคัญในการดึงฐานแฟนคลับ จนเกิดกระแสการย้ายค่ายของคนกลุ่มหนึ่งที่ให้เหตุผลกับผู้ให้บริการมือถือค่ายเดิมที่ใช้อยู่ว่า “เพราะค่ายอื่นไม่มีแบมแบม”

ที่สำคัญแบมแบมเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่เอไอเอสอัดทั้งการโปรโมตและกิจกรรม บวกกับความแรงของพรีเซ็นเตอร์เองที่ทำให้สื่อต่างๆ คอยรายงานข่าวความเคลื่อนไหวก็จะบอกเล่าถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ กลายเป็น ฟรีมีเดีย ที่ช่วยเสริมกระแสและความรู้จักยิ่งขึ้นอีกแรง ขนาดที่สามารถสู้กับกระแสของ ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย พรีเซ็นเตอร์ของทรูมูฟ ที่ถือว่ากระแสดังมากสำหรับคนไทยในช่วงปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงสรรพคุณในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบมแบม ที่ใครๆ ก็ออกปากว่า ขายของเก่ง ถ้ามีโอกาสก็จะโปรโมตให้กับแบรนด์ หรือกล่าวถึงแบรนด์ต่างๆ ที่รับเป็นพรีเซ็นเตอร์เสมอ

อีกทั้งการที่ตัวพรีเซ็นเตอร์อย่างแบมแบมเอง รวมถึงแฟนคลับจำนวนมาก แชร์เรื่องราว กำหนดการ ภาพจากกิจกรรมต่างๆ ลงในโซเชียลมีเดียของตัวเองทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ก็เท่ากับเป็นการช่วยเพิ่มกระแสและตอกย้ำการเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ทรงอิทธิพลยิ่งขึ้น

ฉะนั้นถ้ามีส่วนจะได้ใช้พรีเซ็นเตอร์ที่ทรงอิทธิพลขนาดนี้ แบรนด์ที่ไหนก็ไม่เกี่ยง

แต่สำหรับกรณีของทรูฟอร์ยูช่อง 24 (True4u 24) ซึ่งมีกิจกรรมร่วมกับแบมแบม ครั้งนี้ ไม่ใช่การใช้แบมแบมเป็นพรีเซ็นเตอร์แต่อย่างใด แต่เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อโปรโมตรายการใหม่ ชื่อ Got7 Real Thai ของค่าย Xtvn ที่เข้ามาถ่ายทำในไทยเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา และกำลังจะออนแอร์ในวันที่ 16 มกราคม 2562 ที่จะถึงนี้ โดยแบมแบมเป็นหนึ่งในสี่สมาชิกของ GOT7 ที่เข้ามาถ่ายทำรายการนี้ในเมืองไทย ซึ่งลงตัวในหลายๆ ด้านที่จะใช้เป็นตัวแทนในการจัดกิจกรรมเพื่อโปรโมตรายการครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม การโปรโมตรายการลักษณะดังกล่าว ก็ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก แต่ด้วยความดังและแรงดึงดูดของแบมแบมกับกลยุทธ์ที่จะสร้างการรับรู้จากฐานแฟนคลับจึงถือเป็นกิจกรรมที่ลงตัว นอกจากนี้ยังเป็นการสะท้อนถึงภาพการผลิตรายการรูปแบบใหม่ของทรูฯ ที่ยกเอาศิลปินระดับอาเซียนเข้ามาร่วมสร้างคอนเทนต์สำหรับตลาดไทยอีกด้วย หลังจากที่เมื่อปลายปีที่แล้ว ทรูฯ เพิ่งร่วมกับค่าย CJ E&M ผู้ผลิตคอนเทนต์ของเกาหลี เจ้าของค่าย Xtvn ที่ฉายซีรีส์ดังหลายเรื่องที่คนไทยติดงอมแงม ก็เริ่มบุกเข้ามาเพื่อทำตลาดด้านคอนเทนต์บันเทิงในไทยอย่างจริงจัง

ดังนั้น งานนี้นอกจากเรื่องอิทธิพลของพรีเซ็นเตอร์ จึงเป็นการส่งสัญญาณการแข่งขันที่จะเข้มข้นขึ้นของการผลิตคอนเทนต์ ในอุตสาหกรรมบันเทิงไทยที่กำลังเจอคู่แข่งระดับอาเซียนที่เข้ามาบุกถึงถิ่นอีกด้วย.


ข่าวเกี่ยวเนื่อง

ถอดรหัสความดัง แบมแบม GOT7 Born to be Presenter Idol

]]>
1206939
เอไอเอส รวมพลังนุช + อากาเซ่ ชิงจุดพลุครองคลื่นมากสุด https://positioningmag.com/1184289 Tue, 21 Aug 2018 01:00:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1184289 หลังประมูลคลื่น 1800 MHz เอไอเอสไม่รอช้า ชิงประกาศจุดยืนของการเป็นค่ายมือถือที่มีคลื่นความถี่มากที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการทุกราย ด้วยจำนวนคลื่น 120 MHz ในขณะที่ค่ายทรูจะมีคลื่นความถี่ทั้งหมด 110 MHz และดีแทคมี 100 MHz

ปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป เอไอเอส กล่าวว่า การได้คลื่นมาอีก 5 X 2 MHz จำนวน 10 MHz ทำให้เอไอเอสมีคลื่นความถี่ Super Block 1800 MHz จำนวน 40 MHz (20 MHz X 2) ที่จะสามารถให้บริการลูกค้า 4G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะคลื่นย่าน 1800 MHz เป็นคลื่นที่เหมาะสำหรับการให้บริการ 4G และทางเทคนิค การมีคลื่นย่านรับและย่านส่ง (uplink & downlink) จำนวนย่านละ 20 MHz ทำให้การให้บริการดีกว่าจำนวนคลื่นย่านละ 15 MHz

นอกจากนี้ยังเป็นทางเลือกให้ความคุ้มค่าสำหรับการขยายความจุโครงข่ายของเอไอเอส เพื่อรองรับการเติบโตของ 4G โดยเป็นการเพิ่มช่องสัญญาณจากที่มีอยู่เดิมและใช้ได้กับอุปกรณ์โครงข่าย 4G บนคลื่น 1800 MHz และยังเป็นการเตรียมการรองรับเทคโนโลยี 5G ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

จากข้อมูลไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เอไอเอสมีจำนวนลูกค้าให้บริการทั้งหมด 40 ล้านราย รองลงมาคือค่ายทรู ที่มีทั้งหมด 28.1 ล้านราย และดีแทค 21.6 ล้านราย

ทั้งเอไอเอส และดีแทค ได้ประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz รายละ 1 ใบอนุญาต 5×2 MHz ในวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ค่ายทรูไม่เข้าร่วมการประมูล ด้วยเหตุผลทางการเงิน และจำนวนคลื่นพอเพียงแล้วกับจำนวนลูกค้าที่มีอยู่

ถอดกลยุทธ์ดึงพลัง “นุช & อากาเซ่” ร่วมฉลองสร้างแบรนด์

เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง เอไอเอสใช้จังหวะนี้จัดงาน AIS Next G X Peck BamBam : The 1st time in Bangkok” ทันที โดยใช้พลังของทั้ง “นุช” เป๊ก ผลิตโชค และ “อากาเซ่” แบมแบม GOT7  2 พรีเซ็นเตอร์ระดับท็อปที่มีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมาก มาใช้จุดพลุฉลองการเป็นค่ายมือถือที่ครองคลื่นความถี่มากที่สุด

งานจัดขึ้นบริเวณหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ในรูปแบบ Fan Meet คู่ เป๊ก และแบมแบม ซึ่งเอไอเอสเคยเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คู่นี้มาแล้วตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายนปีนี้ และมีการประกาศจะมีภารกิจทั้งหมด 7 missions โดยครั้งสุดท้ายจะเป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งเอไอเอสอุบไต๋ไว้ จนมาประกาศงาน Fan Meet ของทั้งคู่ในวันนี้

“เอไอเอสเลือกจัดภารกิจที่ 7 ที่เป็นภารกิจสุดท้าย Fan Meet เพื่อแฟนแท้ๆ เพื่อสร้าง engagement กับแฟนคลับศิลปินทั้ง 2 คน และยังเป็นการขอบคุณแฟนๆ ที่ช่วยแชร์เรื่องดี ๆ และแนะนำให้เราปรับปรุงเรื่องต่างๆ เพราะกิจกรรมที่เราตอบโจทย์แฟนๆ ก็ถือว่าเป็นการตอบโจทย์ลูกค้าของเราด้วย” ปรัธนา กล่าว

งานแฟนมีทแบบคู่ในลักษณะนี้ ย่อมทำให้ทั้งนุช และอากาเช่ ต่างไม่มีใครยอมใคร ต่างชักชวนกันผ่านทางสื่อโซเชียล มารวมตัวเพื่อเชียร์ศิลปินคนโปรด

บรรดาอากาเซ่ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่น ตามสไตล์ติ่งเกาหลี พากันมานอนค้างคืนที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะมีการประกาศล่วงหน้าว่า จะมีเพียงแค่ 1,400 คนเท่านั้นที่สามารถเข้างานได้ ทำให้บรรดานุชเริ่มกังวลว่า พลังของนุขจะไม่ยิ่งใหญ่เพียงพอเท่ากับอากาเซ่ ต่างเร่งระดมคนที่สามารถมาค้างคืนและเข้าร่วมงานได้ จึงส่งข้อความในแต่ละเรือนต่างๆ ของ “เฮียเป๊ก”

ภาพที่เห็นที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ คือภาพของเด็กวัยรุ่น อากาเซ่ จำนวนมาก มาประชันกับพลังนุช ส่วนใหญ่สูงวัย อีกจำนวนหนึ่งนั่งปะปนกัน เมื่อรวมกลุ่มกันเหมือนคนต่างวัยแต่เข้ามาด้วยจุดหมายเดียวกัน

ปรัธนา บอกว่า กลยุทธ์การจับคู่ศิลปินนั้น เริ่มมาจากการที่เอไอเอสพูดคุยกับศิลปินแต่ละคนว่าจะต้องจับคู่กันยังไงให้ win win ทั้งคู่ ทั้งศิลปิน และเรา win เมื่อกลุ่ม “นุช” และ “อากาเซ่” ไม่ทับซ้อนกัน มีความแตกต่างกัน พอจับคู่กัน ก็กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ต่างผ่ายต่างเพิ่มแฟนคลับให้กันและกัน และได้กลายเป็นครอบครัวเอไอเอสไปด้วย เป็นปรากฏการณ์ที่เป็น Positive เชิงการตลาด

เอไอเอสยังมีการจับคู่พรีเซ็นเตอร์ในสังกัดอีกหลายคู่ ที่ตอนนี้มีทั้งเจมส์ จิรายุ-แต้ว ณฐพร และเบลล่า ราณี-เวียร์ ศุกลวัฒน์

ในเชิงการตลาดเราจะทำต่อเนื่อง แต่จะให้หลากหลายแบบไม่ซ้ำ ขอให้รอดูต่อไป

ปรัธนา กล่าว


อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง

]]>
1184289
ศึกชิงผู้นำเครือข่าย 4G เดือด เอไอเอสส่ง ”แบมแบม GOT7″ ควงคู่ “เป๊ก ผลิตโชค” สู้ศึก “พี่ตูน” ทรู https://positioningmag.com/1173133 Wed, 06 Jun 2018 04:03:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1173133 ถึงแม้จะเปิดให้บริการ 4G ไปแล้วได้พักใหญ่ แต่เอไอเอส และทรู ก็ยังต้องชิงความเป็นผู้นำเครือข่ายมือถือ 4G ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร คราวนี้ทั้งคู่ใช้คนดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์เพื่อการันตีเครือข่าย ด้วยคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างกัน 

เอไอเอส คว้าเอาหนุ่มไทยไอดอลเกาหลี “แบมแบม GOT7” ที่ดังกระหึ่มในโลกโซเชียล มีแฟนคลับติดตามเหนียวแน่น มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด

แต่แบมแบมไม่ได้มาเดี่ยว ประกบคู่รวมกับพลังขวัญใจนุช “เป๊ก ผลิตโชค” เพื่อโปรโมต AIS Next G เครือข่ายมือถือโดยเฉพาะ

เพราะงานนี้ เอไอเอส ไม่ได้เทียบความเร็วและแรงของสัญญาณกับคู่แข่งในประเทศ แต่มองข้ามช็อตไปที่คู่แข่งในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงต้องใช้แบมแบม จากวง GOT7 จากบริษัทบันเทิงรายใหญ่ของเกาหลีอย่าง JYP Entertainment ซึ่งแบมแบมนอกจากจะฮอตฮิตในโลกโซเชียลมีเดีย  ยังโด่งดังในระดับเอเชีย มาเป็นตัวแทน

(อ่านเรื่องแบมแบมเพิ่ม คลิก : ถอดรหัสความดัง แบมแบม GOT7 Born to be Presenter Idol , Got7 ถล่มทวิตเตอร์ไทยในปี 2017)

เริ่มจากการออกทีเซอร์เรียกน้ำย่อยในทวิตเตอร์ พร้อมกับดึงเอาพรีเซ็นเตอร์ในสังกัดคนอื่นๆ มาร่วมด้วยช่วยกันสร้างการรับรู้ ผ่านการโปรโมตผ่านสื่อโฆษณาบนสถานีและตัวรถไฟฟ้า ก่อนจะเปิดตัวแคมเปญใหญ่ “ก้าวข้ามทุกขีดจำกัด AIS  Next G Next Generation” ในวันที่ 7 มิถุนายนนี้

ในขณะที่ ทรู เลือก “ตูน อทิวราห์” หรือ พี่ตูน บอดี้สแลม ศิลปินร็อกระดับไอคอน ขวัญใจชาวไทย ของค่ายทรู มาเป็นพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุดในสังกัด  สร้างความเชื่อในเครือข่าย True Move H 4G HD Network

โดยทรูเตรียมเปิดตัวแคมเปญโฆษณาชุดใหม่ มุ่งเน้นเรื่องของประสิทธิภาพเครือข่าย กลางเดือนมิถุนายนนี้เช่นเดียวกัน

วัดพลังเครือข่าย

การที่เอไอเอส และทรู ต้องออกแคมเปญมาประชันกันในเวลาใกล้เคียงกัน นั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เพราะหัวใจสำคัญของการให้บริการคือการมีเครือข่ายที่ดี ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการ ประวัติศาสตร์ของวงโทรคมนาคมไทยที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ปัจจัยที่จะทำให้ผู้ให้บริการมีจำนวนลูกค้า มีรายได้มากขึ้นนั้น มาจากคุณภาพของเครือข่ายทั้งนั้น ซึ่งทุกค่ายล้วนแต่ผ่านประสบการณ์วิกฤตปัญหาเครือข่ายมาแล้วทั้งนั้น

การขยายเครือข่ายนั้น ต้องขึ้นอยู่กับเงินลงทุน และคลื่นความถี่ที่จะให้บริการ ค่ายทรูเองมาทีหลังคู่แข่ง-เอไอเอส และดีแทคหลายปี ก็มีปัญหาด้านเงินลงทุน ต้องหาพาร์ตเนอร์ Orange เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น เพื่อช่วยสร้างแบรนด์ และเงินทุน ซึ่งก็สามารถแก้วิกฤตปัญหาการลงทุนไปได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่พอผ่านวิกฤตการเงิน ก็ต้องมาเจอปัญหาขาดแคลนคลื่น จนต้องไปประมูลคลื่นในราคาแพง

ทรู ประเมินแล้วว่า ถ้าจะแข่งขันในระบบ 3G แบบเดิม สู้ยังไงก็ไม่มีวันชนะคู่แข่งทั้ง 2 รายที่เปิดให้บริการนำหน้าไปหลายช่วงตัว สู้ไปเร่งมือขยายเครือข่าย 4G ชิงเปิดให้บริการก่อน โอกาสสร้างแต้มต่อ สร้างฐานลูกค้า โอกาสชนะก็ย่อมมีมากกว่า

ทรู จึงเป็นรายแรกที่ลงทุนเครือข่าย 4G ในเดือนพฤษภาคมปี 2556 โดยที่เอไอเอสกว่าจะฝ่าวิกฤตปัญหาคลื่นมาได้ ทำให้เริ่มการลงทุน และเปิดให้บริการ 4G ได้ในช่วงเดือนธันวาคม ปี 2558 ตามหลังกันอยู่ถึง 2 ปี

เมื่อทรูชิงทำตลาด และโปรโมตโครงข่าย 4G ได้ก่อน และกลายเป็นแต้มต่อให้กับทรู สามารถลืมตาอ้าปาก ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ซึ่งทรูเองก็คงไม่หยุดอยู่แค่นี้

เอไอเอส จึงต้องเร่งสร้างการรับรู้ถึงการเป็นผู้นำในด้านเครือข่าย เพราะถึงแม้ทั้งคู่จะมีคลื่นความถี่ 55 MHz ในมือเท่ากัน แต่เอไอเอสก็ยังมีฐานผู้ใช้บริการ 40.1 ล้านราย ในขณะที่กลุ่มทรูมีจำนวน 27.6 ล้านราย

เมื่อทั้งคู่ต่างก็เคลมว่าเป็นผู้นำเครือข่าย 4G เน้นโปรโมต และจากเดิมที่เคยสร้างการรับรู้เรื่อง “ฟังก์ชัน” ของเครือข่าย ก็ได้เวลาที่ทั้งคู่ต้องเลือกใช้ “พรีเซ็นเตอร” เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และดึงดูดใจผู้ใช้บริการให้รวดเร็วที่สุด

เอไอเอสนั้น มุ่งเน้นกับพลังของคนรุ่นใหม่ ที่ใช้ชีวิตอยู่กับสังคมออนไลน์ โซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลัก เพราะกลุ่มี้ใช้ “ดาต้า” เป็นจำนวนมาก เอไอเอสจึงเลือก “แบมแบม” ไอดอลขวัญใจวัยเรียน มาผนึกกำลังกับ “เป๊ก ผลิตโชค” ที่มีฐานแฟนคลับเหนียวแน่น รวมพลัง เพื่อสะท้อนถึงความรวดเร็วในการรับส่งข้อมูลของเครือข่าย 4G

ร่วมกับพรีเซ็นเตอร์ในมือ ซึ่งไอเอสมีอยู่เป็นจำนวนมาก เจมส์ จิรายุ, แต้ว ณฐพร, มิว นิษฐา, เต้ย จรินทร์พร, ทอม Room39, ดีเจพุฒ, วี วิโอเลต, แพรวา-แบงค์ ฮอร์โมน 2 และรายล่าสุด เบลล่า ราณี

เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำ ด้วยภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของตูน และเป็นคนที่คนทั่วประเทศรู้จัก ในฐานะผู้นำความเชื่อ และทำความดีเพื่อสังคม

ในขณะที่ ทรู เลือกตูน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ผ่านพลังของฮีโร่ของสังคมไทย อย่าง “พี่ตูน” ที่กล้าทำโครงการที่ยิ่งใหญ่ “ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” จากการวิ่งจากภาคใต้สู่ภาคเหนือ มาเป็นผู้สร้างความมั่นใจกับความแรงของเครือข่ายมือถือ 4G ของทรู จากภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ จริงใจของ “พี่ตูน”

พรีเซ็นเตอร์ สูตรการตลาดค่ายมือถือ

ด้วยฐานลูกค้าของค่ายมือถือที่มีจำนวนมาก ทำให้ค่ายมือถือต้องใช้พรีเซ็นเตอร์มาเป็นเครื่องมือการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ เป็นตัวแทนของแบรนด์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไป

เอไอเอสมีกลุ่มพรีเซ็นเตอร์จำนวนมาก ตั้งแต่ เจมส์ จิรายุ, แต้ว ณฐพร, มิว นิษฐา, เต้ย จรินทร์พร, ทอม Room39, ดีเจพุฒ, วี วิโอเลต, แพรวา-แบงค์ ฮอร์โมน 2, เป๊ก ผลิตโชค, เบลล่า ราณี และ แบมแบม GOT7

ในขณะที่ทรูมูฟ เอช มี ณเดชน์-ญาญ่า, BNK48, แพนเค้ก, เบิ้ล ปทุมราช, โป๊ป ธนวรรธน์ และ ตูน บอดี้สแลม เป็นรายล่าสุด

ส่วนค่ายดีแทค ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็นพรีเซ็นเตอร์รายล่าสุด.

]]>
1173133
ถอดรหัสความดัง แบมแบม GOT7 Born to be Presenter Idol https://positioningmag.com/1165549 Tue, 10 Apr 2018 23:15:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1165549 น้อยนักที่จะได้เห็นไอดอลระดับอินเตอร์จากไทย ที่มีสตอรี่เป็นพรีเซ็นเตอร์มาตั้งแต่เด็ก โตแล้วก็ยังได้ดีกับการเป็นพรีเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง เหมือนที่หนึ่งในไอดอลเกาหลีเชื้อสายไทยอย่าง แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล สมาชิกชาวไทยของวง GOT7 จากเกาหลี ที่กำลังเป็นกระแสกระหึ่มออนไลน์ จากการเข้าเกณฑ์ทหาร จับใบดำใบแดง

แบมแบม คือหนึ่งในไอดอลที่แสดงให้เห็นว่า การเป็นไอดอลคืองานสายอาชีพที่สามารถจริงจัง เติบโตด้วยการพัฒนาความสามารถเฉพาะตัวอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนภาพของความสำเร็จที่ไม่ได้มาเพราะความฟลุกได้อย่างดี เหมือนที่ไอดอลส่วนใหญ่ของยุคนี้ต่างรู้ดีว่า หน้าตาดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องมาครบทั้งความสามารถ ความขยันทุ่มเทที่จะพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าจะอาศัยดังเพราะฟลุก ก็ไม่ต่างอะไรกับพลุ ที่สว่างวาบเพียงช่วงสั้นๆ แล้วก็หายไป

ในทางกลับกัน ถ้าหน้าตาพอได้ แต่คะแนนความขยันมาเต็ม โอกาสเกิดอาจจะสูงกว่าเสียด้วยซ้ำ

แบมแบมดังมากมั้ย

ถ้าในไทยก็ต้องตอบว่ามากพอตัวอยู่ อาจจะไม่เท่าซุปตาร์รุ่นใหญ่ๆ ในบ้านเรา แต่แบมแบมก็ทำให้เกิดกระแสมากมาย

ในทางการตลาด ดูได้ชัดจากแบรนด์สินค้าเรียกใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้ารวมแล้วนับสิบชิ้น ทั้งโดยส่วนตัวแบมแบมที่เป็นพรีเซ็นเตอร์เดี่ยว และเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกับสมาชิกในวง GOT7 แต่ละชิ้นได้รับผลตอบรับที่ดี มีแฟนๆ ให้ความสนใจจนเป็นที่พูดถึงบ่อยครั้ง

โฆษณา เคเอฟซี
โฆษณา กูลิโกะ
โฆษณา โอวัลติน

ตั้งแต่วัยเด็ก ก่อนจะเป็น GOT7 แบมแบมเคยโฆษณาให้กับสินค้าอย่าง KFC, กูลิโกะ Giant Caplico, ครีมอาบน้ำ แพรอท รวมทั้งโฆษณาภาพนิ่งให้กับไส้กรอกซีพี ก่อนจะโตมามีแฮชแท็กเฉพาะในเฟซบุ๊กของซีพี #ไส้กรอกซีพีเพื่อนซี้แบมแบม เพื่อโปรโมตในโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ

พอโตมาเป็นสมาชิก ก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกับวง GOT7 ให้กับผลิตภัณฑ์ It’ Skin, est Cola ที่ควักเงินถึง 300 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า GOT7 ดังขนาดสามารถใช้ทำตลาดในระดับภูมิภาคของไทยได้ด้วย โฆษณา Bausch + Lomb ที่ออกมาพร้อมกิจกรรมการตลาดก็ยังทำให้แบรนด์ที่ไม่แมสแบบเลนส์แว่นตาเป็นที่สนใจและรู้จักของกลุ่มวัยรุ่นขึ้นมาอีกมาก

โฆษณาสาหร่ายเถ้าแก่น้อย

เถ้าแก่น้อยเมื่อต้องตีกันการเติบโตของมาชิตะที่โฟกัสภาพสาหร่ายเกาหลีแรงขึ้น ก็ต้องใช้เงิน 60 ล้านเพื่อใช้ GOT7 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในตลาดไทย โดยเฉพาะงบจำนวนนี้ 50 ล้านคือค่าตัวพรีเซ็นเตอร์ ขณะที่อีก 10 ล้าน จ่ายเป็นค่าดูแลศิลปินและแฟนคลับในการจัดงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์

โฆษณา เอส

ทั้งเอสโคล่า และเถ้าแก่น้อย มีหลักการเลือกพรีเซ็นเตอร์ซึ่งต้องใช้ระยะยาว ต่างก็เน้นที่วงไอดอลที่นอกจากจะดังอยู่แล้ว แต่แบรนด์ต้องมั่นใจและเช็กมาแล้วว่า กระแสของวงนั้นจะยังดังได้อีกนานจากผลงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

ประกันชีวิต fwd

บริษัทประกันชีวิต FWD ก็ยังเลือกใช้ศิลปินเกาหลีแบบ GOT7 เพื่อให้ถูกใจชาวไทย และได้ภาพของบริษัทอินเตอร์ที่ใช้ศิลปินอินเตอร์ด้วย

ขณะที่แบมแบมยังมีโฆษณาที่รับเป็นพรีเซ็นเตอร์เดี่ยวอีก 2 ชิ้น ให้กับ รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และสมาร์ทโฟนวีโว่ วี9 (Vivo V9)

คนชอบแบมแบมเพราะอะไร

ไม่ใช่เพราะเป็นสมาชิกวงไอดอลเกาหลีได้แล้วทุกอย่างจะราบรื่นไปหมด

เช่นเดียวกัน การที่แบมแบมเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยได้พอๆ หรืออาจจะมากกว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในวง ทุกอย่างต้องแลกมาด้วยความสามารถและความพยายาม

ถ้าถามแฟนคลับว่า ชอบแบมแบมเพราะอะไร คำตอบที่ได้ ส่วนใหญ่นอกจากเรื่องความสามารถที่แบมแบมแสดงออกมาให้ได้เห็นถึงความพยายามที่ไม่เคยหยุดตั้งแต่เป็นเด็กอายุ 13 ได้รับเลือกเข้าไปเป็นเด็กฝึกในวง มีทักษะฉกาจแค่ชอบเต้นอย่างเดียว ซึ่งก็ยังต้องฝึกเพิ่ม พร้อมกับการฝึกความสามารถในด้านอื่นๆ รวมถึงการปรับตัวเรื่องการใช้ชีวิต ภาษา วัฒนธรรม และการเรียนรู้เพื่อเข้ากับสมาชิกในวงอีก

กว่าแบมแบมจะได้เดบิวต์กับวง GOT7 ต้องใช้เวลาร่วม 4 ปี 

โดยส่วนตัว แบมแบมมาจากครอบครัวที่มีฐานะธรรมดาของไทย ก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องครอบครัว ดูแลแม่อย่างเต็มที่ ซึ่งแม้แบมแบมจะเป็นนักร้องสัญชาติไทยคนที่ 2 ที่ได้รับคัดเลือกจากบริษัทบันเทิงรายใหญ่ของเกาหลีอย่าง JYP Entertainment ซึ่งเคยคัดเลือกนิชคุณ หรเวชกุล เข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง 2PM เป็นคนแรก แต่คัดเลือกกันที่อเมริกา และต้องยอมรับว่านิชคุณมีพื้นฐานดีกว่าแบมแบมหลายด้าน

แม้จะผ่านการฝึกฝนในรูปแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่แบมแบมสร้างความต่างให้กับไอดอลเกาหลี ก็คือ การนำบุคลิกแบบเด็กไทย ที่เป็นมิตรกับแฟนคลับ ไม่ค่อยห่วงภาพลักษณ์ตัวเอง บวกกับนิสัยส่วนตัวที่ร่าเริงสดใส  ทำให้อยู่ตรงไหนคนก็มักจะเอ็นดูอยู่เสมอ และทำให้ลดช่องว่างระหว่างความเป็นไอดอลเกาหลีกับแฟนคลับลงได้ค่อนข้างเยอะ และทำให้หลายคนที่ไม่เคยสนใจเคป็อป หันมาเป็นแฟนคลับไอดอลเกาหลีครั้งแรกเพราะชื่นชอบ GOT7

GOT7 ดังในไทย เพราะ Easy to Reach

คำถามหนาหูมาตลอดสำหรับคนนอกวงการติ่งเกาหลี โดยเฉพาะกับวง GOT7 ว่าทำไมถึงดังในไทย แล้วดังมากกว่าในเกาหลีจริงไหม แล้วทำไมวงนี้มาเมืองไทยบ่อยจัง

จะเห็นว่า แม้ GOT7 จะไม่ดังเท่าวงไอดอลบางวงในเกาหลี อย่าง EXO ซึ่งมาสร้างปรากฏการณ์บัตรคอนเสิร์ตหมดอย่างเร็วภายในไม่กี่นาที แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะมาแข่งขันกัน เพราะส่วนใหญ่ติ่งจำนวนไม่น้อยก็ชื่นชอบทั้งสองวง

แต่ GOT7 มีบุคลิกที่ให้ความรู้สึกในระดับที่เข้าถึงง่ายกว่าไอดอลเกาหลีทั่วไป ที่ปกติมักจะได้รับการคุ้มครองแน่นหนาดูเข้าถึงยาก ขณะที่หน้าตาสมาชิกแต่ละคนในวงก็จัดว่าโอเคจนถึงน่ารักมากในสายตาแฟนคลับ ประกอบกับการจัดกิจกรรมในไทยที่ค่อนข้างบ่อยจากการถูกจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์

ที่สำคัญ การมีสมาชิกคนไทยอย่าง แบมแบม ซึ่งดังในระดับคนทั่วไป ที่โดยปกติไอดอลเกาหลีแม้จะดังแค่ไหนก็เข้าไม่ถึงคนระดับนี้ในไทย ทำให้ GOT7 เป็นวงไอดอลเกาหลีวงแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตแล้วมีผู้ชมทุกภาค แบบให้คนเข้าถึงได้ 100% ยิ่งกว่าคอนเซ็ปต์ของไอดอลที่คุณพบเจอได้เสียอีก

คอนเสิร์ตเดอะมอลล์โคราช

ตอน GOT7 จัดคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เดอะมอลล์ โคราช จึงถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่แสดงให้เห็นความนิยมไอดอลเกาหลีที่กระจายไปถึงหัวเมืองอย่างแท้จริง เพราะฉีกหลายกฎที่ศิลปินเกาหลีไม่เคยทำ เช่น สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตต้องสามารถเดินทางได้ถึงภายในเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงจากสนามบิน ราคาตั๋วที่เคยมองว่าแพงสำหรับตลาดต่างจังหวัดก็ไม่ใช่ข้อจำกัดเพราะคอนเสิร์ตที่โคราชของ GOT7 ไม่มีตั๋วแจกแม้แต่จากบรรดาสปอนเซอร์ให้หาได้ง่ายๆ และขายตั๋วหมดเร็ว ฯลฯ

โดยสรุป แม้ความดังของ GOT7 จะไม่ใช่ระดับสูงสุดในเกาหลี แต่สิ่งที่ GOT7 กินใจคนไทยได้มากกว่า เป็นเรื่องของลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ และการแสดงออก ทั้งในกลุ่มสมาชิกด้วยกันเอง และกับแฟนคลับโดยเฉพาะการทักทายและความห่วงใย ที่มีความเป็นกันเอง ดูสบายๆ ง่ายๆ บางทีถึงขั้นที่แฟนๆ แซวว่าเป็นเด็กเกรียน เพราะไม่ห่วงภาพลักษณ์ ไม่มีมาดแบบศิลปินเกาหลีที่เคยรู้จัก เพราะสมาชิกวงนี้ ไม่เคยนิ่ง ยิ้มกับแฟน แซวกันเอง หยอกกันเอง ตลก เฮฮา เป็นตัวของตัวเองไม่เก๊กเกร็ง และมีปฏิกิริยาที่เป็นมิตรต่อแฟนคลับอย่างจริงใจเสมอ

ส่วนประเด็นแรกที่ว่าเพราะมีคนไทยเป็นสมาชิก ก็มีส่วน เพราะการที่ GOT7 มีสมาชิกในวงอย่าง แบมแบม ทำให้แฟนๆ ชาวไทยคอยเชียร์ คอยให้การสนับสนุนจำนวนมาก เหมือนที่ แจ็กสัน หวัง สมาชิกอีกคนที่เป็นคนจีน (ฮ่องกง) ก็เป็นตัวเชื่อมที่ดีให้กับแฟนๆ GOT7 ในจีนเช่นกัน และตัวแจ็กสันเองก็มีแฟนคลับไทยไม่น้อย เช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆ ในวง ที่มีทั้งสิ้น 7 คน

ด้านความสามารถ แต่ละคนก็มีไม่น้อย แม้จะไม่จัดเป็นขั้นเทพ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทพยายาม และสร้างพัฒนาการให้กับตัวเองอย่างไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ และมีเอกลักษณ์เรื่องสไตล์เพลงที่ GOT7 มีเอกลักษณ์ในตัวเอง โดยเกือบทั้งอัลบั้มที่ออกมา สมาชิกในวงจะเป็นคนแต่งเพลงเองกับโปรดิวซ์เพลงเอง.

]]>
1165549