โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 24 Sep 2021 07:15:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “บำรุงราษฎร์” เปิด “Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic” ฟื้นฟูสุขภาพหลังป่วยโควิด https://positioningmag.com/1353305 Fri, 24 Sep 2021 04:56:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1353305 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิด “Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic” เป็นคลินิกสำหรับฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วย COVID-19 โดยเฉพาะ หวังรักษาอาการ Long COVID และรักษาร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์

จากรายงานสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 จนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ายังมีประชาชนที่ติดเชื้อรายวันรวมถึงผู้ที่เคยป่วยและหายป่วยแล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งคนในกลุ่มนี้ ยังต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับ COVID-19 ในมิติต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่เคยติดเชื้อ เนื่องจากปอดได้รับความเสียหายรวมถึงยังมีอาการอื่นๆ

ซึ่งเป็นผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพของผู้ที่เคยป่วย ถึงแม้ผลการตรวจเชื้อจะเป็นลบแต่ยังคงมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อน ตั้งแต่ระยะเวลา 1 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับระบบร่างกายของผู้ป่วย หรือที่เรียกว่า Long COVID ขณะที่ปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลที่มีศูนย์การให้บริการด้าน COVID-19 เฉพาะด้านอย่างครบวงจร

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า

“ด้วยความพร้อมทางการแพทย์ในทุกมิติของบำรุงราษฎร์ จึงมีแนวคิดในการเปิด ‘Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic’ หรือที่เรียกว่า ‘คลินิกฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโควิด-19โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์’ ด้วยการบริการที่ครอบคลุมทุกความต้องการเกี่ยวกับ COVID-19 ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Bumrungrad COVID Solutions’ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนให้ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 และเพื่อให้ผู้ป่วยในกลุ่มผู้ติดเชื้อ และกลุ่ม Long COVID สามารถกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้นโดยเร็ว”

Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นศูนย์บูรณาการทางการแพทย์ด้าน COVID-19 ที่ครอบคลุมการให้บริการอย่างครอบคลุมในทุกมิติเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และในเอเชียแปซิฟิก โดยให้บริการครบทุกปัญหาที่เกี่ยวกับ COVID-19 แบ่งออกเป็น 3 Solutions

1. Now Normal COVID Solution ประกอบด้วยการบริการให้ความรู้ในการปฏิบัติตัวในการอยู่ร่วมกับ COVID-19 ทั้งการดูแลสุขภาพทั่วไป การตรวจโปรแกรม Fit to Fly การฉีดวัคซีน และการขอวัคซีนพาสปอร์ต เป็นต้น

2. Fighting COVID Solution ประกอบด้วยการบริการด้านการรักษาพยาบาลผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก Hospitel และผู้ป่วย Home Isolation ด้วยการรักษาด้วยยาตัวใหม่ และใน ICU เป็นต้น

3. Recover COVID Solution ประกอบด้วยการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะ Long COVID เพื่อดูแลฟื้นฟูให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีเหมือนเดิม

ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ป่วยที่หายจาก COVID-19 แล้วเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีจำนวนไม่น้อยที่ยังมีอาการของ Long COVID อยู่ในระบบร่างกาย จึงควรได้รับการดูแลฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง โดยจะอยู่ในบริการของ Recover COVID Solution

ผู้ป่วย 30% จะยังคงมีอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากได้รับผลกระทบโดยตรงจากการติดเชื้อที่ปอด เช่น มีการหายใจลำบาก เอาออกซิเจนเข้าปอดไม่เพียงพอ หรือหายใจไม่อิ่ม รู้สึกเพลียง่าย หรือบางรายอาจมีระบบความจำมีปัญหา ไม่สามารถจดจ่อในสิ่งที่ทำได้เหมือนเดิม สมาธิสั้นลง ลืมง่ายขึ้น

รองลงมา คือสภาพจิตใจยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ ยังมีความเครียด ความวิตกกังวลแฝงอยู่ หรือแม้แต่อาการเกี่ยวกับหัวใจหรือระบบหลอดเลือดตีบตัน ซึ่งจะเป็นอันดับต้นๆ ของอาการ Long COVID บางรายยังมีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อต่างๆ ที่สำคัญในรายที่มีโรคประจำตัวร่วมด้วย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน อาจส่งผลให้มีอาการ Long COVID นานกว่าคนที่มีร่างกายปกติ เป็นต้น

สำหรับบริการ Fighting COVID Solution จะเป็นการดูแลรักษาผู้ป่วย COVID-19 หลังจากที่ทราบว่าเป็น PCR positive โดยจะเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนในการรักษาตามปกติของโรงพยาบาล ขึ้นอยู่กับบริบทของผู้ป่วยแต่ละรายโดยปัจจุบัน

โรงพยาบาลฯ มีการให้บริการตามระดับอาการของผู้ป่วย ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ทั้งในส่วนของ Home Isolation, Hospitel และการรักษาในโรงพยาบาลฯ

ในส่วนของบริการ Now Normal COVID Solution ยังครอบคลุมถึง Travel Medicine สำหรับกลุ่มที่ไม่เคยป่วยเป็น COVID-19 หรือกลุ่มที่หายป่วยแล้ว โดยจะให้บริการตั้งแต่ให้คำปรึกษา แนะนำกรณีที่ต้องการไปศึกษาต่อ ไปทำงาน หรือท่องเที่ยว เพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเดินทาง บริการวัคซีน พร้อมออกหนังสือรับรอง ตรวจวินิจฉัย และรักษาการเจ็บป่วยต่างๆ อันเนื่องจากการเดินทาง บริการจัดเตรียมยาหรือเวชภัณฑ์ที่จำเป็น

รวมถึงปรึกษาแพทย์ทางไกล (Teleconsultation) ระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ หรือบริการ ‘วัคซีนพาสปอร์ต’ หนังสือรับรองการฉีดวัคซีนสำหรับเดินทางในต่างประเทศตามเงื่อนไขของประเทศปลายทาง เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีบริการฉีดวัคซีน บริการ Health Screening สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพหรือสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย โดยบริการจะครอบคลุมการตรวจหาเชื้อ COVID-19 จากห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งผ่านการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ การตรวจหาภูมิ การฉีดวัคซีน หรือวัคซีนอื่น ๆ เป็นเป็นภุมิคุ้มกัน หรือตรวจสุขภาพในโปรแกรมต่างๆ เพื่อให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้อีกด้วย

]]>
1353305
รพ.บำรุงราษฎร์เปิดจอง “โมเดอร์นา” เฉพาะ “ผู้ไม่เคยรับวัคซีน” หรือ “รับ Sinovac ครบ 2 เข็ม” https://positioningmag.com/1341297 Thu, 08 Jul 2021 05:40:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1341297 รพ.บำรุงราษฎร์ เปิดรับจองวัคซีน “โมเดอร์นา” วันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ราคาเข็มละ 1,650 บาท เงื่อนไขการจอง รับเฉพาะผู้ที่ “ไม่เคยรับวัคซีนใดๆ” และ “ผู้ที่รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็ม” เนื่องจากได้รับจัดสรรวัคซีนน้อยกว่าที่ร้องขอ ต้องจำกัดให้กับผู้ที่จำเป็นก่อน

ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ ผศ.นพ.วิชัย เตชะสาธิต แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ และผู้อำนวยการ ศูนย์บัญชาการสถานการณ์โควิด-19 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงการเปิดรับจองวัคซีน “โมเดอร์นา” (Moderna) ดังนี้

รพ.บำรุงราษฎร์จะเปิดจองวัคซีน “โมเดอร์นา” วันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ในราคาเข็มละ 1,650 บาท วางเงื่อนไขรับเฉพาะ 2 กลุ่มหลักก่อน คือ

  • กลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนใดๆ อนุญาตให้จองได้ 2 เข็ม
  • กลุ่มที่รับวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) ครบ 2 เข็ม อนุญาตให้จองได้ 1 เข็มเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

ขั้นตอนการจอง เปิดจองผ่านเว็บไซต์ https://www.bumrungrad.com/ เท่านั้นจะมีการจำกัดโควตาการจองต่อวัน เมื่อกรอกข้อมูลแล้ว เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลการฉีดวัคซีนของท่านว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่และตอบกลับภายใน 24 ชั่วโมง สำหรับท่านที่จองไม่ทันสามารถลงทะเบียนในวันถัดๆ ไปได้จนกว่าโควตาจะหมด (รพ.บำรุงราษฎร์ขอไม่เปิดเผยจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรร)

นอกจากนี้ รพ.บำรุงราษฎร์ขอชี้แจงในหลายๆ ข้อสงสัย ดังนี้

  • การจองขอสงวนสิทธิ์ให้กับลูกค้าเดิมก่อน เหตุผลเพราะโรงพยาบาลมีข้อมูลประวัติการรักษาอยู่แล้ว
  • ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนชื่อในภายหลัง เพื่อป้องกันการขายช่วงทำธุรกิจ
  • หากระหว่างรอวัคซีนโมเดอร์นา ผู้จองตัดสินใจรับวัคซีนอื่นก่อน ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนค่าจอง
  • ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย สามารถทำการจองได้

แจงเหตุไม่รับจองสำหรับผู้รับวัคซีน AstraZeneca แล้ว

เหตุผลที่ขออนุญาตไม่รับจองสำหรับผู้ที่ได้รับ วัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) แล้วนั้น ผศ.นพ.วิชัย อธิบายข้อมูลเชิงวิชาการว่า เนื่องจากผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca ส่วนใหญ่ในไทยจะได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 เป็นต้นไป ขณะที่วัคซีนโมเดอร์นาจะนำเข้ามาในไทยช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 จนถึง มีนาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันของผู้ได้รับวัคซีน AstraZeneca จะยังสูงพอสำหรับป้องกันความรุนแรงของโรคได้ จึงยังไม่จำเป็นต้องกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยเข็มที่ 3

ขณะที่กลุ่มที่รับวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็มในไทยส่วนใหญ่จะเป็นบุคลากรการแพทย์ ซึ่งกลุ่มนี้ได้รับครบ 2 เข็มไปนานมากกว่า 3 เดือนแล้วเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ระดับภูมิคุ้มกันกำลังลดลงตามธรรมชาติของวัคซีน และบุคลากรด่านหน้าเป็นส่วนสำคัญในการดูแลรักษาผู้ป่วย ควรป้องกันความเสี่ยงทั้งตนเองและผู้มารับการรักษา เป้าหมายของโรงพยาบาลจึงต้องการให้วัคซีนบูสเตอร์กับบุคลากรทางการแพทย์ก่อน รวมถึงประชาชนที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบแล้ว

ภญ.อาทิรัตน์ ชี้แจงด้วยว่า ขณะนี้ทุกโรงพยาบาลได้รับการจัดสรรวัคซีนโมเดอร์นาต่ำกว่าที่ได้ยื่นขอจัดสรรไป ทำให้เงื่อนไขการรับจองต้องจำกัดให้ผู้ที่จำเป็นก่อน โดยเป้าหมายรพ.บำรุงราษฎร์ต้องการช่วยให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศไทย วัคซีนจำนวนนี้จึงต้องการให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนใดๆ เป็นหลัก เพื่อให้วัคซีนทั่วถึงทุกคน

ผศ.นพ.วิชัยให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์การพัฒนาวัคซีน ปัจจุบันวัคซีนหลายๆ ชนิดกำลังพัฒนา “เจน 2” เพื่อป้องกัน COVID-19 ได้หลายสายพันธุ์ (multi-variants) ซึ่งคาดว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนราวปลายปีนี้ และอาจจะเริ่มผลิตได้ในไตรมาส 1/65 จึงอยากให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนชุดแรกไปเมื่อเร็วๆ นี้ รอการฉีดบูสเตอร์โดสเป็นวัคซีนเจน 2 มากกว่า 

]]>
1341297
มิติใหม่! จองแพ็กเกจคลอด “บำรุงราษฎร์” รับคะแนน The 1 อีก 5,000 แต้ม https://positioningmag.com/1333637 Mon, 24 May 2021 17:27:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333637 The 1 จับมือร่วมกับ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เอาใจว่าที่คุณแม่ จัดแพ็กเกจคลอดเหมาจ่ายราคาพิเศษ พร้อมรับคะแนน The 1 อีก 5,000 คะแนน

มิติใหม่แห่งวงการลอยัลตี้โปรแกรม คลอดลูกก็ได้สะสมแต้ม! โดย The 1 (เดอะวัน) ร่วมกับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จัดแพ็กเกจคลอดเหมาจ่ายราคาพิเศษให้ว่าที่คุณแม่สมาชิก The 1 พร้อมรับคะแนน The 1 ฟรี 5,000 คะแนน เมื่อชำระค่าจองสิทธิ์แพ็กเกจคลอดเหมาจ่าย 50,000 บาท ภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2564 นี้

แพ็กเกจคลอดเหมาจ่ายราคาพิเศษ จากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ประกอบด้วย

  • แพ็กเกจคลอดธรรมชาติ 85,000 บาท
  • แพ็กเกจคลอดธรรมชาติ โดยฉีดยาชาที่ไขสันหลัง 99,000 บาท
  • แพ็กเกจผ่าตัดคลอด 109,000 บาท
  • แพ็กเกจผ่าตัดคลอดในครรภ์แฝด 199,000 บาท

สำหรับสมาชิก The 1 รับคะแนน 5,000 คะแนน เพียงจอง และชำระค่าจองสิทธิ์ 50,000 บาท พร้อมอัปเดตข้อมูลว่าที่คุณแม่และลูกบนแอป The 1 ผ่าน QR Code ที่กำหนด ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิถุนายน 2564 สามารถรักษาสิทธิ์การใช้แพ็กเกจได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 โดยจะได้รับคะแนน 5,000 คะแนน ภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2564

]]>
1333637
บํารุงราษฎร์ ขยับหาคลินิก ‘ไซซ์เล็ก’ ต่างจังหวัด ดัน ‘แพทย์ประจำครอบครัว’ เจาะ Expat วัยเกษียณ https://positioningmag.com/1325402 Thu, 01 Apr 2021 11:29:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1325402 การมาของ COVID-19 ทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนต้องปรับตัวขนานใหญ่ เดิมที่เคยพึ่งพารายได้จาก “ผู้ป่วยต่างชาติ” ใน Medical Tourism มาวันนี้ต้องเเก้เกมปรับกลยุทธ์หาลูกค้าในประเทศ เจาะใจกลุ่ม ‘Expat’ ผู้สูงอายุต่างชาติวัยหลังเกษียณ หันมาจับมือกับคลินิกขยายเครือข่ายไปต่างจังหวัด เพื่อเข้าถึง ‘ชุมชน’ มากขึ้น

บำรุงราษฎร์หรือ BH ก็เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ในไทย ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ

ก่อนจะเกิดวิกฤตโรคระบาดนั้น BH ให้การรักษาผู้ป่วยทั้งชาวไทยเเละต่างชาติกว่า 1.1 ล้านรายต่อปี คิดเป็นสัดส่วนผู้ป่วยไทยและต่างชาติอย่างละ 50% 

ขณะที่สัดส่วนรายได้’ ส่วนใหญ่มาจากผู้ป่วยชาวต่างชาติถึง 66% ส่วนผู้ป่วยคนไทยอยู่ที่ราว 34% เนื่องจากชาวต่างชาติจะเข้ามาทำการรักษาเคสหนัก เช่น การผ่าตัดหัวใจ รักษาโรคร้ายเเรง ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

ดังนั้น เมื่อยังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มที่ไม่ได้บำรุงราษฎร์จึงหันมามุ่งขยายตลาดไปยังชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย (Expatriate) ที่มีอยู่ประมาณ 2.45 ล้านคน นับว่าเป็นตลาดใหญ่ที่มีโอกาสทางธุรกิจอยู่มาก

ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมองหาพันธมิตรในพื้นที่ต่างจังหวัดเเละชุมชนต่างๆ ที่มีความพร้อม มีแนวทางร่วมกัน เเละตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์หรือในทำเลที่มีศักยภาพ

บำรุงราษฎร์ รุกหาคลินิก ‘ไซซ์เล็ก’ ต่างจังหวัด 

จากเเผนของ BH ที่ต้องการกระจายไปในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร และในหัวเมืองสำคัญของภูมิภาคต่าง ๆ ในราคาที่เหมาะสมกับภูมิภาคนั้น เกิดโมเดลธุรกิจใหม่ที่มีชื่อว่า ‘บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก’ (Bumrungrad Health Network : BHN) ขึ้นมาเมื่อราว 2 ปีที่เเล้ว โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายเครือข่ายพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสในการเเข่งขันเเละรองรับ ‘กลุ่มลูกค้าตลาดใหม่ๆ’ 

ล่าสุดได้เปิดตัว ‘Be Well Heart Clinic’ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากความร่วมมือระหว่าง ศูนย์ลิ้นหัวใจและอายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เเละ Be Well Medical Center เจาะกลุ่มผู้ลูกค้าทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยที่พำนักอยู่ในหัวหิน

สมศักดิ์ วิวัฒนสินชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก เล่าว่า แนวคิด ‘แพทย์ประจำครอบครัว’ ซึ่งเป็นบริการที่ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในยุโรป ‘คุ้นเคยกันดี’ เเต่ในเมืองไทยยังไม่เเพร่หลายมากนัก

ทางโรงพยาบาลจึงเล็งเห็นโอกาสเเละศักยภาพของ ‘Be Well Medical Center’ คลินิกสุขภาพครอบครัวที่ให้บริการดูแลรักษาขั้นปฐมภูมิ ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับ Banyan Resort Hua Hin ซึ่งเป็นทำเลที่เหมาะสมเพราะอยู่ใกล้บริเวณที่พักอาศัยของชาวต่างชาติ

สมศักดิ์ วิวัฒนสินชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก

โดย ‘หัวหิน’ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่ได้รับความนิยมจากคนไทยและชาวต่างชาติ จากสถิติพบว่า ชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในไทยและเลือกมาทำงานในพื้นที่หัวหิน ส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานที่มีความสามารถในการทำงานในตำแหน่งผู้จัดการหรือผู้บริหารระดับสูง เรียกได้ว่าเป็น ‘Demand ที่มีคุณภาพ’

จากข้อมูลปี 2562 ระบุว่ามีชาวต่างชาติราว 10,000 – 15,000 คนพำนักอยู่ในหัวหินและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนใหญ่มาจากยุโรปและสแกนดิเนเวีย รวมถึงกลุ่มต่างชาติที่เกษียณอายุและใช้ชีวิตที่หัวหินเป็นบ้านหลังที่สอง โดยมองว่าเป็นเมืองที่เหมาะกับการพักผ่อนและอาศัยอยู่ในระยะยาว

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็น ‘ครั้งเเรก’ ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ จับมือกับพันธมิตรระดับ ‘คลินิก’ จากที่ผ่านมามักจะเป็นความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ เช่น การเปิดศูนย์ศูนย์กระดูกสันหลังกับโรงพยาบาลนครธน เมื่อช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นทิศทางใหม่ของบำรุงราษฎร์ที่จะรุกหาตลาดในชุมชนมากขึ้น 

โมเดล ‘แพทย์ประจำครอบครัว’ เจาะ Expat วัยเกษียณ 

ย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีที่เเล้ว ‘ไฮโก้ เอ็มมานูเเอล’ นักธุรกิจชาวดัตช์ ผู้มีครอบครัวอยู่ในวงการเเพทย์ได้เดินทางมายังประเทศไทย เขามองเห็นโอกาสของธุรกิจเฮลท์แคร์ว่าจะมีเเนวโน้มเติบโจได้ในอนาคต

เเต่ด้วยความไม่พร้อมหลายอย่างในขณะนั้น เขาจึงรอเวลา เก็บสะสมเงินทุน ศึกษาตลาดเรื่อยมา จนในที่สุดก็ได้ก่อตั้ง ‘Be Well Medical Center’ ขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2563 ด้วยการสนับสนุนเเละผลักดันจาก ‘มนัสวี เอ็มมานูเเอล’ ภรรยาผู้เคยเป็นพยาบาลวิชาชีพ

‘Be Well Medical Center’ เริ่มต้นจากการสำรวจตลาด พบว่าผู้คนในหัวหินมีความต้องการในการดูแลสุขภาพของคนในครอบครัวสูง

โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายของคลินิก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เกษียณอายุชาวต่างชาติที่อยู่อาศัยถาวร และผู้อยู่อาศัยในระยะยาวถึง 80% พวกเขามีความคุ้นเคยกับ แพทย์ประจำครอบครัว จากประเทศบ้านเกิดอย่างเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ และออสเตรีย ฯลฯ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงเเละมีความจำเป็นต้องใช้บริการทางสุขภาพ

ขณะที่ลูกค้าชาวไทย ที่ตอนนี้มีอยู่ประมาณ 20% ก็เริ่มตระหนักถึงประโยชน์ของการบริการเบื้องต้นแบบปฐมภูมิมากขึ้น เพราะไม่ต้องไปรอคิวยาวที่โรงพยาบาล เเต่ก็ได้รับการรักษาจากเเพทย์ทั่วไป ในราคาที่เข้าถึงได้

เเละหากต้องส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาในขั้นต่อไป คลินิกก็จะประสานงานกับโรงพยาบาลพันธมิตรอย่าง รพ.บำรุงราษฏร์ รพ.สมิติเวช รพ.กรุงเทพหัวหิน รพ.หัวหิน เป็นต้น

หลังจากเปิดทำการมาเป็นเวลา 1 ปี 4 เดือน ตอนนี้คลินิกมีสมาชิกรวม 1,200 คน มียอดใช้จ่ายเฉลี่ยตั้งเเต่ 800-3,000 บาทต่อครั้ง (ค่าบริการพบเเพทย์เริ่มต้นที่ 500 บาท)

Be Well Medical Center ให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไปต่างๆ โดยแพทย์ประจำ 2 คน (จะมีการขยายจำนวนในเร็วๆ นี้) พร้อมมีบริการตรวจเลือด กายภาพบำบัด การฝังเข็มด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน มีห้องตรวจหูเเละจัดกระดูก ฯลฯ

ขณะเดียวกัน มีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาดูเเลโรคเฉพาะทาง โดยให้คำปรึกษาทางไกลเเละจะเดินทางมาตรวจที่คลินิกเป็นระยะๆ เช่น เดือนละ 2 ครั้ง หรือ 2 เดือนครั้ง ซึ่งตอนนี้กำลังมองหาเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพราะผู้สูงอายุมีปัญหาด้านนี้จำนวนมาก

เเม้ช่วงเริ่มต้นธุรกิจเจอกับ COVID-19 เเต่กลับกลายเป็นโอกาสให้ ‘เติบโต’ มากขึ้น เพราะชาวต่างชาติที่ติดอยู่ในไทย มองหาการรักษาเเบบ ‘แพทย์ประจำครอบครัว’ รวมถึงคนไทยที่ไม่อยากไปโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ทำให้ยอดลูกค้าเพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤต 

Be Well Medical Center เตรียมจะขยายสาขาไปยังเมืองท่องเที่ยวสำคัญในไทย โดยช่วงต้นปีหน้าจะลงสนามเปิดที่ภูเก็ตก่อน ส่วนเชียงใหม่นั้นยังอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้

โดยมองว่าความท้าทายของคลินิก ‘แพทย์ประจำครอบครัว’ ในไทย คือระบบโครงสร้างที่ประชาชนต้องเดินทางไปการรักษาที่โรงพยาบาลโดยตรง เเม้จะเป็นอาการเบื้องต้นก็ตาม ทำให้โรงพยาบาลมีผู้ป่วยเเออัด รวมไปถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่มีผลต่อรายได้ของผู้คน จึงต้องการสร้างความรับรู้ให้ทั่วถึง สร้างความเข้าใจ เเละภาครัฐต้องให้การสนับสนุนต่อไปในระยะยาว

(จากซ้ายไปขวา) สมศักดิ์ วิวัฒนสินชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก
นพ.วัธนพล พิพัฒนนันท์ ผู้อำนวยการศูนย์ลิ้นหัวใจและอายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
มนัสวีเเละไฮโก้ เอ็มมานูเเอล เจ้าของ Be Well Medical Center

ทำไมต้อง Heart Clinic ? 

ผู้มาใช้บริการและสมาชิกของ Be Well Medical Center จะครอบคลุมทุกช่วงวัย แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ในแต่ละวันจะมีอายุระหว่าง 60 ถึง 101 ปี ซึ่งเป็น ‘กลุ่มผู้สูงวัย’ ที่มีความเสี่ยงเป็น ‘โรคหัวใจ’ ค่อนข้างมาก

โรคหัวใจ เป็นโรคที่มีความยากและมีความซับซ้อนในการรักษา จำเป็นต้องมีแพทย์ที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีระดับสูง ดังนั้นการได้รับการสนับสนุนจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์นั้น ทำให้การรักษายกระดับสู่มาตรฐานสากล

เบื้องต้นจะมี นพ.วัธนพล พิพัฒนนันท์ ผู้อำนวยการศูนย์ลิ้นหัวใจและอายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มาให้คำปรึกษาผู้ป่วยผ่านทาง Teleconsultation หรือโทรเวชกรรม ซึ่งเป็น Next Normal ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทุกครั้ง

แต่หากต้องรับการตรวจวินิจฉัยหรือการรักษาพยาบาลในระดับที่สูงขึ้น ทาง Be Well Heart Clinic
สามารถส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้ และหลังจากที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น
ก็สามารถกลับเข้าไปรับการดูแลที่คลินิกต่อไปได้

ปัจจุบัน BH มีเทคโนโลยีรักษาโรคลิ้นหัวใจเอออร์ติกตีบ ‘TAVI’ หรือ ‘Transcatheter Aortic Valve Implantation’ ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ จากปกติที่ต้องใช้เวลาผ่าตัดถึง 4 ชั่วโมง เหมาะกับการรักษาผู้ป่วยสูงวัยที่มีอายุมากกว่า 80 ปี หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะไม่ต้องผ่าตัดเปิดช่องอก ทำให้แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และยังช่วยลดโอกาสเสี่ยงจากอาการแทรกซ้อน

ทั้งนี้ โรคหัวใจที่พบบ่อยในผู้สูงวัย ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตัน โรคลิ้นหัวใจเอเออร์ติกตีบ (Aortic valve stenosis) โรคหัวใจสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) ภาวะหัวใจเต้นช้า และหัวใจล้มเหลว

โดยชนิดของหัวใจเต้นผิดปกติที่พบบ่อยที่สุด คือ หัวใจห้องล่างเต้นรัว (Ventricular Tachycardia) หรือหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Atrial Fibrillation) มักพบบ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้มีอายุ 75 ปีขึ้นไป ที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนอายุน้อยกว่า 50 ปีถึง 13 เท่า 

ภาพห้อง EP Lab ของรพ.บำรุงราษฎร์

สำหรับทิศทางของธุรกิจโรงพยาบาล เเละ Wellness Tourism นั้น ผู้บริหารบำรงราษฎร์ มองว่า กำลังจะฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ เเละจะกลับมาเติบโตได้ดีในปีหน้า โดยต้องจับตาปัจจัยเรื่องการกระจายวัคซีน ซึ่งจะมีผลต่อการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โดยยืนยันว่าภาคเอกชนจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

ทั้งนี้ ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่กำลังมาแรง จากการจัดอันดับของ Global Wellness Institute รายงานว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย ติดอันดับ 13 ของโลก ทำรายได้มากกว่า 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาดโลกนั้น อุตสาหกรรมด้านเวลเนสเติบโตดับเบิลดิจิต’ ต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี สะท้อนโอกาสธุรกิจที่มีสูงมาก

 

 

 

 

]]>
1325402
วันสยามและไอคอนสยาม ครองความเป็นที่หนึ่งในใจคอมมูนิตี้กลุ่มไลฟ์สไตล์พรีเมี่ยม จับมือพันธมิตรมอบประสบการณ์เหนือระดับให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง https://positioningmag.com/1325739 Wed, 31 Mar 2021 04:00:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1325739

โกลบอลเดสติเนชั่นกลุ่ม “วันสยาม” ที่ผนึกกำลังศูนย์การค้าระดับโลก ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และ ไอคอนสยาม แลนด์มาร์คระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตอกย้ำการเป็นสัญลักษณ์แห่งการนำเสนอความแปลกใหม่ให้ชีวิต ยืนหยัดการเป็นท็อปเดสติเนชั่นที่ครองใจลูกค้าตลอดกาล โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ที่มีไลฟ์สไตล์ และมีพฤติกรรมการจับจ่ายอย่างสูงต่อเนื่อง ซึ่งสยามพารากอนและไอคอนสยามเป็นศูนย์การค้าที่ครองใจลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังสูงมาโดยตลอด

ในปีนี้ได้ขยายสิทธิประโยชน์ การสะสมคะแนนสำหรับทุกการจับจ่ายในสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่แฟชั่นและไฮจิวเวลรี่ ทั้งที่สยามพารากอนและไอคอนสยาม มอบสิทธิพิเศษใหม่ๆ และประสบการณ์เหนือระดับที่หาซื้อไม่ได้ สำหรับลูกค้าบัตรสการ์เล็ต และแพลตตินัม เอ็ม การ์ด และล่าสุดกับการเปิดตัวพันธมิตรใหม่ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ RAKxa (รักษ) เข้าร่วมเป็น Ultimate Lifestyle Partner มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้สมาชิกบัตรสมาชิกคนสำคัญ พร้อมมีแผนร่วมมือกับพันธมิตชั้นนำอย่างต่อเนื่องอีกมากมาย

นางสรัลธร อัศเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบริหารสมาชิก บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า

“วันสยามและไอคอนสยามเป็นเดสติเนชั่นที่ครองความเป็นที่หนึ่งในใจลูกค้ากลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมีไลฟ์สไตล์และสนใจสินค้าระดับลักซ์ชัวรี่พรีเมี่ยมมาโดยตลอด โดยในปัจจุบันสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่แบรนด์และไฮจิวเวลรี่ยังคงสร้างยอดขายได้ต่อเนื่อง วันสยาม และไอคอนสยาม ซึ่งยึดมั่นในการนำเสนอสิ่งดีที่สุดสำหรับลูกค้าด้วยประสบการณ์เหนือระดับ เห็นความสำคัญของการให้บริการสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้มาโดยตลอด โดยมีฝ่ายบริหารสมาชิกที่ดูแลด้านลูกค้าสัมพันธ์อย่างจริงจัง พร้อมด้วยทีมงานคนรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยศักยภาพและพลังสร้างสรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้บริการสมาชิกเพื่อมอบประสบการณ์แบบ Excellence Serviceสำหรับลูกค้าบัตรสการ์เล็ต ไดมอนด์, บัตรแพลตินั่ม เอ็ม การ์ด และสมาชิกบัตร VIZ ซึ่งเป็นลอยัลตี้โปรแกรมของวันสยามซึ่งล่าสุดได้รับรางวัลระดับโลก ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ World Best Personal Shopper at A Department Store 2019 จาก World Department Store Forum (WDSF)

โดยในปีนี้ ฝ่ายบริหารสมาชิก ได้จัดเตรียมแคมเปญเพื่อมอบประสบการณ์เหนือระดับให้ลูกค้าด้วยสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมมากมายครบครันทุกมิติ ดังนี้

เพิ่มสิทธิประโยชน์สะสมคะแนนทุกการช้อปสินค้าลักซ์ชัวรี่แฟชั่นและไฮจิวเวลรี่แบรนด์

วันสยามและไอคอนสยามสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ขยายสิทธิประโยชน์เหนือใครกับโปรแกรมสะสมคะแนนของบัตร VIZ ที่ครอบคลุมถึงสินค้ากลุ่มลักซ์ชัวรี่แฟชั่นและไฮจิวเวลรี่แบรนด์ในแบบไม่เคยมีมาก่อน โดยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมาลูกค้าที่ช้อปปิ้งจากร้านค้าลักซ์ชัวรี่แบรนด์เนมระดับเวิลด์คลาสยอดนิยม ที่มีบูธีคช้อปและแฟล็กชิฟสโตร์ภายในสยามพารากอนและไอคอนสยาม รวมกว่า 45 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก สามารถนำบิลใบเสร็จมาสะสมคะแนน ทุก 200 บาท ได้รับ 1 คะแนน VIZ Point ซึ่งทำให้ลูกค้าบัตร VIZ ที่สะสมคะแนนจากร้านลักซ์ชัวรี่แฟชั่นเหล่านี้มีโอกาสได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นและจะได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้นด้วย

ผนึกกำลังพันธมิตรชั้นนำครองใจคอมมูนิตี้ลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์

นางสรัลธร อัศเวศน์ เปิดเผยว่า “ทุกวันนี้ทั่วโลกให้ความสำคัญเรื่องการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้น เพราะสุขภาพดีคือความมั่งคั่ง (Health is Wealth) วันสยาม และไอคอนสยาม ยึดมั่นในการนำเสนอสิ่งดีที่สุดสำหรับลูกค้าด้วยการสร้างสรรค์กลยุทธ์ Collaboration to Win ล่าสุดผนึกกำลังกับ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ RAKxa (รักษ) มอบสิทธิ์ประโยชน์ให้ลูกค้าสมาชิกมีสุขภาพที่ดี เฉพาะสมาชิกบัตร VIZ รวมถึงสมาชิกในครอบครัวของลูกค้าสมาชิกอีกด้วย

โดยสิทธิประโยชน์พิเศษที่ VIZ มอบให้สมาชิกที่ถือบัตร VIZ Black คือ โปรแกรม Bumrungrad Family Care ที่ร่วมกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นครั้งแรกในโปรแกรมนี้ จัดทีมบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทางดูแลสุขภาพสมาชิกผู้ทรงเกียรติและครอบครัวอย่างใกล้ชิด แบบองค์รวม ในระยะยาว รวมทั้งให้คำปรึกษาเชิงป้องกัน และการรักษา นอกเหนือจากการบริการ Bumrungrad@Home Servicesดยสามารถปรึกษาด้านสุขภาพผ่านช่องทางออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทางไปพบแพทย์ นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจทางห้องปฏิบัติการ รับยา และบริการอื่นๆ โดยไม่ต้องไปที่โรงพยาบาล เพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลา

นางสาวนภัส เปาโรหิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า

“ความร่วมมือครั้งสำคัญของวันสยาม และโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในครั้งนี้ เป็นการมอบสิทธิประโยชน์ให้สมาชิกที่ถือบัตร VIZ Black สามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพองค์รวมตามมาตรฐานบำรุงราษฎร์ นับเป็นการเปิดมิติใหม่ในการบริการทางการแพทย์ที่ออกแบบและใส่ใจในรายละเอียดแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งจำเป็นตามการได้รับการดูแลที่แตกต่างกันไปตามลักษณะทางกายภาพ เงื่อนไขทางพันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต อีกทั้งความร่วมมือกับสยามพิวรรธน์ซึ่งเป็นผู้บริหารศูนย์การค้ากลุ่มวันสยามและไอคอนสยามซึ่งเป็นองค์กรที่มีศักยภาพสูงสุดในครั้งนี้ จะทำให้ผู้ป่วยและผู้มาเยือนโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้สัมผัสกับประสบการณ์การบริการระดับพรีเมียมด้านไลฟ์สไตล์ตลอดระยะเวลาในการพักรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งสอดคล้องกับกระแสในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป โดยผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่เข้าพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล สามารถช้อปปิ้งผ่านโปรแกรม Call&Shop ที่อำนวยความสะดวกให้สามารถช้อปปิ้งสินค้าที่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมบริการจัดส่งถึงโรงพยาบาลภายในวันเดียวกัน

นอกจากนี้ RAKxa Wellness & Medical Retreat ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวมแห่งแรกในเอเชีย ตั้งอยู่ในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า จ.สมุทรปราการ ที่ให้บริการทางการแพทย์เชิงป้องกันแบบองค์รวม ครอบคลุมในทุกศาสตร์ ทุกมิติ ผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ได้มาตรฐานสากลมาใช้ร่วมกับศาสตร์การแพทย์แบบองค์รวม ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และผู้ชำนาญการเฉพาะทาง ยังได้เข้าร่วมกับวันสยามและไอคอนสยาม ในครั้งนี้ โดยมอบแพ็คเกจการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมให้กับลูกค้าสมาชิกบัตร VIZ ทั้งการมอบประสบการณ์ทดลองใช้บริการฟรี แพ็คเกจในราคาสุดพิเศษ และทุกการใช้จ่ายที่ RAKxa สามารถสะสมประวัติการใช้จ่ายเพื่อที่จะได้รับข้อเสนอพิเศษทางด้าน Health and Beauty แบบรู้ใจต่อไป

ทั้งนี้ ในปีนี้ วันสยาม และไอคอนสยาม ยังมีแผนการจับมือร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำรวมถึงในระดับ Global Collaboration อีกมากมายตลอดทั้งปี

มอบสิทธิพิเศษใหม่ๆ และประสบการณ์เหนือระดับและแตกต่าง

พิเศษสุดสำหรับลูกค้าตัวจริงระดับท็อป เตรียมสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับที่มีจัดเตรียมมอบให้ตลอดทั้งปี สำหรับลูกค้าบัตรสการ์เล็ต ไดมอนด์ แพลตินัม เอ็มการ์ด ซึ่งเต็มเปี่ยมด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย ในปีนี้ จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมใหม่ล่าสุดที่ไม่มีที่ใดนำเสนอมาก่อน สำหรับลูกค้าบัตรแพลตินัม เอ็ม การ์ด ได้จัดเต็มพริวิลเลจใหม่ล่าสุดรวมถึงทริปกลางปีสุดพิเศษที่จัดขึ้นสำหรับลูกค้าสมาชิกแพลตินัม เอ็ม การ์ด โดยเฉพาะ ให้ผ่อนคลายและสนุกในแบบฉบับทริปสำหรับลูกค้าคนพิเศษของสยามพารากอน

นอกจากนี้ วันสยามและไอคอนสยาม ได้ยกระดับบัตร VIZ ให้เป็น Everyday Lifestyle Companion เพื่อนที่รู้ใจที่มอบสิ่งดีๆ ให้กับลูกค้าสมาชิกอย่างครบทุกมิติเริ่มจากที่บ้านจนถึงศูนย์การค้า ทุกการใช้จ่ายในวันสยามและไอคอนสยาม สามารถสะสมคะแนน VIZ ได้ตามชนิดของบัตร พร้อมโปรแกรมแลกของรางวัลใหม่ล่าสุด

“ปัจจุบันบัตร VIZ มีฐานสมาชิกกว่า 700,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 40% จากปี 2562 และยังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งสมาชิกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ VIZ White, VIZ Titanium และ VIZ Black และลูกค้าบัตรสการ์เล็ต และแพลตินัม เอ็ม การ์ด รวม 20,000 คน

การจับมือของวันสยามกับพันธมิตรระดับผู้นำธุรกิจในทุกสาขา เป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตร ตอกย้ำกลยุทธ์มุ่งผสานศักยภาพความร่วมมือสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดแก่ผู้บริโภค ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำของลูกค้าทุกวันเพื่อสร้างความสุขเสมือนเพื่อนที่รู้ใจในทุกที่ทุกเวลา วันสยามและไอคอนสยามยังคงยืนหยัดในการคัดสรรนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าทุกๆ คน” นางสรัลธร กล่าวเสริม

]]>
1325739
ช้อปแบบมิติใหม่! “Central at Bumrungrad” เหมือนยกห้างเซ็นทรัลไปที่ “บำรุงราษฎร์” https://positioningmag.com/1298143 Mon, 21 Sep 2020 14:57:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1298143 ครั้งแรกของวงการรีเทล “ห้างเซ็นทรัล” จับมือ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เปิดบริการ “Central at Bumrungrad” (เซ็นทรัล แอท บำรุงราษฎร์) ให้ได้ช้อปปิ้งแบบมิติใหม่ผ่านบริการพิเศษ สินค้ามาส่งถึงที่โรงพยาบาล

ช้อปปิ้งได้ แม้ห้อยสายน้ำเกลือ!

เรียกว่าเป็นการจับมือเป็นพันธมิตรกันแบบข้ามสายพันธุ์ที่ช็อกวงการอยู่ไม่น้อย เมื่อห้างค้าปลีกอย่าง “ห้างเซ็นทรัล” จับมือกับโรงพยาบาลสุดไฮเอนด์อย่าง “บำรุงราษฎร์” งานนี้คงบอกได้แค่ว่า ต้องมีอะไรแปลกใหม่ให้เห็นแน่นอน

บริการนี้มีชื่อว่า Central at Bumrungrad เป็นการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบใหม่ จากปกติที่ช้อปปิ้งอยู่บ้านก็ได้ หรืออยู่ที่ทำงาน แต่นี่คือช้อปปิ้งที่โรงพยาบาล! ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย หรือญาติผู้ป่วยก็ได้ช้อปปิ้งเพื่อปลอบประโลมจิตใจได้ หรือจะซื้อของเยี่ยมผู้ป่วยก็ยังได้ เหมือนยกห้างมาไว้ที่โรงพยาบาล

เซ็นทรัล บำรุงราษฎร์

โดยบริการนี้สามารถสั่งสินค้าผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ Central Chat & Shop ติดต่อผ่านแชตบอกผู้ช่วยส่วนตัวที่ไลน์ @centralofficial และ Central Call & Shop โทรผ่าน เบอร์ 1425 เมื่อโทรปุ๊บ จะจัดสั่งของทันที รับของได้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นบริการส่งฟรี ไม่มีขั้นต่ำ และจัดส่งสินค้าภายในวันเดียว เมื่อสั่งซื้อสินค้าก่อนเวลา 18.00 น.

ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เผยว่า

“เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าในปัจจุบัน ห้างเซ็นทรัลจึงได้จับมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดตัวบริการ Central at Bumrungrad ยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าของโรงพยาบาล ให้สามารถเลือกซื้อสินค้าระหว่างเข้ารับบริการที่โรงพยาบาล หรือซื้อของเยี่ยม เพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้าเหมือนยกห้างเซ็นทรัลมาไว้ที่โรงพยาบาล โดยเชื่อว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะเพิ่มประสบการณ์การบริการที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของทั้งสองฝ่าย”

บำรุงราษฎร์ เพิ่มบริการเอาใจคนไทย

ทางด้านของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เอง ที่หลังจากเปิดวิกฤต COVID-19 ทำให้ผู้ป่วยชาวต่างชาติไม่สามารถบินมารักษาพยาบาลได้ ทำให้ทางโรงพยาบาลต้องปรับแผนเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายคนไทย

จึงได้เห็นกลยุทธ์ทั้งการดัมพ์ราคาค่าห้อง ลดเเลกเเจกเเถมโปรเเกรมตรวจสุขภาพ ไปจนถึงเสนอเเพ็กเกจผ่าตัดราคาพิเศษ เพื่อทดเเทนรายได้ที่ขาดไปในปีนี้ รวมไปถึงการประกาศเป็นพันธมิตรกับผู้เล่นอื่นๆ ทั้งในและนอกวงการ เพื่อเสริมธุรกิจใหม่

อย่างโครงการ “รักษ” ศูนย์เวลเนส รีทรีต รีสอร์ต พื้นที่ 200 ไร่บนคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ เป็นพันธมิตรร่วมกับมั่นคงเคหะการ และไมเนอร์ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

เซ็นทรัล บำรุงราษฎร์

ทางด้าน เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บอกว่า

“ผู้ที่มาใช้บริการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีสัดส่วน คนไทย 50% และต่างชาติ 50% โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งผู้ป่วยต่างชาติ นอกจากจะเดินทางเข้ามาเพื่อการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแล้ว ยังมีความประสงค์ที่จะท่องเที่ยวเพื่อพักฟื้นหรือใช้เวลาพักผ่อนพร้อมครอบครัว ซึ่งนับเป็นส่วนที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (medical tourism) ของประเทศอีกด้วย”

สำหรับการจับมือกันครั้งนี้ของบำรุงราษฎร์และห้างเซ็นทรัล มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นการจับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลที่ต้องการซื้อของเยี่ยม หรือข้าวของเครื่องใช้จำเป็น รวมไปถึงการสร้างสีสันในวงการค้าปลีก เพิ่มช่องทางใหม่ๆ ไม่ได้จำกัดแค่สโตร์ หรือออนไลน์เพียงอย่างเดียว

]]>
1298143
คิกออฟ! “รักษ” ศูนย์เวลเนส จาก 3 บิ๊กเนม “มั่นคง-บำรุงราษฎร์-ไมเนอร์” มูลค่า 2,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1296408 Fri, 11 Sep 2020 03:41:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1296408 มั่นคงเคหะการ พัฒนาโครงการ “รักษ” (อ่านว่า รัก-ษะ) ศูนย์เวลเนส รีทรีต 200 ไร่บนคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ดึงพันธมิตรศูนย์ VitalLife รพ.บำรุงราษฎร์ บริหารด้านการแพทย์ และไมเนอร์ดูแลด้านการบริการและอาหาร ราคาแพ็กเกจเริ่มต้น 60,000 บาท จับกลุ่มลูกค้าที่สนใจด้านสุขภาพ-เวลเนสทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ COVID-19 ทำให้อัตราเข้าพักช่วงปีแรกน่าจะลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยคาดการณ์ไว้

“วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดบริการโครงการ “รักษ” ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม ในเดือนธันวาคม 2563 มูลค่าลงทุนโครงการนี้เฉพาะเฟสแรก 2,000 ล้านบาท

ลักษณะโครงการ “รักษ” จะเป็นเวลเนส รีทรีต รีสอร์ต ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันพร้อมกับการพักผ่อน ตั้งอยู่บนที่ดินรวม 200 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ แบ่งเฟสการพัฒนา เฟสแรก 60 ไร่ ภายในประกอบด้วยวิลล่า 60 หลัง (ช่วงเปิดตัวมีบริการก่อน 27 หลัง) พื้นที่ศูนย์สุขภาพต่างๆ แวดล้อมด้วยทะเลสาบและต้นไม้ ส่วนเฟสต่อไปยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุน

บริเวณโครงการรักษ (RAKxa) บนคุ้งบางกระเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (หมายเหตุ : กรอบรอบพื้นที่ดินไม่ได้ขีดเส้นตามความเป็นจริง เป็นเพียงการคาดคะเนโดยประมาณเท่านั้น)

วรสิทธิ์กล่าวว่า ลักษณะความร่วมมือครั้งนี้ มั่นคงฯ เป็นผู้ถือหุ้นและลงทุนโครงการ 100% แต่ทำสัญญากับพันธมิตร 2 รายเข้ามาช่วยบริหารโครงการ คือ รพ.บำรุงราษฎร์ เป็นผู้บริหารด้านการแพทย์ แบ่งรายได้ระหว่างกันประมาณ 50 : 50 แต่ในกำไรส่วนที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ได้จากบริการทางการแพทย์จะแบ่งคืนให้กับมั่นคงฯ 15% ส่วนสัญญากับ ไมเนอร์ เป็นการจ้างบริหารงานบริการโรงแรมและอาหาร

 

ชูจุดเด่นโปรแกรมที่ออกแบบจาก “พันธุกรรม” รายบุคคล

ภายในพื้นที่โครงการรักษ นอกจากมีการ์เดนวิลล่า พูลวิลล่า และเพรสซินเดนเชียลวิลล่า ตกแต่งด้วยเครื่องประดับจากจิม ทอมป์สันสำหรับเป็นที่พักสำหรับผู้เข้ารับการรักษาแล้ว จะมีศูนย์สุขภาพในด้านต่างๆ จาก รพ.บำรุงราษฎร์ มาตั้งในพื้นที่พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่

  • VitalLife’s Scientific Wellness Clinic : ศูนย์วิเคราะห์สุขภาพด้วยเทคโนโลยีแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพรายบุคคลให้ตรงกับพันธุกรรม ฮอร์โมน และวิถีชีวิตของบุคคลนั้นๆ
  • RAKxa Jai – Holistic Wellness Centre : ศูนย์ผสานศาสตร์การบำบัดหลายแขนง เช่น แพทย์แผนจีน แพทย์แผนไทย ธาราบำบัด อบไอน้ำ ฯลฯ
  • RAKxa Gaya – Medical Gym : ศูนย์ออกกำลังกายเชิงการแพทย์ มีนักกายภาพบำบัดและนักวิทยาศาสตร์การกีฬาให้คำแนะนำ แก้ไขปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย ฝึกกล้ามเนื้อ เส้นประสาท
  • RAKxa Wellness Cuisine : เชฟและนักโภชนาการจาก VitalLife ปรุงอาหารที่เหมาะกับผู้รับการรักษา ใช้อาหารที่ทราบถึงแหล่งที่มาแบบ Farm-to-Table ปลอดสารพิษ และดีต่อสุขภาพ
วิลล่าที่พักในรักษ เวลเนส รีทรีต

จากฟังก์ชันที่มีทั้งหมดในโครงการรักษ “ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์” ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โครงการนี้จะมีจุดเด่นที่เป็นเวลเนส รีทรีทแบบมี ‘Scientific Base’ ออกแบบโปรแกรมผ่านการวิเคราะห์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์และเจาะลึกถึงระดับพันธุกรรมของแต่ละบุคคล ค้นหาประวัติโอกาสเป็นโรคใดบ้าง เช่น มะเร็ง เบาหวาน

ประกอบกับศูนย์ VitalLife ของ รพ.บำรุงราษฎร์เปิดมานานย่างเข้าปีที่ 20 และเป็นศูนย์เวชศาสตร์เชิงป้องกันแห่งแรกของเอเชีย ทำให้สร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับสากล

ด้าน “วิลเลียม อี. ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า บริษัทรับบริหารโรงแรมมากกว่า 500 แห่งอยู่ใน 60 ประเทศทั่วโลก โดยที่โครงการรักษคือแห่งแรกที่บริษัทรับบริหารในลักษณะเวลเนส รีทรีต เชื่อว่าฐานลูกค้าที่ไมเนอร์มีอยู่ทั้งหมดจะสานต่อให้เข้ามาใช้บริการที่นี่ได้

สำหรับค่าใช้จ่ายแพ็กเกจ “ดุษฎี ตันเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บมจ.มั่นคงเคะหะการ กล่าวว่า ราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาท เป็นแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมที่พัก 1 คืน ส่วนแพ็กเกจรักษาบำบัดจะมีตั้งแต่ 3-14 คืน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโปรแกรมอะไร เช่น โปรแกรมดูแลสุขภาวะทางเดินอาหาร โปรแกรมเสริมภูมิคุ้มกัน โปรแกรมควบคุมน้ำหนัก โปรแกรมผ่อนคลายความเครียด ราคาแพ็กเกจบำบัดเริ่มต้น 180,000 บาทต่อ 3 คืน

ตารางโปรแกรมในโครงการรักษ

ทั้งหมดหลังจากจบคอร์สแล้วแพทย์จะมีการติดตามต่อเนื่องหลังลูกค้ากลับออกจากรีทรีต และภายในโครงการจะไม่มีการเปิดให้พักผ่อนทั่วไป แขกที่เข้าพักจะต้องสมัครแพ็กเกจโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง

นอกจากแพ็กเกจรายครั้งแล้ว รักษจะมีระบบสมาชิกรายปีด้วย เพื่อตอบสนองลูกค้าชาวไทยซึ่งสามารถแวะมาได้บ่อยครั้งกว่า ราคาสมาชิกเริ่มต้น 500,000 บาทต่อคนต่อปี

 

ตั้งเป้ากลุ่มต่างชาติ แต่ปีแรกยังติดปัญหา COVID-19

วรสิทธิ์กล่าวว่า โครงการนี้เดิมตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าต่างชาติจากทั่วโลก แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ลูกค้ายังบินเข้ามาไม่ได้ ทำให้ปีแรกที่จะเปิดบริการเต็มปีคือปี 2564 น่าจะมีอัตราเข้าพักเพียง 30% ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ว่าปีแรกจะมีอัตราเข้าพัก 60%

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าระยะยาวเวลเนสจะยังได้รับความนิยม ในปี 2565 อัตราเข้าพักคาดว่าจะขึ้นมาเป็น 50% และเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอานิสงส์ชื่อเสียงของประเทศไทยที่รับมือ COVID-19 ได้ดีในช่วงนี้ จะเป็นปัจจัยบวกกับโครงการในภายหลัง เพราะทำให้ต่างชาติเชื่อถือในระบบสาธารณสุขของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

วรสิทธิ์มองว่า โครงการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในผลประกอบการบริษัท โดยหวังว่าจะทำกำไรคิดเป็นสัดส่วน 15% ในกำไรรวมของบริษัทประจำปี 2564 ส่วนอีก 85% ที่เหลือนั้น 35% มาจากค่าเช่าคลังสินค้าและสนามกอล์ฟ ส่วนอีก 50% มาจากรายได้การขายที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นธุรกิจหลักของมั่นคงฯ มาตั้งแต่ช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร

(จากซ้าย) “วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน), “ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์” ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ และ “วิลเลียม ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

 

ธุรกิจเวลเนสเติบโต “ดับเบิลดิจิต”

ราคาที่แม้จะสูงขนาดนี้ แต่มีลูกค้ารอรับบริการอยู่ทั่วโลก และประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่กำลังมาแรง โดยการจัดอันดับของ Global Wellness Institute รายงานว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยติดอันดับ 13 ของโลก ทำรายได้มากกว่า 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาดโลกนั้น ภญ.อาทิรัตน์กล่าวว่าอุตสาหกรรมด้านเวลเนสเติบโตดับเบิลดิจิตต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี สะท้อนโอกาสที่มีสูงมาก

หากมองคู่แข่งเฉพาะในไทย ดุษฎีมองว่าโครงการรักษจะใช้จุดเด่นเรื่องการมีแพทย์แผนปัจจุบัน มีวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยเป็นแกน โดยมีศูนย์ของโรงพยาบาลและแพทย์ผู้รักษาประจำในโครงการ จะต่างจากโครงการเวลเนส รีทรีตอื่นๆ ที่เคยมีมาซึ่งมักจะใช้การบำบัดแบบแพทย์ทางเลือกเป็นหลัก หรือเป็นเวลเนสเพื่อฟื้นฟูในเชิงจิตใจมากกว่าร่างกาย และไม่ได้มีแพทย์ประจำ

ดังนั้น เชื่อว่าโครงการรักษจะขึ้นแท่นเป็นจุดหมายระดับ World Class ของนักท่องเที่ยวที่สนใจสุขภาพ และเป็นธุรกิจ “ไข่ทองคำ” เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มักจะกลับมาบำบัดในสถานที่เดิมอย่างต่อเนื่องด้วย

]]>
1296408
BDMS ทุ่ม 8.56 หมื่นล้าน เสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ รพ.บำรุงราษฎร์ ราคา 125 บาท/หุ้น https://positioningmag.com/1266076 Thu, 27 Feb 2020 04:35:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1266076 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติการเข้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขในหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH

ปัจจจุบัน BDMS ถือหุ้น 24.99% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด คงเหลือหุ้นที่มีความประสงค์ทำคำเสนอซื้อเป็น

•หุ้นสามัญจำนวน 546,328,351 หุ้น คิดเป็น 74.83% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด

•หุ้นบุริมสิทธิจำนวน 1,210,865 หุ้น คิดเป็น 0.17% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด

•หุ้นกู้แปลงสภาพทั้งหมด ประกอบด้วยชุดที่ 1 และ ชุดที่ 2 ซึ่งสามารถแปลงสิทธิเป็นหุ้นสามัญของ BH ได้จำนวน 137,362,636 หุ้น

“โดยเสนอซื้อหุ้นในราคาหุ้นละ 125 บาท คิดเป็นมูลค่า 85,612,731,500 บาท” ในกรณีที่มีการปรับราคาเสนอซื้อมูลค่ารวมการทำคำเสนอซื้อจะอยู่ระหว่าง 85,612,731,500 -102,735,277,800 บาท) โดยราคาเสนอซื้ออาจปรับขึ้นได้ในอัตราไม่เกิน 20%

สำหรับวัตถุประสงค์ในการลงทุนในธุรกิจการแพทย์ เนื่องจากมองว่าไทยมีความได้เปรียบทางการเเข่งขันสูง ดึงดูดคนไข้จากทั่วโลก อีกทั้งยังมีความต้องการบริการรักษาพยาบาลในประเทศและภูมิภาค เพราะกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

นอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ดยังได้อนุมัติ การจ่ายเงินปันผลปี 2562 ในอัตรา 0.55 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลแล้ว 0.25 บาทต่อหุ้น คงเหลือปันผลจ่ายอีก 0.30 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 11 มี.ค.2563 และกำหนดจ่าย 24 เม.ย. 2563

สำหรับผลดำเนินงานปี 2562 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 15,517.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.99 บาท เติบโต 68.83% จากงวดปี 2561 มีกำไรสุทธิ 9,191.46 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.59 บาท โดยมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 83,774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยและต่างชาติ เเละการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยและค่ารักษาพยาบาลตามความซับซ้อนของโรคและการเติบโตของลูกค้ากลุ่มประกันสุขภาพ นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จำนวน 5,464 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM

อย่างไรก็ตาม การเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ครั้งนี้ ยังต้องติดตามประเด็นเรื่องการถูกตีความเรื่องผูกขาดกิจการจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าด้วย

ด้าน “บำรุงราษฎร์” ออกมาโต้กลับ โดยทำหนังสือชี้เเจงต่อตลท.ว่า “ผู้บริหารของ BH ไม่คาดคิดและไม่เคยทราบเรื่องการทำคำเสนอซื้อโดยสมัครใจมาก่อน เนื่องจากในอดีต BH และ BDMS ต่างดำเนินธุรกิจอย่างอิสระต่อกันและปราศจากการประสานความร่วมมือทางธุรกิจใดๆ”

บริษัทจะขอเข้าปรึกษาและให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.)  เพื่อชี้แจงถึงสภาพการแข่งขันในธุรกิจด้านการแพทย์ในปัจจุบัน และขอความชัดเจนในเชิงนโยบายเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท โดย BDMS ดังกล่าว

อ่านเพิ่มเติม : บำรุงราษฎร์ โต้กลับ BDMS ไม่คาดคิดจะเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด ขอคุยคณะกรรมการแข่งขันการค้า

]]>
1266076
รพ. บำรุงราษฎร์ เปิดศูนย์ฝึกทักษะการดูแลผู้ป่วยด้วยสถานการณ์เสมือนจริง https://positioningmag.com/58146 Wed, 23 Jul 2014 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=58146

มร. เดนนิส บราวน์ Corporate CEO พญ. จิตรา อนุราษฎร์ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์อาวุโส รักษาการผู้อำนวยการด้านการแพทย์ พร้อมด้วยผู้บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ร่วมเปิดศูนย์ฝึกทักษะการดูแลผู้ป่วยด้วยสถานการณ์เสมือนจริง (Simulation Training Center) สำหรับฝึกอบรมพยาบาลเพื่อให้เกิดความชำนาญในการดูแลผู้ป่วยและสามารถปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัยในทุกขั้นตอนและบริการผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ถือเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย ที่นำหุ่นผู้ป่วยจำลองนี้มาใช้ โดยจำลองให้เหมือนผู้ป่วยจริงๆ สามารถแสดงสถานการณ์ต่างๆ ทั้งปกติและผิดปกติจนถึงขั้นวิกฤติผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้มากกว่า 60 สถานการณ์หลัก อาทิ มีชีพจร เสียงหัวใจ เสียงปอด เหงื่อไหล น้ำตาไหล สั่น ชัก อาการเขียวที่ปลายเล็บมือเล็บเท้า ซึ่งช่วยให้พยาบาลที่เข้าอบรมได้รับการฝึกทักษะในการดูแลผู้ป่วยและการแก้ไขปัญหาเหมือนกับการดูแลผู้ป่วยจริงๆ

]]>
58146
ธนาคารกรุงเทพ เปิดตัว ‘บัตรเครดิตแพลทินัม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ธนาคารกรุงเทพ’ https://positioningmag.com/53581 Mon, 08 Nov 2010 00:00:00 +0000 http://positioningmag.com/?p=53581

นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู รองผู้จัดการใหญ่ (ที่ 5 จากขวา) นายโชค ณ ระนอง ผู้จัดการสายบัตรเครดิต (ที่ 4 จากขวา) นายทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Senior Vice President ฝ่ายผู้จัดการใหญ่ (ที่ 3 จากขวา) ร่วมกับ มร.แมค แบนเนอร์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (ที่ 5 จากซ้าย) มร.เคนเนธ เมยส์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดโรงพยาบาลและพัฒนาธุรกิจ (ที่ 4 จากซ้าย) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และนายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการทั่วไป (ที่ 3 จากซ้าย) บริษัทวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอ ‘บัตรเครดิตแพลทินัม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ธนาคารกรุงเทพ’ บัตรที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าชั้นดีที่ใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพ ด้วยสิทธิประโยชน์มากมายในระดับแพลทินัม อาทิ รับคะแนนสะสมสูงสุด 3 เท่า บริการ Platinum Service ตลอด 24 ชั่วโมง สิทธิผ่อนชำระค่ารักษาพยาบาลในอัตราดอกเบี้ย 0% ส่วนลด 30% ค่าห้องพักผู้ป่วยใน และอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงเทพทุกสาขาทั่วประเทศ www.bangkokbank.com และบริการบัวหลวงโฟน โทร.1333

]]>
53581