งดใช้ถุงพลาสติก – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 04 Aug 2020 10:31:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เติบโตอย่างยั่งยืนในแบบ ‘Uniqlo’ เพราะแค่งดใช้ถุงพลาสติกยังไม่พอ https://positioningmag.com/1291063 Tue, 04 Aug 2020 09:55:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291063 เมื่อการมุ่งเน้นทำแต่กำไรอาจไม่สามารถตอบโจทย์การเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ดังนั้น การอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนระหว่าง คน สังคม และสิ่งแวดล้อม จึงเป็นแนวทางที่ ‘ยูนิโคล่’ (Uniqlo) เลือกเดินหน้าเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจไปพร้อม ๆ กับโลกใบนี้ โดยคุณจันทร์จิรา ตอชะกุล ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาที่ยั่งยืน ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) จะมาเป็นผู้บอกเล่าถึงการทำงานของยูนิโล่ประเทศไทยเพื่อสร้างความยั่งยืน

จันทร์จิรา ตอชะกุล ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาที่ยั่งยืน ยูนิโคล่ (ประเทศไทย)

ไม่ใช่แค่ลดพลาสติก แต่ใช้นวัตกรรมเพื่อรีไซเคิล

เป็นที่รู้กันว่ายูนิโคล่มีนโยบายในการลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยมีเป้าหมายที่จะลดให้ได้ 85% หรือปีละ 7,800 ตัน และสำหรับยูนิโคล่ประเทศไทยที่มีการใช้ถุงพลาสติกและแพ็กเกจจิ้งต่าง ๆ ประมาณ 9.3 ล้านชิ้น/ปี แต่ปีนี้บริษัทก็ได้เริ่มเปลี่ยนแพ็กเกจจิ้งจากพลาสติกเป็นกระดาษแทน มีการจำหน่ายถุงผ้าที่ผลิตจากผ้าฝ้าย รวมถึงจำหน่ายถุงกระดาษในราคาใบละ 2 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยรายได้ส่วนนี้ ยูนิโคล่จะมอบให้กับมูลนิธิช่วยชีวิตสัตว์ป่าแห่งประเทศไทย (WARF)

นอกจากนี้ ยูนิโคล่ยังเปลี่ยนหลอดไฟหน้าร้านเป็น LED ทั้งหมด ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้ราว 20-25% และในส่วนเทคโนโลยี ยูนิโคล่ได้นำมาช่วยลดการใช้ทรัพยากรการผลิตสินค้า เช่น ลดการใช้น้ำในการผลิตยีนส์ถึง 99%, ผลิตเสื้อโปโล DRY-EX ซึ่งทำจากขวดพลาสติก PET และล่าสุด ได้เปิดรับบริจาคผลิตภัณฑ์ดาวน์ขนเป็ดที่ลูกค้าไม่ใช้แล้ว ก่อนจะนำมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลและนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยยูนิโคล่เตรียมวางจำหน่ายสินค้าดาวน์ขนเป็ดที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลในฤดูหนาวที่จะถึงนี้

พร้อมให้โอกาสเติบโตกับพนักงานทุกระดับ

ปัจจุบัน ยูนิโคล่มีพนักงานเกือบ 2,000 คน ซึ่งแบ่งเป็นพนักงานออฟฟิศราว 150 คน ที่เหลือทำงานประจำอยู่ที่สาขา โดยเป็นพนักงานประจำราว 60% และพาร์ตไทม์ 40% และแม้ในช่วง Covid-19 ที่ผ่านมา ยูนิโคล่ต้องปิดสาขาลงทั้งหมด แต่บริษัทไม่ได้มีการจ้างพนักงานออก โดยใช้เวลาดังกล่าวในการฝึกอบรมพนักงาน เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถ

และเพื่อสนับสนุนให้พนักงานสามารถเติบโตไปพร้อมกับบริษัท ยูนิโคล่จึงมีโปรแกรมสนับสนุนพนักงานให้มีการพัฒนาตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้ไปทำงานแลกเปลี่ยนในต่างประเทศ และโครงการผู้จัดการร้านฝึกหัด พร้อมเพิ่มโอกาสในการเป็นผู้จัดการร้าน รวมถึงการเติบโตไปอยู่ในระดับ management

นอกจากนี้ ยังปฏิบัติอย่างเท่าเทียมไม่ว่าจะเชื้อชาติ เพศ ศาสนา ช่วงวัย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการทำงาน รวมถึงการให้โอกาสกับผู้พิการในการทำงานซึ่งปัจจุบันมี 23 คน และเป้าหมายสูงสุดคือ 1 ร้าน ต้องมี 1 คน จากทั้งหมด 51 สาขา นอกจากนี้ ยูนิโคล่ยังเน้นเรื่องสุขอนามัย สุขภาพ ความแข็งแรง ความปลอดภัยในการทำงาน ออกแบบร้านเพื่อให้เกิดอุบัติเหตุน้อยสุด

“เราเปิดโอกาสให้กับพนักงานทุกระดับได้เติบโต โดยที่ผ่านมามีพนักงานพาร์ตไทม์สามารถเติบโตเป็นระดับผู้จัดการร้านได้ เราได้รับรางวัลเรื่องการจ้างงานผู้พิการ โดยเราจ้างงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่จ้างแล้วจบไป แต่เริ่มตั้งแต่การเรียนรู้”

ชุมชนต้องยั่งยืนด้วย

นอกจากการสนับสนุนผู้บผู้พิการในการทำงานแล้ว ยูนิโคล่ยังมีโปรแกรม Education Center และ In-Store Shopping Experience ที่ให้ความรู้และสอนทักษะการทำงานในร้านยูนิโคล่ สำหรับผู้บกพร่องทางสติปัญญาจัดขึ้นมาแล้ว 2 ปี จากความร่วมมือของยูนิโคล่กับสถาบันราชานุกูล เพื่อสร้างโอกาสในการทำงาน และเสริมทักษะด้านสังคมและการเรียนรู้สำหรับเยาวชนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา

นอกจากนี้ ยูนิโคล่ได้เปิดรับบริจาคเสื้อผ้าแล้ว 78,000 ชิ้น ให้กับผู้ขาดแคลนกว่า 4,500 คน ผ่านพาร์ตเนอร์ เช่น สมาคมอาสาสมัครสันติ (Shanti Volunteer Association – SVA) คณะกรรมการการศึกษาเพื่อผู้อพยพชาวพม่า (Burmese Migrant Workers’ Education Committee – BMWEC) ในจังหวัดตาก และมูลนิธิบ้านร่มไทร จังหวัดเชียงใหม่ และในช่วงวิกฤติ Covid-19 ได้บริจาคหน้ากาก 500,000 ชิ้น ให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ เช่น โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต โดยรวมทั่วโลก ยูนิโคล่ได้บริจาคหน้ากากแล้วถึง 10 ล้านชิ้น

“ตอนแรกเราอยากเป็นที่ 1 อยากมีผลกำไรสูงสุด แต่จริง ๆ แล้วการที่เราจะประสบความสำเร็จอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาสังคมและโลกนี้ให้ดีขึ้น นั่นคือความสำเร็จที่ยั่งยืนมากกว่า นี่คือสิ่งที่เรายึดถือในการทำงานในปัจจุบัน”

]]>
1291063
ร้านค้าทั่วญี่ปุ่น เริ่มเก็บเงิน “ค่าถุงพลาสติก” แล้ว ราคาขึ้นอยู่กับเเต่ละร้าน https://positioningmag.com/1286131 Wed, 01 Jul 2020 12:37:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286131 ร้านค้าปลีกทั่วญี่ปุ่น เริ่มเก็บเงินค่าถุงพลาสติกเเล้ว ตั้งเเต่ 1 .. เป็นต้นไป โดยไม่ได้กำหนดราคาตายตัว ขึ้นอยู่กับเเต่ละร้าน

ร้านค้าทั่วไป รวมถึงสะดวกซื้อ สามารถตัดสินใจได้ว่าจะคิดเงินค่าถุงพลาสติกกับลูกค้าราคาเท่าใด ซึ่งสำนักข่าว AFP รายงานว่า ร้านค้าส่วนใหญ่เก็บค่าถุงพลาสติกใบละ 3 เยน (ราว 0.90 บาท)

ลูกค้ารายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ NHK ว่า เธอซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อทุกเช้า และวันนี้ก็ได้เตรียมกระเป๋าผ้ามาเอง เพราะรู้ว่าร้านจะเริ่มเก็บค่าถุงพลาสติกแล้ว 

อย่างที่ทราบกันดีว่า ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบการห่อบรรจุภัณฑ์ในสินค้าต่างๆ ที่เน้นทั้งความพิถีพิถันและความสวยงาม ร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่ ห่อกล้วยแต่ละลูกด้วยพลาสติก สิ่งเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นสร้างขยะต่อประชากรสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ (ยกเว้นสหรัฐฯ) โดยสหประชาชาติเคยวิจารณ์รัฐบาลญี่ปุ่นว่าล่าช้าในเรื่องลดการใช้พลาสติก

รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเคลื่อนไหว ด้วยการออกมาตรการล่าสุดเพื่อจำกัดการใช้พลาสติกเกินความจำเป็น และให้ใช้อย่างชาญฉลาด การเก็บค่าถุงพลาสติกทั่วประเทศครั้งนี้ จึงหวังจะกระตุ้นให้ประชาชนคิดให้รอบคอบว่าจำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติกหรือไม่

ญี่ปุ่นเคยให้คำมั่นว่า ภายในปี 2030 จะลดขยะพลาสติกลงให้ได้ 1 ใน 4 จากที่ผลิตขยะปีละ 9.4 ล้านตันในปัจจุบัน โดยจากข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า ถุงพลาสติกคิดเป็น 2% ของขยะพลาสติกทั้งหมด

ส่วนความเคลื่อนไหวของผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ประเทศ (G20) ได้ตกลงร่วมกันว่าจะลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเล เมื่อปีที่ผ่านมา

แม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะบอกว่ามีระบบจัดการขยะที่ทันสมัยและนำขยะพลาสติกรีไซเคิลได้กว่าร้อยละ 80 แต่รายงานของ AFP มองว่า การกำจัดขยะของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังใช้การเผา ซึ่งก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ทำให้เกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change)

 

 

]]>
1286131
นวัตกรรมรักษ์โลก! ญี่ปุ่นพัฒนา “ถุงพลาสติกย่อยสลายในทะเล” ได้ภายใน 180 วัน สำเร็จเเล้ว https://positioningmag.com/1261923 Sun, 26 Jan 2020 07:08:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1261923 นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ที่จะมาช่วย “รักษ์โลก” อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทในญี่ปุ่นได้พัฒนา “ถุงพลาสติกย่อยสลายได้ในทะเล” ทำจากอ้อยเเละข้าวโพด ซึ่งจะไม่ก่อมลพิษกับท้องทะเลเหมือนถุงพลาสติกทั่วไปที่ใช้กันทุกวันนี้

ถุงพลาสติกสุดล้ำนี้ เป็นผลงานของบริษัท Fukusuke Kogyo ผู้ผลิตถุงพลาสติกรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดเอฮิเมะ ร่วมมือกับนักวิจัยของมหาวิทยาลัย Gunma โดยนำอ้อยและเรซินข้าวโพดมาพัฒนาเป็นถุงพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อม เพื่อลดขยะในมหาสมุทร

โดยถุงขนาดมาตรฐาน สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 8 กิโลกรัม เเละหากมันถูกพัดพาลงไปในทะเลก็จะย่อยสลายกว่าร้อยละ 90 ด้วยแบคทีเรียจากธรรมชาติ กลายเป็นน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใน 180 วัน

บริษัทกำลังอยู่ระหว่างยื่นขอใบรับรองจากทางหน่วยงานในประเทศเบลเยียม เพื่อยืนยันว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ในทะเล และหากได้รับการอนุมัติก็จะกลายเป็นถุงพลาสติกรายแรกของโลกที่ได้รับการรับรองดังกล่าว
โดยตั้งเป้าจะเริ่มจำหน่ายให้ร้านค้าปลีกทั่วไปในเดือนกรกฎาคมปีนี้

เเม้ว่าถุงพลาสติกย่อยสลายได้ในทะเลนี้ จะมีต้นทุนสูงกว่าถุงพลาสติกเเบบเดิมถึง 7-10 เท่า แต่ก็มีธุรกิจและร้านค้าในญี่ปุ่นให้ความสนใจจะซื้อไปบริการลูกค้าแล้วจำนวนมาก

 

ที่มา : NHK / Ocean degradable shopping bags to go on sale

]]>
1261923
มาดูสีสัน… คนไทยใช้อะไร ในวันที่ค้าปลีก #งดใช้ถุงพลาสติก https://positioningmag.com/1259291 Fri, 03 Jan 2020 08:51:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1259291 ล่วงเลยดีเดย์ในการประกาศให้ห้างค้าปลีกไทยงดแจกถุงพลาสติกทั่วประเทศแล้ว พบว่าคนไทยเริ่มมีการปรับตัว พร้อมกับนำภาชนะหลากหลายมาใช้ในการช้อปปิ้ง สร้างสีสันบนโลกออนไลน์อย่างมาก

จากวันที่ 1 มกราคม 2563 หรือวันขึ้นปีใหม่ ทางรัฐบาลได้ประกาศให้ห้างค้าปลีกไทยงดแจกถุงพลาสติกหูหิ้วในทุกสาขา ทุกห้าง เรียกว่าเป็นการงดใช้ถุงพลาสติกแบบหักดิบเลยทีเดียว

จากที่ในปีที่แล้วเริ่มมีนโยบายงดใช้ถุงพลาสติกในถุงวันที่ 4 ของทุกเดือน เพราะเป็นวันสิ่งแวดล้อม รวมถึงแต่ละค่ายก็มีนโยบายที่แตกต่างกันออกไป อย่าง “กลุ่มเซ็นทรัล” ที่ประกาศงดใช้ถุงพลาสติกในทุกกลุ่มธุรกิจ ยกเว้นกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตที่ยังจำเป็นต้องใช้ของสด

หรือ “กลุ่มเดอะมอลล์” ที่ออกมาเกทับ ประกาศงดแจกถุงพลาสติกเช่นกัน แต่ถ้าลูกค้าต้องการใช้บริการ ต้องขอความกรุณาในการบริจาคเงิน 1 บาท/ใบ

แต่ในปีนี้ทุกห้างใหญ่ๆ ได้ขานรับนโยบายของรัฐบาล แม้แต่ร้านสะดวกซื้อที่มีผู้ใช้บริการในประจำวันค่อนข้างเยอะก็ร่วมด้วย

หลังจากวันที่ 1 ผ่านมา พบว่ามีเสียงตอบรับที่หลากหลาย ทั้งไม่พอใจ ยังคงตำหนิในมาตรการนี้ มองว่า “เอาเปรียบผู้บริโภค” แต่ในขณะที่หลายคนก็มองว่าเป็นการช่วยเหลือส่วนรวม เพราะตอนนี้ขยะพลาสติกล้นโลกแล้ว

แต่ก็ได้เห็นการปรับตัวของคนไทย หลังจากที่ไม่มีถุงพลาสติกให้บริการ ซึ่งต้องยอมรับว่าคนไทยเก่งในการดัดแปลงสิ่งต่างๆ ได้ดีอยู่แล้ว การเข้าไปช้อปปิ้งในห้างค้าปลีกโดยไม่มีถุงพลาสติกจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรอีกต่อไป

สีสันอยู่ที่แต่ละคนได้สรรหาภาชนะต่างๆ มาใส่สินค้า ไม่ว่าจะเป็นถุงปุ๋ย, ถุงกระสอบ, ตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์, หม้อ, ถัง, กรงนก ไปจนถึงถังผสมปูน

ทำเอาแฮชแท็ก #งดใช้ถุงพลาสติก เป็นที่ร้อนแรงบนทวิตเตอร์ หลายคนต่างแชร์ภาพบบรรยากาศของคนไทยที่ช้อปปิ้งด้วยภาชนะต่างๆ โดยไม่ใช้ถุงพลาสติก บางคนก็แชร์ข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

ต้องบอกว่าการงดใช้ถุงพลาสติกเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะการไม่ใช้อาจจะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เพราะปัญหาจริงๆ อยู่ที่การจัดเก็บขยะ และกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ เพียงแต่ถุงพลาสติกเป็นวัสดุที่ย่อยสลายยาก และปลายทางไปอยู่ในทะเลเยอะเท่านั้นเอง

ขอบคุณภาพจาก #งดใช้ถุงพลาสติก

]]>
1259291
“แม็คโคร” ผู้นำวัฒนธรรมห้างไม่แจกถุงพลาสติก ลดการใช้ไปแล้วกว่า 5,400 ล้านใบ https://positioningmag.com/1237448 Thu, 04 Jul 2019 02:57:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1237448 บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ประกาศตัวเลขรับวันปลอดถุงพลาสติกสากล ในฐานะผู้นำร่องห้างไม่แจกถุงพลาสติกเจ้าแรกในประเทศไทย ตั้งแต่วันแรกที่เปิดดำเนินการจนถึงปัจจุบันกว่า 30 ปี ลดถุงพลาสติกไปแล้วกว่า 5,400 ล้านใบ

สร้างพฤติกรรมคุ้นชินให้คนไทยไม่ใช้ถุงพลาสติกเวลาช้อปปิ้ง พร้อมเดินหน้าการเป็นผู้นำงดจำหน่ายโฟมบรรจุอาหาร เน้นกระตุ้นร้านอาหารใช้ผลิตภัณฑ์ย่อยสลายได้ หวังสร้างวัฒนธรรมปลอดขยะพลาสติกในไทย

ศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการตลาด บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า

“ตั้งแต่วันแรกที่เปิดดำเนินการในประเทศไทย เมื่อ 30 ปีที่แล้ว แม็คโครให้ความสำคัญกับการดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการประกาศตัวเป็นห้างที่ไม่แจกถุงพลาสติกให้กับลูกค้าที่เข้ามาจับจ่าย ตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการและยังคงยืนหยัดต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ยุคนั้นผู้คนพูดถึงเรากันมากทั้งตำหนิ ทั้งชื่นชม แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี จวบจนวันนี้แม็คโครยังมุ่งมั่นและชัดเจนกับการดำเนินนโยบายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง สร้างการจดจำ และก่อเกิดพฤติกรรมความเคยชินลดใช้ถุงพลาสติกมาอย่างยาวนาน เป็นที่รู้กันเลยว่า ถ้ามาซื้อของที่แม็คโคร ไม่มีถุงพลาสติกใส่ให้

เนื่องในวันปลอดถุงพลาสติกสากล 3 กรกฎาคม แม็คโคร ได้รวบรวมตัวเลขการลดใช้ถุงพลาสติกตลอด 30 ปีที่ผ่านมา พบตัวเลขที่น่าภาคภูมิใจมาก เพราะลดไปได้แล้วกว่า 5,400 ล้านใบ นับเฉพาะ 1 ใบต่อครั้งในการจับจ่าย ซึ่งลูกค้าหลักของแม็คโครจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการร้านโชห่วย และผู้ประกอบการร้านอาหาร

แม็คโครตระหนักดีว่า ปัญหาขยะพลาสติกไม่ได้เป็นเรื่องของคนใดคนหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของโลก และมนุษยชาติที่จะต้องหันมาช่วยกันแก้ไข สำหรับเมืองไทยน่าดีใจที่ปีนี้ บรรดาธุรกิจค้าปลีก โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ซูเปอร์มาร์เก็ต พากันหันมาเอาจริงกับนโยบายการงดให้ถุงพลาสติก ซึ่งแม็คโครเราได้ดำเนินนโยบายนี้มาแล้วหลายสิบปี แต่เรายังไม่หยุดนิ่งกับนโยบายเรื่องสิ่งแวดล้อม และเพิ่มระดับความสำคัญมากขึ้น

ในอนาคตจะหยุดขายโฟมบรรจุอาหารใน 12 สาขานำร่อง ใกล้แหล่งท่องเที่ยวรายแรกในไทย รวมถึงตั้งเป้าหยุดจำหน่ายโฟมบรรจุอาหารในทุกสาขาภายในปี 2564 โดยร่วมมือกับภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนรับทราบ และเกิดเป็นแรงกระเพื่อมให้ภาคเอกชนรายอื่น ๆ ให้ความสำคัญในการลดจำหน่ายหรือใช้โฟมบรรจุอาหารโดยหวังว่า สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นวัฒนธรรมปลอดขยะพลาสติกให้กับประเทศ

วันที่ 3 กรกฎาคม นับเป็น “วันปลอดถุงพลาสติกสากล” ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ กับการจัดการขยะพลาสติก ซึ่งประเทศไทยมีโรดแม็ปจัดการขยะพลาสติกปี พ.ศ.2561- พ.ศ.2573 ตั้งเป้าหมายลด ละ เลิก ใช้พลาสติก มาใช้สิ่งเป็นมิตรสิ่งแวดล้อมแทน รวมถึงกำหนดเป้าหมายของปี 2565 จะเลิกใช้พลาสติก 4 ชนิด คือ ถุงหูหิ้วที่มีความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน กล่องโฟม หลอดพลาสติก แก้วน้ำพลาสติก เนื่องจากเกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศทางธรรมชาติอย่างคาดไม่ถึง และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รวมไปถึงยังเป็นสาเหตุการตายของสัตว์ทะเลอย่าง เต่า วาฬ ฯลฯ

ที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับที่ 6 ของโลกที่ปล่อยขยะลงสู่ทะเลและมหาสมุทร สอดคล้องกับข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เปิดเผยสถิติ 10 อันดับ ขยะในทะเลไทยประจำปีงบประมาณ 2561 พบว่า ถุงพลาสติก ครองอันดับ 1 (15,154 ชิ้น) รองลงมาคือ ขวดพลาสติก,ขวดแก้ว,ถ้วย จาน โฟม,หลอดพลาสติก,เชือก,ถุงก๊อบแก๊บ,กระป๋องเครื่องดื่ม,กล่องโฟม,ห่อขนม

]]>
1237448