ต่างชาติ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 26 Jan 2022 00:10:37 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 นโยบาย ‘Zero-Covid’ บีบเหล่า Expat ทักษะสูง จำใจลาออก สะเทือนภาคการเงินฮ่องกง https://positioningmag.com/1371501 Tue, 25 Jan 2022 15:34:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371501 เเนวทาง “Zero-Covid” ที่ฮ่องกงยึดปฏิบัติอย่างเข้มงวดตามรัฐบาลจีน กำลังบีบให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติในเเวดวงการเงิน จำใจลาออก ทิ้งตำเเหน่งงานค่าตอบเเทนสูงเพื่อกลับประเทศ 

เมื่อปลายปีที่เเล้ว Tania Sibree ลาออกจากงานที่ได้รับค่าตอบเเทนสูง จากการเป็นทนายความของบริษัทการเงินแห่งหนึ่งในฮ่องกง กลับมาอยู่ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดอย่างออสเตรเลีย หลังต้องทนใช้ชีวิตอยู่ต่อภายใต้มาตรการควบคุมโควิด-19 อันเข้มงวดเเละไม่มีท่าทีจะผ่อนคลายลง 

เธอย้ายมาทำงานประจำที่ฮ่องกง เมื่อ 5 ปีก่อนเเละใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเกิดวิกฤตโรคระบาดในช่วงปีที่ผ่านมา

โดย Sibree เป็นหนึ่งในในผู้เชี่ยวชาญชาวต่างชาติที่มีทักษะสูง หลายร้อยหรือหลายพันคนที่ต้องจำใจลาออกหรือกำลังวางแผนจะย้ายที่อยู่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจของฮ่องกง หนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินของโลกได้

“การกักตัวในโรงแรมนานๆ เป็นเรื่องยากลำบากมากสำหรับคนที่ต้องอยู่ไกลจากครอบครัว นี่เป็นประเด็นสำคัญที่ฉันตัดสินใจกลับประเทศ” เธอกล่าว

เหล่า Expat หลายคนเคยคิดว่าเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ทางการฮ่องกงจะเริ่มผ่อนคลายจำกัด ผ่อนปรนมาตรการมากขึ้น และระเบียบที่เข้มงวดจะไม่ดำเนินต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ทว่าฮ่องกงซึ่งอยู่ภายใต้อาณัติของจีน ได้ดำเนินนโยบาย “Zero-Covid” คุมยอดผู้ป่วยโควิดให้เป็นศูนย์ ตามรัฐบาลปักกิ่ง แทนที่จะปรับมาใช้ชีวิตร่วมกับโควิดเหมือนในหลายๆ ประเทศ

เเม้ว่าฮ่องกงจะมีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมราว 13,000 รายจากประชากรทั้งหมด 7.4 ล้านคน ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาในช่วงวิกฤตโรคระบาด ฮ่องกงก็มีการบังคับใช้มาตรการกักตัวที่เข้มงวดอยู่แล้ว เเละยกระดับคุมเข้มยิ่งขึ้นไปอีกในช่วงปีที่เเล้ว โดยอนุญาตให้เฉพาะคนฮ่องกงและผู้มีถิ่นพำนักเดินทางกลับได้เท่านั้น และต้องกักตัวสูงสุดเป็นเวลา 3 สัปดาห์ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาครบโดสแล้ว

อย่างไรก็ตาม นโยบาย “Zero-Covid” ที่เข้มงวด ก็ไม่ได้ทำให้ฮ่องกงใกล้จุดผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์นัก โดยเมื่อวันอาทิตย์ (23 ม.ค.) ฮ่องกงยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 140 ราย อีกทั้งไม่มีสัญญาณใดๆ ว่า ทางการจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการลง

เหล่านี้ เป็นผลให้ชาวต่างชาติจำนวนมากคิดจะลาออกจากงานมากขึ้น โดยเฉพาะในเเวดวงการเงิน ทั้งพนักงานในธนาคารยักษ์ใหญ่ ผู้จัดการสินทรัพย์ ขณะที่สำนักงานกฎหมายต้องเผชิญกับการที่พนักงานจำนวนมากเลือกจะลาออกหลังได้รับโบนัสประจำปี

วาณิชธนากรรายหนึ่ง บอกกับ Reuters ว่า “ถ้าตอนนี้คุณอยู่ในสิงคโปร์จะดีกว่าฮ่องกงมาก เพราะคุณยังสามารถเดินทางได้ อย่างน้อยก็ปีละครั้งหรือสองครั้ง” โดยข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศนับเป็นปัจจัยสำคัญที่พนักงานชาวต่างชาติขอย้ายออกจากสาขาที่ฮ่องกง

 

ที่มา : Reuters 

 

]]>
1371501
ญี่ปุ่น เตรียมเปิดประเทศรับต่างชาติ กลุ่มนักเรียน-ฝึกอบรม-ทำธุรกิจ เเต่นักท่องเที่ยวต้องรอก่อน https://positioningmag.com/1359919 Tue, 02 Nov 2021 07:03:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1359919 รัฐบาลญี่ปุ่น เตรียมผ่อนปรนมาตรการ อนุญาตให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศได้ เพื่อทำธุรกิจระยะสั้น ศึกษาต่อเเละฝึกอบรมอาชีพ เเต่ยังไม่เปิดรับกลุ่มนักท่องเที่ยวในรอบนี้

สำนักข่าว Nikkei Asia คาดว่า รัฐบาลจะประกาศมาตรการใหม่ดังกล่าวอย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ เเละจะเริ่มดำเนินการในเดือนพ..นี้

จากสถานการณ์การเเพร่ระบาดที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ยอดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ลดลงอย่างมากทำให้ญี่ปุ่นตั้งเป้าที่จะค่อยๆผ่อนคลายข้อจำกัดในการเข้าประเทศสำหรับชาวต่างชาติ

โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 .. ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ลดมาตรการกักตัวจากเดิม 14 วัน เหลือ 10 วัน สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสของ Pfizer, Moderna เเละ AstraZeneca

เเละภายหลังการผ่อนปรนมาตรการที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ Nikkei รายงานว่า จะมีการลดมาตรการกักตัวให้เหลือเพียง 3 วัน จากปัจจุบัน 10 วัน สำหรับผู้เดินทางมาทำธุรกิจระยะสั้น รวมไปถึงชาวญี่ปุ่นที่เดินทางกลับจากการทำธุรกิจในต่างประเทศ

ญี่ปุ่นระงับการเข้าประเทศมาตั้งเเต่เดือนม.. หลังมีการเเพร่ระบาดของไวรัสกลายพันธุ์มากขึ้น เเละอนุญาตให้เพียงชาวต่างชาติที่มีสถานการณ์พิเศษอย่างคู่สมรสและบุตรของคนสัญชาติญี่ปุ่นเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศได้

ข้อมูล ณ วันที่ 1 .. ระบุว่า ชาวต่างชาติกว่า 370,000 คนไม่สามารถเดินทางมาญี่ปุ่นได้ เนื่องจากการควบคุมชายแดนที่เข้มงวด โดยประมาณ 70% เป็นผู้ฝึกงานด้านเทคนิคและนักเรียนต่างชาติ ภาคเกษตรกรรม ป่าไม้ และประมง ซึ่งกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก 

ด้านโรงเรียนที่ไม่สามารถรับนักเรียนต่างชาติได้ ก็กำลังออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลอนุญาตเปิดประเทศรับนักศึกษาโดยเร็ว

อย่างไรก็ตาม กระบวนการวัคซีนพาสปอร์ตที่ล่าช้า เเละการรุกตรวจโควิดที่จำกัด ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเปิดประเทศของญี่ปุ่นในช่วงสิ้นปีนี้ ผู้ประกอบการเผชิญความไม่เเน่นอน เเละไม่กล้าสต็อกของหรือจ้างงานเพิ่ม

 

 

]]>
1359919
วัคซีน ‘ล่าช้า’ ท่องเที่ยวต้องลุ้น เเนะรัฐเปิดรับต่างชาติไตรมาส 4 อย่างน้อย 1.25 ล้านคน https://positioningmag.com/1323321 Fri, 12 Mar 2021 14:58:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1323321 TMB วิเคราะห์หากไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศหลักในยุโรป สหรัฐฯ และกลุ่มเอเชียตะวันออกบางประเทศ ได้ในไตรมาส 4 อย่างน้อย 1.25 ล้านคน จะสร้างรายได้กว่า 6.4 หมื่นล้านบาท เเต่ยังมีความเสี่ยงการกระจายวัคซีน ‘ล่าช้า’ ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวต่างชาติ

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย หรือ TMB Analytics ระบุว่า นับตั้งแต่เริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 เข็มแรก เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ทั่วโลกมีจำนวนวัคซีนที่ถูกฉีดไปแล้วกว่า 250 ล้านโดส

ส่วนใหญ่เป็นวัคซีนที่ถูกฉีดในสหรัฐอเมริกามากถึง 31% ของสถิติทั้งหมด รองลงมาเป็นจีนที่ 19% สหภาพยุโรป 14% และอังกฤษ 8% ขณะที่กลุ่มอาเซียนมีสัดส่วน 1.5% โดยเกือบทั้งหมดเป็นของอินโดนีเซีย

“การฉีดวัคซีนในภูมิภาคอาเซียน โดยรวมยังมีน้อยมากเมื่อเทียบกับทั้งโลก” 

วัคซีนในต่างประเทศ ‘ฉีดเร็ว’ กว่าที่คาด 

จากข้อมูลแผนการจัดหาวัคซีนของประเทศต่างๆ พบว่า กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ทั้งยุโรป สหรัฐฯ จะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรได้ถึงร้อยละ 70 ซึ่งเป็นระดับที่ก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd immunity) ได้ในช่วงกลางปี 2564 ซึ่งสามารถกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ใกล้เคียงกับภาวะปกติ

โดยเฉพาะการเดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศภายในภูมิภาคได้ตั้งแต่กลางปี 2564 และจะทยอยออกเดินทางเพื่อท่องเที่ยวต่างภูมิภาคได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/2564

ด้านความคืบหน้าฝั่งเอเชียตะวันออกบางประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง จะสามารถฉีดวัคซีนได้ในระดับเดียวกันในช่วงต้นไตรมาส 4/2564 และจะเริ่มกลับมาเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศนับแต่ไตรมาส 4/2564 เป็นต้นไป

ท่องเที่ยว ประเทศไทย

วัคซีนไทย ‘ล่าช้า’ ต้องลุ้นรับนักท่องเที่ยว 

กรณีของไทยที่สามารถควบคุมการระบาดระลอกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การฉีดวัคซีนให้ถึงระดับภูมิคุ้มกันหมู่ยังดำเนินการได้อย่างล่าช้า ทำให้ความสามารถของไทยในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะกลับมาในปี 2564 นั้น ตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่สำคัญ ดังนี้

  • ไม่มีการระบาดรอบใหม่ในช่วงที่เหลือของปี 2564
  • มีการฉีดวัคซีนให้บุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง และประชาชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจท่องเที่ยวได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 70 ในไตรมาส 4/2564
  • ไทยผ่อนคลายมาตรการกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้วเหลือ 1-3 วัน ในไตรมาส 4/2564

TMB Analytics จึงประเมินว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จะกลับเข้ามาเที่ยวไทยในครึ่งปีหลังจะมาได้จากทั้ง 2 กลุ่ม คือ

1.กลุ่มพำนักระยะยาว (มีระยะเวลาพำนักเฉลี่ย 2 สัปดาห์)

กลุ่มนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีโอกาสจะทยอยกลับเข้าท่องเที่ยวไทยได้เป็นกลุ่มแรก เนื่องจากมาจากกลุ่มประเทศที่มีภูมิคุ้มกันหมู่ในช่วงกลางปี 2564 ซึ่งจะเริ่มเข้ามาได้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3/2564 เป็นต้นไป

สำหรับสถิตินักท่องเที่ยวปี 2562 ก่อนมีระบาดของ COVID-19 พบว่า สหราชอาณาจักร เยอรมัน ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักของไทยในกลุ่มนี้ ซึ่งเดิมมีจำนวน 1 ล้านคนต่อไตรมาส (คิดเป็น 41% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดในกลุ่มระยาวทั้งหมดซึ่งอยู่ที่ไตรมาสละ 2.5 ล้านคน) และมีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวเฉลี่ยอยู่ที่ 66,700 บาทต่อคนต่อทริป

คาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ หากสามารถกลับเข้ามาได้ 15% ในไตรมาส 3/2564 และ 50% ในไตรมาส 4/2564 จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มนี้รวม 6.5 แสนคน และมีเม็ดเงินในระบบเพิ่มขึ้น 3.9 หมื่นล้านบาท

ดย 5 จังหวัดหลักที่นิยมเข้ามาพำนักอยู่มากที่สุดเป็น กรุงเทพฯ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และเชียงใหม่

2.กลุ่มพำนักระยะสั้น (มีระยะเวลาพำนักเฉลี่ย 1 สัปดาห์)

นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง เป็นกลุ่มตลาดหลักของไทยในกลุ่มพำนักระยะสั้น จะมีระดับภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในช่วงปลายไตรมาส 3/2564 นี้ และพร้อมออกท่องเที่ยวต่างประเทศได้ในไตรมาส 4/2564

จากข้อมูลในปี 2562 พบว่ามีนักท่องเที่ยวจาก 3 ประเทศนี้อยู่ที่ 1.2 ล้านคนต่อไตรมาส (คิดเป็นสัดส่วน 15.8% ของนักท่องเที่ยวในกลุ่มพำนักระยะสั้นซึ่งมีอยู่ที่ไตรมาสละ 7.5 ล้านคน) มีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวเฉลี่ยอยู่ที่ 40,600 บาทต่อคนต่อทริป ซึ่งหากกลับเข้ามาได้ 50% จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกลุ่มนี้ 6 แสนคน และมีรายได้ราว 2.5 หมื่นล้านบาท

โดย 5 จังหวัดที่เข้ามาพำนักอยู่มากที่สุดเป็น กรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ และประจวบคีรีขันธ์

หากรัฐและเอกชนสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งสองกลุ่มนี้ กลับเข้ามาไทยได้เร็วขึ้น จะทำให้ช่วงครึ่งหลังของปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยอย่างน้อย 1.25 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 64,000 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกหลักๆ ดังนี้

  • นักท่องเที่ยวจีนที่ปัจจุบันมีความต้องการมาเที่ยวไทย ซึ่งปัจจุบันยังรอพัฒนาด้านการรับวัคซีนของคนในประเทศ และนโยบายที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด
  • วางแผนการตลาดเชิงรุกของไทยได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และภาคส่วนต่างๆ ต้องกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่

อ่านเพิ่มเติม : ความหวัง ‘ท่องเที่ยวไทย’ เร่งฉีดวัคซีนให้ทัน ‘ไฮซีซั่น’ รับต่างชาติ 2 ล้านคน ระวัง ‘หนี้ครัวเรือน’ พุ่ง

]]>
1323321