ทราเวลบับเบิ้ล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 10 Jun 2021 09:47:49 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รอลุ้น! เกาหลีใต้ เล็งเจรจาเปิด ‘Travel Bubble’ กับไทยเเละอีกหลายประเทศ คาดเริ่มเร็วสุด ก.ค.นี้ https://positioningmag.com/1336277 Thu, 10 Jun 2021 08:33:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1336277 เกาหลีใต้ เตรียมคุยเปิด ‘Travel Bubble’ กับไทยเเละอีกหลายประเทศ สำหรับผู้ฉีดวัคซีนครบ
โดสเเล้ว เพื่อกระตุ้นธุรกิจภาคท่องเที่ยว คาดเริ่มได้เร็วที่สุดช่วงเดือนก..นี้

กระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า รัฐบาลกำลังหารือข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการ ‘Travel Bubble’ หรือการเดินทางระหว่างกันแบบไม่ต้องกักตัวกับหลายประเทศ เช่น ไทย สิงคโปร์ ไต้หวัน กวมและเกาะไซปัน ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียอานา ภายใต้การปกครองของสหรัฐฯ โดยขณะนี้ได้เริ่มเจรจากับสิงคโปร์และไต้หวันเเล้ว

เบื้องต้นจะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเเละชาวเกาหลีใต้ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดส (2 เข็ม) เเล้ว และมีการเดินทางเป็นกรุ๊ปผ่านเอเยนซี่บริษัททัวร์ สามารถท่องเที่ยวระหว่าง ประเทศที่ตกลงกันได้ อย่างเร็วที่สุดภายในเดือนก..นี้

โดยข้อตกลงดังกล่าว จะจำกัดการเดินทางเฉพาะจากสนามบินอินชอนกับสนามบินที่กำหนดไว้ในประเทศปลายทางเท่านั้น และผู้เดินทางจะต้องอยู่ในประเทศปลายทางนาน 2 สัปดาห์ นับเป็นก้าวแรกในเเผนการฟื้นฟูตลาดท่องเที่ยวและสายการบินของเกาหลีใต้

Travel Bubble จะช่วยให้ผู้คนสามารถเดินทางข้ามพรมแดนได้อย่างอิสระภายในโซนที่กำหนด โดยไม่ต้องกักตัวเมื่อเดินทางมาถึงประเทศปลายทาง แต่จะต้องแสดงเอกสารการฉีดวัคซีนและผลตรวจโควิด-19 เเบบ RT-PCR ที่ระบุว่าไม่ติดเชื้อก่อนเดินทางภายใน 72 ชั่วโมง และเมื่อเดินทางถึงประเทศปลายทางเเล้ว ก็ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสอีกครั้ง

เที่ยวบินตรงระหว่างเกาหลีใต้กับประเทศปลายทางที่ตกลงเปิด Travel Bubble ระหว่างกัน ในช่วงเเรกจะบินสัปดาห์ละ 1-2 เที่ยวบิน จำกัดผู้โดยสารเที่ยวบินละไม่เกิน 200 คน ซึ่งจะมีการขยายเพิ่มเที่ยวบินเเละผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ต่อไป

Photo : Shutterstock

รัฐบาลเกาหลีใต้ คาดว่าโครงการ Travel Bubble จะช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมการเดินทางทางอากาศและการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดตลอดช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

อย่างไรก็ตาม ‘Travel Bubble’ ยังมีความท้าทายอยู่มาก อย่างเช่น กรณีที่สิงคโปร์วางแผนจะเปิดตัวโครงการนี้ครั้งแรกกับฮ่องกง มาตั้งเเต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว แต่ต้องถูกเลื่อนออกไปถึง 2 ครั้ง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น

ด้านกวมและไซปัน ซึ่งเป็นดินแดนของสหรัฐอเมริกา เพิ่งอนุญาตให้ผู้มาเยือนที่ฉีดวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติจากสหรัฐฯ เช่น Pfizer , Moderna และ Johnson & Johnson เดินทางเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน

ทำให้ Jeju Air สายการบินราคาประหยัดที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ กลับมาเปิดเที่ยวบินตรงมายังไซปันแล้ว โดยคาดว่าจะมีความต้องการเดินทางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

โดยล่าสุด (9 มิ..) ชาวเกาหลีใต้ราว ราว 9.2 ล้านคน หรือคิดเป็น 17.9% ของประชากรทั้งหมด ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดสเเรก

รัฐบาลพยายามเร่งโครงการฉีดวัคซีนโดยสร้างแรงจูงใจต่าง เช่น อนุญาตให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส สามารถออกไปเดินเล่นนอกบ้านได้โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย และมีการพบปะครอบครัวกลุ่มใหญ่ขึ้นได้ ตั้งแต่เดือนก..เป็นต้นไป พร้อมเเจกบัตรเข้าชมฟรีที่พระราชวังและส่วนลดสำหรับตั๋วเข้าชมการแสดงต่างๆ

ส่วนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดส จะได้รับการยกเว้นจากการห้ามชุมนุมเกิน 4 คนตามมาตรการปัจจุบัน ตั้งแต่เดือนก.. เป็นต้นไปเช่นกัน

ทั้งนี้ เกาหลีใต้ ตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนโดสเเรกให้ประชาชนกว่า 36 ล้านคน หรือ 70% ของประชากรทั้งหมดให้ได้ภายในเดือนพ..นี้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติโดยเร็ว 

 

ที่มา : Pulse , Straitstimes , Bangkokpost 

 

]]>
1336277
ฮ่องกง-สิงคโปร์ เร่งกระตุ้นท่องเที่ยว หลังคุมโควิดได้ดี ฟื้น ‘Travel Bubble’ อีกครั้ง เริ่ม 26 พ.ค.นี้ https://positioningmag.com/1329285 Mon, 26 Apr 2021 09:22:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329285 ในที่สุดโครงการ ‘Travel Bubble’ ระหว่างสิงคโปร์เเละฮ่องกง สองศูนย์กลางการเงินเอเชีย ที่จำเป็นต้องเลื่อนมาหลายรอบ ก็ถึงเวลากลับมาเริ่มใหม่อีกครั้งในวันที่ 26 ..นี้

ความไม่เเน่นอนของ COVID-19 ทำให้ Travel Bubble ที่เป็นเหมือน ‘ความหวังใหม่’ ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มตั้งเเต่เดือนพ..ปีที่ผ่านมา ต้องโดนชะลอเเผนไปด้วย

Ong Ye Kung รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของสิงคโปร์ ระบุว่า สถานการณ์การเเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในฮ่องกงที่ดีขึ้นมาก เเละมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียงไม่กี่รายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันทางสิงคโปร์เอง ก็มีอัตราการติดเชื้อในระดับต่ำมาก จึงเป็นโอกาสที่จะตกลงทำ ATB (Air Travel Bubble) ร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งหากสถานการณ์อีก 1 เดือนข้างหน้าสามารถ ‘ควบคุมได้’ เช่นนี้ ก็จะเป็นไปตามเเผนที่วางไว้ เเต่ก็รับรองไม่ได้ว่าทุกอย่างจะราบรื่นหรือไม่

สำหรับโครงการ ATB จะเริ่มต้นใหม่ในวันที่ 26 .. นี้ โดยแต่ละวันจะมีเที่ยวบินหนึ่งเที่ยวบินออกจากฮ่องกงและสิงคโปร์ เเละรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 200 คน (ในช่วงสองสัปดาห์แรก) ผ่านบริการของ 2 สายการบินอย่างคาเธ่ย์แปซิฟิคและสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์เท่านั้น

(Photo : Singapore Airlines)

จากข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ให้ประชาชนทั้งสองฝ่าย สามารถเดินทางไปมาหากันได้โดยไม่ต้องกักตัวและไม่มีข้อจำกัดวัตถุประสงค์การเดินทาง ซึ่งผู้ที่เดินทางทุกคนจะต้องมีผลตรวจหาเชื้อ COVID-19 เป็นลบ เเละได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส เเล้วอย่างน้อย 14 วัน รวมถึงต้องติดตั้งแอปพลิเคชั่นที่ใช้ระบุที่อยู่ด้วย

ด้าน Edward Yau รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจของฮ่องกง กล่าวว่า โครงการ ‘travel bubble’ ไม่เพียงเเต่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึงการเริ่มต้นใหม่ของการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างค่อยเป็นค่อยไป

เเต่หากเกิดกรณีที่ค่าเฉลี่ยในรอบ 7 วันของผู้ติดเชื้อรายวันที่ไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อในชุมชนสูงเกิน 5 คนต่อวันไม่ว่าทั้งในฮ่องกงหรือสิงคโปร์ โครงการนี้จะถูกระงับทันที

การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกต้องตกต่ำลงอย่างมาก โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปยังสิงคโปร์ลดลงถึง 81.2% ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2020 จากเดิมเคยเป็นช่วงไฮซีซั่น

สายการบินหลักของทั้งสิงคโปร์เเละฮ่องกง ต้องตกอยู่ในสภาวะวิกฤต โดยสิงคโปร์ แอร์ไลน์ขาดทุนราว 1.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 9 เดือนถึงธันวาคม 2020 หลังผู้โดยสารหดตัว 97.6% เเละไม่มีเส้นทางการบินในประเทศมาชดเชยเหมือนที่อื่น

ขณะที่สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกง รายงานผลขาดทุนประจำปี 2020 ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เเละต้องปลดพนักงานออกไปประมาณ 1 ใน 4

Photo : Shutterstock

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เริ่มเปิดการเดินทางข้ามพรมเเดนแบบไม่ต้องกักตัว ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี หลังทั้งสองประเทศประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19

โครงการ Travel Bubble เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการเชื่อมต่อระหว่างนิวซีแลนด์กับโลก และเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนควรภูมิใจ นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ระบุ

อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่วันหลังจากเปิด Travel Bubble ทางการนิวซีแลนด์ ต้องสั่งระงับโครงการนี้กับรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียแล้ว หลังพบว่ามีการเเพร่เชื้อ COVID-19 หลุดจากสถานที่กักตัวในเมืองเพิร์ทจนทำให้มีการระบาดระลอกใหม่…จึงเป็นความท้าทายของ ‘Travel Bubble’ ที่จะต้องมีการเเก้ปัญหาร่วมกันต่อไป

 

 

ที่มา : BBC , CNA 

]]>
1329285
ชื่นมื่น! “ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์” เปิด “ทราเวลบับเบิล” สำเร็จ เดินทางโดยไม่ต้องกักตัว https://positioningmag.com/1328214 Mon, 19 Apr 2021 08:05:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328214 ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เริ่มเปิดการเดินทางระหว่างกันแบบไม่ต้องกักตัว หรือทราเวลบับเบิล วันที่ 19 เม.ย. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี โดยเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ทั้ง 2 ประเทศประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19

แม้รัฐส่วนใหญ่ในออสเตรเลียจะอนุญาตให้ชาวนิวซีแลนด์ เดินทางเข้าแบบไม่ต้องกักตัวได้ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ทว่านิวซีแลนด์เองยังคงบังคับใช้มาตรการกักตัวผู้เดินทางจากแดนจิงโจ้ เนื่องจากมีรายงานพบการระบาดของไวรัสแบบเป็นกลุ่มก้อนอยู่เป็นระยะๆ

“โครงการทราเวิลบับเบิลถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการเชื่อมต่อระหว่างนิวซีแลนด์กับโลก และเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนควรภูมิใจ” นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงเวลลิงตัน

ผู้นำหญิงแดนกีวียังระบุด้วยว่า มารีส เพย์น รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย จะเดินทางเยือนนิวซีแลนด์ในวันพุธที่ 21 เม.ย. ส่วนนายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน ก็มีแผนที่จะเยือนนิวซีแลนด์ “ในอนาคตอันใกล้” หลังจากที่มีการเปิดพรมแดนระหว่างกัน

สื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นต่างรายงานข่าวและเผยแพร่ภาพประทับใจ ขณะที่ครอบครัว และญาติสนิทมิตรสหายเข้าสวมกอดและทักทายกันอย่างอบอุ่นที่สนามบิน ขณะที่อาคารผู้โดยสารขาออกในสนามบินต่างๆ ของออสเตรเลียก็เต็มไปด้วยผู้โดยสารที่เตรียมตัวออกเดินทาง

“ฉันไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นอย่างนี้มาก่อน ไม่ได้คาดหวังและไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลย เพราะไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง” มิเชลล์ แรฟเฟอร์ที หนึ่งในผู้โดยสารที่เดินทางจากนิวซีแลนด์มายังนครซิดนีย์ให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลีย

สายการบินแควนตัสเตรียมเพิ่มเที่ยวบินระหว่างทั้ง 2 ประเทศเป็น 200 เที่ยวต่อสัปดาห์ ขณะที่แอร์นิวซีแลนด์ก็ได้เพิ่มจำนวนเที่ยวบินขึ้น 4 เท่าตัวเป็น 30 เที่ยวต่อสัปดาห์ในวันที่ 19 เม.ย. โดยเที่ยวบินทุกลำที่เดินทางเข้านิวซีแลนด์มีผู้โดยสารจองที่นั่งเต็มถึง 97%

แม้การเปิดพรมแดนจะสร้างความยินดีและตื่นเต้นให้กับประชาชนที่ต้องห่างเหินจากครอบครัวไปนาน แต่ทั้ง มอร์ริสัน และ อาร์เดิร์น ย้ำว่ารัฐบาลทั้งสองจะ “พิจารณาทบทวน” โครงการอยู่เป็นระยะๆ และเตือนให้ผู้เดินทางเตรียมพร้อมในกรณีที่การเดินทางต้องถูกระงับอย่างปัจจุบันทันด่วน หากพบการแพร่ระบาดของ COVID-19

ข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการระบุว่า ในปี 2019 (ก่อนที่จะเกิดโรคระบาด) มีชาวออสเตรเลียเดินทางเข้านิวซีแลนด์ประมาณ 1.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 40% ของผู้เดินทางทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศสูงถึง 2,700 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 60,000 ล้านบาท)

ขณะเดียวกัน มีชาวนิวซีแลนด์กว่า 500,000 คน อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย หรือคิดเป็น 2% ของประชากรออสเตรเลียทั้งหมด 26 ล้านคน

ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ต่างใช้มาตรการปิดพรมแดนกับพลเมืองต่างชาติ และผู้พำนักถาวรส่วนใหญ่มาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ซึ่งมีส่วนช่วยให้รัฐบาลสามารถคุมจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ให้อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ

สำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้านิวซีแลนด์และออสเตรเลียจะต้องผ่านกระบวนการกักตัว 14 วัน และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง

ปัจจุบันออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสมเพียง 29,500 คน และมีผู้เสียชีวิต 910 คน ขณะที่นิวซีแลนด์พบผู้ป่วยสะสมเพียง 2,200 คน และมีผู้เสียชีวิตเพียง 26 คนเท่านั้น

Source

]]>
1328214
รู้จัก “Travel Bubble” การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ยุค COVID-19 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง https://positioningmag.com/1283416 Sat, 13 Jun 2020 07:34:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1283416 หลังสถานการณ์ COVID-19 บ้านเราดีขึ้นมาตามลำดับ ปลอดผู้ติดเชื้อภายในประเทศมากว่า 2 สัปดาห์ จนรัฐบาลคลายล็อกในเฟส 3 ให้คนไทยสามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศได้ พร้อมกับมีแผน “แจกเงินเที่ยว” เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกิจกรรมไทยเที่ยวไทย

นอกจากนี้รัฐบาลลุงตู่ ยังมองข้ามช็อตไปถึงการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับเข้ามาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ภายใต้เงื่อนไขเรื่องความปลอดภัยจาก COVID-19

ด้วยเหตุนี้ เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้สั่งให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมความพร้อมในการเจรจาจับคู่การเดินทางกับประเทศที่สามารถจัดการกับสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ได้ดีเยี่ยม จนสามารถเปิดการเดินทางระหว่างกันได้โดยไม่ต้องกักตัว หรือที่เรียกว่า “ทราเวลบับเบิล” ขึ้น เพื่อหวังจะดูดเงินนักท่องเที่ยวต่างชาติมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกทาง

รู้จัก Travel Bubble

“ทราเวลบับเบิล” (Travel Bubble) เป็นศัพท์ใหม่ที่ถูกบัญญัติขึ้นในช่วง COVID-19 เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

Travel Bubble หรือที่มีคำนิยามในภาษาไทยว่า “ระเบียงท่องเที่ยว” หมายความถึงการจับคู่ด้านการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศที่มีความมั่นใจในความปลอดภัยของโรค COVID-19

โดยจะมีการตกลงกันระหว่างรัฐบาลของแต่ละประเทศในการให้สิทธิพิเศษของการเดินทางเข้าออกระหว่างกันได้โดยไม่ต้องมีการกักตัว 14 วัน แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขมาตรการป้องกัน COVID-19 อย่างเข้มข้น เช่น การตรวจเช็กสุขภาพทั้งจากประเทศต้นทางและปลายทางว่าผู้ที่เดินทางมานั้นปลอดจากโรคจริง

หรือมีหนังสือรับรองผ่านการตรวจโรคว่ามีผลเป็นลบมาแสดง การใช้แอปพลิเคชันติดตามตัวตลอดการเดินทาง และที่สำคัญคือต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดการเดินทาง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรค COVID-19 ด้วยวิธีการที่แต่ละคู่ประเทศจะตกลงกัน

ต้นแบบโมเดล Travel Bubble

สำหรับประเทศคู่แรกที่ถือเป็นต้นแบบของโมเดลทราเวลบับเบิลก็คือ “นิวซีแลนด์” และ “ออสเตรเลีย” ซึ่งทั้งคู่ใช้ชื่อว่าใช้ชื่อว่า “Tran-Tasman Travel Bubble” โดยคู่ประเทศทั้งสองตกลงยินยอมให้มีการเดินทางระหว่างกันโดยไม่ต้องให้มีการกักตัว แต่ยังคงมีมาตรการตรวจเข้มข้นที่สนามบินของแต่ละประเทศ โดยอาจจะเริ่มอนุญาตให้มีการเดินทางไปมาในบางเมืองก่อน

แผนการจับคู่ท่องเที่ยวกันของนิวซีแลนด์ และออสเตรเลียมีข่าวออกมาว่าทั้งสองประเทศอาจจะเริ่มเปิดพรมแดนระหว่างกันเพื่อการท่องเที่ยวในช่วงราวเดือน ส.ค. ซึ่งก็มีความเป็นไปได้มากเพราะในช่วงเดือนนี้เป็นฤดูกาลเล่นสกีในนิวซีแลนด์ และช่วงเดือน ก.ย. ก็เป็นช่วงปิดเทอมของโรงเรียนในสองประเทศนี้

เทรนด์ใหม่ Travel Bubble

หลังแผนการเปิดพรมแดนจับคู่เที่ยวระหว่างนิวซีแลนด์ และออสเตรเลียเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จึงเกิดรูปแบบของการท่องเที่ยวในแบบ Travel Bubble ซึ่งวันนี้ได้มีหลายประเทศนำแนวคิดนี้ไปใช้เพื่อวางแผนจับคู่ประเทศหรือจับกลุ่มประเทศเปิดการท่องเที่ยวระหว่างกัน อย่างเช่น

Photo : Shutterstock
  • ญี่ปุ่น เตรียมจับคู่กับ ไทย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และเวียดนาม
  • จีน จับคู่กับ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า เปิดให้เที่ยวได้ใน 10 ภูมิภาคของจีน
  • กลุ่มประเทศในยุโรป ประกอบด้วย เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ และออสเตรีย เปิดให้เที่ยวระหว่างกันในกลุ่ม
  • สิงคโปร์ จับคู่กับ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และจับคู่เดินทางไปบางมณฑลในจีน
  • กลุ่มประเทศในสแกนดิเนเวีย จับคู่เดินทางกันเองยกเว้นสวีเดน เนื่องจากวันนี้สวีเดนยังคงมีการระบาดของ COVID-19 อย่างต่อเนื่อง
  • กลุ่มประเทศแถบทะเลบอลติก ในยุโรปตะวันออก ประกอบด้วย ลัตเวีย ลิทัวเนีย เอสโตเนีย อนุญาตให้ประชาชนเดินทางไป-มา ได้อย่างเสรี
  • อิตาลี เป็นประเทศแรกในยุโรปที่เปิดพรมแดนให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยว เพราะต้องการให้การท่องเที่ยวมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ

นี่คือตัวอย่างของหลายประเทศที่เริ่มทยอยเปิด Travel Bubble ซึ่งนอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่กำลังพิจารณาการเปิดการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่นี้ รวมถึงประเทศไทยเราด้วย

ไทยจ่อคลายล็อก เปิด Travel Bubble

ประเทศไทยถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความสนใจใน Travel Bubble ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปศึกษาแนวทางการท่องเที่ยวดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ราวไตรมาส 3-4

สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เรื่องการคลายล็อกดาวน์ให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยได้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการฟื้นการท่องเที่ยวของไทย แต่การเปิดให้นักท่องเที่ยงเข้ามา ต้องเลือกสรรอย่างดี ประเทศที่จะจับคู่กัน ต้องปลอดจากการระบาดของ COVID-19 พอสมควร

“การให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทย ไม่จำเป็นต้องเปิดให้ต่างชาติเข้าทั้งประเทศ สามารถเลือกเป็นเมือง หรือมณฑล เชื่อมโยงระหว่างคนกับพื้นที่ ต้องติดตามให้ดี มีระบบดิจิทัล ต้องค่อยๆ เปิด จะมีต่างประเทศเข้ามาเที่ยวไทยในไตรมาส 3-4” นายสมคิดกล่าว

แนวทางของ Travel Bubble

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ได้มีการประกาศคลายล็อกระยะ 4 พร้อมกับได้พูดถึงประเด็น Travel Bubble โดยที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ได้กล่าวว่า

ที่ประชุมเห็นชอบหลักการในการเปิดประเทศเพื่อท่องเที่ยวอย่างจำกัด ตามที่การท่องเที่ยวเสนอ เป็น Travel Bubble โดยต้องเลือกเป้าหมาย ประเทศที่ควบคุมการระบาดที่ดี และตรวจเชื้ออย่างเข้มงวดตั้งแต่การออกนอกประเทศ จนมาถึงประเทศไทย ซึ่งมีแนวทางในการคัดเลือก ดังนี้

  1. ผู้เดินทางจะต้องมีการซื้อประกันสุขภาพ และใบรับรองสุขภาพอย่างละเอียด
  2. เมื่อเดินทางมาถึงแล้วจะไม่ต้องมีการกักตัว แต่จะต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น
  3. กลุ่มที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา จะเป็นกลุ่มนักธุรกิจ และกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ หรือ เมดิคัลทัวร์ลิสต์ ที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวและมีความจำเป็นต้องเข้ามา
  4. นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว จะมีระบบติดตาม
Photo : Shutterstock

ทั้งนี้ จะต้องหารือกับกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ก่อนจะออกมาตรการเพื่อบังคับใช้จริงต่อไป

และนี่ก็คือแนวทางของการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ Travel Bubble ซึ่งหากไทยเรามีการวางแผน มีมาตรการรับมือโรค และการบริหารจัดการที่ดี ก็จะสามารถดูดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้ไม่น้อย แต่หากบริหารจัดการไม่ดี ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มรัฐบาลก็จะถูกด่าไม่น้อยเช่นกัน

Source

]]>
1283416