ทัวร์จีน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 15 Oct 2025 07:28:09 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 โรงแรมเจาะทัวร์จีน จ่อ ‘ขายกิจการ’ หลายแห่ง รับนักท่องเที่ยวจีนหดหนัก https://positioningmag.com/1542806 Wed, 15 Oct 2025 03:16:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1542806 สถานการณ์คนจีนเที่ยวไทย ยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ช่วง 9 เดือนแรก ปี 2568 นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย มีจำนวน 3.41 ล้านคน ลดลงราว 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY)

อัตราการเข้าไทยที่หดตัว “กดดัน” ธุรกิจโรงแรมที่เจาะนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์จีน

โรงแรมเจาะทัวร์จีน ยอดร่วง 50%

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า ปี 2568 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยราว 5 ล้านคน ลดลงจากปี 2567 ที่มี 7 ล้านคน และต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด (ปี 2562) ที่เคยมีจำนวน 10 ล้านคน

ส่งผลให้โรงแรมที่พึ่งพาทัวร์จีน ยอดเข้าพักลดลง 50% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่หัวเมืองหลัก อาทิ กรุงเทพฯ และ ภูเก็ต แรงกระแทกสำคัญมาจากปัญหาความเชื่อมั่นด้านปลอดภัย และพฤติกรรมการท่องเที่ยวคนจีนที่เปลี่ยนมาเที่ยวเอง (FIT) มากขึ้น

“โรงแรมที่พึ่งพาทัวร์จีน โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็ก เริ่มขาดสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น จากรายได้ลดลง แต่ต้นทุนคงที่ อาทิ ค่าพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ”

เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA)
เทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA)

พบโรงแรมเจาะทัวร์จีนขายกิจการโรงแรมเพิ่ม

วุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG ผู้บริหารโรงแรมเครือเดอะควอเตอร์ กล่าวว่า แม้ปัจจุบันจะมีนักท่องเที่ยวรัสเซีย อินเดีย และยุโรปเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่สามารถทดแทนนักท่องเที่ยวจีนได้ทั้งหมด

ขณะที่ช่วงวันหยุดยาว Golden Week ของจีน ปี 2568 มียอดเข้าพักลดลง 15% (YoY) ปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจจีนชะลอตัว บางส่วนเลือกเที่ยวในประเทศ ส่วนกลุ่มที่ออกมาต่างประเทศก็เลือกไปประเทศอื่นแทนไทย เช่น กลุ่มงบน้อยอาจเลือกเวียดนาม กลุ่มงบประมาณสูงเลือกไปญี่ปุ่น เป็นต้น

วุฒิพล ถาวรธวัช กรรมการผู้จัดการกลุ่ม บริษัท เออร์เบิน ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จำกัด หรือ UHG

เมื่อถามถึงโรงแรมที่เจาะนักท่องเที่ยวจีน วุฒิพล ให้ความเห็นว่า กลุ่มที่ปรับตัวรับนักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม FIT ยังไปได้ดีในหลายพื้นที่ อาทิ สีลม ศาลาแดง ซึ่งได้อานิสงส์จากการเปิดตัว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพาร์ค

แต่หากยังเจาะเพียงทัวร์จีน ค่อนข้างลำบาก เพราะปัจจุบัน ทัวร์จีนหายไป และทดแทนด้วยกลุ่ม FIT เกือบหมดแล้ว

“เราพบว่า โรงแรมเจาะทัวร์จีน ขนาด 100-200 ห้อง หลายแห่ง เริ่มเข้ามาเสนอขายโรงแรมให้กับบริษัทฯ จากช่วงก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน”

]]>
1542806
อัปเดตพฤติกรรม ‘นักท่องเที่ยวจีน’ หลังโควิดเน้นท่องเที่ยวเชิง ‘ธรรมชาติ’ ต้องการความเป็นส่วนตัว https://positioningmag.com/1423365 Wed, 15 Mar 2023 11:06:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1423365 หลังจาก จีน ผ่อนคลายนโยบายควบคุมการระบาดของ COVID-19 มากขึ้น สิ่งที่ประชาชนชาวจีนโหยหาที่สุดคงไม่พ้น การเที่ยว หลังจากต้องอยู่แต่ในประเทศนาน 3 ปี อย่างไรก็ตาม การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนจากนี้ก็ไม่เหมือนเดิม แต่เน้นที่การท่องเที่ยวกับธรรมชาติมากขึ้นและเดินทางเป็นครอบครัว

เน้นสัมผัสธรรมชาติและไปเป็นครอบครัว

ตามข้อมูลของ สถาบันวิจัยการท่องเที่ยวขาออกของจีน ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญถึงพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวจีนที่เปลี่ยนไปว่า เมืองสำคัญ ๆ ในยุโรป เช่น เวนิส ปารีส และมาดริด ไม่ใช่ตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวจีนอีกต่อไป

โดยหลังจากที่เดินทางไปต่างประเทศไม่ได้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนจากเน้นไปแลนด์มาร์กท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ไปสู่ ​​การท่องเที่ยวสัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้นและเน้นกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น เช่น การตั้งแคมป์ นอกจากนี้ ยังเน้นการเดินทางเป็น ครอบครัว

“ในช่วง 3 ปีของการปิดประเทศ ทุกคนต้องเดินทางในประเทศ รวมถึงคนรวยด้วย ซึ่งช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ นี่จึงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ Wolfgang Georg Arlt ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ COTRI กล่าว

ภาพจาก Shutterstock

ยังใช้บริการกรุ๊ปทัวร์แต่ไปแบบกรุ๊ปเล็ก

นักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่ (55%) ยังเลือกจองการเดินทางต่างประเทศ ผ่านบริษัททัวร์ แต่การท่องเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ ๆ แบบเดิมจะลดน้อยลง เพราะ คนจีนต้องการความเป็นส่วนตัวและความเป็นอิสระมากขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวแบบ private group ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมในหมู่ชาวจีนตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด จะยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก

เนื่องจากการแพร่ระบาด บริษัททัวร์หลายแห่งได้ปิดตัวลงหรือลดความจุลง นี่ถือเป็นโอกาสสำหรับน้องใหม่ที่กำลังเข้ามาในตลาดทัวร์ แต่ต้องสร้างความแตกต่างโดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวอย่างที่ระบุไปในข้างต้น ว่านักท่องเที่ยวจีนไม่ได้สนใจจะไปที่แลนด์มาร์กสำคัญ ๆ อีกต่อไป เขาต้องการความแตกต่าง และเขาไม่อยากไปที่ท่องเที่ยวซ้ำ ๆ ซึ่งจะยิ่งช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนหน้าใหม่

“ทัวร์แบบกลุ่มจะยังคงเป็นตัวเลือกแรกของพวกเขา แต่เขาอยากไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ใช่แลนด์มาร์กสำคัญ ๆ อีกต่อไป เช่น นักท่องเที่ยวชาวจีนอายุน้อยอาจชอบไปร้านกาแฟท้องถิ่นที่พวกเขาเห็นในโซเชียลมีเดียมากกว่า” ไซเมียน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาองค์กรของ Fliggy กล่าว

Photo : Shutterstock

ต้องสู้กับท่องเที่ยวภายในประเทศ

ในปี 2562 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศเกือบ 170 ล้านครั้ง ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน และจากการศึกษาของเว็บไซต์ Ctrip.com แพลตฟอร์มจองการเดินทางของจีนพบว่า เฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก มีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวต่างประเทศทะลุ 127.5 พันล้านดอลลาร์

ส่วนในปี 2566 นี้ คาดว่าการเดินทางออกนอกประเทศของจีนจะฟื้นตัวประมาณ 2 ใน 3 เมื่อเทียบกับปี 2562 หรือมีการข้ามพรมแดนจากจีนประมาณ 110 ล้านครั้ง อย่างไรก็ตาม การเดินทางในช่วงต้นปียังไม่ฟื้นตัวมากนัก เนื่องจากสายการบินที่ปิดไปนานทำให้ยังไม่มีความพร้อม โดยเฉพาะในส่วนของ นักบิน ส่งผลให้ในช่วงวัน 6-12 ก.พ. มีเที่ยวบินระหว่างประเทศจากจีนเติบโตเพียง 9% เมื่อเทียบกับปี 2562

อย่างไรก็ตาม ในจีนเองก็พยายามจะดึงให้คนจีนท่องเที่ยวในประเทศ ทำให้มีการปรับปรุงคุณภาพและข้อเสนอที่หลากหลายของการเดินทางภายในประเทศ ดังนั้น การแข่งขันไม่ได้อยู่แค่กับประเทศอื่น ๆ แต่ต้องแข่งขันกับตลาดในประเทศด้วย โดยกลุ่มโรงแรม Accor ประมาณการว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนราว 3 ใน 4 จะยังคงอยู่ในประเทศ เพราะขีดความสามารถในการเดินทางระหว่างประเทศยังไม่อยู่ในระดับเดียวกันกับปี 2019

ปัจจุบัน ประเทศไทยถือเป็นปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวจีน โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์มีนักท่องเที่ยวชาวจีนราว 180,000 คน และคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนมากถึง 15 ล้านคน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด

Source

]]>
1423365
‘กรุงเทพ-ภูเก็ต’ ติด Top 5 ปลายทางที่ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ ไปมากที่สุดช่วง ‘ตรุษจีน’ https://positioningmag.com/1416947 Fri, 27 Jan 2023 04:45:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1416947 นับตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป จีนได้ยกเลิกข้อบังคับที่ให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องเข้ารับการกักตัว หลังจากที่ช่วงสิ้นปี 2565 ทางการได้ลดมาตรการควบคุมโควิดภายในประเทศเกือบทั้งหมด และแน่นอนว่า Top 10 ประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนอยากไปก็คือ ประเทศไทย

ซึ่งในช่วงวัน ตรุษจีน หรือ วันปีใหม่จีน ซึ่งคนจีนจะหยุดยาวประมาณ 7-15 วันเลยทีเดียว โดยทางเว็บไซต์ Trip.com ก็ได้เก็บข้อมูล การจองเที่ยวบิน บนแพลตฟอร์มในช่วง 4 วันแรกของวันตรุษจีน โดยพบว่า 5 ปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมากที่สุดในช่วงตรุษจีน ได้แก่

  • ฮ่องกง
  • มาเก๊า
  • กรุงเทพมหานคร
  • สิงคโปร์
  • ภูเก็ต

ที่น่าสนใจคือ ปลายทางอย่าง ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งถือเป็น Top 10 ปลายทางยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับไม่ได้ติด Top 5 ในช่วงตรุษจีน ซึ่งเป็นผลมาจากข้อจำกัดชั่วคราวสำหรับผู้เดินทางจากจีน ซึ่งรวมถึงการจำกัดวีซ่าและการกักตัวบุคคลที่ติดเชื้อโควิด ต่างจากสิงคโปร์และประเทศไทยที่ยกเลิกแผนการกำหนดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด

ส่อง 10 ประเทศที่ ‘ชาวจีน’ ค้นหามากที่สุดหลังรัฐบาล ‘เปิดประเทศ’ ยกเลิกมาตรการกักตัว

ทั้งนี้ Trip.com ยังได้เปิดเผยว่า การจองเที่ยวบินสำหรับการเดินทางจากแผ่นดินใหญ่ไปยังจุดหมายปลายทางในต่างประเทศในช่วง 4 วันแรกของวันหยุดได้ เพิ่มขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

Source

]]>
1416947
ส่อง 10 ประเทศที่ ‘ชาวจีน’ ค้นหามากที่สุดหลังรัฐบาล ‘เปิดประเทศ’ ยกเลิกมาตรการกักตัว https://positioningmag.com/1414080 Tue, 27 Dec 2022 06:55:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1414080 เป็นระยะเวลาถึง 3 ปี ของการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดในการสกัดกั้น COVID-19 นับตั้งแต่การปิดพรมแดนไปจนถึงการล็อกดาวน์บ่อยครั้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของจีน แต่ในเดือนนี้จีนตัดสินเปลี่ยนแปลงนโยบายอย่างกะทันหัน โดยลดมาตรการควบคุมโควิดภายในประเทศเกือบทั้งหมด และล่าสุด ได้ยกเลิกข้อบังคับที่ให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องเข้ารับการกักตัว โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

ภายในครึ่งชั่วโมงหลังจีนประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายซึ่งเป็นสัญญาณถึงการเปิดประเทศเต็มรู้แบบเพราะไม่ต้องกักตัวอีกต่อไป แต่นักเดินทางที่เดินทางเข้าสู่จีนจะยังคงต้องทำการตรวจเชื้อแบบ PCR ก่อนออกเดินทางจากประเทศต้นทางเป็นเวลา 48 ชั่วโมง

ส่งผลให้การ ค้นหาท่องเที่ยวต่างประเทศพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี ตามรายงานของ Trip.com Group ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประชาชนชาวจีนต่างเร่งวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนในช่วงหยุดยาวปลายเดือนมกราคม เริ่มตั้งแต่วันที่ 21-27 มกราคม โดยช่วงเวลสดังกล่าวถือเป็นช่วงหยุดยาวที่สุดของจีน

สำหรับจุดหมายปลายทางนอกประเทศที่ชาวจีนให้ความสนใจ 10 จุดหมาย ได้แก่

  • ญี่ปุ่น
  • ไทย
  • เกาหลีใต้
  • สหรัฐอเมริกา
  • สิงคโปร์
  • มาเลเซีย
  • ออสเตรเลีย
  • สหราชอาณาจักร
  • มาเก๊า
  • ฮ่องกง

จะเห็นว่า ไทย ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของชาวจีน โดยก่อนที่จะเกิดการระบาดใหญ่ของ COVID-19 นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนถึง 10.99 ล้านคน (อ้างอิงตัวเลขปี 2562) คิดเป็น 27.63% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด สร้างรายได้ 5.43 แสนล้านบาท และในปีหน้า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์ว่าปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนประเทศไทย เป็นจำนวนกว่า 18 ล้านคน และจะสร้างรายได้ประมาณ 9.7 แสนล้านบาท

คงต้องรอดูว่าเมื่อนักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถเดินทางได้ จะช่วยให้สร้างเม็ดเงินให้การท่องเที่ยวไทยได้เหมือนกับก่อนช่วง COVID-19 ระบาดหรือไม่

]]>
1414080
ไม่ให้อินเดียแซงนาน! ผลสำรวจชี้คน ‘จีน’ 62% พร้อมเที่ยวต่างประเทศ ขอแค่ยกเลิก Zero Covid https://positioningmag.com/1390398 Tue, 28 Jun 2022 09:18:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1390398 ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เปิดเผยถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลพบว่า นักท่องเที่ยว อินเดีย ขึ้นแท่นเที่ยวไทยมากที่สุด ด้วยจำนวนถึง 161,131 คน ตามด้วย มาเลเซีย (137,969 คน) ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ สหราชอาณาจักร ตามด้วย สิงคโปร์ และ เยอรมนี แน่นอนว่าที่ไร้ชื่อแชมป์เก่าอย่าง จีน ไม่ใช่เพราะไม่อยากมา แต่จากมาตรการ Zero Covid ที่ทำให้การเดินทางข้ามประเทศยังไม่สะดวกนัก

72% ของคนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกพร้อมท่องเที่ยว

Booking.com ได้เผยผลรายงานจาก ดัชนีความเชื่อมั่นการเดินทาง (Booking.com Travel Confidence Index) ซึ่งเป็นการรวมผลสำรวจข้อมูลความคิดเห็นของผู้เดินทางจำนวน 11,000 คนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครอบคลุม 11 ประเทศสำคัญ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี นิวซีแลนด์ ไต้หวัน และเวียดนาม

จากผลสำรวจพบว่า พวกเขาอยากจะกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง โดย 76% ตั้งใจที่จะ ออกเดินทางในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดย 46% ให้เหตุผลว่าที่อยากเดินทางท่องเที่ยวเป็นเพราะ ต้องการหลีกหนีจากความเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่าย (38%) และ ความปลอดภัย (37%) ถือเป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่เลือกพิจารณาเมื่อต้องวางแผนการเดินทางครั้งใหม่ โดยเฉพาะ ความกลัวที่จะต้องกักตัว และ กลัวว่าจะต้องติดอยู่ประเทศปลายทาง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงฉับพลันของมาตรการเดินทางเข้าประเทศ

อินเดียพร้อมเที่ยวสุดใน 11 ประเทศ

อินเดียถือเป็นประเทศที่มีความเชื่อมั่นในการเดินทางมากที่สุด (86%) ดังนั้น อาจไม่น่าแปลกใจที่คนอินเดียจะขึ้นแท่นอันดับ 1 นักท่องเที่ยวของไทยในตอนนี้ (161,131 คน) โดยคนอินเดียส่วนใหญ่ต้องการท่องเที่ยวพร้อมกับ ครอบครัว (58%) ตามด้วย คู่รัก (46%) และ เพื่อน (39%)

ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้คนอินเดียอยากออกเดินทางท่องเที่ยว ได้แก่

  • มีความมั่นใจในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย (25%)
  • พักเหนื่อยจากการทำงาน (23%)
  • หาประสบการณ์ใหม่ ๆ (22%)
  • มีส่วนลดที่น่าสนใจ (20%)
  • ต้องการนำเรื่องราวการท่องเที่ยวไปแชร์ในโซเชียลมีเดีย (9%)

นักท่องเที่ยวจีน 62% พร้อมเที่ยวต่างประเทศ

โดยจากข้อมูลพบว่า 89% ของผู้เดินทางชาวจีนเผยว่า แม้ตั้งใจวางแผนที่จะออกเดินทางอีกครั้ง แต่แผนการเดินทางดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้นในปีถัดไป (2023) และด้วยนโยบาย Zero Covid ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีน เกือบ 3 ใน 10 คน วางแผนที่จะเดินทางภายในประเทศก่อน และมีถึง 68% ตั้งใจที่จะท่องเที่ยวประมาณ 3 ทริปภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม 62% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีน ตั้งใจจะเดินทาง ท่องเที่ยวต่างประเทศทันที ถ้าประเทศจีน ยกเลิกนโยบาย Zero Covid ทั้งนี้ ประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนตั้งใจจะไปเที่ยวสูงสุด ได้แก่

  • ญี่ปุ่น/เกาหลีใต้ (43%)
  • ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (28%)
  • ประเทศในแถบโอเชียเนีย (19%)

ไทยเน้นเที่ยวในประเทศก่อน

สำหรับประเทศไทย 70% ของผู้เดินทางชาวไทย พร้อมจะออกเดินทางในปีต่อไป โดยสาเหตุสำคัญในการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย (76%) คือ “การไปพักผ่อนเพื่อชาร์จแบตและเติมพลังใจ” โดย การใช้เวลาพักผ่อนใกล้ชิดกับธรรมชาติ คือ สิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่กำลังมองหา และ 66% ของผู้เดินทางชาวไทยพร้อมที่จะยอมรับข้อจำกัดหรืออุปสรรคที่อาจทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักได้

และแม้ว่าตอนนี้ทั่วโลกจะสามารถเดินทางระหว่างประเทศได้แล้ว แต่เกือบ 3 ใน 4 ของนักท่องเที่ยวไทย ยังคงให้ความสำคัญกับ การเที่ยวในประเทศเป็นหลัก โดย 74% เลือกการ ขับรถด้วยตัวเอง รองลงมาคือเครื่องบิน (18%) และระบบขนส่งสาธารณะ (8%) ประเภทของทริปท่องเที่ยวในประเทศที่คนไทยสนใจมากที่สุด ได้แก่ เที่ยวทะเล (65%) ตามด้วยการ สัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น (62%) และ การขับรถเที่ยว หรือ โรดทริป (45%)

ท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เทรนด์มาแรง

ในแง่ความยั่งยืน ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 จาก 11 ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่ง 63% ของคนไทยมีความตั้งใจที่จะท่องเที่ยวแบบยั่งยืนมากขึ้นเมื่อเทียบกับแนวโน้มโดยรวมของตลาด (52%) โดยพวกเขากล่าวว่ายินดีที่จะเพิ่มค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน นอกจากนี้ 57% ของคนไทยเข้าใจและยอมรับได้หากจะมีตัวเลือกที่พักให้เลือกน้อยลง ตราบใดที่ตัวเลือกที่พักเหล่านั้นมีนโยบายที่สนับสนุนความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวไทยก็ยังมีข้อกังวลหลายประการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายที่สูงในการเข้าถึงการเดินทางแบบยั่งยืน (66%) ข้อจำกัดในการเข้าถึงตัวเลือกการเดินทางแบบยั่งยืนในขณะออกเดินทาง (60%) และตัวเลือกด้านการเดินทางแบบยั่งยืนยังขาดความชัดเจน (59%)

]]>
1390398
โจทย์ใหญ่ธุรกิจท่องเที่ยว เปิดประเทศเเต่ขาดลูกค้าชาวจีน เเถมใกล้หมดยุค ‘ทัวร์จีน’ กรุ๊ปใหญ่  https://positioningmag.com/1360457 Thu, 04 Nov 2021 16:45:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360457 หลายประเทศในเอเชีย รวมถึงไทย เริ่มทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก เป็นความหวังใหม่ของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักมานานนับปี เเต่ยังคงมีอุปสรรคใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ การหายไปของนักท่องเที่ยวจีน

ก่อนเกิดวิกฤตโควิด ประเทศจีนเป็นตลาดการท่องเที่ยวขาออกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เเต่ปัจจุบันรัฐบาลดำเนินมาตรการเข้มงวดตามเเนวทางควบคุมการติดเชื้อให้เป็นศูนย์ โดยยังคงจำกัดเที่ยวบินระหว่างประเทศไว้ที่ 2% ของจำนวนเที่ยวบินโดยรวมก่อนเกิดโรคระบาด และยังไม่ได้ผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางที่ใช้มานานเกือบ 2 ปี

นั่นทำให้ตัวเลขการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก ต้องหายไปถึง 255,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.5 ล้านล้านบาท) ต่อปี เหล่าผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวต้องปรับตัวครั้งใหญ่ พยายามเพื่อหารายได้อื่นมาทดเเทน

ผู้ประกอบการอย่างลากูน่า ภูเก็ตในไทย ให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่า รีสอร์ททั้ง 5 แห่งของบริษัท ต้องเปลี่ยนไปเน้นกลุ่มลูกค้าที่มาจากยุโรป สหรัฐอเมริกาและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อชดเชยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เคยมีสัดส่วนกว่า 25%-30% ก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาด

เราก็ยังไม่ได้ทำการตลาดหรือทุ่มโปรโมตในประเทศจีนมากนัก เพราะรู้สึกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนยังไม่มาในตอนนี้” Ravi Chandran เอ็มดีของลากูน่า ภูเก็ต ประเทศไทย กล่าว

เศรษฐกิจไทยพึ่งพาธุรกิจภาคท่องเที่ยวอย่างมาก ทำให้ต้องรับผลกระทบจากการระบาดใหญ่ครั้งนี้อย่างมหาศาล โดยคิดเป็นเงินกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 1.7 ล้านล้านบาทต่อปี

โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนนั้นถือเป็นนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายในไทย ‘สูงกว่าค่าเฉลี่ย’ ตามข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ

ในปีนี้ ประเทศไทยหวังว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ราว 180,000 คน คิดเป็นส่วนน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เคยมาไทยถึง 40 ล้านคนในปี 2019

ผู้เชี่ยวชาญหลายคน วิเคราะห์ว่า รัฐบาลจีนน่าจะคงมาตรการที่เข้มงวดต่าง ๆ ไว้ เช่น การกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศนานถึง 3 สัปดาห์ ไปจนถึงไตรมาส 2 ของปีหน้าเป็นอย่างน้อย และอาจจะค่อย ๆ เปิดพรมแดนไปทีละประเทศ

Photo : Shutterstock

หาตลาดใหม่ ระหว่างรอนักท่องเที่ยวจีน 

Liz Ortiguera ผู้บริหารระดับสูงของ Pacific Asia Travel Association (PATA) กล่าวว่าประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว ต้องหาตลาดใหม่ๆ เรียนรู้วิธีทำการตลาดและตอบสนองความต้องการของผู้คนที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน

เธอยกตัวอย่างถึงมัลดีฟส์’ ที่ประสบความสำเร็จในการฟื้นธุรกิจการท่องเที่ยวในช่วงโควิดระบาด โดยใช้วิธีโปรโมตตัวเองอย่างมาก ตามงานแสดงสินค้าและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวรัสเซียและอินเดีย ให้มาพักผ่อนในรีสอร์ทหรูได้มากขึ้น ทดเเทนกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเคยเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดที่มาเยือนมัลดีฟส์ก่อนเกิดโรคระบาด จะยังไม่กลับมาในเร็ววันนี้

ForwardKeys บริษัทสำรวจข้อมูลการเดินทาง คาดว่า จะต้องรอจนถึงปี 2025 กว่าที่ตลาดท่องเที่ยวขาออกของจีนจะฟื้นตัวเท่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด ทำให้สายการบินต้องประเมินเส้นทางใหม่อีกครั้ง

โดยข้อมูลระบุว่า 38% ของนักท่องเที่ยวชาวจีนใช้บริการสายการบินต่างประเทศในปี 2019 แม้ว่าสิงคโปร์ ไทย และอินโดนีเซียจะค่อยๆ เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางระหว่างประเทศเเล้ว แต่การบินไทยและสายการบินการูดาของอินโดนีเซีย ก็มีการปรับโครงสร้างบริษัทให้เล็กลงเพื่อความอยู่รอดในช่วงโควิด ท่ามกลางปัญหาขาดนักท่องเที่ยวจีน

ใกล้หมดยุค ‘ทัวร์จีน’ กรุ๊ปใหญ่ 

ถึงอนาคตทางการจีนจะผ่อนคลายข้อกำหนดการออกนอกประเทศเเล้ว เเต่ผลสำรวจก็สะท้อนให้เห็นอีกมุมว่า ชาวจีนหลายคนยังลังเลที่จะเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากความกลัวโควิด-19 เเละสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศ อย่างเกาะไหหลำก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะเป็นพื้นที่จำหน่ายสินค้าปลอดภาษีกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของฮ่องกงและเกาหลีใต้ในอนาคต

หญิงชาวจีน วัย 29 ปีผู้ซึ่งเคยเดินทางไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหราชอาณาจักรก่อนการระบาดใหญ่ให้สัมภาษณ์ว่า เธอไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นอยากเดินทางระหว่างประเทศในตอนนี้มากนัก เพราะประเทศที่มีธรรมชาติสวยงาม ยังมีอัตราการฉีดวัคซีนได้น้อย

เทรนด์การเที่ยวชมธรรมชาติยังคงอยู่ในกระแสความนิยมของนักท่องเที่ยวจีน กิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ เริ่มได้รับความนิยม เพราะผู้คนอยากหลีกเลี่ยงที่เเออัด

ตลาดจะเปลี่ยนไป คนจีนที่เดินทางในปี 2022 จะแตกต่างจากคนจีนที่เดินทางในปี 2019” ซีอีโอของสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวขาออกของจีนกล่าว

ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว จะต้องปรับตัวตามความเปลี่ยนเเปลงใหม่ โดยความนิยมการเดินทางจะเป็นไปในรูปแบบกลุ่มเล็กๆ สำหรับคนที่สนิทกัน เเทนที่จะเป็นการจัดกรุ๊ปทัวร์กลุ่มใหญ่ ๆ เหมือนในอดีต

 

ที่มา : Reuters

]]>
1360457