บริษัทจีน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 07 Sep 2021 04:13:43 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ซีอีโอ ‘JD.COM’ ประกาศลงจากตำแหน่ง หลังเกิดการจัดระเบียบ Big Tech ในจีน https://positioningmag.com/1350557 Tue, 07 Sep 2021 03:56:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1350557 นับตั้งแต่ปลายปี 2020 จีนเริ่มจัดระเบียบอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ซึ่งหลายมาตรการได้กำหนดเป้าหมายไปที่ภาคอินเทอร์เน็ตโดยทางการจีนยังได้เปิดตัวกฎข้อบังคับและบทลงโทษทางโดยเฉพาะ ทำให้เหล่ายักษ์ใหญ่เริ่มมีการเคลื่อนไหว ล่าสุด ซีอีโอ JD.COM อีคอมเมิร์ซเบอร์ 2 ของจีนก็ประกาศลงจากตำแหน่งไปอีกราย

ในปี 2019 แจ็ค หม่า (Jack Ma) ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba Group Holding บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่เบอร์ 1 ของจีน ได้ก้าวลงจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ และในปี 2021 จางอีหมิง (Zhang Yiming) ผู้ก่อตั้ง ByteDance ประกาศว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ เช่นเดียวกันกับ Colin Huang ผู้ก่อตั้งบริษัทโซเชี่ยลอีคอมเมิร์ซ Pinduoduo ที่จะลงจากตำแหน่งซีอีโอในปีนี้

ล่าสุดก็ถึงคิวของ ริชาร์ด หลิว (Richard Liu) หรือ หลิวเฉียงตง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JD.com ที่จะก้าวลงจากตำแหน่ง โดยจะเน้าไปโฟกัสที่กลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทและการพัฒนาในชนบทแทน โดย Xu Lei ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ JD Retail จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นประธานของ JD โดย Lijun Xin เดิมเป็นซีอีโอ JD Health เปลี่ยนเป็นซีอีโอส่วนธุรกิจค้าปลีกของ JD Retail แทน และ Enlin Jin เป็นซีอีโอส่วนธุรกิจ JD Health โดยมีผลทันที

“ซีอีโอจะอุทิศเวลามากขึ้นในการกำหนดกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท รวมถึงให้คำปรึกษาแก่ผู้บริหารรุ่นเยาว์  และ สนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ชนบท” บริษัทกล่าวในการแถลงข่าว

การเคลื่อนไหวของเหล่ามหาเศรษฐีเทคโนโลยีชาวจีนหลายรายที่ก้าวลงจากตำแหน่งสูงสุด อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดระเบียบเหล่าบริษัทเทคโนโลยีของรัฐบาลจีน โดยข้อเรียกร้องล่าสุดจากทางการจีนก็คือ การให้คนร่ำรวยมีส่วนทำให้เกิด “ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” ซึ่งการที่หลิวระบุว่าจะเน้นพัฒนาชนบทมากขึ้น อาจเป็นการตอบรับต่อนโยบายของรัฐ

อย่างไรก็ตาม สำหรับหลิวแล้ว การลงจากตำแหน่งซีอีโออาจไม่ใช่แค่ปัจจัยเดียว เพราะในปี 20218 หลิวเคยถูกตำรวจควบคุมตัวในมินนิอาโปลิส มินนิโซตา เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า ข่มขืนนักศึกษาหญิง ที่เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมินนิโซตา แต่สุดท้ายข้อกล่าวหาทางก็ถูกเพิกถอน

ทั้งนี้ ผลประกอบการของ JD.com ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ใช้งานประจำปีของแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 27% ในไตรมาสที่สอง รายได้เพิ่มขึ้น 26% ในไตรมาสนี้ โดยแตะระดับ 253.8 พันล้านหยวน (39.32 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

Source

]]>
1350557
PUBG ขอแยกทาง! ดึงสิทธิจัดจำหน่ายเกมใน “อินเดีย” คืนจาก Tencent แก้ปัญหาถูกรัฐแบน https://positioningmag.com/1295971 Wed, 09 Sep 2020 08:57:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1295971 PUBG ประกาศเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมาว่า Tencent Games ยักษ์ใหญ่จากจีนจะไม่ได้เป็นพันธมิตรผู้จัดจำหน่าย (publisher) ของเกม PUBG ในประเทศอินเดียอีกต่อไป โดยเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อหลีกเลี่ยงการแบนแอปฯ จากจีนของรัฐบาลอินเดียซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน

ก่อนที่จะเกิดการประกาศแยกทาง Tencent Games เป็นผู้จัดจำหน่ายเกม PUBG Mobile ในอินเดีย แต่หลังจากนี้ PUBG Corporation เจ้าของผู้พัฒนาเกมภายใต้บริษัท Bluehole สัญชาติเกาหลีใต้ กล่าวว่า บริษัทจะนำสิทธิจัดจำหน่ายคืนสู่บริษัท แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าความสัมพันธ์กับ Tencent ในตลาดอื่นจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่

“ต่อจากนี้ PUBG Corporation จะรับผิดชอบการจัดจำหน่ายภายในประเทศนี้เอง” PUBG Corporation กล่าวในแถลงการณ์

PUBG ซึ่งเป็นเกมที่ฮิตที่สุดเป็นประวัติการณ์ของประเทศอินเดีย กำลัง “มอนิเตอร์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการแบนของรัฐ” และจะ “เชื่อมโยงกับฐานผู้เล่นที่มีแพสชันสูงในอินเดีย”

การแบนของรัฐเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยรัฐบาลอินเดียประกาศแบนแอปพลิเคชันทั้งหมด 118 แอปฯ เนื่องจากมีข้อกังวลด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ถือเป็นล็อตที่สองที่ถูกแบนต่อจากล็อตแรกที่ถูกแบนก่อนไปเกือบ 60 แอปฯ รวมถึง TikTok แอปฯ ยอดฮิตจากจีนด้วย แม้ว่าในประกาศของรัฐจะไม่ระบุว่าเป็นการแบน “แอปฯ จีน” แต่การเคลื่อนไหวนี้ก็วิเคราะห์ได้ทันทีว่าเป็นการตอบโต้ปัญหาเชิงภูมิรัฐศาสตร์

PUBG เกมมือถือยอดนิยมระดับโลก และเป็นอันดับ 1 ของอินเดีย

Ji Rong โฆษกประจำสถานทูตจีนประจำอินเดีย กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จีนมีความกังวลอย่างมาก และต่อต้านอย่างเต็มที่ต่อการตัดสินใจของรัฐบาลอินเดีย หลังสั่งแบนแอปฯ ที่มาจากจีนด้วยข้อกล่าวหาว่า ‘เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ’

“เราร้องขอให้รัฐบาลอินเดียปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยไม่ใช้วิธีกีดกันทางการค้าซึ่งละเมิดกฎของ WTO และหันมาสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปิดกว้าง ยุติธรรม ไม่มีการแทรกแซงต่อผู้เล่นในตลาดทุกรายไม่ว่าจะมาจากประเทศไหน รวมถึงประเทศจีนด้วย และรัฐบาลจีนเองร้องขอให้บริษัทจีนที่ไปลงทุนต่างประเทศทุกรายทำตามกฎระเบียบของประเทศนั้นๆ อยู่เสมอ” Rong กล่าว

ก่อนจะเกิดการแบนขึ้น Techcrunch รายงานข้อมูลว่า PUBG มีผู้เล่น active เดือนละประมาณ 40 ล้านบัญชีในอินเดีย และเป็นแอปฯ ที่ทำรายได้สูงที่สุดในประเทศ เหนือกว่า Netflix หรือ Tinder

“PUBG Corporation เข้าใจและเคารพวิธีการดูแลความเป็นส่วนตัวและความมั่นคงของชาติที่รัฐบาลอินเดียเลือกใช้ บริษัทหวังว่าต่อจากนี้จะได้จับมือกับรัฐบาลเพื่อหาทางออกจากเรื่องนี้ และอนุญาตให้เกมเมอร์ได้กลับมาลงสนามต่อสู้ในเกมอีก ขณะที่บริษัทได้ทำตามกฎระเบียบของอินเดียอย่างสมบูรณ์” PUBG Corporation กล่าว

หลังจากการแบนเกิดขึ้น Google และ Apple ดึงเกม PUBG รวมถึงแอปฯ อื่นที่ถูกแบนออกจากร้านค้าออนไลน์ไปแล้ว แต่สำหรับ PUBG แม้จะดาวน์โหลดใหม่ไม่ได้ก็ยังสามารถเล่นได้อยู่ ถ้าหากเกมเมอร์มีเกมและบัญชีอยู่แล้ว แต่สถานการณ์ก็อาจเปลี่ยนไปได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ตาม Tencent เป็นพันธมิตรที่ลึกกว่าแค่เป็นผู้จัดจำหน่าย เพราะบริษัทเข้าไปร่วมพัฒนาบางเวอร์ชันของ PUBG ด้วย เช่น PUBG Mobile Lite ซึ่งจะทำให้ปัญหากับอินเดียซับซ้อนขึ้นไปอีก

“ขณะที่การจัดจำหน่ายถูกโอนย้ายไปอยู่กับ PUBG แต่ Tencent จะยังเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกมอยู่ไหม? ถ้ายังเกี่ยวข้องอยู่ จะถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายด้านความปลอดภัยที่อินเดียหรือเปล่า? การเคลื่อนไหวครั้งนี้เหมือนจะเป็นโซลูชันเพื่อพันแผลซับเลือดไว้เฉยๆ ถ้า Tencent ยังคงเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเกม” Richi Alwani นักวิเคราะห์ตลาดเกมอินเดีย แสดงความเห็นผ่านบัญชีทวิตเตอร์

Source

]]>
1295971
ทรัมป์ สั่งแบน “TikTok – WeChat” สะเทือนเงินหยวน ทำหุ้น Tencent ลดฮวบ 3.46 หมื่นล้านเหรียญ https://positioningmag.com/1291597 Fri, 07 Aug 2020 11:17:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291597 มูลค่าหุ้นของบริษัทเทคยักษ์ใหญ่เเดนมังกรอย่าง Tencent ลดฮวบทันทีกว่า 3.46 หมื่นล้านเหรียญ (ราว 1 ล้านล้านบาท) พร้อมกับค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เเห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร ห้ามการทำธุรกรรมใดๆ กับแอปพลิเคชัน WeChat ในดินเเดนอเมริกา มีผลใน 45 วัน

โดยคำสั่งดังกล่าวออกมาในเวลาเดียวกันที่ Microsoft บริษัทใหญ่สัญชาติอเมริกัน กำลังเจรจาเรื่องซื้อกิจการในสหรัฐฯ ของแอปพลิเคชันจีนยอดนิยมอย่าง TikTok ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ ก็กำหนดเส้นตายให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นในวันที่ 15 ..นี้เช่นกัน ท่ามกลางความตึงเครียดของศึกเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ เเละจีน

สำหรับ TikTok เป็นแอปพลิเคชันสำหรับแชร์วิดีโอสั้น ๆ ที่ได้รับความนิยมขึ้นอย่างมากในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นของบริษัท ByteDance ของจีน ส่วนแอปพลิเคชันส่งข้อความ Wechat เป็นธุรกิจของ Tencent เครือบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีหม่า ฮั่วเถิงมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดของจีนเป็นเจ้าของ

โดยวันนี้ (7 ..) ราคาหุ้นของ Tencent Holdings ร่วงลงหนักอยู่ในช่วงระหว่าง 4-10 % ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นฮ่องกงช่วงเช้า ทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทตามราคาตลาดหายไปทันที 3.46 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตามรายงานของ Bloomberg

นอกจาก Tencent แล้ว หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ ของจีนก็ถูกกดดันให้ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้น Alibaba และ JD.com ดิ่งลงมากที่สุด 6.7% และ 5% ในช่วงระหว่างวัน

ขณะเดียวกัน คำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดังกล่าว ยังส่งผลต่อค่าเงินหยวนของจีน ให้อ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับขอบเขตของคำสั่งนี้ สร้างความสับสนให้กับนักลงทุน เเละยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ย่ำแย่ลงไปอีก จากประเด็นสงครามการค้าที่ยืดเยื้อเเละมรสุม COVID-19

Photo : Shutterstock

ในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า การใช้แอปพลิเคชันที่พัฒนาและมีบริษัทในจีนเป็นเจ้าของอย่างแพร่หลายในอเมริกานั้น ถือเป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ นโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

โดยทรัมป์ มองว่าแอปพลิเคชันทั้งสองเป็นภัยคุกคาม และในคำสั่งพิเศษที่เขาเป็นผู้ลงนาม ก็มีการห้ามการทำธุรกรรมใดๆ ที่ไม่เฉพาะเจาะจงกับเจ้าของชาวจีนของแอปพลิเคชันหรือบริษัทย่อยของกิจการเหล่านี้ด้วย

ความเคลื่อนไหวนี้ ไม่ได้กระทบกับเเค่กับบริษัทจีนอย่าง ByteDance เเละ Tencent เท่านั้น เเต่ยังสะเทือนไปถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีความสัมพันธ์เเละลงทุนร่วมกันกับทุนจีนด้วย โดยปัจจุบัน Tencent มีหุ้นใน Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังโด่งดังของ Elon Musk รวมไปถึง Epic Games บริษัทเกมยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ และ Spotify สตรีมมิ่งเพลงยอดนิยม ซึ่งต่อไปจะมีผลต่อความไม่เเน่นอนต่อเเผนการขยายลงทุนในต่างประเทศเเละข้อตกลงการควบรวมกิจการต่างๆ

 

ที่มา : Bloomberg , CNBC

]]>
1291597