มลพิษ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 10 Aug 2023 05:41:58 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “จาการ์ตา” ขึ้นอันดับ 1 เมืองที่มี “มลพิษ” สูงที่สุดในโลก วัดโดย IQAir https://positioningmag.com/1440517 Thu, 10 Aug 2023 04:44:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440517 เสี่ยงต่อสุขภาพ! เมืองหลวงอินโดนีเซีย “จาการ์ตา” ขึ้นแท่นอันดับ 1 เมืองที่ “มลพิษ” สูงที่สุดในโลก วัดคุณภาพอากาศโดยบริษัทเทคโนโลยีจากสวิส “IQAir”

“จาการ์ตา” กลายเป็นเมืองมลพิษอันดับ 1 เพราะเมืองนี้ติดสิบอันดับแรกเมืองมลพิษสูงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

เมืองหลวงของอินโดนีเซียแห่งนี้มีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน และต้องสูดอากาศที่อยู่ในระดับเป็นพิษต่อสุขภาพต่อเนื่องเกือบทุกวันมากว่า 2 เดือนแล้ว

Reuters สัมภาษณ์ Rizky Putra ประชาชนทั่วไปที่อาศัยในกรุงจาการ์ตา เขาให้ความเห็นว่าคุณภาพอากาศที่กำลังแย่ลงเป็นตัวการทำให้สุขภาพของลูกๆ ของเขาเสี่ยงอันตราย

“ผมคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้น่าเป็นห่วงมาก” Rizky วัย 35 ปีกล่าวกับ Reuters “เด็กๆ หลายคนป่วยด้วยอาการเดียวกัน เช่น ไอ มีไข้”

ประชากรในกรุงจาการ์ตาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องอากาศเป็นพิษกันมาอย่างยาวนาน โดยมองว่าเกิดจากไอเสียจากการจราจรติดขัด ฝุ่นควันอุตสาหกรรม และโรงไฟฟ้าถ่านหิน

ประชาชนบางกลุ่มยังรวมกันฟ้องร้องรัฐบาลในปี 2021 เพื่อให้มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในการควบคุมมลพิษทางอากาศ และพวกเขาชนะคดีด้วย

ในครั้งนั้นศาลตัดสินให้ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย “Joko Widodo” ต้องออกมาตรฐานคุณภาพอากาศระดับชาติเพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษย์ และทั้งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา จะต้องมีกลยุทธ์เพื่อช่วยควบคุมมลพิษทางอากาศ

กระนั้นก็ตาม Nathan Roestandy ผู้ร่วมก่อตั้งแอปฯ วัดคุณภาพอากาศ Nafas Indonesia ระบุว่า ระดับมลพิษยังคงเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง

“เราสูดหายใจวันละมากกว่า 20,000 ครั้ง ถ้าเราสูดอากาศมลพิษเข้าไปทุกวัน อาจจะทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจและปอด หรือเกิดโรคหอบหืดได้ มันอาจจะทำให้เกิดผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็ก หรือกระทั่งมีผลต่อสุขภาพจิตด้วย” Roestandy กล่าว

ผู้สื่อข่าวมีการสอบถามประธานาธิบดี Widodo ถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2023 ทางประธานาธิบดีตอบว่า ทางออกของปัญหานี้คือ “การย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองนูซันตารา” เมืองหลวงใหม่ที่รัฐบาลของเขากำลังสร้างขึ้นบนเกาะบอร์เนียว

อินโดนีเซียเตรียมจะประกาศชื่อนูซันตาราเป็นเมืองหลวงใหม่ภายในปี 2024 และจะเริ่มอพยพทั้งประชาชน กองทัพ และตำรวจเบื้องต้น 16,000 คนไปอาศัยในเมืองใหม่นี้

Source

]]>
1440517
ลดโลกร้อน! “เบอร์ลิน” ผลักดันเปลี่ยนใจกลางเมืองเป็น Car-free Zone ที่ใหญ่ที่สุดในโลก https://positioningmag.com/1370408 Fri, 14 Jan 2022 04:50:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370408 “เบอร์ลิน” กำลังรณรงค์ออกกฎหมายเปลี่ยนพื้นที่ใจกลางเมืองขนาด 88 ตร.กม. ให้เป็น Car-free Zone พื้นที่ห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่เทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ชั้นใน เพื่อแก้ปัญหามลพิษ โลกร้อน อุบัติเหตุ มีพื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้น ผลักดันให้ประชาชนใช้รถสาธารณะ จักรยาน หรือเดินเท้าแทน

แคมเปญนี้เริ่มรณรงค์กันมาตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2021 โดยกลุ่มนักกิจกรรมใช้ชื่อแคมเปญว่า “Car-free Berlin” รวบรวมรายชื่อเพื่อเสนอกฎหมายแก้ไขให้พื้นที่ใจกลางเมือง “เบอร์ลิน” เป็นพื้นที่ Car-free Zone ห้ามนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าพื้นที่ และพวกเขาทำสำเร็จในขั้นต้นไปแล้ว เพราะรวบรวมรายชื่อได้ 50,000 รายชื่อเมื่อเดือนตุลาคม 2021 ขั้นต่อไปจะมีการลงประชามติในปี 2023

ความฝันของกลุ่มนักกิจกรรม มีจุดประสงค์เพื่อลดมลพิษและภาวะโลกร้อน โดยจะเปลี่ยนพื้นที่ใจกลางเมืองเบอร์ลินขนาด 88 ตร.กม. ให้เป็น Car-free Zone

พื้นที่นี้นับเฉพาะวงด้านในของรถไฟสาย S-Bahn Ring ซึ่งวิ่งรอบเมืองเป็นวงกลม ขนาดพื้นที่นี้ใหญ่มาก หากทำสำเร็จจะกลายเป็น Car-free Zone ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทียบเท่ากับครึ่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ชั้นใน ตั้งแต่พระนครไล่เรื่อยไปถึงสาทร ปทุมวัน จนถึงสุขุมวิทโซนทองหล่อเลยทีเดียว

เบอร์ลิน Car-free Zone
วงแหวนรถไฟสาย S-Bahn Ring ด้านในของวงแหวนนี้ถูกเสนอให้เป็น Car-free Zone ของ “เบอร์ลิน”

แน่นอนว่าการจำกัดรถยนต์เข้าออกจะมีข้อยกเว้นให้กับรถ 6 กลุ่ม ได้แก่ รถเมล์, รถแท็กซี่, รถขนส่ง, รถตำรวจ, รถดับเพลิง และรถที่ผู้ใช้งานมีความจำเป็นด้านร่างกาย ทั้งนี้ จะมีข้อยกเว้นให้นำรถยนต์ส่วนตัวเข้าเขตได้ 12 ครั้งต่อปี เพราะบางครั้งประชาชนก็อาจมีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องใช้รถเข้าพื้นที่ เช่น การย้ายบ้าน

นอกเหนือจากนั้นจะไม่สามารถเข้าได้ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนใช้รถสาธารณะ เดินเท้า ขี่จักรยาน ทำให้พื้นที่ผิวถนนจะถูกนำมาใช้ประโยชน์อื่นเพิ่ม เช่น พื้นที่สาธารณะ พื้นที่สีเขียว แก้ปัญหามลพิษ ภาวะโลกร้อน และลดอุบัติเหตุ

บรรยากาศลานเบียร์ในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงของเยอรมนี วันที่ 5 มิ.ย. 2021 (Photo by Stefan Zeitz/Xinhua)

ในขณะที่ประเทศอื่นหรือเมืองอื่นอาจมองข้ามช็อตไปที่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า แต่เบอร์ลินยังคงเรียกร้องที่จะเป็น Car-free Zone โดยสิ้นเชิง ต่อประเด็นนี้ Nik Kaestner หนึ่งในนักกิจกรรมที่ผลักดันแคมเปญ กล่าวกับสำนักข่าว The Guardian ว่า เป็นเพราะถ้าหากเบอร์ลินจะลดการปล่อยคาร์บอนจากการเดินทางได้ตามเป้าหมาย คนในเบอร์ลินต้องเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 50%

แต่ปัจจุบันเบอร์ลินมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแค่ 1.3% เท่านั้น ดังนั้นการรอรถยนต์ไฟฟ้าคงจะไม่ทันการ และการห้ามรถยนต์เข้าไปเลยก็มีประโยชน์อื่นดังที่กล่าวไปข้างต้นด้วย

แคมเปญนี้เป็นไปได้แค่ไหน? ในเมืองหลักของเยอรมนีนั้นมีค่าเฉลี่ยครอบครองรถยนต์ส่วนตัวประมาณ 1 คันต่อประชากร 2 คน กล่าวคือในประชากร 1,000 คน มีรถยนต์อยู่ประมาณ 450 คัน แต่ผู้เชี่ยวชาญพบว่าส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ใช้งานตลอดเวลา มักจะจอดทิ้งไว้ในที่จอดรถ มีรถยนต์เพียง 150 คันที่ถูกนำมาใช้เป็นประจำ เมื่อประชากรใช้รถน้อยอยู่แล้ว ก็เป็นไปได้ที่คนจะเห็นด้วยกับการมี Car-free Zone

เบอร์ลินไม่ใช่เมืองแรกของยุโรปหรือของโลกที่จะมี Car-free Zone หลายเมืองในยุโรปเริ่มทำไปก่อนแล้ว (แม้จะไม่ใหญ่ขนาดนี้) เช่น สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ใจกลางเมืองจะปิดไม่ให้รถเข้าในช่วงหน้าร้อนระหว่างเดือนพฤษภาคม-กันยายน และเมืองอื่นๆ ก็กำลังออกแบบและเสนอกฎหมายห้ามรถเข้ากลางเมืองเช่นกัน เช่น เวียนนา ประเทศออสเตรีย, ปารีส ประเทศฝรั่งเศส

Source: Timeout, Ampler Bikes

]]>
1370408
‘อีลอน มัสก์’ จ่ายหนัก ทุ่มเงินรางวัล 3,000 ล้านบาท เฟ้นหาผู้พัฒนาเทคโนโลยี ‘ดักจับคาร์บอน’ https://positioningmag.com/1315861 Fri, 22 Jan 2021 06:53:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1315861 อีลอน มัสก์’ ซีอีโอ Tesla มหาเศรษฐีรวยที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ ประกาศจะมอบเงินรางวัลกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,000 ล้านบาทให้กับผู้ที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในการดักจับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อลดมลพิษต่อโลก

มัสก์ โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่า จะบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นเงินรางวัลให้แก่ผู้ที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยดักจับก๊าซคาร์บอนได้ดีที่สุด โดยรายละเอียดเพิ่มเติมจะเปิดเผยในสัปดาห์หน้า

 

เเหล่งข่าวบอกกับ TechCrunch ว่า โครงการดังกล่าวของอีลอน มัสก์ เชื่อมโยงกับ Xprize Foundation องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่จัดการแข่งขันเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม

ในปี 2018 X-Prize ได้จัดการแข่งขันที่คล้ายกันและมอบรางวัลให้กับทีมที่เข้ารอบสุดท้าย 5 ทีมด้วยรางวัลใหญ่มูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เเต่เงินรางวัลของมัสก์ในครั้งนี้จะสูงกว่าถึง 5 เท่า

ปัจจุบัน รัฐบาลของประเทศต่างๆ กำลังส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดักจับก๊าซคาร์บอนเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ‘เป็นศูนย์’ เช่นในสหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น รวมไปถึงนโยบายใหม่ของ ‘โจ ไบเดน’ ประธานาธิบดีสหรัฐที่มีแผนสนับสนุนพลังงานสะอาดและลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

เทคโนโลยีที่ช่วยดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ กลายเป็นส่วนสำคัญของแผนการมากมายเพื่อยับยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เเต่กลับมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเเละการลงทุน ‘ล่วงหน้า’ ที่สูงมาก กระบวนการดักจับและการกักเก็บคาร์บอนเพื่อนำไปกำจัด เป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญสำหรับเทคโนโลยีนี้

โดยตอนนี้ มีบริษัทที่โดดเด่นที่กำลังพัฒนาด้านนี้อยู่อย่าง LanzaTech ที่คิดค้นเทคโนโลยีดักจับการปล่อยก๊าซที่เป็นมลพิษ เพื่อเปลี่ยนให้เป็นเชื้อเพลิงเอทานอลที่นำไปใช้งานได้

ด้าน Climeworks สตาร์ทอัพจากสวิตเซอร์แลนด์ พัมนานวัตกรรมดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศโดยตรงเเละนำไปจัดเก็บเพื่อการใช้งานอื่นๆ ส่วน Carbon Engineering บริษัทจากแคนาดาจะมุ่งกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากชั้นบรรยากาศและนำมาแปรรูปเพื่อสร้างเชื้อเพลิงสังเคราะห์ใหม่

 

 

ที่มา : Techcrunch , Engadget

]]>
1315861
Levi’s สหรัฐฯ ออกเเคมเปญลดมลพิษ “ซื้อคืนยีนส์เก่า” นำเสื้อผ้ามือสอง “ขายต่อ” ออนไลน์ https://positioningmag.com/1300473 Wed, 07 Oct 2020 14:49:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300473 เเบรนด์ยีนส์ยักษ์ใหญ่อย่าง Levi’s ออกแคมเปญใหม่ เสนอให้ลูกค้านำยีนส์ตัวเก่ามาเเลกบัตรของขวัญมูลค่า 5-35 ดอลลาร์ ตามสาขาในสหรัฐฯ จากนั้นจะนำเสื้อผ้ามือสองไปทำความสะอาดเเละขายต่อบนร้านค้าออนไลน์ที่เพิ่งเปิดใหม่อย่าง Levi’s SecondHand

โดยยีนส์เก่าที่ลูกค้านำมาเเลกบัตรของขวัญนั้น จะถูกประเมินราคาตามอายุ สภาพการใช้งานเเละราคาขายปลีกเดิมของสินค้านั้นๆ เบื้องต้นจะอยู่ในเรท 5-35 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 150-1,000 บาท)

Levi’s SecondHand เป็นโครงการล่าสุดของเเบรนด์เสื้อผ้าที่พยายามจะเจาะตลาด Circular Economy เศรษฐกิจเเบบหมุนเวียน ที่กำลังเป็นเทรนด์ในขณะนี้

ปัจจุบันทั่วโลกมีการผลิตเสื้อผ้า เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ตั้งแต่ปี 2000 – 2014 โดยมีการผลิตสินค้ามากกว่า 1 แสนล้านตัวใน 1 ปี เเต่ทว่าเสื้อผ้าใหม่ที่ขายไปนั้น กลับถูกสวมใส่น้อยครั้งลงกว่าเดิม โดยเฉลี่ยแล้วเสื้อผ้าหนึ่งตัวมีการสวมใส่น้อยลงถึง 36% ทำให้เสื้อผ้าเก่ากลายเป็นขยะเเละถูกนำไปฝังกลบมากขึ้นเเละเป็นมลพิษต่อโลก

ตามรายงานปี 2018 ของ UNECE ระบุว่า อุตสาหกรรมแฟชั่น มีส่วนในการปล่อยคาร์บอนประมาณ 10% ของโลกและ 20% ของน้ำเสียทั่วโลก

Jennifer Sey หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Levi’s สหรัฐฯ บอกว่าการนำเสื้อผ้ามือสองมาทำความสะอาดเเละซ่อมเเซมจะใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยเเละไม่มีการสีย้อมเพิ่มด้วย พร้อมจูงใจลูกค้าว่า หากซื้อกางเกงยีนส์มือสองผ่าน Levi’s SecondHand จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 80% เเละลดขยะไป 700 กรัม เมื่อเทียบกับการผลิตยีนส์ตัวใหม่

ปัจจุบันสินค้าบนเว็บไซต์ Levi’s SecondHand จะป้ายกำกับว่าเป็นสินค้ามือสองที่ผ่านการใช้แล้ว มีราคาตั้งแต่
30 -150 ดอลลาร์สหรัฐ

ไม่ใช่เเค่ Levi’s เท่านั้นที่เปิดโครงการซื้อคืนเเต่ยังมีเเบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ อย่าง Patagonia ที่เปิดตัวโครงการซื้อคืนมาตั้งเเต่ปี 2017 เเละเเบรนด์ The North Face ก็ทำแคมเปญในเเบบเดียวกันตามมา

เทรนด์ของ Resale Market กำลังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ ไปเป็น 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตามการวิจัยของ ThredUp และ GlobalData Retail

 

ที่มา : hypebeast , business insider, fastcompany 

]]>
1300473
‘The Body Shop’ เตรียมซื้อขยะพลาสติก ‘600 ตัน’ ไว้ทำบรรจุภัณฑ์ หวังแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม https://positioningmag.com/1299237 Tue, 29 Sep 2020 11:28:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1299237 มลพิษจากพลาสติกเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งขยะพลาสติกมากกว่าพันล้านตันจะลงเอยในมหาสมุทรหรือฝังกลบภายในปี 2583 ขณะที่อุตสาหกรรมความงามเป็นหนึ่งในผู้มีส่วนทำให้ขยะพลาสติกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและไม่มีทางแก้ไขง่าย ๆ แต่ทางเลือกหนึ่งคือ การใช้ขยะพลาสติกเป็นวัตถุดิบ

Mark Davis ผู้ดำเนินโครงการ Community Fair Trade ของบริษัท The Body Shop บริษัทความงามสัญชาติอังกฤษ ระบุว่า ขณะนี้บริษัทได้เริ่มจัดหา ขยะพลาสติกจากคนเก็บขยะในเมืองบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย เพื่อใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Community Fair Trade เพื่อช่วยจัดหาพลาสติกมารีไซเคิลเป็นบรรจุภัณฑ์

“เราต้องการขวดที่มีคุณภาพดีที่สุด เราต้องการในเวลาที่เหมาะสมในสถานที่ที่เหมาะสม และ … นี่ก็เหมือนกับวิธีที่เราทำงานกับการจัดหาวัตถุดิบอื่น ๆ”

ความคิดริเริ่มนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับธุรกิจ แต่ซัพพลายเออร์วัตถุดิบจำเป็นต้องขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาผู้ซื้อรายเดียว ส่งผลให้ The Body Shop นั้นพร้อมที่จะ สนับสนุนให้คู่แข่งจัดหาพลาสติกด้วยวิธีนี้ เพื่อให้ซัพพลายเออร์สามารถทำงานร่วมกับลูกค้าหลายรายผ่านองค์กร Plastics For Change

เบื้องต้น The Body Shop รับประกันว่าจะซื้อพลาสติกจำนวนหนึ่งในปีแรกที่ 500 ตัน และภายในปี 2564 ตัวเลขดังกล่าวจะถึง 600 ตัน

“การจัดหาพลาสติกนี้จะต้องใช้เวลากว่าจะบรรลุผล โดยบริษัทคาดว่าอาจต้องใช้เวลาประมาณ 5 ปีในการสร้างห่วงโซ่อุปทานและไปถึงจุดที่หาวัตถุดิบตรงตามความต้องการของ The Body Shop ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเม็ดพลาสติกและทำเป็นบรรจุภัณฑ์”

Source

]]>
1299237
ร้านค้าทั่วญี่ปุ่น เริ่มเก็บเงิน “ค่าถุงพลาสติก” แล้ว ราคาขึ้นอยู่กับเเต่ละร้าน https://positioningmag.com/1286131 Wed, 01 Jul 2020 12:37:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286131 ร้านค้าปลีกทั่วญี่ปุ่น เริ่มเก็บเงินค่าถุงพลาสติกเเล้ว ตั้งเเต่ 1 .. เป็นต้นไป โดยไม่ได้กำหนดราคาตายตัว ขึ้นอยู่กับเเต่ละร้าน

ร้านค้าทั่วไป รวมถึงสะดวกซื้อ สามารถตัดสินใจได้ว่าจะคิดเงินค่าถุงพลาสติกกับลูกค้าราคาเท่าใด ซึ่งสำนักข่าว AFP รายงานว่า ร้านค้าส่วนใหญ่เก็บค่าถุงพลาสติกใบละ 3 เยน (ราว 0.90 บาท)

ลูกค้ารายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับ NHK ว่า เธอซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อทุกเช้า และวันนี้ก็ได้เตรียมกระเป๋าผ้ามาเอง เพราะรู้ว่าร้านจะเริ่มเก็บค่าถุงพลาสติกแล้ว 

อย่างที่ทราบกันดีว่า ชาวญี่ปุ่นชื่นชอบการห่อบรรจุภัณฑ์ในสินค้าต่างๆ ที่เน้นทั้งความพิถีพิถันและความสวยงาม ร้านสะดวกซื้อส่วนใหญ่ ห่อกล้วยแต่ละลูกด้วยพลาสติก สิ่งเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นสร้างขยะต่อประชากรสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ (ยกเว้นสหรัฐฯ) โดยสหประชาชาติเคยวิจารณ์รัฐบาลญี่ปุ่นว่าล่าช้าในเรื่องลดการใช้พลาสติก

รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเคลื่อนไหว ด้วยการออกมาตรการล่าสุดเพื่อจำกัดการใช้พลาสติกเกินความจำเป็น และให้ใช้อย่างชาญฉลาด การเก็บค่าถุงพลาสติกทั่วประเทศครั้งนี้ จึงหวังจะกระตุ้นให้ประชาชนคิดให้รอบคอบว่าจำเป็นต้องใช้ถุงพลาสติกหรือไม่

ญี่ปุ่นเคยให้คำมั่นว่า ภายในปี 2030 จะลดขยะพลาสติกลงให้ได้ 1 ใน 4 จากที่ผลิตขยะปีละ 9.4 ล้านตันในปัจจุบัน โดยจากข้อมูลของรัฐบาลระบุว่า ถุงพลาสติกคิดเป็น 2% ของขยะพลาสติกทั้งหมด

ส่วนความเคลื่อนไหวของผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 ประเทศ (G20) ได้ตกลงร่วมกันว่าจะลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเล เมื่อปีที่ผ่านมา

แม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะบอกว่ามีระบบจัดการขยะที่ทันสมัยและนำขยะพลาสติกรีไซเคิลได้กว่าร้อยละ 80 แต่รายงานของ AFP มองว่า การกำจัดขยะของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยังใช้การเผา ซึ่งก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ที่ทำให้เกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change)

 

 

]]>
1286131
นวัตกรรมรักษ์โลก! ญี่ปุ่นพัฒนา “ถุงพลาสติกย่อยสลายในทะเล” ได้ภายใน 180 วัน สำเร็จเเล้ว https://positioningmag.com/1261923 Sun, 26 Jan 2020 07:08:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1261923 นับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ที่จะมาช่วย “รักษ์โลก” อย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทในญี่ปุ่นได้พัฒนา “ถุงพลาสติกย่อยสลายได้ในทะเล” ทำจากอ้อยเเละข้าวโพด ซึ่งจะไม่ก่อมลพิษกับท้องทะเลเหมือนถุงพลาสติกทั่วไปที่ใช้กันทุกวันนี้

ถุงพลาสติกสุดล้ำนี้ เป็นผลงานของบริษัท Fukusuke Kogyo ผู้ผลิตถุงพลาสติกรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่จังหวัดเอฮิเมะ ร่วมมือกับนักวิจัยของมหาวิทยาลัย Gunma โดยนำอ้อยและเรซินข้าวโพดมาพัฒนาเป็นถุงพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อม เพื่อลดขยะในมหาสมุทร

โดยถุงขนาดมาตรฐาน สามารถรับน้ำหนักได้สูงสุดถึง 8 กิโลกรัม เเละหากมันถูกพัดพาลงไปในทะเลก็จะย่อยสลายกว่าร้อยละ 90 ด้วยแบคทีเรียจากธรรมชาติ กลายเป็นน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ภายใน 180 วัน

บริษัทกำลังอยู่ระหว่างยื่นขอใบรับรองจากทางหน่วยงานในประเทศเบลเยียม เพื่อยืนยันว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ในทะเล และหากได้รับการอนุมัติก็จะกลายเป็นถุงพลาสติกรายแรกของโลกที่ได้รับการรับรองดังกล่าว
โดยตั้งเป้าจะเริ่มจำหน่ายให้ร้านค้าปลีกทั่วไปในเดือนกรกฎาคมปีนี้

เเม้ว่าถุงพลาสติกย่อยสลายได้ในทะเลนี้ จะมีต้นทุนสูงกว่าถุงพลาสติกเเบบเดิมถึง 7-10 เท่า แต่ก็มีธุรกิจและร้านค้าในญี่ปุ่นให้ความสนใจจะซื้อไปบริการลูกค้าแล้วจำนวนมาก

 

ที่มา : NHK / Ocean degradable shopping bags to go on sale

]]>
1261923
ผู้นำอินโดนีเซีย สั่งเร่งย้ายเมืองหลวงใหม่ หวังปั้นเป็น “Silicon Valley” พัฒนานวัตกรรม https://positioningmag.com/1258020 Sun, 22 Dec 2019 00:00:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1258020 ผู้นำอินโดนีเซีย สั่งเร่งโครงการเมกะโปรเจกต์ มูลค่ากว่า 3.3 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตาไปยังเกาะบอร์เนียว ให้เสร็จสิ้นในปี 2023 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ 1 ปี พร้อมตั้งเป้าเป็น “Silicon Valley” ศูนย์รวมแหล่งพัฒนานวัตกรรมเเละเทคโนโลยีของประเทศ

โดยประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ได้ลงสำรวจพื้นที่ของเมืองหลวงแห่งใหม่บนเกาะบอร์เนียวเป็นเวลา 2 วัน พร้อมบอกเล่าในเฟซบุ๊กของเขาว่า “การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทั้งหลายจะเริ่มขึ้นในปีหน้า”

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีวิโดโด ได้ประกาศเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาว่ารัฐบาลตั้งใจที่จะย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตาไปยังจังหวัดกาลิมันตันตะวันออก บนเกาะบอร์เนียว ให้ได้ในปี 2024 เพื่อบรรเทาความแออัด เนื่องจากปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ถึง 10 ล้านคน มีปัญหามลภาวะเเละการจราจร รวมถึงความเสี่ยงจากภัยน้ำท่วมเเละแผ่นดินทรุดสะสมต่อเนื่องในเมืองหลวง

“ในเดือนหน้าจะมีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อดูเเลโครงการย้ายเมืองหลวงโดยเฉพาะ จากนั้นหน่วยงานนี้จะเสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับการย้ายเมืองหลวงต่อรัฐสภาต่อไป”

“การวางเเผนกระบวนการทั้งหมด รวมถึงการออกแบบ ผมหวังว่าจะเสร็จสิ้นได้ภายใน 6 เดือน จากนั้นเราจะสามารถทำการเคลียร์ที่ดินและก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานได้”

โดยเขาตั้งความหวังว่า เมืองหลวงใหม่จะเป็น “Silicon Valley” (ศูนย์รวมบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เหมือนในสหรัฐฯ) ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นที่ตั้งของสถาบันวิจัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ของอินโดนีเซีย

ในขณะที่มีชาวอินโดนีเซียบางส่วนกำลังตื่นเต้นกับโครงการย้ายเมืองหลวงใหม่ของรัฐบาลวิโดโด แต่ก็มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมบางกลุ่ม ออกมาวิจารณ์แผนการย้ายเมืองหลวงนี้ว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
และบางกลุ่มตั้งคำถามว่ารัฐบาลจะระดมเงินทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์นี้อย่างไร รวมถึงอ้างว่ามีนักการเมืองระดับชาติเเละในท้องถิ่นหลายคนที่อาจได้รับประโยชน์จากโครงการนี้

 

 

ที่มา : Reuters
ภาพ : Facebook / Presiden Joko Widodo

]]>
1258020
เอาจริง! เเวนคูเวอร์ สั่งเเบน “พลาสติก” เเบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง มีผลบังคับปีหน้า https://positioningmag.com/1255414 Fri, 29 Nov 2019 13:13:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1255414 แวนคูเวอร์ มีมติห้ามการใช้หลอด ถุง และผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยจะมีผลตั้งเเต่เดือน เม.ย. 2020 เป็นต้นไป ถือเป็นเมืองใหญ่เมืองแรกในแคนาดาที่จะมีกฎหมายห้ามใช้พลาสติกอย่างครอบคลุม

โดยเมืองแวนคูเวอร์จะห้ามใช้หลอดพลาสติกตั้งแต่วันที่ 22 เมษายนปีหน้า ส่วนถุงพลาสติก รวมทั้งที่ผลิตจากวัสดุย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (biodegradable material) จะห้ามใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021

ทางการระบุว่า หลอดและถุงพลาสติกเป็นขยะกว่า 3% ของขยะทั้งหมดที่ถูกซัดมาเกลื่อนชายหาดในแต่ละปี เเละจากผลการศึกษาที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเมื่อต้นปีที่ผ่านมาพบว่า ผลิตภัณฑ์พลาสติกในแคนาดาเกือบ 90 % ถูกฝังกลบหรือปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

สำหรับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ซึ่งหลายประเทศกำลังมุ่งลดมลพิษจากพลาสติก

Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีเเห่งแคนาดา ประกาศเเผนการเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาว่าจะห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่นหลอด ถุงและช้อนส้อมให้มีผลบังคับใช้ในประเทศอย่างเร็วที่สุด ในช่วงต้นปี 2021

โดยก่อนหน้านี้ เทศบาลเมืองมอนทรีออล ในรัฐควิเบก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเเคนาดา รองจากโทรอนโต ได้ห้ามใช้พลาสติกเเบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมาตั้งเเต่ปี 2018

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจต่างๆ จะยังคงต้องสำรอง “หลอด” ไว้บริการหากกรณีมีการร้องขอจากลูกค้า

ด้านสภาค้าปลีกแคนาดา ที่เป็นตัวแทนธุรกิจค้าปลีกทั่วประเทศ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยเเย้งว่า นโยบายนี้ไม่เป็นผลดีทั้งกับธุรกิจเเละสิ่งเเวดล้อม เนื่องจากครัวเรือนจะต้องซื้อถุงเเยกเพิ่มเพื่อนำมาใส่ขยะหรือมูลสัตว์เลี้ยง เพราะไม่มีถุงพลาสติกเก่าให้ใช้ซ้ำ เเละถุงขยะที่ต้องซื้อใหม่นี้ยังมีความเหนียวเเละย่อยสลายได้ยากกว่า ในขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็มีต้นทุนเพิ่มขึ้นด้วย

ที่มา : Reuters
ภาพ : Pixabay

]]>
1255414