สำนักข่าว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 22 Aug 2023 05:39:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ทรูโด” เดือดจัด! Facebook บล็อกการเผยแพร่ “ข่าว” บนแพลตฟอร์ม ท่ามกลางวิกฤตไฟป่า “แคนาดา” https://positioningmag.com/1441873 Tue, 22 Aug 2023 04:57:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1441873 “แคนาดา” เกิดวิกฤตไฟป่าขึ้น แต่ประชาชนไม่สามารถติดตามข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ได้สะดวก เหตุเพราะ Meta สั่งบล็อกการเผยแพร่ “ข่าว” ต่างๆ บนแพลตฟอร์มนี้ หลังรัฐบาลแคนาดาออกกฎหมายไล่บี้ให้บริษัท “แบ่งกำไร” กับสำนักข่าว ร้อนถึงนายกรัฐมนตรี “จัสติน ทรูโด” ออกโรงวิจารณ์ Meta “เห็นกำไรเหนือกว่าความปลอดภัยของประชาชน”

Facebook และ Instagram เริ่มบล็อกการเข้าถึงลิงก์ “ข่าว” บนแพลตฟอร์มของตนเองใน “แคนาดา” ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2023 โดยผู้ใช้แพลตฟอร์มหากเลื่อนเจอลิงก์คอนเทนต์ข่าว จะปรากฏข้อความขึ้นว่า “ผู้ใช้ในแคนาดาจะมองไม่เห็นคอนเทนต์นี้ เพื่อตอบสนองการออกกฎหมายของรัฐบาลแคนาดา คอนเทนต์ข่าวจะไม่สามารถมองเห็นได้ในแคนาดา”

Meta ทำเช่นนี้เพื่อตอบโต้รัฐบาลแคนาดาซึ่งเริ่มออก “กฎหมายข่าวออนไลน์” มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 กฎหมายนี้ว่าด้วยการบังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Google, Meta ต้องเจรจาสัญญา “แบ่งกำไร” ให้กับสำนักข่าวต่างๆ ที่นำข่าวมาลงเผยแพร่ในแพลตฟอร์ม เห็นได้ว่าการบล็อกการเผยแพร่ลิงก์ข่าวบน Facebook – Instagram นั้นทำไปเพื่อที่บริษัท Meta จะได้ไม่ต้องแบ่งกำไรให้กับสำนักข่าวต่างๆ ตามกฎหมายกำหนด

Facebook บล็อก ข่าว
ข้อความที่ปรากฏบน Facebook แคนาดา หากมีการโพสต์ลิงก์ข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา แคนาดาเกิดวิกฤตไฟป่ารุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี ไฟป่าแพร่กระจายเป็นวงกว้างและปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งการเข้าถึงข่าวสารได้อย่างรวดเร็วจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนอพยพหนีไฟป่าได้ทันเวลา แต่เมื่อ Facebook เลือกบล็อกข่าวบนแพลตฟอร์มไปก่อนหน้านี้ ทำให้ผู้อพยพหนีไฟป่าต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาเข้าถึงข่าวสารได้ช้าลง

กลุ่มผู้อพยพในเขต Northwest Territories ซึ่งเสี่ยงต่อภัยไฟป่าที่กำลังเข้ามาใกล้ตัวเมือง Yellowknife ในระยะเพียง 15 กิโลเมตร บอกว่า การบล็อกข่าวบน Facebook ทำให้พวกเขาแชร์ข้อมูลที่สำคัญต่อการปกป้องชีวิตได้ช้าลง พวกเขาไม่สามารถแชร์วิดีโอการแถลงข่าวจากทางราชการหรือข่าวแจ้งเตือนการอพยพลงบน Facebook เพื่อให้คนในชุมชนของตนทราบได้เลย

ก่อนหน้านี้เคยมีข้อมูลว่า 77% ของชาวแคนาดามีการใช้งาน Facebook และ 1 ใน 4 ของชาวแคนาดาใช้ Facebook เพื่อติดตามข่าวสารต่างๆ แพลตฟอร์มนี้จึงถือเป็นช่องทางสำคัญในการรับทราบข้อมูล

เหตุนี้ “จัสติน ทรูโด” นายกรัฐมนตรีแคนาดา จึงเดือดจัดจากการตัดสินใจของ Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook

ในช่วงการแถลงข่าวผ่านทางโทรทัศน์เมื่อวานนี้ (21 สิงหาคม 2023) ทรูโดจึงวิจารณ์ Meta ว่าตัดสินใจแบบที่ “เหลือจะเชื่อ” และกล่าวหาว่า Facebook “เห็นกำไรเหนือกว่าความปลอดภัยของประชาชน”

ขณะที่ “พาสคาล เซนต์อองจ์” รัฐมนตรีกระทรวงมรดกแห่งแคนาดา ระบุในโพสต์บนโซเชียลมีเดียของเธอว่า บริษัทนี้กำลังบล็อก “ข้อมูลที่สำคัญยิ่ง” ต่อผู้ใช้งาน และยังบอกด้วยว่า Meta เริ่มบล็อกข่าวทันทีทั้งที่กฎหมาย C-18 หรือกฎหมายข่าวออนไลน์ฉบับที่ว่านี้ ยังไม่ได้เริ่มมีผลบังคับใช้ด้วยซ้ำ เธอจึงเรียกการกระทำของ Meta ว่า “ไร้ความรับผิดชอบ”

ฟาก Meta ออกมาตอบโต้ว่า กฎหมายฉบับนี้ “ตราขึ้นโดยมีปัญหาตั้งแต่เรื่องพื้นฐานเพราะละเลยความเป็นจริงในวิธีการทำงานของแพลตฟอร์มของเรา”

ในถ้อยแถลงของบริษัทที่ส่งให้สำนักข่าว BBC นั้น Meta ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้ ‘บังคับ’ ให้บริษัท “ต้องหยุดการเข้าถึงคอนเทนต์ข่าว เพื่อปฏิบัติตามระเบียบของกฎหมาย”

Meta ยังเสริมด้วยว่า บริษัทมีการเปิดใช้งานฟีเจอร์ “Safety Check” บนแพลตฟอร์มแล้ว เพื่อให้ผู้อพยพสามารถระบุบนโซเชียลมีเดียได้ว่าตัวเองปลอดภัย และเป็นช่องทางเข้าถึงข้อมูลจากหน่วยงานราชการได้โดยตรง ซึ่งปัจจุบันมีคนเข้าไปใช้ฟีเจอร์นี้แล้วกว่า 300,000 ราย

ความเห็นของชาวแคนาดาต่อเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แยกเป็นหลายฝ่าย บางกลุ่มมองว่าเป็นความผิดของรัฐบาลที่ทำให้เกิดการบล็อกข่าวบน Facebook และมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในเวลาต่อมา แต่บางกลุ่มก็มองว่าเป็นความรับผิดชอบของ Meta เองที่เลือกผลกำไรบริษัทมากกว่าจะทำตามกฎหมาย

Source

]]>
1441873
“สำนักข่าว” หลายแห่งในสหรัฐฯ รวมตัวจ่อฟ้อง “บริษัท AI” ที่นำคอนเทนต์ไปใช้โดยไม่ขออนุญาต https://positioningmag.com/1439003 Wed, 26 Jul 2023 04:27:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439003 จะไม่ยอมให้ใช้ฟรีๆ อีกต่อไป! “สำนักข่าว” หลายแห่งทั้งที่เป็นสื่อสหรัฐฯ และบริษัทข้ามชาติ รวมตัวกันวางแผนฟ้องร้อง “บริษัท AI” ที่นำคอนเทนต์ของสำนักข่าวไปใช้ “เทรน AI” โดยไม่ขออนุญาตหรือไม่จ่ายค่าลิขสิทธิ์ รวมถึงต้องการให้รัฐบาลมีกฎหมายควบคุมในประเด็นเหล่านี้

Forbes รายงานข่าวจากวงการสื่อสหรัฐฯ บริษัทเจ้าของสำนักข่าวหลายแห่ง ได้แก่ The New York Times, News Corp เจ้าของ The Wall Street Journal, Axel Springer เจ้าของ Business Insider และ IAC เจ้าของนิตยสาร People กำลังรวมกลุ่มกันเพื่อฟ้องร้องยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Google และ OpenAI

Joey Levin ซีอีโอของ IAC เป็นรายที่ออกมาเตือนว่า ‘AI จะเข้ามาแทนที่คนในกิจการสื่อข่าว’ นั้นน่าจะมีความเป็นไปได้จริงมากกว่าความกลัวของมนุษย์ว่า AI จะเข้าครองโลก ก่อนหน้านั้น Barry Diller ประธานกรรมการของ IAC ก็พูดเหมือนกันว่า AI จะสร้าง “หายนะ” ให้กับวงการสำนักพิมพ์

นั่นเป็นความกังวลถึงแนวโน้มในอนาคต แต่ความกังวลของเหล่าสำนักข่าวต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ คือ กังวลว่า AI จะมีผลกระทบต่อทราฟฟิกเข้าสู่เว็บไซต์ของพวกเขา เมื่อผู้ใช้กดค้นหาใน Google Search แล้วใช้ฟังก์ชันแชตบอต ระบบ AI อาจจะเข้ามาดึงดาต้าจากหน้าเพจข่าวของสำนักข่าวไปสรุปรวมส่งให้ผู้ใช้อ่าน โดยไม่มีการให้ลิงก์กลับเข้ามาในเว็บไซต์ของสำนักข่าวอีกต่อไป รวมถึงไม่ให้เครดิตว่าเนื้อหาเหล่านั้นได้มาจากแหล่งไหน

อย่างไรก็ตาม บางสำนักข่าวก็ดูจะไม่กังวลกับเรื่องเหล่านี้ เพราะเมื่อเดือนก่อน Associated Press (AP) ประกาศเซ็นสัญญาความร่วมมือกับ OpenAI เจ้าของเครื่องมือ ChatGPT ให้อนุญาต AI ของบริษัทเข้ามาดึงดาต้าจากข่าวในระบบทั้งหมดของ AP ไปใช้ได้  ส่วนทาง AP จะมีสิทธิได้ใช้งานเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญของ OpenAI ทั้งนี้ มูลค่าดีลในทางการเงินไม่มีการประกาศต่อสาธารณะ

บริษัทที่ฝึกฝน AI ด้วยดาต้าสาธารณะ เช่น Google, OpenAI, Meta, Midjourney ต่างถูกฟ้องร้องมาแล้วหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลักใหญ่ใจความที่มีการฟ้องร้องมักจะเหมือนกัน คือ ศิลปิน ครีเอเตอร์ นักเขียน ฯลฯ ฟ้องร้องบริษัทในข้อหานำคอนเทนต์ของพวกเขาไปใช้ฝึก AI โดยไม่ได้ขออนุญาตหรือตกลงจ่ายค่าลิขสิทธิ์

คดีที่น่าจะเรียกว่าเป็นคดีดังที่สุดในประเด็นนี้คือ คดีของ Sarah Silverman นักแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟน ร่วมกับนักแสดงในสายงานเดียวกันอีก 2 คน ร่วมกันฟ้องร้อง OpenAI และ Meta ในข้อหา “ละเมิดลิขสิทธิ์” โดยฝ่ายโจทก์ฟ้องร้องว่าทั้งสองบริษัทนี้ฝึกฝน AI ของตนด้วยคอนเทนต์ของเธอโดยไม่ได้รับอนุญาต

Google เองก็ถูกฟ้องเหมือนกัน มีคดีที่ดำเนินคดีแบบกลุ่มกำลังฟ้องบริษัทว่า “ขโมยทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสร้างสรรค์ขึ้นและแบ่งปันให้เข้าถึงได้บนอินเทอร์เน็ต เพื่อนำไปใช้เทรน AI แชตบอตของตนเอง”

นิติสงครามระหว่างยักษ์เทคโนโลยีกับสำนักข่าวกำลังคุกรุ่นท่ามกลางความพยายามของรัฐบาล Joe Biden ที่จะเข้าควบคุมตีกรอบ AI เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเนียบขาวเพิ่งจะประกาศว่า รัฐบาลได้รับคำมั่นสัญญา “โดยสมัครใจ” จากบริษัท 7 แห่ง ได้แก่ Google, OpenAI, Microsoft, Amazon, Meta, Anthropic และ Inflection AI ว่าบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยี AI มีความปลอดภัย โปร่งใส และเชื่อถือได้ ลดความกังวลที่เกี่ยวกับอคติและการให้ข้อมูลผิดๆ

อย่างไรก็ตาม คำมั่นสัญญาเหล่านี้ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรที่เกี่ยวกับการจ่ายค่าชดเชยให้กับแหล่งที่มาดาต้าที่ใช้เทรนระบบ AI แต่อย่างใด

ก่อนหน้านี้ไม่นาน Google เพิ่งจะเดินสายเข้าไปคุยกับสำนักข่าวต่างๆ เพื่อขอแนะนำการใช้ AI ของบริษัทเป็นผู้ช่วย “เขียนข่าว” อ่านได้ที่นี่

Source

]]>
1439003
Google เดินสายคุยกับ “สื่อมวลชน” แนะนำใช้เครื่องมือ AI ของบริษัทช่วยเขียนข่าว https://positioningmag.com/1438503 Thu, 20 Jul 2023 15:24:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1438503 Google กำลังพัฒนา AI ช่วยเขียนข่าว และอยู่ระหว่างเดินสายคุยกับ “สื่อมวลชน” หลายสำนักเพื่อสนับสนุนให้ผู้สื่อข่าวลองใช้เครื่องมือ

โฆษกของ Google ไม่ได้เอ่ยชื่อบริษัทสื่อมวลชนว่าได้คุยกับสื่อใดไปแล้วบ้าง แต่สำนักข่าว New York Times เป็นผู้รายงานข่าวเองว่า Google ได้เข้ามาพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการใช้ AI เขียนข่าว และยังเดินสายไปพบกับสื่ออื่นๆ อย่าง Washington Post รวมถึงบริษัท News Corp เจ้าของ Wall Street Journal ด้วย

Google ระบุว่า เครื่องมือ AI ตัวนี้สามารถเป็น “ผู้ช่วย” นักข่าวได้ โดยจะช่วยคิดพาดหัวข่าวและเปลี่ยนสไตล์การเขียนได้หลายแบบ ช่วยทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น

“เครื่องมือเหล่านี้ไม่ได้มีความตั้งใจและไม่สามารถมาแทนที่บทบาทสำคัญของนักข่าวได้ เพราะนักข่าวจะมีหน้าที่รายงาน คิดสร้างสรรค์ และตรวจสอบความถูกต้องของบทความ” โฆษก Google กล่าว

ผู้บริหารบางคนจาก New York Times ระบุว่า เครื่องมือ AI ที่นำเสนอมานั้นเรียกกันเป็นการภายในว่า Genesis อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารรายนี้มองว่าดูแล้วเครื่องมือยังทำงานได้ไม่เรียบร้อยดี

ฟาก News Corp ยังไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่อง AI ตัวนี้ แต่พูดกว้างๆ ว่า “เรามีความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยมกับ Google และเราชื่นชม Sundar Pichai (ซีอีโอของบริษัท) ที่ให้ความสำคัญในระยะยาวกับงานด้านสื่อมวลชน”

รายงานข่าวชิ้นนี้ออกมาภายในไม่กี่วันหลังจากสำนักข่าว Associated Press (AP) ประกาศว่าบริษัทได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ OpenAI บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์ม ChatGPT เพื่อร่วมกันสำรวจว่าจะใช้ Generative AI ในงานข่าวได้อย่างไร

บางสื่ออาจจะเริ่มใช้ AI ในการทำคอนเทนต์ไปแล้ว แต่โดยภาพรวมสำนักข่าวมีการปรับตัวใช้เทคโนโลยีอย่างช้าๆ เพราะยังกังวลว่า AI มีแนวโน้มที่จะใส่ข้อมูลผิดๆ ลงไปในเนื้อข่าว รวมถึงจะเกิดความท้าทายในการสร้างความต่างของคอนเทนต์ระหว่างเนื้อหาที่มนุษย์เขียนกับที่คอมพิวเตอร์คิดขึ้นมาให้

Source

]]>
1438503
The New York Times ยืนยัน “ไม่สมัคร” Twitter Blue มัสก์โต้เดือดสำนักข่าวชวนเชื่อ https://positioningmag.com/1426027 Mon, 03 Apr 2023 12:27:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426027 The New York Times ยืนยัน “ไม่สมัคร” Twitter Blue ให้กับองค์กรและนักข่าวในสังกัด ไม่แคร์ที่ถูกยึดคืน “ติ๊กถูก” ด้านหลังชื่อ “อีลอน มัสก์” เดือดจัด ทวีตโต้สำนักข่าวชวนเชื่อ

The New York Times ยืนยันว่าบริษัทจะ “ไม่สมัคร” Twitter Blue ระบบใหม่ที่ต้องเสียค่าสมาชิกเพื่อรับเครื่องหมายยืนยันตัวตนด้านหลังชื่อบัญชี

เรื่องนี้เป็นประเด็นขึ้นมา เนื่องจากบริษัท Twitter ประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2023 บริษัทจะยกเลิกเครื่องหมายยืนยันตัวตนติ๊กถูกสีฟ้าที่เคยให้กับองค์กรหรือคนมีชื่อเสียงทั้งหมดในยุคก่อนที่ อีลอน มัสก์ จะเข้าเทกโอเวอร์กิจการ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทเริ่มขายแพ็กเกจสมาชิก Twitter Blue แล้ว โดยหนึ่งในสิทธิของแพ็กเกจนี้คือได้เครื่องหมายยืนยันตัวตนหลังชื่อ (อ่านข้อมูลแพ็กเกจ Twitter Blue ทั้งหมดได้ที่นี่)

สำหรับองค์กรสื่อนั้นจะอยู่ในแพ็กเกจที่ต้องเสียค่าสมาชิก เดือนละ 1,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 34,000 บาท) และสามารถพ่วงบัญชีในเครือเพิ่มอีกในราคา 50 เหรียญสหรัฐต่อบัญชีต่อเดือน (ประมาณ 1,700 บาท) *ราคาแพ็กเกจในสหรัฐฯ

ก่อนนี้เครื่องหมายยืนยันตัวตนใน Twitter จะให้เป็นพิเศษกับบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือองค์กรที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้ว เป็นการป้องกันความสับสนว่าใครเป็นตัวจริงตัวปลอม เพราะใน Twitter ทุกคนสามารถใช้ชื่อและภาพโปรไฟล์อะไรก็ได้ แต่ในขณะเดียวกัน การมี “ติ๊กถูกสีฟ้า” หลังชื่อก็ทำให้บัญชีนั้นยิ่งมีสถานะโดดเด่นมากขึ้น

จุดนี้เองที่ อีลอน มัสก์ นำมาใช้ทำเงิน โดยการ “ขาย” ติ๊กถูกสีฟ้า ทำให้ปัจจุบันใครๆ ก็มีเครื่องหมายยืนยันตัวตนหลังชื่อได้

อย่างไรก็ตาม The New York Times เป็นสื่อไม่กี่แห่งที่ยืนยันว่าจะไม่ยอมเสียเงินเพื่อให้ได้เครื่องหมายยืนยันตัวตนมา

บัญชี Twitter ของ The New York Times ไม่มีเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า แม้จะมีผู้ติดตามถึง 55 ล้านคน

โฆษกของ The New York Times กล่าวกับสำนักข่าว Forbes ว่า “บริษัทไม่มีแผนที่จะจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนเพื่อรับเครื่องหมายยืนยันตัวตนให้บัญชีองค์กรของเรา อีกทั้งเราจะไม่จ่ายค่าสมาชิกเพื่อให้นักข่าวในสังกัดมีเครื่องหมายยืนยันตัวตนต่อเนื่องอีกด้วย ยกเว้นในกรณีพิเศษที่เป็นไปได้น้อยมากที่นักข่าวจำเป็นต้องมีเครื่องหมายเพื่อจุดประสงค์ของการทำข่าว”

หลังจากเป็นข่าวไป “อีลอน มัสก์” เจ้าของคนปัจจุบันของ Twitter เกิดเดือดจัดและทวีตตอบโต้ว่า “การโฆษณาชวนเชื่อของสำนักข่าวนี้ไม่เห็นจะน่าสนใจด้วยซ้ำ” และ “ฟีดส์ของพวกเขาบน Twitter ก็พอกันกับโรคท้องร่วง”

หลังจากนั้น The New York Times ก็ถูกยึดคืนเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าอันดั้งเดิมไป ปัจจุบันพวกเขาไม่มีเครื่องหมายใดๆ ในบัญชี

ก่อนหน้านี้เคยมีสำนักข่าวหลายองค์กรที่ส่งเสียงว่าจะไม่ซื้อสมาชิก Twitter Blue เหมือนกัน เช่น Vox, Los Angeles Times, BuzzFeed, POLITICO, The Washington Post แต่ขณะนี้พวกเขาต่างมีเครื่องหมายติ๊กถูกสีทองหลังชื่อกันหมดแล้ว

Source

]]>
1426027