เที่ยวต่างประเทศ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 06 Dec 2023 13:09:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เที่ยวเก่ง! คนไทยวางแผน “เที่ยวต่างประเทศ” สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก “Gen Y” สนใจเที่ยวต่างแดนสูงสุด https://positioningmag.com/1454622 Wed, 06 Dec 2023 12:24:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1454622 SiteMinder สำรวจนักท่องเที่ยวใน 12 ประเทศ พบคนไทย 49% วางแผน “เที่ยวต่างประเทศ” ภายใน 12 เดือนข้างหน้า เป็นสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก กลุ่มอายุที่มีแนวโน้มเที่ยวต่างประเทศสูงสุดคือ “Gen Y” รองลงมาเป็น “Gen X” ขณะที่ “Gen Z” มีแนวโน้ม “แบกคอมพ์เที่ยว” ทำงานไปเที่ยวไปสูงที่สุด

รายงานเรื่อง Changing Traveller Report 2023 โดย SiteMinder สำรวจความคิดเห็นนักท่องเที่ยว 10,000 คน ใน 12 ประเทศ ได้แก่ จีน อินเดีย ไทย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก พบว่า นักท่องเที่ยวทั่วโลกวางแผนที่จะ “เที่ยวต่างประเทศ” สูงขึ้นกว่าปีก่อนมาก

โดยปี 2023 ค่าเฉลี่ยนักท่องเที่ยว 42% มีแผนที่จะเที่ยวต่างประเทศภายใน 12 เดือนข้างหน้า เทียบกับปี 2022 ที่สำรวจมีสัดส่วนเพียง 20%

ลาพักร้อนไม่จำกัด
(Photo: Shutterstock)

สำหรับกลุ่ม 5 อันดับแรกสัญชาตินักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มจะเที่ยวต่างประเทศมากที่สุด คือ เยอรมนี (55%), สหราชอาณาจักร (53%), ไทย (49%), จีน (48%) และฝรั่งเศส (47%) เห็นได้ว่าคนไทยมีความต้องการเที่ยวต่างประเทศสูงมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยโลกและชาติอื่นๆ

 

“Gen Y” ขาเที่ยวตัวจริง

สำหรับนักท่องเที่ยวไทยในการสำรวจนี้มีกว่า 800 คน และมีการแยกสำรวจความต้องการเที่ยวต่างประเทศตามช่วงอายุ พบสัดส่วนคนที่มีแผนเที่ยวต่างประเทศใน 12 เดือนข้างหน้า ดังนี้

  • Gen Z (18-26 ปี) – 69%
  • Gen Y (27-42 ปี) – 82%
  • Gen X (43-58 ปี) – 75%
  • Baby Boomers (59-77 ปี) – 71%

เห็นได้ว่า “Gen Y” คือกลุ่มที่ต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศสูงสุดในทุกช่วงวัย รองลงมาคือกลุ่ม “Gen X”

SiteMinder ชี้ให้เห็นว่าสัดส่วนเหล่านี้มีความแปลกแตกต่างจากค่าเฉลี่ยโลก ซึ่งค่าเฉลี่ยโลกอันดับ 1 เจนเนอเรชันที่วางแผนเที่ยวต่างประเทศมากที่สุดคือ Gen Y เหมือนกันก็จริง แต่อันดับ 2 จะเป็น Gen Z ในขณะที่เมืองไทยนั้นคน Gen Z มีความต้องการเที่ยวต่างประเทศน้อยที่สุดในทุกๆ เจนฯ

Photo : Shutterstock

 

“แบกคอมพ์เที่ยว” ยังเป็นเทรนด์

อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่เกิดขึ้นในระยะหลังคือการ “ทำงานระหว่างเที่ยว” ซึ่ง SiteMinder พบว่าค่าเฉลี่ยโลกลดลงเพียงเล็กน้อย ทำให้การให้ความสำคัญกับกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบ “Workation” ยังสำคัญอยู่

โดยปี 2023 มีนักท่องเที่ยว 36% ที่ตอบว่า มีแนวโน้มจะทำงานระหว่างเที่ยวในทริปหน้า ลดลงจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 36.5% เล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม คนเอเชียยังคงเป็นชาติที่ “แบกคอมพ์เที่ยว” พร้อมจะทำงานระหว่างเที่ยวมากที่สุด นำโด่งมาโดย “อินเดีย” (60%) รองมาคือ “ไทย” (57%) ตามด้วย “อินโดนีเซีย” (53%) และ “จีน” (47%)

สำหรับชาวไทยนั้น กลุ่มเจนเนอเรชันที่น่าจะทำงานไปด้วยระหว่างเที่ยวมากที่สุดคือ “Gen Z” (68%) แม้แต่กลุ่ม “Baby Boomers” ชาวไทยก็มีถึง (37%) ที่จะทำงานไปด้วยระหว่างเที่ยว

]]>
1454622
Traveloka ออกโปรฯ รับกระแสไทยเที่ยวนอก คาดนทท.พุ่ง 25-40% หลังปลดล็อก Thailand Pass https://positioningmag.com/1386253 Mon, 23 May 2022 11:38:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386253 แพลตฟอร์ม OTA ยกระดับความคึกคักต้อนรับเปิดประเทศ “Traveloka” เปิดแคมเปญโปรโมชันลดสูงสุด 60% ปลุกกระแสคนไทยเที่ยวต่างประเทศ คาดปัจจัยหลักปลดล็อกคนไทยกลับเข้าประเทศไม่ต้องกรอก Thailand Pass ตั้งแต่ 1 มิ.ย.นี้ จะทำให้คนไทยเที่ยวนอกมากขึ้น 25-40% ในช่วงครึ่งปีหลัง ด้าน 3 ประเทศยอดฮิต ได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และกัมพูชา

สัญญาณการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว โดยเริ่มจากการท่องเที่ยวในประเทศก่อน จนล่าสุดการเดินทางระหว่างประเทศเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กระแสท่องเที่ยวต่างประเทศทยอยกลับมา

“ปณิชา ธนณาเคนทร์” ผู้อำนวยการ Traveloka ประจำประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทพบสัญญาณที่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้คนไทยสนใจเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ได้แก่

  • คนไทยกว่า 70% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 2 เข็ม และ 40% ของคนไทยได้รับเข็มกระตุ้นแล้ว
  • ประเทศไทยจะเริ่มผ่อนคลายให้คนไทยไม่ต้องลงทะเบียน Thailand Pass เมื่อกลับเข้าประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนนี้
  • หลายประเทศเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้
  • นักท่องเที่ยวชาวไทย 73% วางแผนจะเดินทางใน 3 เดือนข้างหน้า

เมื่อสำรวจเทรนด์การท่องเที่ยวของคนไทย พบว่าการท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมที่คนไทยสนใจมากขึ้น ดังนี้

  • 20% สนใจการเดินทางโดยเครื่องบิน (แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่คนไทยยังหวาดหวั่นต่อการขึ้นเครื่องบินเนื่องจากโรคระบาด)
  • เมื่อถามว่าสนใจเที่ยวที่ไหน? 41% ต้องการเที่ยวในประเทศ รองลงมา 21% สนใจเที่ยวยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และ 18% สนใจเที่ยวในเอเชีย
  • สำหรับจุดหมายปลายทางต่างประเทศ ประเทศยอดนิยม ได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ กัมพูชา โดยรวมแล้วเพราะ 3 ประเทศนี้เป็นประเทศที่อยู่ใกล้ไทย ใช้เวลาเดินทางไม่นาน เป็นจุดหมายที่คนไทยจะใช้เป็นการเริ่มต้นออกเดินทางต่างประเทศ กรณีสิงคโปร์ เพราะมีจุดดึงดูดที่เป็นแม่เหล็ก เช่น Universal Studio เกาะเซนโตซ่า เหมาะกับกลุ่มครอบครัว เกาหลีใต้ ดึงดูดผู้ที่สนใจ K-pop K-drama กลุ่มวัยรุ่นจะชื่นชอบมาก ส่วนกัมพูชา เป็นเพราะมีแหล่งธรรมชาติที่น่าสนใจ
สิงคโปร์ ประเทศที่คนไทยอยากไปที่สุดในช่วงนี้ เพราะอยู่ใกล้ เดินทางสะดวก (Photo : Shutterstock)

“Thailand Pass เมื่อปลดล็อกให้คนไทยแล้ว จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้คนไทยที่อยากเดินทางต่างประเทศมากขึ้น ทำให้คนไทยที่จะไปต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลังนี้น่าจะเพิ่มถึง 25-40% เทียบกับช่วงก่อนจะมีการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว” ปณิชาคาดการณ์

ด้าน “เชอร์ลีย์ เลสมานา” ผู้บริหารฝ่ายการตลาด Traveloka กล่าวเสริมว่า คนไทยยังเลือกท่องเที่ยวภายในประเทศอยู่มาก แต่จะเห็นว่า 2 เดือนที่ผ่านมาเทรนด์การเที่ยวต่างประเทศเริ่มฟื้นขึ้นแล้ว โดยคนไทยเที่ยวต่างประเทศในช่วงหลัง COVID-19 จะเห็นว่าเริ่มวางแผนทริปที่ยาวขึ้น เพราะจะได้เที่ยวหลายที่ในการออกนอกประเทศครั้งเดียว ขณะเดียวกันเริ่มต้องการความยืดหยุ่นในการจองห้องพักและเที่ยวบินสูงขึ้น เพราะสถานการณ์โรคอาจมีความไม่แน่นอนได้

ด้วยกระแสการท่องเที่ยวต่างประเทศเริ่มกลับมา ทำให้ Traveloka จัดแคมเปญ International Travel Fair ขึ้น แคมเปญนี้จะให้ส่วนลดสูงสุด 60% สำหรับบริการการเดินทางและไลฟ์สไตล์ในต่างประเทศ สำหรับผู้ที่จองภายในวันที่ 25-31 พ.ค. 65 แบ่งเป็น

  • หมวดโรงแรมลดสูงสุด 60%
  • หมวดตั๋วเครื่องบินลดสูงสุด 30% จัด flash deal ทุกวัน
  • หมวดกิจกรรมประสบการณ์ลดสูงสุด 1,000 บาท
  • ส่วนลดเอ็กซ์คลูซีฟจากพาร์ทเนอร์

แคมเปญนี้ยังเปิดให้สามารถอัปเกรดการจองเป็น “Flexible” ยืดหยุ่นทั้งการจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และกิจกรรม สามารถเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินได้ไม่จำกัด สามารถยกเลิกการจองโรงแรมฟรีหรือชำระเงินเมื่อเช็กอิน รวมถึงกิจกรรมก็สามารถขอรีฟันด์คืนเงินหรือเปลี่ยนแปลงตารางเวลาได้

Now the world is possible รวบรวมข้อมูลอัปเดตล่าสุดของประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว ทำให้ลูกค้าสะดวก มาที่เดียวได้ข้อมูลครบ และจองทั้งทริปได้เลย

นอกจากนี้ Traveloka ยังเปิดหน้าพิเศษบนแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ในชื่อ “Now the world is possible” เป็นไซต์สำหรับอัปเดตข้อมูลการท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ที่พร้อมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่กฎเกณฑ์เข้าประเทศ อัปเดตที่พัก ร้านอาหาร ที่เป็นปัจจุบัน โดยอาศัยความร่วมมือกับบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวในประเทศนั้น เพื่อให้ลูกค้าได้ข้อมูลครบถ้วนในหน้าเดียว และจะช่วยให้ข้อมูลเพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการเที่ยวต่างประเทศเล็งเห็นว่าขณะนี้โลกเปิดสำหรับการท่องเที่ยวแล้วจริงๆ

เชอร์ลีย์กล่าวปิดท้ายว่า แคมเปญนี้ต้องการจะดึงดูดทั้งชาวไทยที่ชื่นชอบการเดินทางต่างประเทศอยู่แล้ว และที่ยังไม่เคยออกต่างประเทศมาก่อน ให้สนใจการเดินทางหลัง COVID-19 ด้วยดีลพิเศษที่มีให้ และจะเป็นการช่วยการฟื้นตัวของพาร์ทเนอร์ด้านการท่องเที่ยวทั้งหมดของ Traveloka ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน โรงแรม หรือผู้จัดกิจกรรมต่างๆ

]]>
1386253
“เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น” ครองใจ ติดโผ 5 เมืองยอดนิยม คนไทยไปเที่ยวปีใหม่มากที่สุด https://positioningmag.com/1258763 Fri, 27 Dec 2019 08:30:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1258763 Photo : Pixabay

คนไทยไปเที่ยวไหนบ้างในช่วงปีใหม่นี้…

Airbnb เเพลตฟอร์มจองที่พักรายใหญ่ เปิดข้อมูลการท่องเที่ยวในช่วงสิ้นปี 2019 โดย “กรุงโซล” ประเทศเกาหลีใต้ เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวไทยตบเท้าไปเยือนมากที่สุดในช่วงปีใหม่ ขณะที่ 3 เมืองฮอตอย่าง “โตเกียว โอซาก้า ฮอกไกโด” ของญี่ปุ่นติด 5 อันดับแรกในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เติบโตต่อเนื่อง

ส่วนประเทศไทย “เชียงใหม่” ยังคงครองความนิยมจากคนไทยเดินทางเพื่อไปฉลองปีใหม่ โดยสะท้อนจากยอดการจองห้องพักสูงเกือบ 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน

เมืองใน “ต่างประเทศ” ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย

จากการมีเที่ยวบินไปยังหลากหลายเมืองในต่างประเทศมากขึ้น ทำให้คนไทยนิยมเดินทางไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวในสถานที่ใหม่และเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ สถานที่ท่องเที่ยวในต่างประเทศที่นักท่องเที่ยวชาวไทยมีการจองห้องพักมากที่สุดระหว่างวันหยุดยาวช่วงปีใหม่เมื่อเทียบกับจำนวนผู้เข้าพักในปีที่แล้ว เมืองที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุดก็คือ “กรุงโซล” ประเทศเกาหลีใต้

อย่างไรก็ดี ถึงแม้กรุงโซลจะเป็นเมืองจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด แต่ทว่าการเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศในช่วงปีใหม่ของคนไทยนั้น ประเทศญี่ปุ่น นับว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะมีถึง 3 เมืองใหญ่อย่าง “โตเกียว โอซาก้า และฮอกไกโด” ติดโผ 5 อันดับแรก โดยอ้างอิงจากยอดการเข้าพักในช่วงปีใหม่มีการเติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบระหว่างปี 2561 กับปี 2562 ดังนี้

1. ลอนดอน (มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 164%)

2. เซี่ยงไฮ้ (มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 162%)

3. โตเกียว (มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 87%)

4. โอซาก้า (มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 70%)

5. ฮอกไกโด (มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 61%)

เมือง “ในประเทศ” ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย

สำหรับคนที่เลือกที่จะท่องเที่ยวภายในประเทศไทย พบว่า จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงปีใหม่ยังคงเป็นภูเขากับความหนาวเย็นทางภาคเหนือ โดย “เชียงใหม่” ยังรักษาตำแหน่งสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย จากการมียอดจองห้องพักสูงถึง 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทำให้เชียงใหม่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด

โดย 3 อันดับเมืองยอดนิยมในประเทศไทยของนักท่องเที่ยวไทย ได้แก่ เชียงใหม่ (มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน), ภูเก็ต (มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับปีก่อน), กรุงเทพฯ (มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับปีก่อน)

อ้างอิงข้อมูลจากการจองห้องพักของ Airbnb ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ค่อนข้างชัดเจนว่าเมืองใหญ่ที่มีการจัดงานฉลองปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่อย่าง “กรุงเทพฯ” จึงเป็นจุดหมายปลายทางที่มีการจองห้องพักมากที่สุดในช่วงปีใหม่ สำหรับ 5 อันดับแรกของจุดหมายปลายทางในประเทศไทยที่มีการจองห้องพักสูงที่สุดในช่วงปีใหม่ คือ กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, พัทยา, ภูเก็ต และสมุย

ประสบการณ์ Airbnb ในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมมากที่สุดช่วงปีใหม่

ด้านประสบการณ์ของ Airbnb ในประเทศไทยที่ติดเทรนด์ความนิยมในช่วงปีใหม่ที่มีการเติบโตขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม ถึง 5 มกราคม พบว่า ประสบการณ์แนวธรรมชาติ ได้รับความนิยมมากที่สุดซึ่งมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 400% เมื่อเทียบกับปีก่อน รองมาคือประสบการณ์เกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 253% เมื่อเทียบกับปีก่อน

 

]]>
1258763
คนญี่ปุ่นติดบ้าน เที่ยวต่างประเทศน้อย เเม้ “พาสปอร์ต” จะทรงพลังที่สุดในโลก https://positioningmag.com/1258207 Mon, 23 Dec 2019 11:57:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1258207 หนังสือเดินทาง หรือ “พาสปอร์ต” ของญี่ปุ่น ได้รับการจัดอันดับว่า “ทรงพลัง” มากที่สุดในโลกในปีนี้ เเต่ทว่าชาวญี่ปุ่นเองกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิทธิพิเศษนี้เท่าที่ควร จากจำนวนผู้เดินทางออกนอกประเทศที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เเละมีผู้ถือพาสปอร์ตเพียง 23% ของจำนวนประชากรเท่านั้น

หากเทียบกับสหรัฐอเมริกาที่มีผู้ถือครองพาสปอร์ตเพิ่มขึ้นกว่า 17% ในรอบ 12 ปีที่ผ่านมา เเละนับเป็น 44% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ญี่ปุ่นนับว่ามีสัดส่วนน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ประเทศ (จี7)

Nikkei Asian Review เปิดเผยรายงานของ Henley & Partners บริษัทที่ปรึกษาด้านสิทธิพลเมืองและที่พักอาศัยระดับโลกของอังกฤษ ที่ทำการสำรวจประเทศที่ออกหนังสือเดินทางใน 199 ประเทศระบุว่าเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้ถือพาสปอร์ตของญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปยังประเทศต่างๆ โดยไม่ต้องขอวีซ่ารวมทั้งสิ้น 190 ประเทศ

ทำให้พาสปอร์ตของญี่ปุ่นถือขึ้นครองเเชมป์ “ทรงพลังมากที่สุดในโลก” ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน โดยปีนี้ครองแชมป์ร่วมกับสิงคโปร์ ตามมาด้วยเกาหลีใต้ เยอรมนี และฟินแลนด์ ที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า 188 ประเทศ

ดูเหมือนชาวญี่ปุ่นจะค่อนข้างเป็น “homebody” หรือคนติดบ้านกันมาก เเละชื่นชอบไปเที่ยวประเทศใกล้ๆ อย่างเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกงเเละมาเก๊า เป็นต้น ขณะเดียวกัน ปัจจุบันนักเรียนญี่ปุ่นก็สนใจไปศึกษาต่อต่างประเทศน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ทำงานในต่างประเทศกลับตระหนักดีว่าหนังสือเดินทางของญี่ปุ่นนั้นมีสิทธิประโยชน์มากมาย

ในหลายประเทศ หากคุณต้องการขอวีซ่าสำหรับการเข้าประเทศ นักเดินทางทั้งหลายจะต้องมีเอกสารที่ออกโดยสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศปลายทางล่วงหน้า แต่ในหลายกรณีผู้ถือหนังสือเดินทางญี่ปุ่นสามารถข้ามการคัดกรองเบื้องต้นได้ และเนื่องจากหนังสือเดินทางญี่ปุ่นมีความน่าเชื่อถือมาก โดยทั่วไปผู้ถือจึงสามารถดำเนินการตามขั้นตอนการเข้าเมืองได้อย่างราบรื่นมากกว่าผู้คนจากประเทศอื่น

สำหรับการที่หลายประเทศยกเว้นวีซ่าให้กับญี่ปุ่นมาจากหลายปัจจัย ทั้งเป็นประเทศมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองสูง อัตราการเกิดอาชญากรรมต่ำ เเละมีสถานะผู้ลี้ภัยน้อย ยิ่งไปกว่านั้น หลายประเทศยังเห็นประโยชน์จากความสัมพันธ์อันดีทั้งทางธุรกิจและทางการทูตกับญี่ปุ่น ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เรามองว่าคนญี่ปุ่นดู “ปลอดภัย” และได้รับการต้อนรับอย่างดี

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นสามารถเดินทางไปยัง 190 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ญี่ปุ่นมีการยกเว้นวีซ่าให้ประเทศอื่นเพียง 68 ประเทศเท่านั้น

ที่มา : Japan has world’s best passport, but few go abroad

]]>
1258207