“พิมาลัย” เกาะลันตา วอนรัฐเร่งดึง “ไฟลท์บินตรง” จากต่างประเทศลง “กระบี่” เสริมการท่องเที่ยว

พิมาลัย กระบี่
“พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา” รีสอร์ทสัญชาติไทยบนเกาะลันตา อัปเดตสถานการณ์การท่องเที่ยวใน “กระบี่” ตลาดลองสเตย์จากยุโรป-สหรัฐฯ ฟื้นแล้ว แต่โซนเอเชียยังเงียบเพราะขาด “ไฟลท์บินตรง” จากแหล่งนักท่องเที่ยวหลัก เช่น จีน อินเดีย เกาหลีใต้ วอนรัฐเร่งผลักดันปี 2567

“ก่อนโควิด-19 กระบี่เคยได้เปรียบในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เพราะเรามีไฟลท์บินตรงจากจีนมาวันละ 5-6 เที่ยวบิน แต่หลังโควิด-19 ตอนนี้ยังเงียบมาก ไม่มีเที่ยวบินตรงจากจีนเลย” ชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ทายาทรุ่น 2 และเจ้าของร่วมของ พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา เปิดใจถึงข้อกังวลในธุรกิจท่องเที่ยวของกระบี่วันนี้

พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา นั้นเป็นรีสอร์ทระดับลักชัวรีบนเกาะลันตา จ.กระบี่ มีที่พักทั้งหมด 121 ห้อง กลุ่มลูกค้าหลักของรีสอร์ท 90% เป็นชาวต่างชาติ มีเพียง 10% เท่านั้นที่เป็นชาวไทย

พิมาลัย กระบี่
พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะลันตา

แม้ว่าอัตราเข้าพักของพิมาลัยในปี 2566 จะฟื้นแล้ว คาดว่ารวมทั้งปีอัตราเข้าพักจะไปแตะ 65% แต่ชรินทิพย์มองเป้าว่าปี 2567 สามารถดันอัตราเข้าพักของรีสอร์ทไปถึง 72% ได้ หากการท่องเที่ยวกระบี่ฟื้นได้มากกว่านี้จากการทำตลาดโซนเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มหลัก คือ จีน อินเดีย และเกาหลีใต้

ปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยว Top 5 ของพิมาลัยคือ อังกฤษ เยอรมัน สวิส อเมริกัน และจีน

โดยกลุ่มชาติตะวันตกเป็นกลุ่มที่มักจะมาพักแบบลองสเตย์ 7-10 คืนต่อครั้ง และนิยมมาในช่วงไฮซีซันเดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน

สลับกันกับกลุ่มเอเชียที่จะมาพักระยะสั้นด้วยระยะทางบินใกล้กว่า จะพัก 2-3 คืนต่อครั้ง และมักมาในช่วงโลว์ซีซันเดือนพฤษภาคม-เดือนตุลาคม

ชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ทายาทรุ่น 2 และเจ้าของร่วมของ พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา

ชรินทิพย์กล่าวว่า ในกลุ่มชาติตะวันตกถือว่าตลาดฟื้นได้พอสมควร และกำลังจะมีไฟลท์บินตรงจากประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียและประเทศโปแลนด์เข้ามาที่สนามบินกระบี่ แต่ในตลาดเอเชียนั้นยังเงียบมากเพราะมีไฟลท์บินตรงเข้ามาน้อย ที่มีขณะนี้จะมาจากสิงคโปร์และมาเลเซีย

เป็นที่สังเกตว่า “สนามบินกระบี่” เป็น 1 ใน 3 สนามบินที่อยู่ระหว่างกระบวนการถ่ายโอนจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ไปให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เป็นผู้บริหาร จึงเป็นไปได้ที่ทำให้ช่วงที่ผ่านมาไม่มี ‘เจ้าภาพ’ ในการทำการตลาด เจรจาดึงไฟลท์บินตรงเข้าสู่สนามบินอย่างเคย

จัดโปรฯ ลดค่าห้อง – ดึงนทท. “ออสซี่” ทดแทน

ชรินทิพย์กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาพิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปาจึงต้องมีการพลิกแพลงกลยุทธ์ ผ่านการจัดโปรโมชันลดค่าห้องหรือพักยาวขึ้นได้ค่าห้องถูกลง เพื่อดึงให้กลุ่มตะวันตกที่มักพักลองสเตย์เลือกพักยาวกว่าเดิม

บรรยากาศห้องพัก

อัตราเฉลี่ยราคาห้อง (ADR) จึงลดลงเหลือ 7,300 บาทต่อคืน จากก่อนโควิด-19 เคยไปแตะสูงสุด 8,000 บาทต่อคืน แต่ชรินทิพย์มองว่าช่วงนี้ควรเน้นการดึงแขกให้พักยาวมากกว่า เพราะยิ่งอยู่ยาวยิ่งมีโอกาสที่ลูกค้าจะการใช้จ่ายภายในรีสอร์ท เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สปา แพ็กเกจทัวร์ มากขึ้น

อีกส่วนหนึ่งคือการหาตลาดใหม่ ล่าสุดเป็น “ออสเตรเลีย” ที่พิมาลัยประสานเอเจนซีและนำเสนอที่พัก ซึ่งได้รับผลตอบรับดีเกินคาด เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ช่วยกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพิงลูกค้ากลุ่มยุโรป

พิมาลัย กระบี่
The Heritage โซนใหม่ที่จะเป็นบาร์วิวทะเล

รวมถึงพิมาลัยเองจะอัปเกรดจุดขายใหม่ ๆ ปลายปี 2566 นี้เตรียมพบกับ “The Heritage” บาร์และร้านขนมไทยที่หวังปั้นเป็น “จุดหมายที่ต้องมาเยือน” บนเกาะลันตา เพราะจะตั้งอยู่ในทำเลที่มองเห็นวิวทะเลรอบร้านได้อย่างงดงาม

และในปี 2567 เตรียมออกแพ็กเกจทัวร์ชุมชน “ตกปลากับชาวประมงเกาะปอ” และนำปลาที่จับได้มาทำอาหารในรีสอร์ท ส่งเสริมเรื่องประสบการณ์ท้องถิ่น (Local Experience) ที่นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่นิยม รวมถึงช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น

กระบี่

รีสอร์ททะเลไทยต้องแข่งกับ “บาหลี-เวียดนาม”

มองในแง่การแข่งขันของรีสอร์ทในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ของไทยหลังโควิด-19 ชรินทิพย์มองว่า หากเป็นตลาดลักชัวรี ไทยจะต้องแข่งขันกับกลุ่มรีสอร์ทชายทะเลระดับท็อปของโลก เช่น มัลดีฟส์ หมู่เกาะมอริเชียส กรีซ

แต่ถ้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่อ่อนไหวด้าน “ราคา” จะต้องแข่งขันกับ “บาหลี” และ “เวียดนาม” เพราะราคาที่พักรีสอร์ทถูกกว่าไทย 10-20%

“ในแง่คุณภาพที่พัก บาหลีหรือเวียดนามแข่งขันกับเราได้ แต่เราจะต้องชูเรื่องฮอสพิทาลิตี้สไตล์ไทยที่เราโดดเด่นกว่ามาก ในด้านการบริการ คนไทยมีความจริงใจมากกว่า และมีความรู้ด้านมารยาทสูงกว่า” ชรินทิพย์กล่าวถึงจุดแข็งที่ทำให้ลูกค้าเลือกมาประเทศไทย และหลายคนประทับใจจนมาพักซ้ำ ซึ่งท่องเที่ยวไทยต้องชูจุดนี้ให้มากขึ้น