เบทาโกร – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 09 Sep 2024 11:15:21 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “เบทาโกร” ปั้นแบรนด์ “บี-ฟู้ดส์” เข้าตลาดสด! เจาะกลุ่มแม่บ้านสายประหยัด-รถทอด-แม่ค้าตลาดนัด https://positioningmag.com/1489275 Mon, 09 Sep 2024 11:12:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1489275 ยักษ์ใหญ่ “เบทาโกร” ขอลงชิงส่วนแบ่งในตลาดสด ปั้นแบรนด์ “บีฟู้ดส์” ทำราคาเข้าถึงได้ง่าย ส่งโปรดักส์กลุ่ม “ไส้กรอกนักเก็ตไก่ยอ” เจาะกลุ่มลูกค้าแม่บ้าน รถขายของทอด แม่ค้าตลาดนัด ชี้เศรษฐกิจตกสะเก็ดทำลูกค้า “ลดงบ” เดินตลาดแทนเข้าห้างฯ

“ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ทำการนำแบรนด์ “บี-ฟู้ดส์” ในเครือมาปรับปรุงเพื่อลุยตลาดเต็มตัว โดยแบรนด์บี-ฟู้ดส์นี้เป็นแบรนด์ที่เบทาโกรปั้นขึ้นเพื่อเจาะเซ็กเมนต์ “ตลาดสด” โดยเฉพาะ

สินค้าภายใต้แบรนด์บี-ฟู้ดส์จะเน้นเป็นสินค้าเนื้อสัตว์แปรรูปที่สามารถปรุงอาหารรับประทานได้ง่ายๆ เช่น ไส้กรอก นักเก็ต โบโลญ่า เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าแม่บ้านสายประหยัด ต้องการอาหารทำทานง่ายที่บ้านและราคาไม่สูง

รวมถึงจะเข้าไปเจาะลูกค้าในกลุ่ม “รถทอด” และแม่ค้าตลาดนัดได้ด้วย เพราะสินค้าหลายตัวเหมาะกับการทำอาหารขาย เช่น ไส้กรอกคอกเทลไก่ (ไส้กรอกแดง), ไส้กรอกฮอทดอกไก่ (ไส้กรอกสีชมพู) หรือไก่ยอลายหินอ่อน

เบทาโกร บี-ฟู้ดส์
ตัวอย่างสินค้าบี-ฟู้ดส์ เช่น ไก่ยอพริก โบโลญ่า ไส้กรอกคอกเทล ไส้กรอกฮอทดอก

ดร.โอลิเวอร์กล่าวว่า เหตุที่ปีนี้เบทาโกรหันมาสนใจเซ็กเมนต์ตลาดสด เพราะพบว่าด้วยสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ทำให้ลูกค้าบางกลุ่มเลือกที่จะลดงบในการจับจ่าย เปลี่ยนจากการซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตมาเดินตลาดสดแทน

โดยตลาดสดที่จริงแล้วถือเป็นตลาดสำคัญ เพราะสินค้าประเภทเนื้อสัตว์และเนื้อสัตว์แปรรูปมีมูลค่าหมุนเวียนในช่องทางขายนี้ปีละกว่า 40,000 ล้านบาท แต่เบทาโกรยังมีส่วนแบ่งน้อยมาก ขณะที่คู่แข่งในกลุ่มนี้เองมีไม่มาก มีบริษัทที่ถือเป็นเจ้าตลาดรายใหญ่ เช่น แหลมทองสหการ แต่เจ้าอื่นๆ มักจะเป็นบริษัทระดับท้องถิ่นมากกว่า

หลังจากนี้เบทาโกรจะเร่งโปรโมตแบรนด์ “บี-ฟู้ดส์” ผ่านการจัดคาราวานเข้าไปในตลาดสดเป้าหมายโดยตรง มีการทำแคมเปญแจกแบนเนอร์ ผ้ากันเปื้อน ร่ม ฯลฯ เพื่อให้เป็นที่จดจำของแม่ค้าและลูกค้าในตลาดสด รวมถึงส่งหน่วยขายเจาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า และหากต้องการสั่งสินค้าเพื่อไปขายต่อสามารถสั่งกับเบทาโกรช็อปสาขาใกล้เคียงได้

จุดขายของบี-ฟู้ดส์ต้องการสื่อสารให้เป็นแบรนด์ลูกของเบทาโกรที่ใช้มาตรฐานการผลิตแบบเดียวกัน จึงไว้ใจได้ในเรื่องความสะอาดปลอดภัย เพื่อจะแข่งขันกับกลุ่มสินค้าแบรนด์ท้องถิ่นให้ได้ และในกรณีกลุ่มแม่ค้าจะเน้นเรื่องการทำกำไร มีช่องว่างราคาให้ขายต่อ

ดร.โอลิเวอร์กล่าวว่า ปกติบี-ฟู้ดส์มียอดขายเพียงปีละ 700-800 ล้านบาท แต่หลังปรับปรุงแบรนด์ใหม่ในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ปีหน้าบี-ฟู้ดส์ทำยอดขายเติบโตได้เป็นเท่าตัว

สำหรับผลประกอบการของ บมจ.เบทาโกร รอบ 6 เดือนแรกปี 2567 ทำรายได้ไป 54,502 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 503.73 ล้านบาท

]]>
1489275
“สลัดแฟคทอรี่” ไม่ได้มีแค่สลัด! คอลแลป “S-Pure” จัดเมนูเจาะ Gen Z – แผนปีนี้บุกเปิดใน “โรงพยาบาล” https://positioningmag.com/1487440 Mon, 26 Aug 2024 09:16:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1487440 สลัดแฟคทอรี่วางเป้าการตลาดสื่อสารว่าร้านนี้ ไม่ได้มีแค่สลัดทำแคมเปญคอลแลป ”S-Pure” พัฒนาเมนูจาก อกไก่กรุยทางเจาะกลุ่มลูกค้า “Gen Z” ปี‘67 วางเป้าเปิดรวม 9 สาขา ลุยพื้นที่ใหม่กลุ่ม โรงพยาบาล”

“ปิยะ ดั่นคุ้ม” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ จำกัด ผู้ก่อตั้งร้านอาหารสุขภาพ “สลัดแฟคทอรี่” (Salad Factory) (*ปัจจุบันอยู่ในเครือ CRG ซึ่งถือหุ้น 51%) เปิดเผยกลยุทธ์การทำตลาดหลังจากนี้ต้องการดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาให้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม “Gen Z” ซึ่งยังไม่รู้จักร้านมากนัก

“ปกติลูกค้าหลักเรามักจะเป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มวัยทำงาน 25 ปีขึ้นไป แต่จริงๆ ยุคนี้แม้แต่วัยรุ่น Gen Z ก็รักสุขภาพมากขึ้น อาหารสุขภาพไม่ได้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เท่านั้น ทำให้ต้องการจะทำตลาดคนรุ่นใหม่” ปิยะกล่าว “แต่จากการสำรวจตลาดพบว่า Gen Z ยังไม่รู้จักร้านเรา หรือมีมุมมองว่าร้านชื่อสลัดก็น่าจะมีแต่ผักซึ่งทำให้คน Gen Z อาจจะไม่อยากเข้าร้าน”

โจทย์นี้ทำให้สลัดแฟคทอรี่จะมีการทำการตลาดที่สื่อสารตรงกับ Gen Z มากกว่าเดิมทั้งเชิงช่องทางโซเชียลมีเดียและลักษณะคอนเทนต์ เพื่อสื่อสารว่าร้านนี้ “ไม่ได้มีแค่สลัด” เพราะมีเมนูอื่นๆ ที่เพื่อนๆ ทั้งกลุ่มมาทานด้วยกันได้

ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) และ “ปิยะ ดั่นคุ้ม” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ จำกัด

 

คอลแลป “S-Pure” ชูเมนูจากอกไก่

ปีนี้ร้านยังพัฒนาเมนูใหม่กลุ่มเนื้อสัตว์มากขึ้นด้วย โดยมีแคมเปญพิเศษ “สุข ฉ่ำ เต็มอก” ซึ่งใช้ผลิตภัณฑ์อกไก่ “S-Pure” จากเบทาโกรมาพัฒนาเมนู 5 เมนูใหม่ ได้แก่ สเต๊กอกไก่บาร์บีคิวเอสเพียวสับปะรดและพริกหวาน, พิซซ่าอกไก่กรอบเอสเพียวฮาวายเอียน, สลัดอกไก่กรอบเอสเพียวยูสุผลไม้รวม, สเต๊กอกไก่ย่างเอสเพียวซอสทรัฟเฟิลพาร์มีซานชีสและผักโขม และสเต๊กอกไก่ย่างเอสเพียวและซัลซาอโวคาโดผลไม้ เปิดจำหน่ายระหว่างวันที่ 8 ส.ค. – 30 ก.ย. 67 เท่านั้น

ปิยะชี้ให้เห็นว่าเมนูใหม่แคมเปญนี้มี 2 เมนูที่ใช้ “ไก่ทอดกรอบ” และมีเมนูที่ลักษณะเป็น “พิซซ่า” ด้วย เพื่อดึงดูดใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น

สลัดอกไก่กรอบเอสเพียวยูสุผลไม้รวม ใช้ของทอดเข้ามาช่วยดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น

ด้าน “ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์” ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแบรนด์ S-Pure ว่าเป็นโปรดักส์ระดับพรีเมียมสูงสุดของบริษัท มีจุดเด่นที่การทำฟาร์มแบบพิเศษ เลี้ยงสัตว์ด้วยอาหารซินไบโอติกส์ ปราศจากฮอร์โมนและยาปฏิชีวนะ ทำให้ดีต่อสุขภาพของผู้รับประทาน

ส่วนการคอลแลปกับร้านอาหาร นำผลิตภัณฑ์ S-Pure มาคิดค้นเมนูและโปรโมตร่วมกันก็เป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้ลูกค้ารู้จักคุณสมบัติของ S-Pure มากขึ้น และช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าร้านอาหารด้วย

 

ขยายเข้า “โรงพยาบาล”

สำหรับการขยายสาขาของ “สลัดแฟคทอรี่” ปิยะระบุว่าเมื่อสิ้นปี 2566 ร้านมีทั้งหมด 39 สาขา ปี 2567 วางเป้าขยายเพิ่ม 9 สาขา ซึ่งจะทำให้สิ้นปีนี้มีสลัดแฟคทอรี่ทั้งหมด 48 สาขา ถือเป็นร้านอาหารสุขภาพที่มีจำนวนสาขามากที่สุดในไทย

ทั้งนี้ ปีนี้มีพื้นที่ตั้งร้านใหม่ๆ ที่บุกเข้าไปมากขึ้นคือ “โรงพยาบาล” เพราะสอดคล้องกับโปรดักส์ มีกลุ่มคนรักสุขภาพและกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ที่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย

สลัดแฟคทอรี่
สลัดแฟคทอรี่ สาขาโรงพยาบาลเมดพาร์ค

โดยสลัดแฟคทอรี่เคยเปิดสาขาแรกใน “โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์” เมื่อปี 2564 ก่อนที่ปีนี้จะขยายไปอีก 4 สาขาคือ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์, โรงพยาบาลเมดพาร์ค, โรงพยาบาลพระราม 9 และโรงพยาบาลวิภาวดี

ลักษณะร้านในโรงพยาบาลจะเน้นเป็นโมเดล ‘Compact Store’ เป็นร้านขนาดกลาง 100-120 ตารางเมตร 40-50 ที่นั่ง เสิร์ฟอาหาร 70-80% ของจำนวนเมนูปกติที่มีในร้านสเกล ‘Full Restaurant’

ปิยะกล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องการขยายสาขาในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง แต่เป็นกลุ่มธุรกิจที่หาที่เช่าไม่ง่ายนัก เพราะพื้นที่เชิงพาณิชย์ในโรงพยาบาลมักจะมีจำกัด

สลัดแฟคทอรี่
สลัดแฟคทอรี่ สาขาอารีย์ซอย 2 เป็นร้านแบบ Full Restaurant จุได้มากกว่า 60 ที่นั่ง และมีที่จอดรถ

ตลาดร้านอาหารสุขภาพในเมืองไทยเป็นเทรนด์ที่มาแรงมากในระยะหลัง ปิยะมองว่ามูลค่าตลาดเมื่อปี 2566 น่าจะแตะ 4,500 ล้านบาท และยังโตต่อเนื่องทุกปี

ในส่วนของบริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ จำกัด เมื่อปี 2566 ทำรายได้ไป 593 ล้านบาท ขณะที่ปี 2567 ตั้งเป้ารายได้แตะ 750 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า

“ปัจจุบันตลาดร้านอาหารสุขภาพมีประมาณ 3 เจ้าใหญ่ที่นำตลาด แต่จำนวนผู้เล่นก็เพิ่มขึ้นสูงมาก จากยุคสิบปีก่อนมีเพียง 3-4 แบรนด์ ขณะนี้มีคู่แข่งมากกว่า 20 แบรนด์ แต่คิดว่าตลาดยังมีพื้นที่ให้เล่นให้โตได้อีก เพียงแต่ว่าผู้เล่นใหม่เข้ามาก็จะต้องวางคอนเซ็ปต์ให้ชัดเจนว่าขายอะไรเป็นหลักและขายใคร” ปิยะกล่าวปิดท้าย

]]>
1487440
“เบทาโกร” เปิดขายหุ้น IPO เคาะราคา 40 บาท ระดมทุน 2 หมื่นล้าน หุ้นอาหารที่ใหญ่ที่สุดของไทย https://positioningmag.com/1403364 Wed, 05 Oct 2022 09:25:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403364 “เบทาโกร” (BTG) เตรียมเปิดจองซื้อหุ้น IPO วันที่ 10-17 ตุลาคมนี้ จำนวน 500 ล้านหุ้น เคาะราคาที่ 40 บาทต่อหุ้น มูลค่าการระดมทุน 20,000 ล้านบาท ขึ้นแท่นหุ้น IPO หมวดอุตสาหกรรมอาหารที่ใหญ่ที่สุดของไทย วัตถุประสงค์ระดมทุนเพื่อขยายฟาร์มและโรงงานใหม่

บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ “BTG” เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 500 ล้านหุ้น (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) พร้อมกำหนดราคาเสนอขายที่ 40.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวมไม่เกิน 20,000 ล้านบาท (รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)

หากมีการจองซื้อเต็มจำนวน จะนับเป็น IPO ของหุ้นในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารที่มีมูลค่าเสนอขายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย และเป็นหุ้น IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำปีนี้

โดยขณะนี้มีนักลงทุนสถาบันจำนวนรวม 25 ราย ลงนามในสัญญาลงทุนในหุ้น BTG เพื่อเป็น Cornerstone Investors คิดเป็นประมาณ 77.1% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบันในเบื้องต้น (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน)

สำหรับนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์สามารถจองซื้อหุ้นได้ในระหว่างวันที่ 10 – 12 และ 17 ตุลาคม 2565 และคาดว่าหุ้น BTG จะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันแรก วันที่ 2 พฤศจิกายนนี้

จุดประสงค์ของการระดมทุนของเบทาโกรนั้น จะนำไปเป็นทุนในการขยายฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ ไม่ว่าจะด้วยการเข้าซื้อกิจการหรือก่อสร้างใหม่ คาดว่าจะมีการใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปี ไปจนถึงปี 2569 ส่วนจุดประสงค์การใช้เงินระดมทุนอื่นๆ จะนำไปชำระหนี้สินของบริษัทและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

 

มีครบต้นน้ำถึงปลายน้ำ

“วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงพื้นฐานธุรกิจของ BTG ว่า บริษัทก่อตั้งมายาวนาน 55 ปี ปัจจุบันทำธุรกิจเกษตรและอาหารตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำ โดยมีการจำหน่ายทั้งในไทยและส่งออกไปต่างประเทศรวม 20 ประเทศ เช่น อังกฤษ สหภาพยุโรป จีน แคนาดา ฯลฯ

ธุรกิจของเบทาโกรแบ่งได้เป็น 4 ส่วนสำคัญ คือ

1.ธุรกิจกลุ่มอาหารและโปรตีน ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ ปลา ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป และผลิตภัณฑ์อาหารทางเลือก (สัดส่วน 68% ของรายได้รวม)

2.ธุรกิจเกษตร ได้แก่ อาหารสัตว์ เวชภัณฑ์สัตว์ อุปกรณ์เลี้ยงสัตว์ และบริการแล็บ (สัดส่วน 25% ของรายได้รวม)

3.ธุรกิจต่างประเทศ หมายถึง การเข้าลงทุนตลอดซัพพลายเชนในต่างประเทศ ปัจจุบันมีการลงทุนแล้วในลาว กัมพูชา และเมียนมา (สัดส่วน 5% ของรายได้รวม)

4.ธุรกิจสัตว์เลี้ยง ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง ขนมขบเคี้ยวสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง (สัดส่วน 2% ของรายได้รวม)

ช่วงครึ่งปีแรก 2565 บริษัททำรายได้รวม 53,285 ล้านบาท เติบโต 24.9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และทำกำไรสุทธิ 3,893 ล้านบาท เติบโต 233.1% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งนี้ รายได้ของเบทาโกรย้อนหลัง 3 ปี (2562-64) มีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 7.3%

 

ทิศทาง “เบทาโกร” สร้างแบรนด์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

“เราเข้าใจความผันผวนของอุตสาหกรรมนี้เพราะเราอยู่มา 55 ปี สิ่งที่เราจะเอาชนะความผันผวนได้ คือ เรามีการสร้างแบรนด์เพื่อทำให้ความผันผวนของราคาลดลง เราเน้นการขายเนื้อสัตว์ที่แปรรูปแล้วมากกว่าการขายสัตว์เป็น” วสิษฐกล่าว เมื่อถูกถามถึงการถูกมองว่าเบทาโกรจะเป็นหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีความผันผวนสูงหรือไม่

การปั้นแบรนด์เองของเบทาโกรเกิดขึ้นมากว่า 15 ปี และทำให้บริษัทมีความแข็งแรงในตลาดมากกว่าเดิมที่ยังไม่มีแบรนด์ โดยเบทาโกรมีแบรนด์สินค้าทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเกษตร ธุรกิจอาหารและโปรตีน และธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง และมีการจัดแบรนด์ครอบคลุมเซกเมนต์ตั้งแต่ระดับพรีเมียม ระดับมาตรฐาน และระดับคุ้มค่า

IPO เบทาโกร

ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจอาหารและโปรตีน จะมีแบรนด์ S-Pure และ ITOHAM อยู่ในกลุ่มพรีเมียม ส่วนแบรนด์ Betagro จะอยู่ในตลาดมาตรฐาน ขณะที่แบรนด์ เช่น บี-วัน จะเป็นตลาดคุ้มค่า

นอกจากการปั้นแบรนด์ให้แข็งแกร่งทั้งในไทยและต่างประเทศแล้ว วสิษฐยังกล่าวถึงธุรกิจที่จะเป็น New S-Curve ในอนาคต ได้แก่ การเปิดแบรนด์อาหารโปรตีนทางเลือก “Meatly” และการร่วมทุนกับ Kerry สร้างธุรกิจจัดส่งสินค้าที่ต้องแช่เย็น “Kerry Cool” ซึ่งถือเป็นการเติมแวลูเชนของบริษัท

อนาคตที่เบทาโกรกำลังศึกษาเพิ่มเติมของธุรกิจใหม่ คือการหาทางเข้าสู่ตลาดอาหารที่สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลานานโดยไม่ต้องแช่เย็น มีอายุยาวนาน ซึ่งจะทำให้ส่งออกต่างประเทศได้ง่ายขึ้นด้วย (ปัจจุบันอาหารของเบทาโกรเป็นอาหารแช่เย็นและแช่แข็ง)

ส่วนทิศทางในระยะยาว ปัจจุบันตลาดโลกมองถึงอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ว่าเป็นตัวการการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเบทาโกรไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการศึกษาและออกผลิตภัณฑ์ Plant-based แล้วดังกล่าว อย่างไรก็ตาม วสิษฐเชื่อว่า โปรตีนทางเลือกจะไม่ได้มา ‘ดิสรัปต์’ กลุ่มโปรตีนดั้งเดิมได้ทั้งหมด เชื่อว่าอนาคตอาหารก็จะยังต้องรับประทานหมู ไก่ ไข่ ปลากันเป็นหลักเช่นเดิม

]]>
1403364
“เบทาโกร” ฉีกแนว! เปิดแคมเปญสนับสนุน “ความหลากหลาย” ของทุกไลฟ์สไตล์ที่ “แตกต่าง” ด้วยอาหารมาตรฐานเดียวกัน https://positioningmag.com/1387943 Mon, 13 Jun 2022 04:00:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1387943

“เบทาโกร” (Betagro) แบรนด์สำหรับทุกไลฟ์สไตล์ ชูเรื่องคุณภาพอาหารที่พร้อมส่งมอบด้วยมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยเดียวกัน ไม่ว่าจะมีตัวตนและไลฟ์สไตล์ “แตกต่าง” กันในรูปแบบไหน แต่ทุกคนมั่นใจได้ในมาตรฐานจากเบทาโกร ภายใต้แคมเปญ ชีวิตแตกต่าง แต่เรื่องอาหารวางใจมาตรฐานเบทาโกร Connect all the differences with Betagro quality ผ่านภาพลักษณ์ใหม่ๆ ด้วยพรีเซนเตอร์ที่นำมาเล่าเรื่องราวของแบรนด์ไม่ใช่กลุ่มคนที่เรามักจะพบเห็นในโฆษณาสินค้าประเภทนี้ ซึ่งมักจะเป็นคนหนุ่มสาวหน้าตาดีตามกรอบบรรทัดฐานสังคม แต่เบทาโกรท้าทายความคิด ด้วยการเลือกกลุ่มคนที่แตกต่างหลากหลาย (Diversity) ในสังคมไทย

โฆษณาชุดนี้ประกอบด้วยความหลากหลายทั้งด้านตัวตนและไลฟ์สไตล์ เปิดมาด้วย “ป๋าตึกภูษิก พัฒนปราการ” ด้วยอายุเฉียด 70 ปีแต่ป๋าตึกยังคงเป็นไอคอนวงการแฟชัน ไม่เคยปล่อยให้อายุเป็นอุปสรรคความเก๋า เป็นตัวแทนของผู้สูงวัยแต่หัวใจยังทันสมัยเสมอ

ตามด้วย “เมย์วรดา เอลสโตว์ ตัวแทนความงามที่แตกต่าง นางแบบที่เคยเป็นโรคซึมเศร้าเพราะยึดติดกับความงามในแบบที่สังคมกำหนด เมื่อเธอเข้มแข็งขึ้น เธอเลือกจะเป็นตัวเองด้วยรูปลักษณ์ทรงผมสกินเฮดสีแดงและรอยสักบนร่างกาย โดยไม่ต้องกังวลกับสายตาของสังคมอีกต่อไป

แคมเปญยังดึงตัวตัวแทนคู่รัก LGBTQ+ พอร์ชอภิวัฒน์ อภิวัฒน์เสรี” และ “อามสัพพัญญู ปนาทกุล” ที่แต่งงานกันมาเกือบ 8 ปี ให้ภาพในโฆษณาพิสูจน์นิยามคำว่า ‘ครอบครัว’ ที่มีหลายรูปแบบกว่าที่สังคมคิด สะท้อนความรักของ LGBTQ+ ที่ยั่งยืน

และคุณ “นาตาเลีย เพลียแคม” แดรกควีนผู้ชนะ Drag Race Thailand ซีซันแรก เสนอความเป็นศิลปินแดรกที่แตกต่างอย่างภาคภูมิใจ ขณะที่ในชีวิตอีกมุมหนึ่ง นาตาเลียคือ “หนูหนึ่ง-อัษฎายุทธ คุณวิเศษพงษ์” ทายาทรุ่น 5 ของร้านขายโลงศพ “มังกรเขียว” สะท้อนภาพชีวิต LGBTQ+ ที่มีหลายด้านหลากมุม


การเปิดแคมเปญครั้งนี้ของเบทาโกรถือว่าเป็นการต่อยอดภาพลักษณ์ของแบรนด์ เพราะในระยะหลังเบทาโกรกำลังปูทางเพื่อเป็นแบรนด์สำหรับ “คนรุ่นใหม่” ทำให้การหยิบยกเรื่อง “ความหลากหลาย” (Diversity) มาเป็นกลยุทธ์สื่อสารแบรนด์นั้นสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่คาดหวัง

อ้างอิงจากผลการศึกษาของ Deloitte พบว่า 94% ของคน Gen Z ต้องการแบรนด์ที่แสดงจุดยืนต่อประเด็นทางสังคม ทำให้แคมเปญของเบทาโกรตอบโจทย์ เพราะเป็นการฉายสปอตไลต์ให้กับผู้มีความหลากหลาย ซึ่งต้องยอมรับว่าสังคมบางส่วนยังมองกลุ่มคนในโฆษณาชิ้นนี้ในเชิงลบ แต่แบรนด์เบทาโกรเลือกที่จะยืนหยัดเพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมกันของทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะมีความต่างทางอายุ เพศ เชื้อชาติ ศาสนา หรือไลฟ์สไตล์ก็ตาม

เบทาโกรถือเป็นแบรนด์ที่อยู่คู่คนไทยมานานกว่า 50 ปี ด้วยคุณภาพและมาตรฐานการผลิตที่พิถีพิถันในทุกกระบวนการ ผลิตภายใต้มาตรฐาน Betagro Quality Management (BQM) เพื่อคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดที่ให้คุณมั่นใจได้ ส่งต่อให้ผู้บริโภคบนความหลากหลายของทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าผู้บริโภคจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหนก็สามารถรับประทานอาหารคุณภาพจากเบทาโกรได้เช่นกัน ตามสโลแกน “Connect all the differences with Betagro quality” ชีวิตแตกต่าง แต่เรื่องอาหารวางใจมาตรฐานเบทาโกร

 

]]>
1387943
กางเเผน ‘KERRY COOL’ กับเป้าหมายเจ้าตลาดขนส่งคุมอุณหภูมิ ปั้น IPO เข้าตลาดหุ้นใน 5 ปี https://positioningmag.com/1360933 Mon, 08 Nov 2021 13:59:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360933 หลังจากสองธุรกิจยักษ์ใหญ่อย่างเคอรี่ เอ็กซ์เพรสเเละเบทาโกรประกาศข่าวใหญ่ร่วมทุนสร้าง แพลตฟอร์มขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิ KERRY COOL ขึ้นมา เมื่อช่วงกลางเดือนต.. วันนี้ก็ถึงเวลากางเเผนรุกธุรกิจเต็มที่ ด้วยเป้าหมาย 3 ปีขึ้นเเท่นผู้นำตลาด เเละใน 5 ปีกับการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ปัจจุบัน ธุรกิจขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิในไทย มีมูลค่าตลาดราว 40,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5% ของตลาดโลจิสติกส์ทั้งหมด โดยแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยปีละ 12-15%

จากการที่ผู้เล่นในตลาดรายใหญ่ยังไม่ค่อยมีมากนัก ส่วนใหญ่เป็นเจ้าเล็กกลาง ยังไม่มีระบบบริการที่มีมาตรฐานเเบบครบวงจร จึงเป็นโอกาสสำคัญของเคอรี่ที่จะเข้ามาอุดช่องว่างนี้

อเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชนบอกว่า KERRY COOL มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 50 ล้านบาท เเต่มีการเตรียมงบลงทุนไว้ถึง 1,000 ล้านบาท 

โดยสัดส่วนการถือหุ้นของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส เท่ากับ 60% และเครือเบทาโกรถือหุ้นอยู่ 40% ซึ่งจะดำเนินงานภายใต้ บริษัท เคอรี่เบทาโกร จำกัด

ทางบริษัท คาดว่า KERRY COOL จะเป็นผู้นำตลาดได้ และสร้างรายได้ให้กับเคอรี่ เอ็กซ์เพรสกว่า 25% ของรายได้รวมในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า

สำหรับจุดเด่นของ KERRY COOL ที่จะเข้ามาทำตลาดนี้ คือการชูความเป็น ‘One stop service’ ที่มีการใช้เทคโนโลยีติดตามได้แบบเรียลไทม์ เข้าถึงทุกพื้นที่ ทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ตามเครือข่ายของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส

⚫ มีระบบ Advanced technology & signaling system ซึ่งถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามอุณหภูมิของพัสดุตลอดการขนส่ง ไปพร้อมกับการติดตามสถานะการขนส่งได้ทุกเวลา

⚫ การควบคุมอุณหภูมิภายในรถแบบ Dual Chamber ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ทั้ง 2 แบบคือแบบแช่เย็นและแช่แข็ง

⚫ นำความเชี่ยวชาญในการเป็นธุรกิจจัดส่งพัสดุด่วนด้วยโมเดล Hub-and-Spoke ของเคอรี่ เอ็กซ์เพรสมาปรับใช้อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยลดต้นทุนและค่าดำเนินการขนส่ง ประหยัดเวลา และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งได้มากขึ้น ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการในราคาที่เข้าถึงได้

⚫ ชื่อเสียงด้านคุณภาพของเบทาโกรที่มีมายาวนานในอุตสาหกรรมอาหาร ที่เน้นความสดเเละความปลอดภัย

⚫ ความยืดหยุ่น (flexible) ในการใช้บริการ โดยลูกค้าสามารถมาสั่งที่ศูนย์บริการด้วยตนเอง หรือจะสั่งให้มารับถึงที่บ้านได้ผ่านเเอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์

โอกาสของ ‘เจ้าใหญ่’ 

วราวุธ นาถประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (KEX) กล่าวว่า บริษัทมองเห็นถึงโอกาสของความต้องการใช้บริการขนส่งเย็นที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่มีการสั่งวัตถุดิบเเบบเดลิเวอรี่อย่างเเพร่หลาย ทั้งในกลุ่มลูกค้าองค์กรและลูกค้าทั่วไปและยังมีช่องว่างทางการตลาดที่จะเข้าไปรุกตลาดนี้ได้

บริการขนส่งแบบ Cold Chain ในปัจจุบันมีเพียงผู้ประกอบการรายเล็กที่ให้บริการ ทำให้บริษัทในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องการขนส่งสินค้า รวมถึงความเชี่ยวชาญของเครือเบทาโกรในเรื่องของการจัดเก็บสินค้าที่มีคุณภาพ นี่คือจุดเเข็งเเละช่องว่างทางการตลาดที่เราจะเข้าไปรุกตลาดนี้ได้

บริษัทวางงบลงทุนรวมไว้ราว 1,000 พันล้านบาทในระยะ 3-5 ปีนี้ โดยจะมีการขยายช่องทางต่างๆ ของ KERRY COOL ทั้งศูนย์ขนส่ง (Distribution Center) และจุดรับสินค้า (Service Point)

โดยได้เริ่มให้บริการในกลุ่มลูกค้า B2B (Business-to-business) ในภาคใต้ก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าของเบทาโกรเเละจะขยายไปในพื้นที่อื่นต่อไป

KERRY COOL จะรุกตลาดอย่างเต็มที่ตั้งเเต่ช่วงต้นปี 65 เป็นต้นไป โดยจะให้เปิดบริการจำนวน 55 ศูนย์ และ Service Point จำนวน 1,000 จุด

สำหรับเเผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/65 บริษัทจะค่อยๆ ขยายฐานกลุ่มลูกค้า B2B และเพิ่มบริการกลุ่มลูกค้า B2C (business-to-consumer) เข้ามาเพิ่มเติม และในไตรมาส 2/65 จะเพิ่มบริการไปที่กลุ่มลูกค้า C2C (Customer to customer) ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า พร้อมเร่งทำการตลาดสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

ในช่วง 3 ปีนี้ เรามองว่า KERRY COOL จะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาด Cold Chain” 

สำหรับวางเป้าหมายผลักดัน KERRY COOL เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เเละ IPO เสนอขายหุ้นให้สาธารณชนนั้น ตั้งเป้าไว้ที่ 5 ปี ซึ่งจะเป็นการต่อยอดโอกาสในการขยายธุรกิจและสร้างการเติบโตได้มากขึ้นในอนาคต

ขยายไปมากกว่า ‘ส่งอาหาร’ 

ด้าน วสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร ตอบคำถามถึงความท้าทายของธุรกิจขนส่งด่วนแบบควบคุมอุณหภูมิ หรือ Cold Chain Delivery ในไทยว่ายังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากโดยเฉพาะในตลาดอาเซียน ซึ่งเห็นว่าความร่วมมือของเบทาโกรเเละเคอรี่จะพัฒนาไปสู่ระดับนั้นได้

โดยนอกเหนือจากสินค้ากลุ่มอาหารเเล้ว ความต้องการใช้บริการขนส่งควบคุมอุณหภูมิ ยังรวมไปถึงในธุรกิจยาและเเละธุรกิจความงาม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอื่นๆ ที่จะเริ่มเข้ามาใช้บริการขนส่งแบบ Cold Chain มากขึ้น เป็น unlock experience ใหม่ๆ ให้ผู้บริโภค

ขณะเดียวกัน พฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคช่วงโควิด-19 ก็มีการซื้อสินค้าและอาหารรวมถึงกลุ่มอาหารสดหรือแช่เย็นแช่แข็งผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น ทำให้ให้ผู้ประกอบการอาหารทั้งรายใหญ่ รายกลาง และรายย่อย ทั้งหมดต้องปรับตัวทางธุรกิจมาให้ความสำคัญกับเรื่องการส่งเดลิเวอรี่มากขึ้น

สิ่งสำคัญของธุรกิจนี้ คือต้องมีระบบที่ดี ครบวงจร ส่งมอบอาหารในคุณภาพสูง รวดเร็ว ปลอดภัย ในราคาที่เข้าถึงได้”

 

]]>
1360933