เศรษฐกิจสิงคโปร์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 04 Jan 2021 07:21:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 GDP สิงคโปร์ทั้งปี 2020 ติดลบ 5.8% เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมเป็นฮับขนส่งวัคซีน https://positioningmag.com/1312780 Mon, 04 Jan 2021 06:42:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1312780 ประเทศเศรษฐกิจสำคัญในอาเซียนอย่างสิงคโปร์ประกาศตัวเลข GDP ทั้งปี 2020 ติดลบ 5.8% หลังเผชิญการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ซ้ำตลอดปี เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ในปีนี้ เตรียมเป็น จุดศูนย์กลางขนส่งวัคซีนไปทั่วภูมิภาค

การที่เศรษฐกิจสิงคโปร์หดตัวลงที่ 5.8% นับเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งเเต่ก่อตั้งประเทศ เเต่ก็ถือว่าดีกว่าที่คาดจากที่รัฐบาลเคยประเมินไว้ว่า GDP ปี 2020 อาจจะติดลบหนักถึง 5-7%

จากการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงครึ่งปีเเรก ด้วยตัวเลข GDPในไตรมาส 2 ที่หดตัวถึง 42.9% สร้างหายนะให้เศรษฐกิจในวงกว้าง เกิดการว่างงานหลายหมื่นตำเเหน่ง แต่สิงคโปร์ก็สามารถควบคุมการเเพร่ระบาดของ COVID-19 ได้ดีขึ้นในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้าย ช่วยบรรเทาการเติบโตที่ตกต่ำลงได้ในระดับหนึ่ง โดย GDP ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 หดตัว 3.8%

เเม้จะเป็นประเทศเกาะเล็กๆ เเต่สิงคโปร์มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงมาก ราว 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 10.16 ล้านล้านบาท) นับเป็นหนึ่งใน “ดัชนีชี้วัด” เสถียรภาพทางเศรษฐกิจภาพรวมของทวีปเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

หากย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของเศรษฐกิจของสิงคโปร์ พบว่า เคยหดตัวรุนเเรงในช่วงปี 1998 อยู่ที่ -2.2% จากผลกระทบของวิกฤตต้มยำกุ้ง จากนั้นในปี 2001 ลดลงในอัตรา -1.1% จากผลกระทบของวิกฤต Y2K เเละในปี 1964 ช่วง 1 ปีประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการจากมาเลเซีย มีสถิติลดลง -3.2% ซึ่งหากมองตัวเลขคาดการณ์จีดีพีของสิงคโปร์ในปี 2020 ที่จะอยู่ราว -5 ถึง -7% เเล้วก็นับว่าจะเป็นสถิติการหดตัวมากที่สุดนับตั้งเเต่ก่อตั้งประเทศ

ในช่วงเดือนเมษายน ปี 2020 รัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศที่เรียกว่า Circuit Breaker เพื่อสกัดการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้เศรษฐกิจส่วนใหญ่ต้องหยุดชะงักไป ถึงพอช่วงเดือนมิ.ภาคธุรกิจต่างๆ ก็เริ่มกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง หลังสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง จากนั้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ก็เริ่มมีการระบาดซ้ำอีกครั้ง เเต่ไม่หนักเท่าช่วงต้นปี โดยยังคงอยู่ในระยะที่สาม หรือเฟส 3 ของการบังคับใช้มาตรการ เเละยังคงมีการควบคุมทางสังคม

ด้านโครงการ Travel Bubble ของฮ่องกงเเละสิงคโปร์ มีอันต้องสะดุด เมื่อ COVID-19 กลับมาเเพร่ระบาดอีกครั้งโดยมีการเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

ตลอดปี 2020 รัฐบาลสิงคโปร์ ออกมาตรการเยียวยาผู้ตกงานเเละได้รับผลกระทบทางรายได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดกับโครงการ COVID-19 Recovery Grant มุ่งช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยถึงปานกลางเเละผู้ประกอบอาชีพอิสระ โดยให้เงินสนับสนุนสูงถึง 500-700 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่เดือน (ราว 1.1-1.5 หมื่นอบาทเป็นเวลา 3 เดือนตามเงื่อนไขเเละคุณสมบัติที่กำหนด

อ่านเพิ่มเติม : สิงคโปร์ เปิดโครงการใหม่ ให้เงินหนุนผู้มีรายได้น้อยปานกลาง ที่ตกงานเเละสูญเสียรายได้

นอกจากนี้ ยังจูงใจเอกชนจ้าง “เเรงงานท้องถิ่น” โดยการทุ่มงบช่วยสมทบเงินเดือนสำหรับจ้างงานชาวสิงคโปร์ สูงสุดเกือบ 7 เเสนบาทต่อคน

ขณะที่ ช่วงปลายปี 2020 สิงคโปร์ได้มีการเริ่มฉีดวัคซีนต้านโรค COVID-19 จากบริษัท ไฟเซอร์ไบโอเอ็นเทค เป็นประเทศแรกในเอเชีย โดยมีการฉีดให้แก่พยาบาลอาวุโสวัย 46 ปีในศูนย์โรคติดต่อแห่งชาติแล้ว ถือเป็นประชาชนรายแรกของประเทศที่ได้รับวัคซีน เเละจะมีการฉีดให้แก่ทีมแพทย์พยาบาลต่อไป

ลี เซียน ลุงนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์แถลงการณ์ว่า ประชากรทั่วประเทศจะได้รับการฉีดวัคซีนฟรีตามความสมัครใจ และอัตราการระบาดที่ลดลงจะทำให้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ตามพื้นที่ของประเทศ

โดยต่อไป ได้เตรียมพร้อมการขนส่งวัคซีนไปยังประเทศอื่น เพื่อยกระดับให้สิงคโปร์กลายเป็นจุดศูนย์กลางของการขนส่งวัคซีนไปทั่วภูมิภาค หลังจากแจกจ่ายวัคซีนให้กับประชากรทั้งประเทศแล้ว พร้อมเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ในปี 2021 นี้

 

 

ที่มา : Straitstimes , CNA 

]]>
1312780
จับตา “สิงคโปร์” เป็นฮับใหม่ของยักษ์เทคฯ จีน…เบนเข็มหาโซนปลอดภัย หนีปมขัดแย้งสหรัฐฯ https://positioningmag.com/1297970 Sun, 20 Sep 2020 13:01:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1297970 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน กำลังเบนเข็มเพิ่มลงทุนธุรกิจไปหาโซนปลอดภัยอย่างสิงคโปร์หลังความขัดเเย้งระหว่างจีนเเละสหรัฐฯ ทีวีความตึงเครียดขึ้นต่อเนื่อง

จากรายงานของ BBC เผยว่า สองยักษ์ใหญ่อย่าง Tencent และ Alibaba กำลังวางเเผนที่จะขยายธุรกิจในสิงคโปร์ ขณะที่ ByteDance บริษัทเเม่ของ TikTok ที่กำลังมีปัญหากับรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ ณ ขณะนี้ ก็มีเเผนลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในสิงคโปร์เร็วๆ นี้ด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันกับรัฐบาลปักกิ่ง กำลังตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะบรรดาบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ที่กำลังตกเป็นเป้าหมาย เเละดูเหมือนสิงคโปร์จะกลายเป็นประเทศปลอดภัยในความขัดเเย้งนี้เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งสหรัฐฯ และจีนมาโดยตลอด

Tencent เทคฯ ยักษ์ใหญ่ของ หม่า ฮั่วเถิง” มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดของจีน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแอปแชทยอดนิยมอย่าง Wechat ประกาศตั้งสำนักงานประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งใหม่ในสิงคโปร์ เมื่อ 15 ..ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่า การขยายธุรกิจในสิงคโปร์จะช่วยส่งเสริมกลยุทธ์ของธุรกิจที่กำลังเติบโตในอาเซียนและพื้นที่อื่น ๆ

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งห้ามการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน WeChat และ TikTok โดยจะมีผลตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 20 .. ด้วยข้ออ้างที่ว่าแอปฯ สัญชาติจีนดังกล่าวเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ 

ล่าสุด Tencent ได้เปลี่ยนชื่อ WeChat เป็น WeCom เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้ก่อนที่จะถูกแบนที่ผู้ใช้งานเฉลี่ย 19 ล้านคนต่อวันในอเมริกา ดังนั้น ผลกระทบจากการถูกแบนจึงมีมากกว่า TikTok เพราะอาจทำให้ผู้ใช้ได้รับผลกระทบจากระบบการโอนเงิน จ่ายเงิน ที่อาจล่าช้าหรือติดขัดตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ 20 ..เป็นต้นไป

ด้าน Alibaba บิ๊กเทคโนโลยีจีนอีกราย มีเเผนจะขยายลงทุนในสิงคโปร์ ซึ่งจะมีการทุ่มเงินเพื่อเพิ่มลงทุนใน Lazada เเละ Grab ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา ขณะที่ ByteDance บริษัทเเม่ของ TikTok ก็มีเเผนจะลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในสิงคโปร์เร็ว ๆ นี้ อีกทั้งบริษัทยังได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง “ธนาคารดิจิทัล” จากธนาคารกลางสิงคโปร์ โดยร่วมมือกับฟินเทคอย่าง Ant Financial ของ Alibaba เเละ Sea ของ Tencent ด้วย 

“ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการแยกระบบเทคโนโลยีของโลกออกจากกัน ดังนั้นเหล่าบริษัทเทคทั้งหลายจึงต้องหาทางดำเนินธุรกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศจีน” Tommy Wu จาก Oxford Economics ให้ความเห็นกับ BBC 

ที่ผ่านมา สิงคโปร์เป็นประเทศเนื้อหอมที่บรรดาธุรกิจเทคโนโลยีต่างชาติให้ความเชื่อมั่น ทั้งในเเง่ในแง่ของระบบการเงินและกฎหมายที่ก้าวหน้า เเละตอนนี้ สิงคโปร์ยังเป็นพื้นที่มั่นคงในสายตาบริษัทจีนต่างๆ ทั้งในแง่ความเป็นกลางระหว่างจีนกับสหรัฐฯ การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของภูมิภาค หลีกหนีจากความวุ่นวายทางการเมืองในฮ่องกงได้ 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสิงคโปร์บอบช้ำจากพิษ COVID-19 มากกว่าที่ประเมินไว้ เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก บ่งชี้สัญญาณการฟื้นตัวที่ต้องใช้เวลานาน โดยตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 2 หดตัวถึง 42.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2020 พร้อมหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งปีนี้ เป็นติดลบ 5-7% จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 4-7% 

Photo : Shutterstock

Nick Redfearn จากบริษัทปรึกษาธุรกิจ Rouse ให้ความเห็นว่า ปกติเเล้ว สำนักงานใหญ่ที่มาเปิดประจำภูมิภาคจะดำเนินธุรกิจแทนบริษัทแม่ ทำหน้าที่เป็นผู้ลงทุนต่อในประเทศอื่น ๆ ทั้งในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งช่วยให้บรรดาบริษัทจีนหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวว่าเป็นทุนจีนโดยตรงได้

อย่างไรก็ตาม ความเห็นอีกมุมจาก Rui Ma นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจีน มองว่า ความเคลื่อนไหวของบริษัทเทคฯ จีนที่สนใจลงทุนสิงคโปร์มากขึ้น ก็ไม่ต่างจากการเข้ามาตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในสิงคโปร์ของบริษัทเทคโนโลยีตะวันตก อย่าง Google, Facebook, LinkedIn และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งความขัดแย้งจีนกับสหรัฐฯ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ต้องย้ายธุรกิจ เเต่เป็นการที่บริษัทจีนมองเห็นโอกาสระยะยาวในการขยายธุรกิจทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ถ้าบริษัทตะวันตกสามารถก้าวสู่ระดับโลกได้ ทำไมบริษัทจีนจะทำไม่ได้” Rui Ma กล่าว

 

ที่มา : BBC 

 

]]>
1297970
สิงคโปร์ จูงใจบริษัทจ้าง “แรงงานท้องถิ่น” สมทบเงินเดือนเพิ่มให้ 1 ปี เกือบ 7 แสนบาทต่อคน https://positioningmag.com/1295938 Tue, 08 Sep 2020 13:47:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1295938 เเก้ปัญหาคนตกงานพุ่ง หลังวิกฤต COVID-19 รัฐบาลสิงคโปร์ออกโครงการใหม่ Jobs Growth Incentive จูงใจเอกชนจ้างเเรงงานท้องถิ่นทุ่มงบช่วยสมทบเงินเดือนสำหรับจ้างงานชาวสิงคโปร์ สูงสุดเกือบ 7 เเสนบาทต่อคน

กระทรวงแรงงานของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้เตรียมเงินไว้มากถึง 1,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (ราว 2.2 หมื่นล้านบาท) สำหรับสมทบเงินเดือนให้กับบริษัทต่างๆ ในกรณีที่ว่าจ้างแรงงานชาวสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมการจ้างแรงงานท้องถิ่นเพิ่มขึ้น

บริษัทที่เข้าร่วมโครงการ Jobs Growth Incentive ครั้งนี้ จะได้รับการสมทบค่าจ้างงานสูงสุด 15,000 เหรียญสิงคโปร์ (ราว 3.4 เเสนบาท) สำหรับแรงงานชาวสิงคโปร์ที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี และสมทบให้สูงสุดถึง 30,000 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 6.89 เเสนบาท) สำหรับแรงงานมีอายุมากกว่า 40 ปี

โดยรัฐบาลสิงคโปร์จะช่วยจ่าย 25% ของเงินเดือน 5,000 เหรียญสิงคโปร์แรกสำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 40 ปี และรัฐบาลจ่าย 50% สำหรับผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้น เป็นระยะเวลา 1 ปี

ทั้งนี้ คุณสมบัติของบริษัทที่จะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว จะต้องเปิดบริษัทก่อนวันที่ 16 ..ที่ผ่านมา และจะได้รับเม็ดเงินสนับสนุนนี้จนถึงช่วงเดือนมี..ในปี 2021

(Photo by Maverick Asio/SOPA Images/LightRocket via Getty Images)

จากปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าที่ผ่านมา ทำให้มีชาวสิงคโปร์ต้องตกงานเพิ่มขึ้น โดยอัตราการว่างงานของสิงคโปร์ในไตรมาส 2 เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 2.9% นับว่ามากที่สุดในรอบ 10 ปี

ก่อนหน้านี้ สิงคโปร์ได้ใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวนมากไปกับต่อสู้กับวิกฤต COVID-19 โดยเดือนที่ผ่านมารัฐบาลได้สนับสนุนเงินกว่า 8,000 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพื่อสร้างแรงจูงใจต่อกลุ่มแรงงานท้องถิ่น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการลาออกและลดอัตราการว่างงาน

สำหรับเป้าหมายของโครงการ Jobs Growth Incentive นั้น หลักๆ คือต้องการช่วยแรงงานชาวสิงคโปร์ที่มีทักษะ เเต่ได้รับผลกระทบต้องถูกเลิกจ้างงานในช่วง COVID-19 ซึ่งในขณะเดียวกันโครงการนี้ก็ส่งผลกระทบต่อเเรงงานต่างชาติที่กำลังหางานใหม่ในสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน

โดยปัจจุบันในสิงคโปร์มีแรงงานต่างชาติอาศัยอยู่ในประเทศราว 1.4 ล้านราย ส่วนใหญ่มาจากเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นแรงงานกลุ่มสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศในภาคธุรกิจต่างๆ

 

ที่มา : CNA , Bloomberg

 

]]>
1295938