เเคนาดา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 21 Nov 2021 07:56:53 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เเคนาดา อนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด ‘ซิโนฟาร์ม-ซิโนแวค-โควาซิน’ เดินทางเข้าประเทศได้ https://positioningmag.com/1363133 Sun, 21 Nov 2021 03:21:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1363133 เเคนาดาอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม เเละโควาซิน เดินทางเข้าประเทศได้ ตั้งแต่วันที่ 30 .. เป็นต้นไป

โดยเป็นการขยายจากปัจจุบันที่ทางการแคนาดาได้ให้การรับรองเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ของ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และแอสตร้าเซเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนที่แคนาดาใช้ฉีดให้ประชาชนในประเทศ

โดยกระทรวงสาธารณสุขของแคนาดา ยังระบุด้วยว่า พลเมืองแคนาดา, ผู้อยู่อาศัยถาวร และผู้ขึ้นทะเบียนภายใต้กฎหมายชนพื้นเมือง รวมไปถึงเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีที่ร่วมเดินทางเเละบุคคลที่มีข้อห้ามทางการแพทย์ในการฉีดวัคซีน ที่เดินทางออกนอกประเทศ ทั้งทางบกหรือทางอากาศ ภายในเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงไม่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานการตรวจโควิด-19 เเบบ RT-PCR เมื่อเดินทางกลับประเทศอีกครั้ง โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 ..นี้เช่นกัน

นอกจากนี้ นับตั้งแต่วันที่ 15 .. 2565 เป็นต้นไป ผู้เดินทางบางกลุ่ม ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดในการเข้าประเทศนั้น จะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสู่แคนาดาได้เมื่อพวกเขาฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้ว

โดยกลุ่มนี้รวมไปถึงผู้ที่เดินทางเพื่อไปพบกับครอบครัว นักศึกษาต่างชาติ นักกีฬาอาชีพและสมัครเล่น ผู้มีใบอนุญาตทำงานถูกกฎหมาย และพนักงานบริการที่จำเป็นด้านอื่นๆ อย่าง คนขับรถบรรทุก เป็นต้น

Jean-Yves Duclos รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของแคนาดา กล่าวว่า แคนาดากำลังเดินหน้าสู่การเปิดพรมแดนทางเศรษฐกิจและสังคมที่กว้างยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง หลังการกระจายวัคซีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ปัจจุบันแคนาดามียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมราว 1.7 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิต 2.9 หมื่นราย

 

ที่มา : business-standard , canada.ca 

]]>
1363133
เเคนาดา เปิดช่องทางพิเศษ ดึงหนุ่มสาว ‘ชาวฮ่องกง’ ย้ายประเทศง่ายขึ้น เสียงตอบรับล้นหลาม ! https://positioningmag.com/1333388 Fri, 21 May 2021 11:52:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333388 ผ่านไปเพียง 3 เดือน หลังที่นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดเปิดช่องการย้ายถิ่นฐานแบบใหม่ให้ชาวฮ่องกงวัยหนุ่มสาว มาอยู่อาศัยในเเคนาดาได้ง่ายขึ้น เเน่นอนว่าโครงการนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มีผู้สมัครมากเกือบ 6,000 คนเเล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่เเล้ว รัฐบาลแคนาดาประกาศจะช่วยเหลือให้เยาวชนชาวฮ่องกง ได้เข้ามาเรียนเเละทำงานในเเคนาดาง่ายขึ้นเพื่อตอบโต้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่กำหนดขึ้นโดยจีน เนื่องจากมีความกังวลต่อสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน และสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง

ภายใต้กฎการขอวีซ่าใหม่นี้ ระบุว่า ชาวฮ่องกงที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในแคนาดา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สามารถสมัครวีซ่าทำงานได้ถึง 3 ปี รวมถึงผู้ที่มีใบรับรองการวุฒิการศึกษาจากต่างประเทศ ก็มีสิทธิ์สมัครได้เช่นกัน

โครงการนี้ ถือเป็นโครงการแรกที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายโดยตรงไปยังชาวฮ่องกงวัยหนุ่มสาวเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2021 ปัจจุบันมีผู้สมัครมาแล้วกว่า 5,727 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤษภาคม) โดยได้รับใบสมัครจากชาวฮ่องกงมากถึง 503 คนภายใน 3 สัปดาห์แรกหลังเปิดตัวโครงการ

แคนาดาและฮ่องกง มีสายสัมพันธ์อันเเน่นเเฟ้นเรื่อยมา จากความต้องการของหนุ่มสาวชาวฮ่องกงที่ต้องการไปยังต่างแดน เราอยากให้พวกเขาเลือกมาที่เเคนาดาเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองผู้ลี้ภัยและพลเมืองแคนาดากล่าว

(Photo by Ivan Abreu/SOPA Images/LightRocket via Getty Images)

แคนาดา นับเป็นบ้านหลังที่สองของชาวฮ่องกงจำนวนมาก โดยมีครอบครัวชาวฮ่องกงย้ายเข้าไปอยู่ในพื้นที่แวนคูเวอร์และโตรอนโต มาตั้งเเต่ก่อนที่อังกฤษจะส่งมอบอาณานิคมเดิมให้กับจีนในปี 1997

หลังจากได้รับสัญชาติแคนาดา มีหลายครอบครัวตัดสินใจกลับบ้านเกิดมาอยู่อาศัยในฮ่องกง ทำให้ปัจจุบันฮ่องกงกลายเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ที่ถือสัญชาติแคนาดาประมาณ 3 เเสนคน ถือเป็นชุมชนชาวแคนาดาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในต่างประเทศ

จากสถานการณ์ขัดเเย้งทางการเมืองเเละการประท้วงครั้งใหญ่ รัฐบาลจีนได้บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2020 ซึ่งประชาชนชาวฮ่องกงหลายคนมองว่าเป็นการริดลอนสิทธิเสรีภาพ ทำให้พลเมืองจำนวนมากที่อาศัยในฮ่องกง ตัดสินใจย้ายถิ่นฐาน ขนสินทรัพย์หลายหมื่นล้านดอลลาร์ไปยังต่างเเดน เพื่อสร้างอนาคตใหม่

เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา สหราชอาณาจักร ประกาศว่าจะมอบเงินสนับสนุน 43 ล้านปอนด์ (ราว 2 พันล้านบาท) ช่วยเหลือชาวฮ่องกงที่ถือหนังสือเดินทางพลเมืองอังกฤษโพ้นทะเล ที่มีศักยภาพสูงกว่า 5 ล้านคนให้เริ่มต้นชีวิตใหม่และตั้งถิ่นฐานในอังกฤษได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการหางาน ที่อยู่อาศัยและการเข้ารับการศึกษา

 

 

ที่มา : Reuters , SCMP 

]]>
1333388
เเคนาดา เริ่มฉีดวัคซีน COVID-19 ล็อตเเรก สั่งจอง “เกินจำนวน” ประชากร เผื่อส่งต่อให้ประเทศยากจน https://positioningmag.com/1310428 Tue, 15 Dec 2020 06:38:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1310428 เเคนาดาเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ของบริษัท Pfizer เเละ BioNTech ล็อตเเรกเเล้ววันนี้ หลังมีการอนุมัติการใช้วัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ผู้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ 5 รายในรัฐออนแทรีโอ เป็นหนึ่งในชาวแคนาดากลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนดังกล่าว เเละคาดว่าวัคซีนราว 2.5 แสนโดส จะส่งถึงแคนาดาภายในเดือนธันวาคมนี้ 

Patty Hajdu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของเเคนาดา กล่าวว่านี่ถือเป็นก้าวเเรกที่สำคัญ เเละยังมีงานหนักหนาที่รออยู่ข้างหน้า ท่ามกลางช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้

การเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรนายังมีอยู่ต่อเนื่อง ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลกแล้วกว่า 72.7 ล้านราย เสียชีวิตรวม 1.6 ล้านราย โดยเฉพาะประเทศในโซนยุโรป สหรัฐฯ เเละเอเชียตะวันออกอย่างญี่ปุ่นเเละเกาหลีใต้ โดยผู้คนใน
สหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็เริ่มได้รับวัคซีน COVID-19 เเล้วเช่นกัน

ทั้งนี้ วัคซีนของ Pfizer ได้รับการอนุมัติการใช้งานแล้วในอังกฤษ แคนาดา บาห์เรน และซาอุดีอาระเบีย มีผลการทดลองที่ยืนยันประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 สูงกว่า 90% โดยเป็นวัคซีนแบบตัดต่อสารพันธุกรรม หรือที่เรียกกันว่า RNA (mRNA)

แคนาดา ได้ทำสัญญาสั่งจองกับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆ อีก 6 รายในตลาดโลก เเละกำลังตรวจสอบวัคซีนอีก 3 ชนิด รวมถึงวัคซีนของบริษัท Moderna ที่คาดว่ารัฐบาลแคนาดาจะอนุมัติการใช้ในเร็วๆ นี้

โดยเเคนาดาได้สั่งจองวัคซีนต้านไวรัสโคโรนา ด้วยจำนวนที่มากกว่าประชากรในประเทศที่มีอยู่ราว 38 ล้านคนไปเกือบ 4 เท่า ซึ่งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดได้เตรียมส่งต่อวัคซีนจำนวนหนึ่งไปยังประเทศยากจนที่ขาดเเคลนทุนทรัพย์ในการจัดการกับวิกฤต COVID-19 ต่อไป

 

ที่มา : AP , ABC News 

 

]]>
1310428
Starbucks งดขายเครื่องดื่มใส่ “เเก้วส่วนตัว” ของลูกค้าในสหรัฐฯ-เเคนาดา ป้องกัน COVID-19 https://positioningmag.com/1267218 Fri, 06 Mar 2020 08:01:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1267218 ร้านกาเเฟเเบรนด์ดัง Starbucks ประกาศงดขายเครื่องดื่มใส่ “เเก้วส่วนตัว” ของลูกค้าในสหรัฐฯ เเละเเคนาดา เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการเเพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)

ทางบริษัทเเจ้งว่า ในช่วงเเพร่ระบาดของโรค COVID-19 นี้ ร้านกาเเฟ Starbucks ทุกสาขาในทวีปอเมริกาเหนือ จะขอระงับการจำหน่ายเครื่องดื่มในภาชนะส่วนตัวของลูกค้า โดยจะจำหน่ายเครื่องดื่มทุกเมนูทั้งร้อนและเย็นในแก้วหรือถ้วยกระดาษแทน

เเม้ตอนนี้จะใช้ภาชนะส่วนตัวบรรจุเครื่องดื่มไม่ได้ แต่ลูกค้าที่นำเเก้วส่วนตัวมาที่ร้าน ให้แสดงต่อพนักงานที่เคาน์เตอร์ จะยังคงได้รับส่วนลด 10 เซนต์ (ราว 3 บาท) ตามปกติ

Rossann Williams รองประธานบริหารของ Starbucks ระบุว่า “เรามองในแง่ดีว่า นี่จะเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น”

 

ก่อนหน้านี้ Starbucks หนึ่งในเชนร้านกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลกของสหรัฐฯ ได้ประกาศเพิ่มมาตรการการทำความสะอาดร้าน เเละและห้ามพนักงานทุกระดับเดินทางโดยเครื่องบินจนถึงสิ้นเดือน มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม Starbucks ยังไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจนว่าการงดขายเครื่องดื่มใส่ “เเก้วส่วนตัว” ของลูกค้าในอเมริกาเหนือ จะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงเมื่อใด

ทั้งนี้ การให้ส่วนลดแก่ลูกค้าที่นำเเก้วส่วนตัวมาเองนั้นมีมาตั้งเเต่ปี 1985 ขณะที่ในปี 2010 ทาง Starbucks ได้เปิดตัวแคมเปญที่ส่งเสริมการใช้แก้วน้ำส่วนตัวเพื่อลดปริมาณขยะกระดาษด้วย

 

ที่มา : CNN

]]>
1267218
ไม่หวั่นศึกร้านกาแฟ ตระกูล “วัธนเวคิน” พา Tim Hortons เเบรนด์ดังจากแคนาดาบุกไทย https://positioningmag.com/1260459 Tue, 14 Jan 2020 10:10:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1260459 เปิดศึกตลาดกาเเฟพรีเมียมในไทยตั้งเเต่ต้นปี เเม้จะมีการเเข่งขันดุเดือดทั้งเชนร้านกาเเฟในประเทศเเละเเบรนด์ดังต่างชาติ เเต่ก็เป็นโอกาสทองให้เจาะได้เสมอ ล่าสุดเเบรนด์ยอดนิยมจากเเคนาดา “Tim Hortons” กระโจนเข้าสมรภูมิเอาใจคนรักกาเเฟ ต่อยอดกลยุทธ์บุกตลาดโลก โดยเฉพาะในเอเชีย จับมือกับตระกูล “วัธนเวคิน” ปักหมุดสาขาแรกในไทยแล้ว ได้ทำเลดีหน้าสามย่านมิตรทาวน์ 

“ธุรกิจนี้เเม้จะมีคู่เเข่งมากมาย เเต่ก็เติบโตพอที่จะทำให้มีผู้เล่นที่หลากหลายได้ เราจึงโฟกัสไปที่การให้ประสบการณ์เเละไลฟ์สไตล์ใหม่กับคนไทย” สุพัชร วัธนเวคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วีอีท จำกัด กล่าวถึงความท้าทายของธุรกิจร้านกาเเฟในไทย 

สุพัชร วัธนเวคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วีอีท จำกัด

ไม่หวั่นเเข่งดุ ปีนี้ตั้งเป้าขยาย 15 สาขา

ตลาดกาแฟในประเทศไทยที่มีมูลค่ากว่า 36,000 ล้านบาท (ข้อมูลปี 2018) นั้นเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดผู้ลงทุนทั้งรายเล็กรายใหญ่ โดยเฉพาะเชนร้านกาเเฟดังจากต่างประเทศที่เข้ามาตีตลาดคนรุ่นใหม่ หนุ่มสาววัยทำงานได้อย่างอยู่หมัด 

Tim Hortons (ทิม ฮอร์ตันส์) ตั้งเป้าว่าปีนี้จะขยายสาขาในไทยให้ได้ 15 สาขา เเต่ยังไม่ระบุรูปแบบของร้านว่าจะเป็นสาขาในห้างสรรพสินค้า สเเตนด์อโลนหรือร้านขนาดเล็กที่เป็นรถฟู้ดทรักเหมือนในเเคนาดา

“สาขาต่อไปเราจะมองโลเคชั่นเป็นหลัก ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ หรือเมืองอื่น ๆ” ผู้บริหารวีอีทกล่าว 

โดยสาขาเเรกในศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เขามองว่าเป็นทำเลที่ดีมาก เเละจับกลุ่มตลาดในทุกช่วงวัยตามเป้าหมายของบริษัท เพราะมีทั้งชาวต่างชาติ พนักงานออฟฟิศเเละใกล้มหาวิทยาลัย การเดินทางก็สะดวกสบาย 

เศรษฐีวัธนเวคิน กระโจนสู่ธุรกิจอาหาร 

Tim Hortons สาขาเเรกในไทยจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 มกราคมนี้ หลังจากบรรลุข้อตกลงกับบริษัทแม่อย่าง Restaurant Brands International (RBI) เจ้าของแบรนด์ Tim Hortons เเละแบรนด์ระดับโลกอย่าง Burger King เเละ Popeyes โดยบริษัท วีอีท จำกัด (WeEat) เป็นผู้ได้สิทธิ์ในการนำแบรนด์ Tim Hortons เข้ามาขยายตลาดในเมืองไทยแต่เพียงผู้เดียว 

ทั้งนี้ วีอีท (WeEat) บริษัทภายใต้การแผนการขยายธุรกิจไปยังธุรกิจด้านอาหารของตระกูล “วัธนเวคิน” (ตระกูลเศรษฐีอันดับที่ 43 ของไทย จากการจัดอันดับของ Forbes) ซึ่งเป็นที่รู้จักดีในหลากหลายธุรกิจ เช่น ธนาคารเกียรตินาคิน, เครือ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป, บริษัท น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน)

การเข้ามาของ Tim Hortons จึงนับเป็นก้าวสำคัญของการขยายธุรกิจอาหารของ “วัธนเวคิน” เพราะตั้งบริษัทวีอีท ขึ้นมาเพื่อดูเเล Tim Hortons ในไทยโดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้ มีการเตรียมการทำวิจัยลูกค้าเเละตลาดมากว่า 2-3 ปีก่อนจะเกิดดีลนี้ขึ้นมา 

สุพัชร บอกว่า เรากำลังมองหาโอกาสในการเจาะตลาดค้าปลีกเกี่ยวกับอาหาร ที่มีการเติบโตของธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องทีอยู่ที่ 13% ต่อปีในระหว่างปี 2555-2560” 

โดยอ้างอิงจากข้อมูลของ Euromonitor ที่ระบุถึงอุตสาหกรรมร้านอาหารบริการด่วนโดยที่มีเมนูกาแฟประกอบอยู่ด้วย และเติบโตในอัตราที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นที่ 22% ระหว่างปี 2559 ถึงปี 2561 

“ขณะเดียวกัน เรามองเห็นช่องว่างในการเติบโตอย่างเป็นไปได้ เนื่องจากการบริโภคกาแฟของตลาดไทยมีอัตราส่วนต่อคนอยู่ต่ำกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วทางตะวันตกและประเทศศูนย์กลางเศรษฐกิจในเอเชีย ยิ่งไปกว่านั้น ในตลาดไทย เมื่อเทียบกับ Tim Hortons มีแบรนด์กาแฟระดับโลกเพียงไม่กี่แบรนด์เท่านั้นที่ขยายธุรกิจอยู่อย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเรามั่นใจว่ากาแฟยอดนิยมของแคนาดาจะไม่ทำให้ลูกค้าชาวไทยผิดหวัง”

กาแฟดังจากแคนาดา รุกตลาดไทย-อาเซียน 

ด้าน Alex Macedo ประธานของ Tim Hortons ระบุในแถลงการณ์ว่า พวกเราตื่นเต้นอย่างมากที่จะนำแบรนด์ของ Tim Hortons ไปเปิดที่ประเทศไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเติบโตไปทั่วโลก เเละมองว่าตลาดกาแฟในประเทศไทยเป็นตลาดที่มีการเติบโต นอกจากนี้พาร์ตเนอร์ของเรามีความเข้าใจอย่างมากในตลาดเครื่องดื่มของไทย จึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะประสบความสำเร็จในการเปิดสาขาในประเทศไทย

yahoo finance รายงานว่า บริษัทแม่อย่าง Resturant Brands International (RBI) ได้ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ขยายสาขาทั่วโลกเป็น 40,000 สาขาภายใน 8-10 ปีนี้ จากที่มีอยู่ 26,000 สาขา โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตปีละ 5-6% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จึงเร่งเกมตีตลาดในเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศจีนที่ Tim Hortons เปิดสาขาแรกเมื่อเดือน ก.พ. 2019 และเตรียมขยายไปทั่วจีนถึง 1,500 สาขาภายใน 10 ปีข้างหน้า 

ขณะเดียวกันก็มองเห็นโอกาสทองในอาเซียน โดยก่อนหน้านี้เข้าไปทำตลาดในสิงคโปร์เเละฟิลิปปินส์ ตอนนี้ก็มาถึงคิว “ไทย” ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 14 ในเเผนการขยายตลาดโลกของ Tim Hortons 

สไตล์เเคนาดาผสมวัฒนธรรมไทย

“จุดเด่นของเราคือคุณภาพเเละการสร้างความพึงพอใจ มีเเบรนด์ที่เเข็งเเกร่งพอจะต่อยอดการรับรู้ได้เเพร่หลาย โดยวัตถุดิบจะนำเข้า 100% ควบคุมรสชาติเเละการบริการเเบบในเเคนาดา สิ่งสำคัญที่เราทำคือการผสมผสานการตกเเต่งเเบบ Canadian Coffee House ที่มีวัฒนธรรมไทย เเละตั้งใจจะทำให้ทุกสาขาที่จะเปิดต่อไปมี “เรื่องเล่า” ที่เป็นเอกลักษณ์ เช่นสาขาเเรกนี้ เราก็มีการตกเเต่งด้วยกลิ่นอายสามย่าน ให้โดดเด่นว่าเป็น Tim Hortons เเละดึงดูดด้วยความเป็นไทย” 

ร้านแรกของ Tim Hortons (ทิม ฮอร์ตันส์) ในประเทศไทยจะอยู่ที่ชั้น G ณ สามย่าน มิตรทาวน์ รองรับลูกค้าได้มากกว่า 118 ที่นั่ง และมีพื้นที่ถึง 352 ตารางเมตร  

เมนูเเนะนำคือ “ทิมส์ ลาเต้” กาแฟไนโตร โคลด์ บรูว์ เเละเมนูขายดีในแคนาดาอย่าง “ดับเบิ้ล ดับเบิ้ล” “ซิกเนเจอร์ ไอซ์แคป” เเละ “ทิมบิทส์” ซึ่งมาในหลากหลายรสชาติ เช่น ช็อกโกแลตทรัฟเฟิล และคุกกี้ครัมเบิ้ล ส่วนเมนูอาหารที่ถูกคิดค้นขึ้นสำหรับเมืองไทย เช่น บาร์บีคิว พูลพอร์ค พานินี่ แซนด์วิช และ ทูน่ากริลล์ชีสเมลท์ เป็นต้น ราคากาเเฟเริ่มต้นที่ 75 บาท 

“เราพยายามตั้งราคาให้ผู้บริโภคไทยเข้าถึงได้มากที่สุด” ผู้บริหารวีอีทกล่าว 

สำหรับ Tim Hortons เป็นหนึ่งในธุรกิจอาหารบริการด่วนที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1964 ที่เเคนาดา ปัจจุบันมีจำนวนสาขามากกว่า 4,850 สาขาทั่วโลก ยอดขายกว่า 2 พันล้านเเก้วต่อปี 

อย่างไรก็ตาม สมรภูมิร้านกาเเฟในไทย เเม้จะเป็นเเบรนด์ใหญ่เเต่ก็ประมาทไม่ได้ ก่อนหน้านี้ร้าน Costa Coffee กาแฟพรีเมียมจากประเทศอังกฤษที่เข้ามาเปิดสาขาในไทย ก็ต้องกลับบ้านไปเพราะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงต้องมาดูว่า Tim Hortons จะฉายเเววคว้าโอกาสนี้ไว้ได้หรือไม่ 

 

]]>
1260459
ชาวอเมริกัน กำลังเสี่ยงไม่มี “เฟรนช์ฟรายส์” กิน ! https://positioningmag.com/1255909 Wed, 04 Dec 2019 11:22:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1255909 อากาศที่หนาวเย็นยะเยือกทางตอนเหนือของสหรัฐฯ เเละเเคนาดา อันเป็นผลมาจากพายุเฮอริเคนโดเรียน กำลังสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเกษตรกรผู้ปลูก “มันฝรั่ง” ส่งผลให้เกิดการขาดเเคลนในตลาด

ผู้ประกอบการต่างพากันเร่งซื้อมันฝรั่งและส่งสินค้าไปทั่วอเมริกาเหนือ เพื่อให้เฟรนซ์ฟรายส์ยังคงอยู่ในเมนูหลักของร้านอาหาร เเละเริ่มมีการกักตุนทำให้ราคา “เฟรนช์ฟรายส์” ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

โดยอากาศหนาวเย็นได้เข้าปกคลุมอเมริกาเหนือ ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา สร้างความเสียหายให้พืชผลการเกษตร โดยเฉพาะ “มันฝรั่ง” ที่ถูกน้ำค้างแข็งปกคลุมทำให้ชื้นและเน่าเสีย เกษตรกรในหลายพื้นที่จำใจต้องทิ้งผลผลิตจำนวนมาก เเต่ก็มีบางพื้นที่อย่างรัฐอัลเบอร์ตาของแคนาดาและรัฐไอดาโฮของสหรัฐฯ ที่ยังพอเก็บเกี่ยวผลผลิตได้

“ต้นทุนการนำเข้าเเละส่งออกมันฝรั่งอาจเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่สามารถส่งออกได้ในปริมาณมาก” Stephen Nicholson ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสของธนาคาร Rabobank กล่าว

ด้าน Travis Blacker ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมสัมพันธ์ของคณะกรรมการมันฝรั่งของรัฐไอดาโฮ เปิดเผยว่า “ความต้องการเฟรนช์ฟรายส์กำลังเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่วัตถุดิบที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการได้”

ขณะที่สมาคมผู้ปลูกมันฝรั่งแห่งแคนาดา คาดการณ์ว่า ผลผลิตจะตกต่ำที่สุดตั้งเเต่ปี 2010 โดยมีพื้นที่ปลูกมันฝรั่งราว 12,000 ไร่ หรือ 18% ของพื้นที่เพาะปลูกในรัฐแมนิโทบา ซึ่งเป็นรัฐเพาะปลูกมันฝรั่งอันดับ 2 ของแคนาดาถูกทิ้งร้างไม่ได้รับการเก็บเกี่ยว

ในเวลาเดียวกัน รัฐอัลเบอร์ตาซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกอันดับ 3 มีพื้นที่เพาะปลูกราว 6.5% ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำค้างแข็ง ส่วนรัฐปรินซ์เอ็ดเวิร์ดไอแลนด์ซึ่งมีพื้นที่ปลูกมันฝรั่งมากที่สุดในแคนาดา ยังไม่มีการเปิดเผยความเสียหายอย่างเป็นทางการ

กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ประเมินว่า ผลผลิตมันฝรั่งของสหรัฐฯ จะลดลง 6.1% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับจากปี 2010 โดยรัฐไอดาโฮซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกสูงที่สุดในประเทศคาดว่าจะลดลงถึง 5.5%

ที่มา : bloomberg
ภาพ : Pixabay

]]>
1255909
เอาจริง! เเวนคูเวอร์ สั่งเเบน “พลาสติก” เเบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง มีผลบังคับปีหน้า https://positioningmag.com/1255414 Fri, 29 Nov 2019 13:13:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1255414 แวนคูเวอร์ มีมติห้ามการใช้หลอด ถุง และผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยจะมีผลตั้งเเต่เดือน เม.ย. 2020 เป็นต้นไป ถือเป็นเมืองใหญ่เมืองแรกในแคนาดาที่จะมีกฎหมายห้ามใช้พลาสติกอย่างครอบคลุม

โดยเมืองแวนคูเวอร์จะห้ามใช้หลอดพลาสติกตั้งแต่วันที่ 22 เมษายนปีหน้า ส่วนถุงพลาสติก รวมทั้งที่ผลิตจากวัสดุย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (biodegradable material) จะห้ามใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021

ทางการระบุว่า หลอดและถุงพลาสติกเป็นขยะกว่า 3% ของขยะทั้งหมดที่ถูกซัดมาเกลื่อนชายหาดในแต่ละปี เเละจากผลการศึกษาที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเมื่อต้นปีที่ผ่านมาพบว่า ผลิตภัณฑ์พลาสติกในแคนาดาเกือบ 90 % ถูกฝังกลบหรือปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม

สำหรับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ซึ่งหลายประเทศกำลังมุ่งลดมลพิษจากพลาสติก

Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีเเห่งแคนาดา ประกาศเเผนการเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาว่าจะห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เช่นหลอด ถุงและช้อนส้อมให้มีผลบังคับใช้ในประเทศอย่างเร็วที่สุด ในช่วงต้นปี 2021

โดยก่อนหน้านี้ เทศบาลเมืองมอนทรีออล ในรัฐควิเบก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของเเคนาดา รองจากโทรอนโต ได้ห้ามใช้พลาสติกเเบบใช้ครั้งเดียวทิ้งมาตั้งเเต่ปี 2018

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจต่างๆ จะยังคงต้องสำรอง “หลอด” ไว้บริการหากกรณีมีการร้องขอจากลูกค้า

ด้านสภาค้าปลีกแคนาดา ที่เป็นตัวแทนธุรกิจค้าปลีกทั่วประเทศ กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยเเย้งว่า นโยบายนี้ไม่เป็นผลดีทั้งกับธุรกิจเเละสิ่งเเวดล้อม เนื่องจากครัวเรือนจะต้องซื้อถุงเเยกเพิ่มเพื่อนำมาใส่ขยะหรือมูลสัตว์เลี้ยง เพราะไม่มีถุงพลาสติกเก่าให้ใช้ซ้ำ เเละถุงขยะที่ต้องซื้อใหม่นี้ยังมีความเหนียวเเละย่อยสลายได้ยากกว่า ในขณะเดียวกันภาคธุรกิจก็มีต้นทุนเพิ่มขึ้นด้วย

ที่มา : Reuters
ภาพ : Pixabay

]]>
1255414