แม็คกรุ๊ป – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 14 Jul 2023 15:22:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เจาะภารกิจ “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” หลังสวมหมวกใบใหม่ที่ “แม็คกรุ๊ป” ตะลุยโจทย์ “หน้าร้าน+คนขาย” https://positioningmag.com/1437804 Fri, 14 Jul 2023 10:40:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1437804 หลังจาก “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” เซอร์ไพรส์วงการตัดสินใจ าออกากไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป และเข้ารับตำแหน่ง ‘Deputy CEO’ ที่ KERRY ฉีกสายธุรกิจจากร้านอาหารเข้าสู่วงการโลจิสติกส์ ล่าสุดประพัฒน์เลือกย้ายบ้านอีกครั้ง โดยเข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขายที่ “แม็คกรุ๊ป” รับความท้าทายใหม่ในธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่น กับภารกิจหลักอาศัยความเชี่ยวชาญเดิมช่วย “ขยายสาขาหน้าร้าน” และ “บริหารคน”

ความเดิมตอนที่แล้วของมือบริหารคนสำคัญ “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” คือการเลือกย้ายออกจากบ้านหลังเก่าที่ “ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป” แม้จะเป็นบ้านที่อยู่มานานถึง 15 ปี เพื่อรับตำแหน่งใหม่เป็น ‘Deputy CEO’ กับโลจิสติกส์ชื่อดัง บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KERRY ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2565

เหตุผลที่เขาให้ไว้ขณะนั้น คือ ต้องการจะท้าทายตัวเองก่อนเข้าวัยเกษียณในอีก 10 ปี โอกาสที่ได้รับจาก KERRY จะทำให้เขาได้เข้าสู่แวดวงธุรกิจใหม่ และได้ทำงานในระดับ CEO

เวลาผ่านไปปีกว่าหลังย้ายบ้านไป KERRY ประพัฒน์ปรากฏตัวอีกครั้งที่ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เมื่อเดือนมีนาคม 2566 ในฐานะ “ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย” กลับเข้าสู่วงการรีเทลอีกครั้งแต่เป็นอุตสาหกรรมใหม่ในสายเสื้อผ้าแฟชั่น

“ประพัฒน์ เสียงจันทร์” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

“จริงๆ อยากลองได้ทำงานในบริษัทคนไทย และเผอิญรู้จักกับคุณเจมส์อยู่แล้ว (– เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ซีอีโอ แม็คกรุ๊ป) เขาเลยชวนเข้ามา ซึ่งพอไปศึกษาพื้นฐานบริษัทก็พบว่า แม็คกรุ๊ปเป็นบริษัทที่แข็งแรงและน่าร่วมงานด้วย” ประพัฒน์กล่าว

แม้เป็นครั้งแรกในสายแฟชัน แต่ประพัฒน์มองว่าพื้นฐานคือการเป็นธุรกิจ “รีเทล” ที่คล้ายกับสมัยบริหารธุรกิจร้านอาหาร เพราะมีหน้าร้านสาขา ต้องบริหารคนจำนวนมาก เทรนด์พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันในตลาดสูงด้วยจำนวนคู่แข่ง

ดังนั้น ประสบการณ์ของประพัฒน์จะถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ โดยเรื่องหลักที่เขาได้รับมอบหมายคือ “การขยายสาขาหน้าร้าน” และ “บริหารคน”

แม้แต่ในสถานีน้ำมันแม็คยีนส์ก็มีหน้าร้านสาขา ภายใต้แบรนด์ Mc Outlet

 

ขยายสาขา + ปรับวิธีการขาย

ประสบการณ์ของประพัฒน์ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานทำให้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้ให้เช่าพื้นที่ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และสถานีน้ำมัน เนื่องจากเคยทำงานเป็น Area Manager กับ ExxonMobil และเคยเป็นฝั่งผู้เช่าพื้นที่สมัยทำงานกับ Boots Retail (Thailand) ก่อนจะมาอยู่กับ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป เจ้าของแบรนด์ร้านอาหารดัง เช่น เบอร์เกอร์คิง, เดอะ พิซซ่า คอมปะนี

การทำหน้าที่สร้าง ‘Landlord Partnership’ จึงเป็นงานถนัด และจะทำให้การขยายสาขาของ “แม็คยีนส์” เป็นไปได้ตามเป้า

แม็คกรุ๊ป
แม็คยีนส์ สาขาเซ็นทรัล หาดใหญ่

ส่วนในเรื่อง “บริหารคน” ก็เช่นกัน งานหน้าร้านเป็นงานที่ใช้คนจำนวนมาก แม็คยีนส์ที่ปัจจุบันมีหน้าร้าน 600 สาขา และมีพนักงานกว่า 1,600 คน เป็นอีกภารกิจที่ประพัฒน์จะเข้ามาปรับปรุง

“คนเราซื้อของด้วย emotional มากกว่านะ ราคามันจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ถ้าของมี storytelling มีเรื่องเล่าที่ดีว่าน่าซื้ออย่างไรก็จะขายได้” ประพัฒน์อธิบาย “พนักงานขายจะไม่ใช่เพียงแค่พูดว่า ‘ซื้อ 2 ชิ้นลด 30% นะคะ’ แต่เขาควรจะทราบประวัติของแบรนด์ ของยีนส์แต่ละรุ่น สามารถเล่าได้ว่ายีนส์เรามีคุณภาพ สวยตรงไหน เพื่อทำให้มีเรื่องราวของแบรนด์”

คนเราซื้อของด้วย emotional มากกว่านะ ราคามันจะเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ถ้าของมี storytelling มีเรื่องเล่าที่ดีว่าน่าซื้ออย่างไรก็จะขายได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องการบริหารคนนั้นประพัฒน์ยอมรับว่า ‘ไม่ง่าย’ เพราะพนักงานขายมีจำนวนมากหลักพันคนทั่วประเทศ การจะเทรนนิ่งให้เปลี่ยนวิธีการขายนั้นจะต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ต้องทำเพื่อให้ประสบการณ์ในร้านช่วยส่งเสริมการสร้างแบรนด์ด้วย

 

แบรนด์ไทยที่ต้องสู้กับแบรนด์นอก

ถ้าจะมีสิ่งไหนที่เปลี่ยนไปจากประสบการณ์ที่ประพัฒน์เคยทำงานมา เขากล่าวว่าน่าจะเป็นเรื่อง “แบรนด์” เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ทำงานกับแบรนด์ไทยและต้องสู้กับแบรนด์ต่างชาติ สลับด้านกับที่ส่วนใหญ่เขาจะได้ทำงานกับแบรนด์นอกมากกว่า

แม็คยีนส์
สินค้าไลฟ์สไตล์ของแม็คยีนส์

โชคดีที่ “แม็คยีนส์” มีความแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมจากการก่อตั้งมานาน 48 ปี ปัจจุบันยังเป็นยีนส์ขายดีอันดับ 1 โจทย์จึงเป็นการยึดบัลลังก์นั้นไว้ให้มั่น

“ตามกลยุทธ์บริษัทเราจะปรับแบรนด์ให้เป็น Lifestyle Brand มากขึ้น คือเมนหลักของสินค้ายังเป็นยีนส์ แต่จะต้องมีสินค้าอื่นมาใส่กับยีนส์ให้ครบขึ้น เช่น เสื้อยืด หมวก กระเป๋า รองเท้า และต้อง ‘capture trend’ ตามเทรนด์แฟชั่นให้ทันว่าตอนนี้วัยรุ่นนิยมใส่ยีนส์ทรงไหน แบบไหน” ประพัฒน์อธิบาย

ส่วนประสบการณ์กว่า 1 ปีที่ได้จาก KERRY ก็ไม่ได้หายไปไหน ประพัฒน์กล่าวว่าเขาจะนำความรู้และบุคลากรมาช่วยให้ “แม็คกรุ๊ป” สร้างตลาดออนไลน์ได้มีประสิทธิภาพขึ้น ด้วยการลดเวลาจัดส่งสินค้าและลดต้นทุนการขนส่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะช่องทางขายออนไลน์โตดับเบิลดิจิต และคู่แข่งต่างโดดเข้ามาชิงลูกค้าในช่องทางนี้

]]>
1437804
“แม็คยีนส์” ดึง “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ตั้งเป้าปี’67 โตดับเบิล ดิจิตต่อเนื่อง https://positioningmag.com/1434742 Tue, 20 Jun 2023 11:01:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1434742
  • ผลประกอบการ “แม็คกรุ๊ป” 9 เดือนแรกรอบบัญชีปี 2566 ทำรายได้เติบโต 24% กำไรสุทธิโต 22% จากกลยุทธ์การปรับตัวมาตลอด 1 ปี และสภาวะตลาดดีขึ้น
  • ต้อนรับรอบบัญชีปี 2567 “แม็คยีนส์” เปิดตัว “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ ตอกย้ำคอนเซ็ปต์แบรนด์ยีนส์ที่ใส่ได้หลากหลายไลฟ์สไตล์
  • ตั้งเป้าปี 2567 เติบโตต่อแบบดับเบิล ดิจิต ทุ่มงบการตลาดเป็น 100 ล้านบาท
  • “เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทรอบบัญชีปี 2566 ช่วง 9 เดือนแรก (ก.ค. 2565 – มี.ค. 2566) ทำรายได้ไป 2,847 ล้านบาท เติบโต 24% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 525 ล้านบาท เติบโต 22% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

    เจมส์คาดว่ารอบบัญชีปี 2566 บริษัทน่าจะทำรายได้แตะ 3,700 ล้านบาทได้ ซึ่งจะกลับไปเทียบเท่ากับรอบบัญชีปี 2562 ส่วนกำไรสุทธินั้นแค่เพียง 9 เดือนแรกสามารถทำได้สูงกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว

    สาเหตุที่ผลประกอบการแม็คกรุ๊ปปรับตัวดีขึ้นมาจากการปรับกลยุทธ์ภายในมาตั้งแต่ปี 2564-65 เช่น การปรับพอร์ตสินค้าให้เป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่มากกว่าสินค้ายีนส์ เสริมยอดขายต่อบิลได้สูงขึ้น, ปรับหน้าตาร้านค้าให้ดึงดูดลูกค้าได้ดีขึ้น, เพิ่มความแข็งแกร่งของระบบ CRM

    แม็คยีนส์
    (จากซ้าย) “เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน), “อนันดา เอเวอริ่งแฮม” แบรนด์ แอมบาสเดอร์ แม็คยีนส์ และ “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

    รวมถึงตลาดที่ฟื้นตัวจากการปลดล็อกกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในไตรมาสแรกของรอบปีบัญชีนี้ (ก.ค.- ก.ย. 2565) รายได้ของแม็คกรุ๊ปดีดตัวขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างมาก

    ทั้งหมดทำให้วันนี้แม็คกรุ๊ปฟื้นจากช่วงโควิด-19 ซึ่งเคยเผชิญวิกฤตจากที่ศูนย์การค้าต้องปิดชั่วคราวเพื่อป้องกันโรคระบาด

     

    วางเป้าปี 2567 โต “ดับเบิล ดิจิต” ต่อเนื่อง

    เจมส์กล่าวต่อว่า กลยุทธ์รอบบัญชีปี 2567 ของ “แม็คยีนส์” หลายอย่างจะสานต่อจากที่ปรับตัวมาตลอดและจะชัดเจนยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็น 4 กลยุทธ์หลัก คือ

    1.สร้างความแข็งแกร่งให้พอร์ตโฟลิโอสินค้า – แผนต่อเนื่องจากเดิมที่แม็คยีนส์เริ่มกระจายพอร์ตมีสินค้าที่ไม่ใช่ยีนส์ (non-denim) ในร้านมากขึ้น หลังจากนี้จะต้องทำให้สินค้าทุกกลุ่มแข็งแรงในตัวเอง

    2.ลงทุนกับการสร้างแบรนด์ “แม็คยีนส์” – สร้างแบรนด์ให้ชัดเจนอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้เปิดตัว “อนันดา เอเวอริงแฮม” เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์

    3.ยกระดับประสิทธิผลในช่องทางการขาย – ปรัชญาการบริหารหน้าร้าน “ของเต็ม ขายเก่ง ร้านสวย” จะถูกนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะงานบริการ จะมีการฝึกฝนพนักงานร้านให้ดูแลลูกค้าได้ดีขึ้น

    4.เสริมประสบการณ์กับแบรนด์ตลอดเส้นทางการขาย – บริษัทจะหาทางสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าตลอดเส้นทางตั้งแต่การทำความรู้จักจนถึงการซื้อสินค้า

    แม็คยีนส์
    กลยุทธ์ปีบัญชี 2567

    ในแง่งบลงทุนปีหน้าเตรียมงบไว้ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นการเปิดสาขาใหม่และรีโนเวตสาขาเดิม 50 ล้านบาท และการปรับระบบภายในและด้านไอทีอีก 50 ล้านบาท ส่วนงบด้านการตลาดก็จะปรับขึ้นอีกเป็น 100 ล้านบาท

    โดยเจมส์คาดว่ารอบปี 2567 บริษัทน่าจะยังโต “ดับเบิล ดิจิต” ได้ต่อเนื่องจากกลยุทธ์เหล่านี้

     

    “สร้างแบรนด์” ให้ชัดขึ้นผ่าน “อนันดา เอเวอริงแฮม”

    สำหรับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ปีนี้แม็คยีนส์ได้เลือก “อนันดา เอเวอริงแฮม” เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์หลัก ถือเป็นคนแรกที่แบรนด์เลือกเพื่อโปรโมตให้กับแม็คยีนส์ทั้งหมดทุกคอลเล็กชัน จากในอดีตมักจะมีพรีเซ็นเตอร์ประจำคอลเล็กชันมากกว่า เช่น โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คอลเล็กชัน แม็ค ไบเกอร์ หรือ หมอเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คอลเล็กชัน แม็ค กราฟฟิตี้ เพลย์

    เหตุที่เลือกอนันดาเพราะมีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกับความเป็นแม็คยีนส์ ตามสโลแกน “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” อนันดามีกิจกรรมหลากหลายเหมือนกับการใส่ยีนส์ที่สามารถปรับแฟชันให้เข้ากับทุกกิจกรรมได้ และเป็นคนที่แต่งตัวในสไตล์เดนิมอยู่แล้ว

    ด้าน “ประพัฒน์ เสียงจันทร์” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจและการขาย บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเปิดตัวแบรนด์ แอมบาสเดอร์ครั้งนี้ มาพร้อมกับการเปิดนำยีนส์รุ่น “Mc3109” ในตำนานของแม็คยีนส์กลับมาอีกครั้ง

    โดยยีนส์ทรงขากระบอกเล็ก (Straight) ยอดฮิตตัวนี้ในคอลเล็กชันใหม่จะกลับมาถึง 5 เฉดสีให้เลือก และมีองค์ประกอบของวัสดุเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Material) เช่น กระดุมและรีเวทที่ใช้กรรมวิธีทำสีที่กำจัดมลพิษอันตราย ลดการปล่อยของเสีย ลดใช้สารเคมี, ผ้าเทปซิป ใช้วัสดุจากขวดพลาสติกและเศษผ้าที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลมาทอขึ้นใหม่

    “Mc3109” คอลเล็กชันใหม่ มี 5 เฉดสีให้เลือก

    รอบปีบัญชี 2567 ของแม็คกรุ๊ป จะได้เห็นการออกคอลเล็กชันใหม่ที่ต่อเนื่องมากขึ้น และมีการนำยีนส์รุ่นยอดนิยมสับเปลี่ยนมาทำการตลาดตลอดปี โดยขณะนี้บริษัทเตรียมแผนการออกสินค้าใหม่และโปรโมตสินค้าครบตลอดทั้งปีไว้เรียบร้อยแล้ว

    ประพัฒน์ยังกล่าวถึงการปรับประสบการณ์ในร้านด้วยว่า ปีนี้จะได้เห็นการปรับบริการของพนักงานที่ชัดเจนขึ้น ถือเป็นงานที่ท้าทายมากทีเดียวเพราะ “แม็คยีนส์” ปัจจุบันมี 600 สาขาทั่วประเทศ และมีพนักงานถึง 1,600 คน

    ]]>
    1434742
    ก้าวใหญ่ “แม็คยีนส์” ที่ไม่ได้ขายแค่ยีนส์ ปรับโฉมร้าน 600 สาขา ชูจุดยืนแบรนด์แห่ง ‘Inclusivity’ https://positioningmag.com/1386778 Fri, 27 May 2022 06:47:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386778 หลังผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤต ก้าวต่อไปของ “แม็คยีนส์” ต้องขยายการเติบโตให้ได้ในระยะยาว วางหมุดหมายใหม่ปรับแบรนด์ให้เป็น “Lifestyle Brand” โดยเริ่มจากการปรับช่องทางขายหน้าร้านกว่า 600 สาขา พร้อมกับปรับกลยุทธ์การตลาดระยะยาว สร้างภาพลักษณ์แบรนด์แม็คชูการโอบรับความแตกต่างหลากหลาย (Inclusivity) ใส่ได้ทุกรูปร่างและทุกวัย

    บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เจ้าของแบรนด์ “แม็คยีนส์” รายงานผลประกอบการรอบเดือนมกราคม-มีนาคม 2565 ทำรายได้ไป 738 ล้านบาท กำไรสุทธิ 110 ล้านบาท เติบโตขึ้น 18.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

    สะท้อนให้เห็นว่าแม็คกรุ๊ปกำลังกลับมาเป็นขาขึ้นหลังผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 “เรากลับมาในระดับ 85-90% ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาดแล้ว” เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแม็คกรุ๊ปคนใหม่ที่รับตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน กล่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Positioning

    เจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

    ที่สำคัญคืออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทขึ้นมาอยู่ที่ 65% ในไตรมาสก่อน ดีขึ้นกว่าในอดีตที่อยู่ที่ 58% เจมส์ระบุว่า เป็นเพราะการปรับตัวของบริษัทมีการปรับกลยุทธ์การตลาด ลดการทำโปรโมชันที่ไม่เหมาะสม ซึ่งไม่ช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ  และการทำสงครามราคามีแต่จะทำให้ตลาดรวนทั้งหมด

    นอกจากการคิดใหม่เรื่องโปรโมชัน แม็คกรุ๊ปยังคิดใหม่อีกหลายเรื่องที่นำมาสู่อัตรากำไรที่ดีขึ้น และจะสร้างความมั่นคงระยะยาวให้บริษัทต่อไป

     

    Lifestyle Brand ที่ไม่ได้ขายแต่ยีนส์

    ภาพใหญ่ที่แม็คกรุ๊ปกำลังมุ่งไปคือการปรับตัวเองให้เป็น ‘Lifestyle Brand’ ไม่ใช่แค่ร้านขายยีนส์ และด้วยช่องทางขาย 80% ของแม็คอยู่ที่ “หน้าร้าน” ซึ่งมีกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ ทำให้การปรับตัวจะเห็นชัดที่หน้าสาขา

    เจมส์กล่าวว่า แม็คกรุ๊ปจะลงทุนปรับโฉมหน้าร้านทั้งหมดให้ทันสมัยขึ้น สะท้อนความเป็นแบรนด์แม็ค จัดไฟให้สว่างสดใสดึงดูดลูกค้า

    หน้าร้าน Mc ที่ปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัย จัดไฟให้สว่างสดใส

    ที่สำคัญคือ สัดส่วนสินค้าขาย (product mix) ในร้านจะปรับให้เป็นยีนส์ 50% และสินค้าอื่นๆ 50% (จากเดิมเคยมียีนส์ถึง 80%)  รวมถึงแต่ละสาขาจะต้องมีการ ‘customization’ เลือกสินค้าขายให้เหมาะกับเป้าหมายของตนเองในพื้นที่

    เซลส์ขายหน้าร้านที่เป็นเหมือนด่านหน้าในการขายก็จะถูกเทรนใหม่ให้แนะนำลูกค้าจับคู่สินค้าแบบ ‘Total Look’ สนใจยีนส์พ่วงเสื้อยืด เสริมด้วยกระเป๋ากับเข็มขัด มากกว่าจะมุ่งขายเฉพาะยีนส์อย่างเดียว

    สินค้าผสมผสานสินค้าอื่นที่ไม่ใช่ยีนส์มากขึ้น เช่น เสื้อยืด ฮู้ดดี้ กระเป๋า ทำให้ลูกค้าสามารถซื้อได้แบบ Total Look

    กลยุทธ์นี้เริ่มมีการปรับไปแล้วบางสาขาในกรุงเทพฯ และทำให้ช่วงเดือนที่ผ่านมาเห็นชัดว่าสาขาเหล่านี้มียอดขายต่อบิลเพิ่ม 10-20% ได้จริง ดังนั้น บริษัทจะเร่งการปรับโฉมให้เสร็จสิ้น 90% ของสาขาทั้งหมดภายในสิ้นปี 2565

    เจมส์ยังแย้มให้ฟังด้วยว่า เมื่อเป็น Lifestyle Brand ก็จะได้เห็นสินค้าใหม่มากขึ้น ทั้งในแง่ดีไซน์ใหม่ที่เหมาะกับคนหลากสไตล์ และสินค้าที่ไม่ใช่หมวดเสื้อผ้าด้วย

     

    กระจายหน้าร้าน “Mc Outlet” เข้าปั๊ม ปตท.

    กลยุทธ์อีกส่วนเกี่ยวกับหน้าสาขา คือการตั้งสาขาแบบ Mc Outlet ในปั๊ม ปตท. โดยแม็คเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (PTTOR)

    แม็คยีนส์ Mc Outlet
    หน้าร้าน Mc Outlet กระจายตามปั๊มน้ำมัน ปตท.

    จากการเปลี่ยนกลยุทธ์ราคา สินค้าที่ราคาถูกกว่าจะถูกนำมาจำหน่ายผ่าน Mc Outlet และสาขากลุ่มนี้จะกระจายตามปั๊มน้ำมันซึ่งค่าเช่าพื้นที่ต่ำกว่าในศูนย์การค้า ขณะที่ปั๊ม ปตท. มีความต้องการให้สถานีน้ำมันเป็นเหมือนคอมมูนิตี้ มอลล์สำหรับท้องถิ่นและคนเดินทาง ทำให้โอกาสการขายเสื้อผ้าเกิดขึ้นได้

    “ปรากฏว่ามันเวิร์กมาก เพราะเราเลือกปั๊มในเส้นทางท่องเที่ยว คนกำลังไปเที่ยวจะอยู่ในมู้ดที่อยากจับจ่าย อยากซื้ออะไรหน่อย เช่น ระหว่างทางไปหัวหินก็หาซื้อเสื้อสวยๆ ใส่” เจมส์กล่าว นอกจากนี้ การมีสาขานอกห้างมากขึ้นยังช่วยปิดความเสี่ยงอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วง COVID-19 ได้ด้วย

    ภายในร้าน Mc Outlet

    ปัจจุบันแม็คกรุ๊ปตั้งเป้าเปิด Mc Outlet ทั้งหมด 70 สาขา แบ่งเป็นการรีโนเวตจากหน้าร้านรูปแบบเดิม 55 สาขา และเปิดใหม่ 15 สาขา คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน

    เจมส์กล่าวว่า ระยะยาวต้องการจะเปิด Mc Outlet เพิ่มขึ้นจนครบ 140-150 สาขาเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ โดยจะจัดสมดุลสัดส่วนร้าน Mc Outlet ไว้ 20% อีก 80% เป็นแบบ Full Shop ปกติ เพื่อไม่ให้ลูกค้ามุ่งไปที่ร้าน Outlet เท่านั้น

     

    ชูจุดยืน เป็นแบรนด์แห่ง ‘Inclusivity’

    อีกประเด็นใหญ่ที่แม็คกรุ๊ปจะเปลี่ยนคือการสื่อสารการตลาด เจมส์ต้องการให้แม็คสร้างการตลาดแบบ ‘Big Picture’ มากกว่าการโฆษณาที่ออกมาเพื่อโปรโมตแต่ละคอลเล็กชันแล้วจบไป ไม่ปะติดปะต่อ

    แล้วอะไรจะเป็นภาพใหญ่ของแบรนด์แม็คยีนส์? เมื่อไปดู ‘มรดก’ ที่สั่งสมมาของแม็ค จะเห็นภาพที่ชัดอย่างหนึ่งว่า สินค้าแม็คยีนส์จะเน้นโอบรับทุกรูปร่าง มียีนส์สารพัดแบบ ใส่ได้ทุกคน และเมื่อศึกษาเทรนด์ในตลาดโลก จะพบว่า ‘Inclusivity’ หรือการโอบรับความแตกต่างหลากหลาย เป็นจุดยืนที่เหมาะกับแบรนด์และเข้ากับคนไทยมากที่สุด

    เราเคยสื่อสารเรื่องคุณสมบัติการใช้งานมาเยอะ แต่ต่อไปนี้เราต้องเน้นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกให้มากขึ้น ต้องแสดงให้เห็นว่าบริษัทเรามีจุดยืนอะไร ซึ่งเราเลือกเน้นเรื่อง Inclusivity รูปร่างแตกต่าง วัยแตกต่าง แต่ใส่แม็คได้เหมือนกัน

    “เราเคยสื่อสารเรื่องคุณสมบัติการใช้งานมาเยอะ แต่ต่อไปนี้เราต้องเน้นเรื่องอารมณ์ความรู้สึกให้มากขึ้น ต้องแสดงให้เห็นว่าบริษัทเรามีจุดยืนอะไร ซึ่งเราเลือกเน้นเรื่อง Inclusivity รูปร่างแตกต่าง วัยแตกต่าง แต่ใส่แม็คได้เหมือนกัน” เจมส์กล่าว

    แม็คยีนส์ Inclusivity

    แม็คกรุ๊ปเริ่มประเดิมแคมเปญนี้ไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ผ่านโฆษณา “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” ชูเรื่องความรักในรูปร่างของตน (Body Positivity) แต่นั่นเป็นเพียงก้าวแรก เพราะการจะตอกย้ำจุดยืนแบรนด์ต้องใช้เวลา และเชื่อว่าจุดยืนที่ชัดเจนจะทำให้แบรนด์เจาะกลุ่ม “คนรุ่นใหม่” ได้มากขึ้นด้วย จากยุคก่อนตลาดหลักจะอยู่ในช่วงวัย 30 ปีขึ้นไป

    แม็คยีนส์
    คอลเล็กชันเส้นใยกัญชงของแม็ค

    นอกจาก Inclusivity แล้ว แม็คยังจะเริ่มสื่อสาร งานด้านความยั่งยืน (Sustainability) เน้นการทำจริงอย่างจริงใจไม่ใช่แค่การ ‘tick the box’ หรือทำเพื่อให้มีในรายงานประจำปี โดยที่ผ่านมาบริษัทเริ่มพัฒนาคอลเล็กชันที่ช่วยเรื่องสิ่งแวดล้อมไปแล้วหลายคอลเล็กชัน เช่น ผ้าที่ผลิตจากเส้นใยกัญชง ซึ่งประหยัดน้ำในการปลูกมากกว่าฝ้าย, นวัตกรรมย้อมผ้าโดยไม่ใช้น้ำ, ผ้าที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล เป็นต้น

    การวางภาพลักษณ์แบรนด์ภาพใหญ่ยังจะช่วยส่งเสริมเรื่องการเป็น Lifestyle Brand เช่นกัน เมื่อลูกค้ารู้จักและรักในแบรนด์ “Mc” ไม่ใช่แค่ตัวกางเกงยีนส์ การจะดึงลูกค้าให้สนใจสวมใส่สินค้าอื่นๆ ของแบรนด์ก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น และผลสุดท้ายส่งให้บริษัททำรายได้ดีขึ้นตามเป้าหมาย

    ]]>
    1386778