แอสเสท เวิรด์ คอร์ป – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 25 Sep 2023 13:09:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เผยโฉม ‘อินเตอร์คอนฯ เชียงใหม่ แม่ปิง’ จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของ ‘ล้านนาทีค’ โปรเจกต์ 3 หมื่นล้าน ของ ‘AWC’ https://positioningmag.com/1445437 Mon, 25 Sep 2023 12:44:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445437 เชียงใหม่ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ โดยแค่ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึงกว่า 7 ล้านคน มีเงินสะพัดกว่า 70,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะมีเงินสะพัด 8-9 หมื่นล้านบาท ที่น่าสนใจคือ โปรเจกต์ ล้านนาทีค มูลค่า 3 หมื่นล้านของ AWC ก็กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อย ๆ รับการกลับมาของนักท่องเที่ยว

โปรเจกต์ล้านนาทีคคืออะไร

ล้านนาทีค (LANNATIQUE) คือ โปรเจกต์ยักษ์มูลค่า 30,000 ล้านบาท ที่หวังจะฟื้นคืนชีพ ไนท์บาร์ซ่า แลนด์มาร์กสำคัญของเชียงใหม่โดย บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC บริษัทอสังหาริมทรัพย์หนึ่งในเครือตระกูล สิริวัฒนภักดี โดยมี วัลลภา ไตรโสรัส ลูกสาวคนรองของ เจ้าสัวเจริญ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่

จาก “ไนท์บาซาร์” สู่ “ลานนาทีค” AWC ปั้นโปรเจ็กต์ชุบชีวิตอาณาจักรท่องเที่ยวใน “เชียงใหม่”

สำหรับพื้นที่ในโปรเจกต์ล้านนาทีคนั้นเกิดจากที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่ เจ้าสัวเจริญสะสมมาตลอด 30 ปี โดยมีพื้นที่รวม 100 ไร่ ซึ่งเชื่อมโยงพื้นที่ตั้งแต่ถนนช้างคลาน, ไนท์บาซ่า, ตลาดอนุสาร ไปจนถึงริมน้ำปิง ซึ่งโปรเจกต์ล้านนาทีค นี้จะประกอบไปด้วยโรงแรมและพื้นที่รีเทลรวม 10 โครงการ

อินเตอร์คอนฯ เชียงใหม่ แม่ปิง จิ๊กซอว์สำคัญจับกลุ่มไฮเอนด์

จะเห็นว่า 4 ใน 10 โครงการเป็นโรงแรม โดยเปิดบริการแล้วก็มี โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ และที่จะเปิดในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้คือ โรงแรมแมริออท เชียงใหม่ อีกโรงแรมที่กำลังจะเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้ก็คือ อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล ที่ถือเป็นโรงแรมในเครืออินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งแรกของภาคเหนือ

สำหรับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล เป็นการรีโนเวตและรีแบรนด์จาก โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง (Imperial Mae Ping) โรงแรมที่มีอายุกว่า 31 ปี และถือเป็นหนึ่งในโรงแรมสำคัญของเชียงใหม่ที่รับแขกระดับโลกมากมายโดยโรงแรมได้เริ่มรีโนเวตตั้งแต่ปี 2020 ใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ Living Museum หรือ พิพิธภัณฑ์มีชีวิต โดยได้ผสมผสานเทคโนโลยี AR ให้นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาข้อมูลวัฒนธรรมของเชียงใหม่ จากการใช้สมาร์ทโฟนสแกนพื้นที่สำคัญ ๆ ในโรงแรม

Hotel Lobby

โดยในเฟสแรกมีห้องพักและห้องสวีทรวม 240 ห้อง ซึ่งได้รับการตกแต่งด้วยงานศิลปะจากช่าง 10 หมู่ เพื่อถ่ายทอดวัฒนธรรม ประเพณี และเอกลักษณ์สำคัญของเชียงใหม่ อาทิ Kam Lobby Lounge (คำ ล็อบบี้เล้าจ์) ซึ่งนำอัตลักษณ์จากเทศกาลยี่เป็งมาประดับตกแต่งเหนือเพดานในรูปแบบของโคมไฟแบบล้านนาร่วมสมัย หรือ ห้องอาหาร The Gad Lanna (เดอะ กาด ลานนา) ที่จะให้บรรยากาศเหมือนกาดหรือตลาดแบบล้านนา เป็นต้น

Connecting Room – Mountain View
Classic King – Bathroom City View

มั่นใจดึงนักท่องเที่ยวจีนคุณภาพเข้าโรงแรม

สำหรับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล จะเน้นจับ กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ลักชัวรี่ และกลุ่ม MICE ระดับโลก และเนื่องจากเป็นเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลที่มีกว่า 200 สาขาใน 60 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นเชนโรงแรมที่มีเครือข่าย ลูกค้าคนจีนใหญ่สุดในโลก ดังนั้น เมื่อไทยเปิดฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน เชื่อว่าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทลจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจีนคุณภาพให้มาพักที่โรงแรมได้

นอกจากนี้ ด้วยความที่ในอดีตโรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิงเดิมเคยให้การต้อนรับบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายระดับโลกมากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ เติ้ง ลี่จวิน (Teresa Teng) ที่มักพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมนี้เป็นประจำ และเติ้ง ลี่จวินก็ได้เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืดในระหว่างเดินทางมาพักที่โรงแรมดังกล่าวเมื่อปี 2538

ถึงแม้จะรีโนเวตเป็นอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทลแล้วก็ตาม แต่ทางโรงแรมยังเก็บรักษา ห้อง 1502 ของชั้น 15 ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ และได้เพิ่มพื้นที่ร้านอาหาร HONG’s Chinese Restaurant & Sky Bar ห้องอาหารจีนและสกายบาร์บนชั้น 16 และดาดฟ้าของโรงแรม เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์กสำคัญสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนต่อไป

Grand Ballroom
Event lawn

ไม่เกิน 5 ปี เสร็จโปรเจกต์ล้านนาทีค

นอกจากเหนือจากโรงแรม 2 แห่งที่จะเปิดภายในปีนี้ ยังมี เดอะพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ ที่ AWC ทุ่มงบปรับโฉม พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ ที่จะเปิดในเดือนธันวาคมนี้ โดย AWC วางไว้ว่าจะเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์และเป็นที่พบปะสังสรรค์ โดยจะเปรียบเสมือนห้องนั่งเล่น และจะมีการรวมร้านอาหารชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดภาคเหนือเอาไว้ โดย วัลลภา ไตรโสรัส มั่นใจว่า โปรเจกต์ล้านนาทีค 30,000 ล้านบาท จะแล้วเสร็จภายใน ไม่เกิน 5 ปีจากนี้

เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี และ วัลลภา ไตรโสรัส ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC
]]>
1445437
AWC ขานรับนโยบายเปิดประเทศ เปิดโรงแรมใหม่ “คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์” ใจกลางเมืองภูเก็ต https://positioningmag.com/1362428 Wed, 17 Nov 2021 04:38:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1362428 “แอสเสท เวิรด์ คอร์ป” จับมือ ททท. ขานรับนโยบายเปิดประเทศ สนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมต้อนรับนักเดินทางสู่กลุ่มโรงแรมในเครือทั้ง 18 แห่งทั่วไทย อวดโฉมใหม่ “โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์” 248 ห้อง กลางเมืองภูเก็ต

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เดินหน้ารับนโยบายการเปิดประเทศ กระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ประกาศความพร้อมต้อนรับนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลกสู่กลุ่มโรงแรมในเครือทั่วประเทศทั้ง 18 แห่ง มั่นใจภาคการท่องเที่ยวปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้ากลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมเผยโฉมโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ อีกหนึ่งโรงแรมคุณภาพจากเครือ AWC ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองภูเก็ต ได้ฤกษ์เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป

ตามที่ประเทศไทยได้มีนโยบายเปิดประเทศ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัวนั้น ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงภาพรวมและผลตอบรับหลังเปิดประเทศว่า จากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นโดยลำดับ อัตราการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเฉลี่ย 2,000-3,000 คน/วัน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคาดว่าในเดือน พ.ย.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 300,000 คน และในเดือน ธ.ค. ไม่ต่ำกว่า 300,000 คนเช่นกัน

โดยที่นักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาเข้ามามีจำนวนมากที่สุด รองลงมาได้แก่ เยอรมนี อังกฤษ ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน เกาหลีใต้ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจีน ผ่านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมและมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด ควบคู่กับการส่งเสริมแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยว “Visit Thailand Year 2022” ด้วยแนวคิด “Amazing New Chapters” ของ ททท. ทั้ง 29 สำนักงานทั่วโลก ทั้งคาดว่าปี 2564 นี้ ประเทศไทยจะสามารถรับนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน

“ททท. มั่นใจว่า ภายในปี 2564 นี้ ประเทศไทยจะสร้างรายได้สู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ไม่น้อยกว่า 625,700 ล้านบาท และจะบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อส่งเสริมให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวในปี 2565 จำนวนไม่น้อยกว่า 1,938,034 ล้านบาท ด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ 160 ล้านคน-ครั้ง และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ 18 ล้านคน”

ทางด้าน วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯ ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากนโยบายเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่ตั้งอยู่ในหัวเมืองสำคัญอย่างกรุงเทพฯ หรือภูเก็ต ที่เปรียบเสมือนประตูด่านแรกในการต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งมีตัวเลขของอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นทันทีกว่า 2 เท่า รวมถึงแพกเกจ “TEST & GO” สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย ด้วยบริการที่พักพร้อมการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR ที่ต่างได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณบวกของภาคการท่องเที่ยวในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2564 และในช่วงต้นปีหน้าที่เริ่มมีกำลังซื้อจากกลุ่มนักเดินทางชาวต่างชาติกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและกำลังซื้อสูงที่เริ่มเดินทางเข้ามาเป็นกลุ่มแรกๆ รวมถึงงานในรูปแบบที่การประชุมออนไลน์ไม่สามารถทดแทนได้ เช่น งานแต่งงาน งานสัมมนารวมทีมสร้างพลังองค์กรและธุรกิจ ได้เห็นยอดคอนเฟิร์มการจัดงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะมีอัตราเติบโตกลับมาได้ต่อเนื่องการสามารถกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วงต้นปี 2565 เป็นต้นไป

“ด้วยกลยุทธ์ของ AWC ที่มีความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก ทำให้บริษัทฯ สามารถดึงฐานลูกค้าเดิมที่มีกำลังซื้อสูงกลับเข้ามาได้ทันทีตั้งแต่เริ่มเปิดประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของเราในการร่วมกับพันธมิตรให้การสร้างคุณค่าและประสบการณ์รวมทั้งจัดรูปแบบบริการแบบองค์รวมในการดูแลการเดินเข้ามาในประเทศ เพื่อสร้างความประทับใจให้การท่องเที่ยวไทยของเรากลับมาดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลกอีกครั้ง”

นอกจากนี้ AWC ยังเดินหน้าเสริมพอร์ตโฟลิโอ ธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ได้ฤกษ์เปิดให้บริการโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ โรงแรมขนาด 248 ห้องพัก ที่บริหารโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เครือโรงแรมระดับโลกที่มีแบรนด์อันโดดเด่นภายใต้การบริหารกว่า 30 แบรนด์ชั้นนำ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญ นอกจากนี้ ยังเป็นโรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์ “คอร์ทยาร์ด บาย แมริออท” บนเกาะภูเก็ต

โรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ เป็นการปรับปรุงโรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ใจกลางเมืองที่ชาวภูเก็ตภาคภูมิใจ ตั้งอยู่บนถนนถลางใจกลางพื้นที่ประวัติศาสตร์ของเมืองเก่าภูเก็ต สะท้อนให้เห็นถึงมรดกทางวัฒนธรรมของเกาะแห่งนี้ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถออกไปสัมผัสกับตลาดท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์ วัดวาอาราม รวมถึงร้านค้า ร้านอาหาร และสถานบันเทิงชั้นนำ ภายในโรงแรมประกอบไปด้วยห้องพัก จำนวน 248 ห้องพัก และห้องสวีทที่สามารถเลือกได้ทั้งเตียงเดี่ยว เตียงคู่ และห้องสำหรับครอบครัว รวมถึงห้องฟิตเนส คลับสำหรับเด็ก สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องอาหารที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน และล็อบบี้เลานจ์ นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังสามารถรองรับการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ ด้วยห้องประชุมขนาดใหญ่ รวมถึงห้องประชุมอเนกประสงค์อีกจำนวน 5 ห้อง

]]>
1362428
AWC ควง IHG เปิดโรงแรมหรูแบรนด์ใหม่ “Vignette” ในโครงการมิกซ์ยูส “อควอทิค” พัทยา https://positioningmag.com/1348712 Thu, 26 Aug 2021 08:29:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348712 อสังหาฯ กลุ่มเจ้าสัวเจริญ “AWC” เซ็นสัญญาแบรนด์ใหม่ “Vignette” (วีนแยทท์) ของเครือโรงแรม IHG เปิดในโครงการมิกซ์ยูสหมื่นล้าน “อควอทิค” (Aquatique) ติดหน้าหาดพัทยา คาดเปิดบริการปี 2567

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ร่วมด้วย IHG Hotels & Resort แถลงข่าวร่วมกันเปิดโครงการโรงแรมแบรนด์ใหม่ “Vignette” (เดอะ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น) ในโครงการมิกซ์ยูส “อควอทิค” (Aquatique) ติดหน้าหาดพัทยา

โดย “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC เปิดเผยว่า โครงการอควอทิค จะเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่พลิกโฉมพื้นที่พัทยากลาง ใช้งบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท พัฒนาบนพื้นที่ทำเลเดิมที่เคยเป็นโรงแรมแกรนด์ โซเล่ พัทยา ใกล้กับโรงแรมฮาร์ดร็อค

ภาพโดยสังเขปจาก Google Maps

ภายในโครงการจะมีโรงแรมทั้งหมด 5 แบรนด์ โดย 2 ใน 5 แบรนด์นี้ร่วมกับเชนของ IHG ส่วนองค์ประกอบอื่นๆ จะมีทั้งโซนความสนุกและความบันเทิง เน้นไลฟ์สไตล์ริมชายหาด โซนค้าปลีก เวลเนส ที่อยู่อาศัย และกีฬา

สำหรับ โรงแรมเดอะ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น จะเป็นส่วนแรกของโครงการที่เปิดบริการก่อน โดยเป็นโรงแรมไลฟ์สไตล์ระดับลักชัวรี คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 2565 แล้วเสร็จปี 2567 ใช้งบลงทุนเฉพาะส่วนนี้ 1,900 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบพัฒนา จะมีจำนวนห้องพักราว 240 ห้อง

 

เปิดแบรนด์ใหม่รับโรงแรมเล็ก

ด้าน “เซเรน่า ลิม” รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี IHG อธิบายถึง Vignette Collection ว่าเป็นแบรนด์ใหม่ภายใต้เครือ IHG คอนเซ็ปต์คือ “ช่วงเวลารื่นรมย์บันดาลใจ” โดยเป็นโรงแรมที่เน้นความเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละทำเล เหมาะกับโรงแรมขนาดเล็กที่ต้องการเก็บกลิ่นอายความเป็นตัวของตัวเองในพื้นที่ แต่จะมีทิศทางการบริหารแบบเดียวกันคือเน้นด้านความยั่งยืน รับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน

Hotel X บริสเบน ออสเตรเลีย โรงแรมอีกแห่งหนึ่งที่จะเข้าใช้แบรนด์วีนแยทท์ (Photo : IHG)

“เราพบว่าทั่วโลกมีโรงแรมขนาดเล็กถึง 1.5 ล้านห้อง ซึ่งสร้างมูลค่าการตลาด 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี แบรนด์ใหม่อย่างวีนแยทท์จะช่วยคงเอกลักษณ์เฉพาะของโรงแรมเล็กไว้ได้ แต่เครือ IHG จะช่วยเสริมศักยภาพด้านการตลาดและเครือข่ายฐานลูกค้าให้” เซเรน่ากล่าวถึงที่มาการเปิดแบรนด์ใหม่ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดที่ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเผชิญความท้าทาย

โรงแรมเดอะ วีนแยทท์ คอลเล็คชั่น พัทยาถือเป็นหนึ่งใน 2 แห่งแรกของโลกที่ IHG ได้เซ็นสัญญาแล้ว อีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในบริสเบน ออสเตรเลีย และมีอีกหลายแห่งที่อยู่ระหว่างเจรจา เซเรน่าตั้งเป้าว่าวีนแยทท์จะได้เซ็นสัญญาครบ 100 แห่งภายใน 10 ปีข้างหน้า

 

ระยะยาวธุรกิจโรงแรมจะกลับมา

IHG ยังคงมั่นใจในตลาดโรงแรม โดย “ราจิต สุขุมารัน” กรรมการบริหาร ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี IHG ระบุว่าขณะนี้ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเผชิญความท้าทาย เพราะส่วนใหญ่ยังปิดพรมแดนและการฟื้นตัวขึ้นอยู่กับนโยบายวัคซีน แต่บริษัทมองตลาดที่เริ่มเปิดการท่องเที่ยวแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา จีน บางโรงแรมกลับมาทำรายได้ได้มากกว่าปี 2561-62 ดังนั้น ช่วงนี้โรงแรมในภูมิภาคนี้ต้องปรับตัวเพื่อฝ่าวิกฤตไปให้ได้ก่อน

“ประวัติศาสตร์แสดงให้เราเห็นว่าเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวจะกลับมาได้อย่างแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นหลังเผชิญวิกฤต 9/11 โรคซาร์ส หรือวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์” ราจิตกล่าว โดยรายงานเพิ่มเติมว่าช่วงครึ่งปีแรกปีนี้ IHG เซ็นสัญญาโรงแรมใหม่ไปกว่า 200 แห่งทั่วโลก สะท้อนว่าเจ้าของโรงแรมบางส่วนยังมั่นใจในศักยภาพระยะยาวของธุรกิจ

รวมถึงวัลลภาแห่ง AWC ด้วย เธอมองสถานการณ์ในระยะยาวมากกว่า โดยเชื่อว่าประเทศไทยยังคงมีคุณค่าการท่องเที่ยว การลงทุนใหม่ของ AWC ที่พัทยาจะมีกำหนดเปิดให้บริการในช่วงปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นจังหวะที่การท่องเที่ยวน่าจะกลับมาแล้วอย่างเต็มที่ รวมถึงพัทยายังเป็นทำเลที่ดีเพราะเป็นชายหาดที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด

]]>
1348712
ขอดีลกู้ชีพ! เอกชนวอนรัฐ 1 ก.ค. เปิดให้นักท่องเที่ยว “รับวัคซีนแล้ว” เข้าไทยได้ไม่ต้องกักตัว https://positioningmag.com/1324562 Mon, 22 Mar 2021 13:36:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1324562 สมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดข้อเสนอภาครัฐเปิดรับนักท่องเที่ยวที่รับวัคซีนครบโดสแล้วเข้าไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว เริ่มแซนด์บ็อกซ์แรกที่ จ.ภูเก็ต วันที่ 1 ก.ค. นี้ บิ๊กเนมธุรกิจโรงแรมชี้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหายใจรวยริน วอนมองจากมุมเศรษฐกิจและการจ้างงานควบคู่กับสุขภาพ แนะเพิ่มยี่ห้อวัคซีนที่นำเข้า-เปิดให้เอกชนนำเข้าเองได้ ติดสปีดการฉีดวัคซีนให้คนไทยทั้งประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากการเสวนา “Thai Hotel Leaders Roundtable” ก่อนเริ่มงาน Thailand Tourism Forum 2021 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 โดยมีซีอีโอระดับนำของธุรกิจโรงแรมและหน่วยงานรัฐร่วมเสวนา

ภายในงานเสวนาครั้งนี้ “มาริสา สุโกศล หนุนภักดี” นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) เปิดเผยว่า ทางสมาคมฯ ได้หารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และจัดทำข้อเสนอการเปิดประเทศกับภาครัฐ ซึ่งจะส่งต่อให้กับคณะรัฐมนตรีนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาต่อไป

ข้อเสนอดังกล่าวมีทั้งหมด 4 ข้อ เพื่อสนับสนุนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ คือ

1) ขอให้มีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เข้ามาในไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว แต่ยังต้องปฏิบัติตามกฎสวมหน้ากากอนามัยในประเทศ เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
2) ขอให้ภาครัฐชี้แจงแผนการดำเนินงานเกี่ยวกับ COVID-19 อย่างชัดเจนเพื่อให้ภาคเอกชนมีระยะเวลาเตรียมตัว
3) แผนการเปิดประเทศดังกล่าว ขอให้เปิดในลักษณะแซนด์บ็อกซ์ที่ จ.ภูเก็ต ก่อนเป็นแห่งแรก
4) การเปิดแซนด์บ็อกซ์ที่ จ.ภูเก็ต ให้พนักงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต มีสิทธิรับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ก่อน เพื่อความปลอดภัยต่อสุขอนามัย

มาริสาแจกแจงว่า จากการหารือพูดคุยกับทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ทำให้มองว่าไทม์ไลน์ที่เป็นไปได้ของการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้ว น่าจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 เนื่องจากท่าทีของ สธ. ต้องการให้คนไทยในพื้นที่รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 70% ของประชากร จึงเห็นควรงดกักตัวในพื้นที่นั้นได้

ดังนั้น หากจะเปิดพื้นที่ จ.ภูเก็ต เป็นแซนด์บ็อกซ์ ประชากรบนเกาะภูเก็ตต้องได้รับวัคซีนแล้วเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้วัคซีนราว 930,000 โดส จึงจะฉีดให้ประชากรภูเก็ตได้ครบ นั่นหมายความว่าจะต้องรอวัคซีนแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ที่จะเริ่มฉีด ‘บิ๊กล็อต’ ประมาณ 6 ล้านโดสในเดือนมิถุนายน 2564 แผนงานนี้จึงจะสามารถดำเนินต่อไปได้

ทั้งนี้ แผนงานปัจจุบันของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ประกาศแผนจะเปิดประเทศได้เป็นบางส่วนในเดือนตุลาคม 2564 โดยเลือกจากพื้นที่ที่บุคลากรการแพทย์และประชาชนส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และคัดเลือกประเทศต้นทางของนักท่องเที่ยวร่วมด้วย แต่วงเสวนากลุ่มซีอีโอโรงแรมมองว่าการรอจนถึงเดือนตุลาคมนั้นยาวนานเกินไป

 

ชั่งน้ำหนักความเสี่ยงสุขภาพ vs เศรษฐกิจ

ข้อเสนอดังกล่าวเรียกได้ว่าเป็นข้อเสนอที่ THA มองตามความเป็นไปได้แบบประนีประนอมกับหน่วยงานสาธารณสุขซึ่งจะยึดถือความปลอดภัยของสุขอนามัยเป็นหลัก ในขณะเดียวกัน “สเตฟาน ฟานเดน อาวาเล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) แสดงความเห็นคัดค้านข้อจำกัดที่มีมากเกินไปของข้อเสนอนี้ซึ่งอาจปฏิบัติไม่ได้จริง

อาวาเลมองว่า การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วควรจะเปิดทั่วประเทศในคราวเดียว เพราะความเป็นจริงแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่นิยมมาเที่ยว จ.ภูเก็ต แห่งเดียว แต่จะแวะกรุงเทพฯ ด้วย หรือเที่ยวสถานที่อื่นด้วย การจำกัดพื้นที่จึงไม่ตรงกับธรรมชาติของการท่องเที่ยว

นอกจากนี้ อาวาเลยังมองว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยไม่ควรต้องรออีก 3 เดือนกว่าเพื่อเปิดประเทศแต่ควรจะเปิดได้ทันที ก่อนที่จะมีธุรกิจต้องปิดตัวมากกว่านี้ และขอให้รัฐชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงจากการแพร่เชื้อของผู้ที่รับวัคซีนแล้วซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ กับผลกระทบทางเศรษฐกิจและแรงงานภาคท่องเที่ยวที่ยังคงตกงาน 4-5 ล้านคน ณ ขณะนี้

Photo : Shutterstock

สำหรับความกังวลของสาธารณสุขไทยนั้น เกิดจากคำถามที่ว่า “วัคซีนจะป้องกันไม่ให้บุคคลนั้นเป็นพาหะแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาด้วยหรือไม่” ปัจจุบันยังมีเฉพาะผลการศึกษาที่ยังไม่ผ่านการพิจารณา Peer review ใน “อิสราเอล” ประเทศที่มีประชากรรับวัคซีนแล้วมากที่สุดในโลก จัดทำโดย “ไฟเซอร์” พบว่าผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา เมื่อฉีดวัคซีนแล้วมีไวรัสในร่างกายลดลง 4 เท่า ซึ่งน่าจะหมายถึงโอกาสแพร่เชื้อต่อที่น้อยลงไปด้วย

หากว่าผู้รับวัคซีนแล้วยังสามารถแพร่เชื้อต่อให้กับบุคคลอื่นที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันได้ การเปิดประเทศก็จะเป็นความเสี่ยงสำหรับประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน ดังนั้น ในมุมมองสาธารณสุขจึงอาจจะต้องชั่งน้ำหนักเหตุผลนี้ร่วมด้วย

 

วัคซีน 2 เจ้าไม่พอและช้าเกินไป

กุญแจสำคัญอีกดอกหนึ่งที่ธุรกิจท่องเที่ยวจับตา คือการสั่งซื้อและระดมฉีดวัคซีนให้กับประชากรไทย โดย “เดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท อ้างอิงถึงประเทศอิสราเอลว่าหลังจากฉีดวัคซีนไปจำนวนมาก ทำให้มีผู้ติดเชื้อลดลง และชีวิตกลับมาเป็นปกติ

ประเด็นนี้ “บิลล์ ไฮเนคกี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ให้ความเห็นว่าภาครัฐควรเร่งความเร็วในการจัดหาวัคซีน และไทยควรจะเปิดให้การรับรองวัคซีนยี่ห้ออื่นเพิ่มโดยเร็ว จากปัจจุบันให้การรับรองและนำเข้าวัคซีนเพียง 2 ยี่ห้อคือ ซิโนแวค (Sinovac) และแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) โดยชี้ว่านายกรัฐมนตรีควรใช้อำนาจสั่งการตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อจัดการประเด็นนี้

วงเสวนายังเห็นตรงกันด้วยว่าประเทศไทยควรอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อที่รัฐให้การรับรองแล้ว หรือยี่ห้ออื่นซึ่งต้องการนำเข้า รัฐก็ควรให้การสนับสนุนเพื่อทำให้การฉีดวัคซีนกระจายได้ไวที่สุด

ปัจจุบันแผนการกระจายวัคซีนของ ศบค. วางไทม์ไลน์จนถึงเดือนธันวาคม 2564 จะมีการกระจายวัคซีนรวม 63 ล้านโดส หากฉีดให้ประชาชน 2 โดสต่อคน วัคซีนทั้งหมดจะครอบคลุมประชากรไทย 31.5 ล้านคนหรือคิดเป็นเพียง 47% ของจำนวนประชากรรวม 66.5 ล้านคนของไทย

]]>
1324562
AWC เปิดงบไตรมาส 1/63 กำไร 108.2 ล้านบาท ลดลง 55.6% โรงแรม-ค้าปลีกกระทบหนักสุด https://positioningmag.com/1277660 Sat, 09 May 2020 14:29:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1277660 แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอาณาจักรไทยเบฟเวอเรจ เปิดผลประกอบการไตรมาส 1/2563 มีกำไรสุทธิ 108.2 ล้านบาท ลดลง 55.6% จาก 243 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 2,512.9 ล้านบาท ลดลง 30.6% จาก 3,623.0 ล้านบาท

พิษ COVID-19

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 (ทั้งนี้หากไม่พิจารณามาตรฐานบัญชีการควบคุมเดียวกัน (Common Control) รายได้รวมไตรมาส 1/2562 จะเป็นจำนวน 3,031.5 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นรายได้ลดลง 17.1%)

วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)

วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า

“ไตรมาส 1/2563 เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายของทุกภาคส่วน ด้วยผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ AWC มีกำไรสุทธิ 108.2 ล้านบาท ลดลง 55.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่มีแนวโน้มลดลงกว่า 80% และมาตรการเข้มงวดจากทางภาครัฐในการปิดสถานประกอบการ ซึ่งรวมถึงโครงการศูนย์การค้า เพื่อป้องกันและลดการแพร่ระบาด ส่งผลให้ AWC ต้องประกาศมาตรการปิดให้บริการโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าต่างๆ ชั่วคราว รวมถึงมาตรการอื่นๆ เพื่อดูแลช่วยเหลือผู้เช่า”

AWC มีการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง เห็นได้ชัดจากธุรกิจอาคารสำนักงาน (Office) ที่ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนกำไรจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ดำเนินงาน โดยในไตรมาส 1/2563 ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ดำเนินงานอยู่ที่ 1,184.9 ล้านบาท

Asiatique

แบ่งสัดส่วนเป็นธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) 38.8% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบกิจการการค้า (Retail) 21.8% และธุรกิจอาคารสำนักงาน (Office) 39.4%

ได้ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่ายตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 ทำให้ค่าใช้จ่ายการบริหารส่วนกลางในช่วงไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 127.0 ล้านบาท ลดลง 37.1% จาก 202.0 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมในช่วงไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 1,364.0 ล้านบาท ลดลง 22.1% จาก 1,572.1 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ส่งผลให้ AWC มีอัตราส่วนอีบิทดาต่อรายได้ (EBITDA Margin) เท่ากับ 38.8% ลดลงเพียง 0.7% จากไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า แม้จะมีรายได้ลดลงจากเหตุผลข้างต้น และมีอัตรากำไรสุทธิ 4.3% เทียบกับไตรมาสแรกของปีที่ก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 6.7%

กลุ่มธุรกิจโรงแรม และการบริการ

มีรายได้จากสินทรัพย์ดำเนินงานอยู่ที่ 1,534.6 ล้านบาท ลดลง 36.2% จาก 2,404.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศปรับตัวลดลงตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม รวมทั้งการจัดประชุมสัมมนาและจัดแสดงสินค้าต่างๆ หยุดชะงักตามนโยบายของรัฐบาล

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ 

มีรายได้จากสินทรัพย์ดำเนินงานอยู่ที่ 1,014.3 ล้านบาท ลดลง 10.9% จาก 1,138.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากมาตรการลดหรือยกเว้นค่าเช่าชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือดูแลผู้เช่าที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเข้มงวดจากทางภาครัฐในการปิดสถานประกอบการต่างๆ

โดย AWC มีนโยบายที่ต้องการให้พันธมิตรผู้เช่า แต่กลุ่มอาคารสำนักงานยังคงสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง และต่อเนื่อง และช่วยรักษาระดับรายได้รวมของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการพาณิชย์

นอกจากนี้ AWC ได้เข้าซื้อสินทรัพย์กลุ่ม 3 ณ วันที่ 1 มกราคม 2563 ด้วยมูลค่าลงทุนรวม 25,785.6 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการอสังสหาริมทรัพย์จำนวน 12 โครงการ ตามสัญญาซื้อขายหุ้นสินทรัพย์กลุ่ม 3 ปี 2562 ที่เพิ่มจำนวนห้องพักในโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วรวม 989 ห้องในทันที และจะเพิ่มห้องพักอีกมากกว่า 2,500 ห้องจากโครงการที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงหรือพัฒนา พร้อมทั้งศักยภาพในการพัฒนาโครงการค้าปลีกในอนาคต ทำให้ AWC มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 มูลค่า 124,921.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.4% จาก 109,158.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562

]]>
1277660