โลกเสมือนจริง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 11 Jun 2024 05:56:13 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “IKEA” รับสมัครเกมเมอร์มาเล่นเป็น “พนักงานร้าน” ในเกม “Roblox” โฆษณาแบรนด์ใน “โลกเสมือนจริง” https://positioningmag.com/1477298 Mon, 10 Jun 2024 10:05:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1477298 แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ดัง “IKEA” ประกาศรับสมัครงานสุดแหวก ตามหาเกมเมอร์มาเล่นเป็นพนักงานของร้านในเกม Roblox ต้องยื่นเรซูเม่ของจริงและจะจ่ายค่าแรงให้จริงด้วย!

แม้ว่ากระแสการโฆษณาแบรนด์ในโลกเสมือนจริงดูจะซาๆ ลงไปแล้ว แต่บางจุดที่มีชุมชนผู้เล่นใช้งานอย่างสม่ำเสมอก็ยังคงมีโอกาส ซึ่งอาจจะทำให้ “IKEA” ตัดสินใจทำแคมเปญรับสมัครงานตามหาเกมเมอร์มาเล่นเป็น NPC (Non-player Character) ซึ่งจะรับบทเป็นพนักงานร้านจำลองของ IKEA ใน The Co-Worker Game ในเกม Roblox

ผู้ที่จะสมัครได้ต้องเป็นผู้อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรหรือไอร์แลนด์ และมีอายุ 18 ปีขึ้นไป สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 16 มิถุนายน 2024 จำนวนพนักงานที่รับมีเพียง 10 ตำแหน่งเท่านั้น และ IKEA จะจ่ายค่าแรงในชีวิตจริงให้ชั่วโมงละ 13.15 ปอนด์ (ประมาณ 614 บาท)

หน้าที่ของ NPC พนักงาน IKEA ในโลกเสมือนก็จะทำเหมือนชีวิตจริงทุกอย่าง เช่น เสิร์ฟอาหาร ช่วยลูกค้าตามหาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่ต้องการ และอนาคตยังมีโอกาสจะได้เลื่อนขั้นหรือย้ายไปแผนกอื่นได้ด้วย

แม้ว่า IKEA จะจ่ายเงินค่าจ้างจริง แต่ก็บอกได้ว่าแคมเปญนี้คือแคมเปญการตลาดอย่างหนึ่งมากกว่าการรับสมัครหาพนักงานตามปกติ เพราะถึงแม้หลายๆ คนอาจจะไม่ได้รับเลือก แต่สุดท้ายแล้วคนที่สนใจสามารถมา ‘เล่น’ เป็นพนักงาน IKEA เสมือนจริงในร้านได้อยู่ดี ทำให้ที่นี่จะเป็นพื้นที่ให้คนได้มาลองทำงาน สำรวจ และสัมผัสประสบการณ์แบบ IKEA พร้อมลุ้นรับไอเทมพิเศษจากร้าน (ในเกม) ด้วย

ที่ผ่านมามีแบรนด์มากมายที่พยายามจะใช้ประโยชน์จากโลกเสมือนจริงในการโปรโมตแบรนด์ โดยเฉพาะในช่วงโรคระบาดที่คนออกไปไหนไม่ได้มาก ตัวอย่างเช่น ห้างสรรพสินค้า Walmart เคยเป็นร้านค้าเสมือนจริงชื่อ Walmart Discovered ไว้ให้ลูกค้ามาซื้อไอเทมดิจิทัล หรือแบรนด์หรูอย่าง Gucci ก็มีการเปิด Gucci Town อยู่ในเกม Roblox เมื่อปี 2022 แต่คาดว่าแคมเปญนี้น่าจะเป็นครั้งแรกที่มีแบรนด์ยื่นข้อเสนอจ่ายเงินจริงให้ผู้เล่นเพื่อให้เข้าไปเล่นอยู่ในโลกเสมือนจริงของตัวเอง

IKEA จะเริ่มสัมภาษณ์งานออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 14-18 มิถุนายนนี้ ก่อนจะมีการประกาศผลผู้ชนะได้เข้าไปรับตำแหน่ง และจะเปิดร้าน The Co-Worker Game ในวันที่ 24 มิถุนายน 2024 ถึงตอนนั้นอาจจะต้องชมกระแสกันอีกครั้งว่าจะมีคนสนใจแคมเปญแบบนี้มากน้อยแค่ไหน

Source

]]>
1477298
สยามพิวรรธน์เปิดวิสัยทัศน์บุกเบิกเทคโนโลยีสู่ Web 3.0 สร้างประสบการณ์ ตอบไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากำลังซื้อสูงในโลกอนาคต https://positioningmag.com/1441971 Thu, 24 Aug 2023 10:00:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1441971

Techsauce Global Summit 2023 งานประชุมด้านเทคโนโลยีชั้นนำสุดยิ่งใหญ่ของเอเชียในปีนี้ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำอย่าง สยามพิวรรธน์ ประกาศตัวเป็นรีเทลเทค (RetailTech) รายแรกของไทยที่พัฒนา Global Ecosystem ด้วยการจับมือกับพันธมิตรและคู่ค้าชั้นนำที่มีอยู่ทั่วโลก ร่วมสร้างปรากฏการณ์ผ่าน ONESIAM SuperApp พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจสู่ Web 3.0 สร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายทั้งในโลกจริง โลกดิจิทัล และโลกเสมือนจริง เพื่อมัดใจฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงมากที่สุดในประเทศ และครองความเป็นหนึ่งในใจผู้คนทั่วโลก

ชญาภา จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ พิงค์แล็บ จำกัด (The Pink Lab) ที่ปรึกษาด้าน Web 3.0 และโมโมริ ฮิราบายาชิ Business Development Web 3.0 บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ร่วมเวทีเสวนาในหัวข้อ NFTs in the Retail World ในงาน Techsauce Global Summit 2023 อัพเดทเทรนด์การนำเทคโนโลยี Web 3.0 มาสร้างประสบการณ์ลูกค้าของกลุ่ม Luxury Retail และแชร์ความสำเร็จของโครงการ Web 3.0 ที่สยามพิวรรธน์ได้ร่วมมือกับพันธมิตร สร้างปรากฏการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ชญาภา จูตระกูล ที่ปรึกษาด้าน Web 3.0 ของสยามพิวรรธน์ เปิดเผยว่า เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาสร้างผลกระทบมหาศาลต่อไลฟ์สไตล์ของลูกค้า โดยเฉพาะช่วงโควิด -19 ที่ทำให้เกิดช่องทางใหม่ที่จะสร้างปฏิสัมพันธ์ให้ลูกค้าได้รู้สึกจดจำ และตื่นเต้นเมื่อเห็นสินค้าที่จำหน่ายในศูนย์การค้าจริง ผ่านโลกดิจิทัลแค่ปลายนิ้ว โดยธุรกิจรีเทลใช้เทคโนโลยี Web 3.0 เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งที่หลากหลาย โดยเฉพาะการทำ NFT (Non-Fungible Token) ที่จะเชื่อมโยงโลกคู่ขนานออนไลน์และโลกออฟไลน์ และโลกเสมือนจริง หรือ Metaverse ซึ่งข้อมูลเป็นส่วนสำคัญในการออกแบบ และวางแผนกลยุทธ์ที่จะเข้าถึงพฤติกรรมการช้อปปิ้งของลูกค้า โดยเฉพาะการใช้ NFT ที่จะบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ ในรูปแบบที่หลากหลาย รวมถึงตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล การ สร้าง Loyalty Program รีวอร์ดที่แบรนด์ต่างๆ จะนำไปใช้มัดใจลูกค้าผ่านการเชื่อมโยงด้านอารมณ์ แบบ Emotional Engagement

“Web 3.0 เป็นปรากฏการณ์ระดับโลก ที่สามารถต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้และเป็นอนาคตของไลฟ์สไตล์ และเทรนด์ในการใช้ชีวิตในวันข้างหน้า ที่เปลี่ยนวิธีการใช้ Social media ไปอย่างสิ้นเชิงทำให้แบรนด์เข้าถึงฐานลูกค้าใหม่ๆ ทั้ง Web 3.0 และ NFT จึงไม่ใช่เป็นเรื่องสำหรับคนรุ่นใหม่ Gen Z เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคน Gen Y และ Gen X ที่ดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของทุกคน และสื่อสารกันผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น รวมถึง Luxury Brands ต่างๆ ที่นำเทคโนโลยี Web 3 มาใช้เพื่อเข้าถึงและ engage กับลูกค้าเจนใหม่ๆ ” ชญาภากล่าว

เดอะ พิงค์แล็บ เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ดิจิทัล ที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing Community และ Loyalty Program Web 3.0 และ นวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยหัวใจของการสร้างธุรกิจที่นำเสนอด้วยความสนุกนำ Data ในโลกออนไลน์มาสร้างแบรนด์และนำเสนอประสบการณ์มิติใหม่ให้กับวงการ ได้ร่วมมือกับสยามพิวรรธน์ในการผนึกกำลังกับ ZEPETO พันธมิตรระดับโลกสร้างประสบการณ์แบบใหม่ในโลกดิจิทัล ด้วยการจัดงานสงกรานต์ผ่าน Metaverse เป็นครั้งแรกของโลก สร้างประสบการณ์ แบบออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O) ทำให้นักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศสงกรานต์ได้อย่างไร้พรมแดน และการนำแฟชั่นไทยสู่โลกเสมือนจริง ในงาน Bangkok International Fashion Week 2022 ที่สยามพารากอน ลูกค้าสามารถเลือกช้อปคอลเลกชันล่าสุดจากรันเวย์เพื่อสวมใส่จริง และซื้อไอเทมเดียวกันเพื่อแต่งตัวอวตาร์บนโลก Metaverse และแชร์ผ่านโลกโซเชียลมีเดีย

โมโมริ ฮิราบายาชิ Business Development Web 3.0 บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า สยามพิวรรธน์เป็นผู้นำในตลาดลักซ์ซูรี ที่มีแนวคิดการร่วมสร้าง หรือ Co-creation ร่วมมือกับทุกภาคส่วน รวมทั้งร้านค้าแบรนด์ต่างๆ ที่เช่าพื้นที่ในศูนย์การค้า และผู้บริโภค สยามพิวรรธน์จึงมุ่งสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายในพื้นที่ของศูนย์ฯ ที่เป็น Physical World และเชื่อมโยงประสบการณ์ไปสู่โลกดิจิทัล และโลกเสมือนใน Metaverse ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์สูงสุด ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ที่เป็น Tech Savvy

นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์มีพันธกิจสำคัญในการนำอัตลักษณ์ไทยชนะใจคนทั่วโลก (Win the World for Thailand) ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับ NIMIT และ Cryptomind ในโครงการ Fight for The Future เปิดตัวดิจิทัลแลนด์ของคนไทยบน Sandbox แพลตฟอร์มโลกเสมือน โดยจำลองพื้นที่ของศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ มาเป็นต้นแบบในการออกแบบดีไซน์ พร้อมนำเสนอเกมสนุกสุดมันด้วยกีฬามวยไทย (Thai Boxing) นำความเป็นไทยสู่เวทีโลก ถือเป็นบริษัทแห่งแรกที่สร้างประสบการณ์มวยไทยในแพลตฟอร์มโลกเสมือน

“สิ่งสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จคือการร่วมกันแชร์ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระหว่างบริษัท Web 3.0 และบริษัทที่ไม่ได้ทำ Web 3.0 การมีพันธมิตรจากหลากหลายธุรกิจจะทำให้สามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ Web 3.0 ได้อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้อย่างแท้จริง” โมโมริกล่าว

Web 3.0 เป็นการสื่อสารอินเตอร์เน็ทยุคใหม่ที่ไร้ตัวกลาง ผู้ใช้งานสื่อสารกันเองได้โดยตรง และมีบล็อกเชนที่ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว โดยเมตาเวิร์สเป็นแพลตฟอร์มในโลก 3.0 ที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การช้อปปิ้งโดยเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือน ในขณะที่ NFT เป็นเครื่องมือการตลาดยุคใหม่ที่จะส่งเสริมการเอ็นเกจกับลูกค้า ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล ใช้ได้ในหลายรูปแบบ ทั้งการสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้สิทธิประโยชน์พร้อมใช้ได้ทันที หรือใช้ยืนยันตัวตนการเป็นสมาชิกเพื่อเข้าถึงคอมมูนิตี้ที่จัดไว้เฉพาะสมาชิกเท่านั้น

สยามพิวรรธน์เป็นบริษัทชั้นนำที่ได้พลิกโฉมหน้าธุรกิจค้าปลีกไทย บุกเบิกสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ตอกย้ำบทบาทการเป็น RetailTech รายแรกของไทยที่พัฒนา Global Ecosystem ด้วยการร่วมมือกัพันธมิตรและคู่ค้าทั้งในประเทศและระดับโลกมากกว่า 50 องค์กร ในกว่า 13 อุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดยุคใหม่ ภาคธุรกิจจะต้องเข้าใจเทคโนโลยีเหล่านี้ มองหาโอกาส และเป้าหมายที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมใน Value Chain ของอีโคซิสเต็มดังกล่าว และคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เพราะไม่ใช่ทุกธุรกิจจะสามารถคว้าโอกาสและรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ จึงควรมองภาพแบบระยะยาวที่จะเข้าถึงลูกค้าในรูปแบบใหม่ๆ ในอนาคต แต่ไม่ทิ้งฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่ ทั้งการสร้างรายได้จากระบบนิเวศในรูปแบบใหม่ ยกระดับการแข่งขันกับแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วโลกได้” ชญาภา กล่าวเสริม

]]>
1441971
MQDC ลุยจักรวาลโลกเสมือนจริง เปิดตัว MQDC Idyllias มาในคอนเซ็ปต์ “เมตตาเวิร์ส” (Metta-verse) https://positioningmag.com/1420013 Fri, 24 Feb 2023 10:00:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1420013

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้ เทรนด์ล่ามาแรงที่สุดอย่างหนึ่งคงจะหนีไม่พ้น Metaverse หรือโลกเสมือนจริง เรียกได้ว่าเกือบทุกอุตสาหกรรมต่างให้ความสนใจ เปิดยูนิตใหม่เพื่อรองรับเทรนด์นี้กันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นไอที บันเทิง เกม รวมถึงวงการอสังหาริมทรัพย์  ก็มีโลกเสมือนจริงกับเขาด้วย

ท่ามกลางเทรนด์ใหญ่ระดับโลกนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางรายในต่างประเทศก็มีขายบ้านที่ดินเสมือนในเมตาเวิร์สบ้าง แต่สำหรับ MQDC ที่ชัดเจนกับการคิดค้นนวัตกรรมใหม่มาตลอดมองเทรนด์เมตาเวิร์สเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้ MQDC พัฒนาโลกใหม่ที่ไม่ติดข้อจำกัดที่เกิดขึ้นในโลกจริงเมื่อไม่นานมานี้ จึงได้เปิดตัวโครงการใหม่ MQDC Idyllias (ไอดิลเลียส์)โครงการเมตาเวิร์สแห่งแรกที่มาช่วยสร้างสรรค์โลกใบใหม่ เป็นโลกแห่งอนาคต และเป็นสถานที่โลกแห่งความจริง และโลกเสมือนเชื่อมผสานกันเป็นหนึ่งเดียวแบบไร้รอยต่อถือเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่เป็นผู้บุกเบิกการพัฒนาเมตาเวิร์สอย่างแท้จริง

MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด)ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ได้ริเริ่มพัฒนาโครงการเกี่ยวกับเมตาเวิร์สมาแล้วตั้งแต่ปี 2021 ในปีที่ผ่านมาได้มีการประกาศความร่วมมือกับเอคเซนเชอร์ (Accenture) บริษัทผู้ให้บริการด้านพัฒนาธุรกิจชั้นนำระดับโลก เพื่อพัฒนาโครงการเมตาเวิร์สให้กับ MQDC ซึ่งความร่วมมือนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ ที่ทำให้ MQDC เดินหน้าขยายองค์กรไปสู่ธุรกิจใหม่

นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) กล่าวว่า

“แบรนด์เมตาเวิร์ส MQDC Idylliasเป็นโครงการเมตาเวิร์สที่พัฒนา โดยบริษัทลูกเอ็มคิวดีซี เมตาเวิร์ส คอร์ปอเรชั่น โครงการนี้กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “เมตตาเวิร์ส” (Metta-verse หรือ ‘เมตตา’-เวิร์ส)ซึ่งคำว่า Mettaพ้องกับคำภาษาไทย “เมตตา” ซึ่งมีความหมายว่าความเอื้ออารี ความกรุณาและความปรารถนาที่จะเห็นผู้อื่นเป็นสุข ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ในการสร้างโลก Idyllias แห่งนี้”

“เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสความรู้สึกอันน่าจดจำที่ Idyllias ณ สถานที่แห่งนี้ เราพัฒนาขึ้นเพื่อสะท้อนความหมายของคำว่า “Idyllic” หรือสถานที่สุขสงบและแสนสวยงามเกิดขึ้นจริงที่นี่โลกเสมือนที่จะเชื่อมเข้ากับโลกแห่งความจริง ที่เราตั้งใจพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นที่ก่อเกิดความสุข ความปรารถนาดีต่อกัน และสร้างนวัตกรรมยั่งยืน เพื่อให้โลก “เมตตาเวิร์ส” ของเรา เป็นส่วนหนึ่งที่ ช่วยขจัดปัญหาที่โลกแห่งความจริงกำลังเผชิญอยู่”


รู้จัก MQDC Idyllias

MQDC Idyllias คือ โครงการเมตาเวิร์สพัฒนาขึ้นโดย บริษัท เอ็มคิวดีซี เมตาเวิร์ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นบริษัทผู้พัฒนาเมตาเวิร์สภายใต้กลุ่มบริษัท MQDC โดยเฉพาะ ซึ่ง MQDC Idyllias เป็นโครงการพัฒนาประสบการณ์เสมือนจริง เป็นการต่อยอดเชิงนวัตกรรมของ MQDC เพื่อนำองค์กรเดินหน้าไปสู่ความเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยั่งยืน เพื่อนำโลกและสังคมไปในทิศทางตามปรัชญา “For All Well-Being”

โลก Idyllias จะเป็นสถานที่ที่โดยผู้ใช้งานสามารถพบปะ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านกิจกรรม และพื้นที่ต่างๆ ที่จะพัฒนาขึ้น โดย Idyllias จะมีการพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เรียกว่า “Internet of Place” จะเป็นศูนย์รวมการบริการที่มอบประสบการณ์ท่องโลกเสมือนได้แบบครบวงจร รวมถึงยังมีการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์รูปแบบใหม่ขึ้นภายในโลกเมตาเวิร์ส (direct-to-avatar) เพื่อรองรับการจับจ่ายที่เชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน Idyllias จึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน  ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจความบันเทิง อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงธุรกิจด้านสุขภาพ

นอกจากนี้ ลูกค้าโครงการ MQDC ยังได้สัมผัสประสบการณ์การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC ได้ในทั้งโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริง พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์มากมายอีกด้วย

MQDC Idyllias อยู่ระหว่างการพัฒนาและจะพร้อมเปิดตัวและให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2024 โดย MQDC Idyllias จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลทรานส์ลูเซีย เมตาเวิร์ส (Translucia Metaverse) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเมตาเวิร์สที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับและเชื่อมโยงเมตาเวิร์สต่างๆที่พัฒนาขึ้นมาอยู่ร่วมกันบนจักรวาลทรานส์ลูเซีย

ทรานส์ลูเซีย ก่อตั้งและดำเนินการโดยบริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงและแอนิเมชั่นระดับโลก


ไม่ใช่แค่ขายโครงการ แต่เป็นโลกแห่งความสุข

คอนเซ็ปต์ของ MQDC Idyllias จะสะท้อนคำว่า Metta-verse for All Life Visible มีการดีไซน์กิจกรรม และประสบการณ์ให้ทุกชีวิตสามารถดำรงอยู่ ร่วมกันได้อย่างสงบสุข เรียกได้ว่า MQDC ไม่ได้เป็นเพียงนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นผู้นำความก้าวหน้าของเทคโนโลยี นวัตกรรมเพื่อยกมาตรฐานความเป็นอยู่ของทุกชีวิตและสังคมให้ดีขึ้นในทุกมิติได้

ทางด้าน นายภารุต เพ็ญพายัพ ผู้อำนวยการโครงการเมตาเวิร์ส MQDC Idyllias กล่าวว่า

“แบรนด์ Idyllias จะสะท้อนความเป็นโลกเสมือนที่ไม่ได้เป็นเพียงเพื่อขายโครงการ virtual real estate แต่เป็นโลกเสมือนที่ผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์แห่งความสุขจากความเชื่อมโยงกับโลกแห่งความเป็นจริงได้อย่างไร้รอยต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC จะเป็นโครงการแรกๆที่ได้รับการเชื่อมต่อกับโลกเสมือน MQDC Idyllias

ทั้งนี้ นายรามากริชนัน ซี. เอ็น. หัวหน้าด้านการบูรณาการและ Metaverse ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แห่ง Accenture Song กล่าวว่า

“Idyllias จะช่วยทลายขีดจำกัดในการเชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน ผ่านเทคโนโลยีที่สร้างประสบการณ์ที่ให้อารมณ์ ความรู้สึกอันดื่มด่ำ เหนือจินตนาการ ที่รังสรรค์ขึ้นโดยเฉพาะที่ MQDC Idyllias เราเชื่อว่าโอกาสในการสร้างประสบการณ์ในโลก metaverse ยังมีอีกมากมายสำหรับภาคธุรกิจและภาคส่วนอื่นๆ และมั่นใจว่าแอคเซนเชอร์จะสามารถเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้ MQDC ไปสู่เป้าหมายในการสร้างประสบการณ์ครั้งใหม่ ที่เข้าถึงได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน การใช้ชีวิต การเรียนรู้ และสันทนาการ ให้ผู้คนได้ใช้ในโลกเสมือนและโลกจริงอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น”

ธุรกิจด้านเมตาเวิร์สนี้จะทำให้ MQDC ไม่ได้เป็นเพียงผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ แต่ยังเป็นผู้สร้างประสบการณ์ใหม่ไร้ขีดจำกัดให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้บริการ ตลอดจนพันธมิตร และผู้ที่สนใจเข้าร่วมในโลกแห่งนวัตกรรมใหม่ที่เชื่อมต่อโลกแห่งความจริงและโลกเสมือนเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย

นอกจาก MQDC จะเป็นผู้บุกเบิกนวัตกรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี อย่างยั่งยืนของทุกชีวิตแล้ว ยังมีความมุ่งมั่นในการคิดค้นเฟ้นหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำมาต่อยอดการพัฒนาธุรกิจที่มีอยู่ ทำให้ MQDC ก้าวขึ้นเป็นผู้นำนวัตกรรมในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง ทั้งในการนำการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนมาสู่ผู้คนและสังคมในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงโลกหรือ Digital Transformation

]]>
1420013
สยามพิวรรธน์ ผนึกพันธมิตรระดับโลก ZEPETO บุกเมตาเวิร์ส เชื่อมประสบการณ์โลกคู่ขนานสู่ปรากฎการณ์แฟชั่นในโลกเสมือนจริง https://positioningmag.com/1402290 Thu, 29 Sep 2022 04:00:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402290
  •  สยามพิวรรธน์ขับเคลื่อนประสบการณ์ Metaverse มุ่งสร้างประสบการณ์เหนือความคาดหมายหลากมิติทั้งโลกจริงและโลกเสมือนให้กับฐานลูกค้าอันทรงพลังทั่วโลก
  •  เสริมแกร่งระบบนิเวศดิจิทัลให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น ด้วยการผนึกกำลังกับ ZEPETO พันธมิตรระดับโลก บุกเบิกนำอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก้าวล้ำนำเทรนด์ ไปสู่โลกเสมือนจริง
  •  ตอกย้ำความเป็น Trend Setter ของเมืองไทยมาตลอดกว่าครึ่งศตวรรษ และเป็นผู้บุกเบิกสนับสนุนและส่งเสริมความสามารถเยาวชนไทยในอุตสาหกรรมแฟชั่นสู่เวทีโลกทุกยุคทุกสมัย
  • สร้างสรรค์ความสนุกสุดล้ำที่ลูกค้าสามารถมีส่วนร่วม เลือกช้อปคอลเลคชั่นล่าสุดจากรันเวย์ BIFW 2022 เพื่อสวมใส่จริง และแต่งตัวอวตาร์บนโลก Metaverse ได้พร้อมกัน

  • บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ ไอคอนสยามและสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เสริมระบบนิเวศดิจิทัลให้แกร่งขึ้นไปอีกขั้น ผนึกพันธมิตรระดับโลก ZEPETO ที่มีฐานลูกค้าคนรุ่นใหม่กว่า 300 ล้านคนทั่วโลก ขับเคลื่อนประสบการณ์ Metaverse บุกเบิกนำอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยก้าวล้ำนำเทรนด์ ไปสู่โลกเสมือนจริง ด้วยปรากฎการณ์ไลฟ์สไตล์สุดล้ำรูปแบบใหม่ในงาน Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2022 (BIFW 2022) ที่ลูกค้าสามารถเลือกช้อปคอลเลคชั่นล่าสุดจากรันเวย์ เพื่อสวมใส่จริง และใช้ไอเทมเดียวกันแต่งตัวอวตาร์บนโลก Metaverse ได้พร้อมกัน

    ชนิสา แก้วเรือน Head of Corporate Strategy Group ผู้บริหารกลุ่มงานกลยุทธ์องค์กร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ การมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้ลูกค้า คือกลยุทธ์หลักที่ขับเคลื่อนให้ศูนย์การค้าในเครือสยามพิวรรธน์ กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้คนทั่วโลกต่างปักหมุดให้เป็นสถานที่ที่ต้องมาเยือนจนมีฐานลูกค้าที่ทรงพลังทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่ด้วยทุกวันนี้ที่เทคโนโลยีก้าวล้ำและสามารถเชื่อมต่อผู้คนที่อยู่ในแต่ละมุมโลกสู่จุดหมายปลายทางในอีกมุมโลกอย่างง่ายได้ มุมมองของลูกค้ามีต่อคอมมูนิตี้ได้เปลี่ยนแปลงไปจากจากสถานที่จริง สู่พื้นที่คอมมูนิตี้บนโลกดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น สยามพิวรรธน์จึงได้สร้างสรรค์วิธีการใหม่ๆ ในการมอบประสบการณ์หลากมิติทั้งโลกจริงและโลกเสมือนให้กับลูกค้าทั่วโลก โดยเริ่มตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ได้สร้างระบบนิเวศดิจิทัล พร้อมกับการเปิดตัว ONESIAM SuperApp ให้เป็นศูนย์รวมจักรวาลแห่งประสบการณ์ไว้ในหนึ่งเดียว เชื่อมสู่ลูกค้าของเราให้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา

    สยามพิวรรธน์ ได้ต่อยอดความสำเร็จที่มีมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในการผลักดันและสนับสนุนอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยสู่เวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมอบโอกาสให้นักออกแบบดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ได้มีเวทีในการนำเสนอพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงการบ่มเพาะด้านสายงานวิชาชีพ สร้างดีไซเนอร์รุ่นใหม่ๆ เข้าสู่วงการแฟชั่นไทยมาโดยตลอด ในฐานะศูนย์กลางแห่งแฟชั่นที่นำเสนอเทรนด์สุดล้ำในทุกยุคสมัยตลอดระยะเวลากว่า 48 ปี ของสยามเซ็นเตอร์ ในยุคสมัยใหม่ที่โลกดิจิตอลมีความสำคัญต่อทุกๆ อุตสหกรรม สยามพิวรรธน์ จึงร่วมมือกับ ZEPETO พันธมิตรด้านเมตาเวิร์สระดับโลก นำเสนอความแปลกใหม่และแตกต่างผ่านโลกของแฟชั่นซึ่งเป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญของสยามพิวรรธน์ ชูผลงานความสามารถของเยาวชนไทยในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้ก้าวไปอีกขั้นให้ล้ำนำเทรนด์ไปสู่โลกเสมือนจริง พร้อมเปิดโอกาสให้เยาวชนมีส่วนร่วมได้เรียนรู้โลกแฟชั่นแห่งอนาคตไปด้วยกัน”

    ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ ผนึกกำลังกับพันธมิตรระดับโลก ZEPETO ผู้นำแพลตฟอร์มสร้าง Avatar คาแรกเตอร์ เสมือนจริงแบบ 3D สุดฮอต ที่มีสมาชิกผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก โดยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 สยามพิวรรธน์เป็นองค์กรในประเทศไทยที่ได้ร่วมทำโปรเจค ONESIAM x ZEPETO Metaverse Songkran Festival ส่งมอบความสุขและความหรรษาฉลองประเพณีไทยและสาดน้ำสงกรานต์พร้อมกันทั่วโลก ซึ่งได้รับความสนใจมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก และยังคงร่วมกันเชื่อมโลกจริงและโลกเสมือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์คู่ขนานให้ออกมาสมบูรณ์แบบ โดยล่าสุดได้สร้างปรากฏการณ์ไลฟ์สไตล์สุดล้ำรูปแบบใหม่ในงานแฟชั่นระดับโลก Siam Paragon Bangkok International Fashion Week 2022 หรือ BIFW 2022 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 25 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา โดยนำเสนอแฟชั่นทั้งบนรันเวย์จริงและในโลกเสมือนจริง ที่ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์และซื้อสินค้าได้บนโลกทั้งสองใบ

    Mr. Heesuk Ricky Kang, the Head of Business, ZEPETO กล่าวว่า “รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกับผู้บุกเบิกในวงการรีเทลระดับโลกอย่างสยามพิวรรธน์ เราได้ร่วมกันเชื่อมต่อแฟชั่นโลกเสมือนและแฟชั่นโลกจริงเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ผมหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการนำประสบการณ์หลากหลายในโลกเสมือนจริงสู่โลกออฟไลน์ ที่ ZEPETO และสยามพิวรรธน์จะร่วมมือกันพัฒนาต่อไปอีกในอนาคต”

    สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้เป็นความตั้งใจสร้างคอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z ซึ่งภายในงาน BIFW นอกเหนือจากแกรนด์รันเวย์ที่นำเสนอแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ชั้นนำแล้ว ไฮไลท์สำคัญของงาน คือ การเชื่อมโลกแฟชั่นของโลกจริงและโลกเสมือนเข้าด้วยกัน โดยได้เชิญชวนนักออกแบบดีไซน์ ออกแบบชุดสำหรับ Avatar ในแพลตฟอร์ม ZEPETO โดยผลงานที่ได้รับการคัดเลือก นอกจากจะจำหน่ายใน Metaverse แล้ว ยังได้รับการออกแบบตัดเย็บเป็นชุดจริง และได้ร่วมโชว์บนรันเวย์ BIFW 2022 ในโชว์ของ Absolute Siam Presented by Zepeto: Sculpture Studio x Waterandother x Fill in the Bag

    ขณะเดียวกันได้นำชุดจากแฟชั่นโชว์ Absolute Siam ที่ร่วมเดินในรันเวย์มาแปลงเป็นชุดสำหรับ Avatar บน ZEPETO ซึ่งผู้ร่วมเล่นสามารถเลือกซื้อชุดแล้วแต่งอวตาร์ในคอลเลคชั่นล่าสุดของ Absolute Siam ได้เช่นเดียวกับบนโลกจริง นอกจากนี้ วันสยาม และ ZEPETO ยังได้นำ KOL ที่มีแฟนคลับบนโลกจริง เข้าสู่โลกเสมือน โดยมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เล่นร่วมกับ KOL อย่างใกล้ชิด ทั้งหมดนี้คือปรากฏการณ์แฟชั่นโชว์ที่ตั้งใจนำเสนอทั้งแฟชั่นโชว์ที่สัมผัสได้จริงบนรันเวย์ที่ยิ่งใหญ่ ไปพร้อมกับการจัดแฟชั่นโชว์ใน Metaverse ที่มีผู้ร่วมชมจากทั่วโลก

    การร่วมมือกับ ZEPETO พันธมิตรระดับโลก สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของสยามพิวรรธน์ คือ

    1) ส่งมอบจักรวาลแห่งประสบการณ์ที่ไม่สิ้นสุด สร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าที่มีอยู่ทั่วโลกทุกที่ทุกเวลา ซึ่งกิจกรรมที่คัดสรรมาต้องเติมเต็มไลฟ์สไตล์ สร้างปฏิสัมพันธ์ เสริมความสนุก ทำให้ทุกคนได้โลดแล่นไปกับประสบการณ์ที่แตกต่าง ในรูปแบบใหม่ๆ ช่วยยกระดับความพึงพอใจสูงสุด และครองความเป็นหนึ่งในใจลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ

    2) ขยายฐานและเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ Generation Z โดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบ Gamification

    3) สร้างรายได้จากระบบนิเวศในรูปแบบใหม่ๆ ยกระดับการแข่งขันกับแพลตฟอร์มต่างๆที่มีอยู่ทั่วโลกได้ และทำให้สยามพิวรรธน์ก้าวไปได้ไกลกว่าโมเดลธุรกิจหลักเป็นอีกก้าวสำคัญของสยามพิวรรธน์ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งระบบนิเวศดิจิทัล และ นำอัตลักษณ์ไทยพิชิตใจคนทั้งโลก (Win The World for Thailand) ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แอปพลิเคชั่น ONESIAM SuperApp และ ZEPETO

    ]]>
    1402290
    ฮิตรับกระเเส ‘metaverse’ ยอดดาวน์โหลดเเอปฯ Oculus ของ Meta พุ่ง 2 ล้านครั้งช่วงปีใหม่ https://positioningmag.com/1369796 Fri, 07 Jan 2022 12:13:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369796 เทรนด์ความนิยมในโลกเสมือนจริงเเรงต่อเนื่อง ยอดดาวน์โหลดเเอปฯ  Oculus’ ของ Meta พุ่งกว่า 2 ล้านครั้ง นับตั้งเเต่ช่วงวันคริสต์มาสที่ผ่านมา 

    โดย Oculus เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้เชื่อมต่อกับแว่นสามมิติ Virtual Reality หรือที่เราเรียกกันว่า ‘แว่น VR’ ของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ Meta

    จากข้อมูลของ Sensor Tower เเละ Apptopia บริษัทวิจัยข้อมูลด้านแอปพลิเคชันมือถือ ระบุว่า เเว่น Oculus รุ่น Quest 2 ได้กลายเป็นหนึ่งในของขวัญยอดนิยมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้เเอปฯ Oculus พุ่งขึ้นสู่อันดับต้นๆ ที่มีคนดาวน์โหลดมากที่สุด บน Apple Store และกลายเป็นแอปฯ ฟรีที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Google Play ของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

    โดยในช่วงสัปดาห์คริสต์มาสในสหรัฐฯ (23-29 ธ.ค. 2021) มียอดการใช้เเอปฯ Oculus เพิ่มขึ้นถึง 517% เมื่อเทียบเป็นรายสัปดาห์ เเละมีการติดตั้งเเอปฯไปกว่า 1.5 ล้านครั้ง จากนั้นในสัปดาห์ต่อมา หลังจากช่วงเทศกาล ยอดดาวน์โหลดลดลง 77% โดยเหลือการติดตั้งแอปฯ เพียง 345,000 ครั้ง (30 ธ.ค. 2021- 5 ม.ค.2022)

    อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังคงสูงกว่าสัปดาห์ก่อนช่วงคริสต์มาส ปี 2021 ถึง 42% และมีแนวโน้มว่าการดาวน์โหลดจะยังมีต่อเนื่อง เพราะยังมีกลุ่มผู้ที่เพิ่งได้รับอุปกรณ์ Oculus ชิ้นใหม่นี้มาในช่วงวันหยุด แต่ยังไม่ได้กดตั้งค่าเริ่มใช้งาน

    Sensor Tower ประเมินว่า โดยรวมแล้ว แอปฯ Oculus มีการติดตั้งทั่วโลกไปแล้วประมาณ 2 ล้านครั้ง นับตั้งแต่วันคริสต์มาสจนถึงปัจจุบัน พร้อมคาดการณ์ว่าตลอดช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา มียอดดาวน์โหลดแอปฯ Oculus ทั้งสิ้นประมาณ 8-10 ล้านครั้ง จาก App Store และ Google Play รวมกัน

    ด้าน Apptopia รายงานว่าแอปฯ Oculus ถูกดาวน์โหลดไปเเล้ว 2.189 ล้านครั้งทั่วโลก นับตั้งแต่วันคริสต์มาสจนถึงปัจจุบัน โดยในจำนวนผู้ติดตั้งมากกว่า 2 ล้านครั้งนี้ ประมาณ 79% (ราว 1.727 ล้าน) มาจากผู้บริโภคในสหรัฐฯ

    แอปฯ Oculus เปิดตัวครั้งเเรกในเดือนเม.ย. ปี 2018 โดยมียอดการดาวน์โหลดที่ 1.2 ล้านครั้งในปีแรกที่วางตลาด เเละจากนั้นมีการดาวน์โหลด 2.4 ล้านครั้งในปี 2019 ก่อนจะมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2020 เมื่อผู้บริโภคทั่วโลกกว่า 4.4 ล้านคนติดตั้งแอปฯ ดังกล่าว

    – เเว่น VR Oculus Quest 2

    โดยหลังจากการเปิดตัวเเว่น VR รุ่น Quest 2 ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 ก็ทำให้มีการติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 10.62 ล้านครั้ง เเละส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคในสหรัฐฯ ถึง 68%

    เเม้ทาง Meta จะยังไม่ได้ออกมายืนยันตัวเลขดังกล่าว เเต่เมื่อดูจากตัวเลขที่ Qualcomm ผู้ผลิตชิปเจ้าใหญ่ ได้เปิดเผยในช่วงเดือนพ.ย.ของปีที่ผ่านมา ว่าได้ส่งมอบชิปของแว่น Oculus Quest 2 ไปประมาณ 10 ล้านชิ้น ก็มีเเนวโน้มจะเป็นไปได้ตามที่มีการวิเคราะห์

    นอกจากนี้ Apptopia ยังเผยถึง ยอดผู้ใช้งานรายวัน หรือ Daily Active Users ของแอปฯ Oculus ว่ามีถึง 2.41 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ใช้จำนวนมากไม่ได้ตั้งค่าแอปฯ เพียงครั้งเดียวแล้วจบหรือเลิกเล่นไป

    หลังจากที่ Facebook ประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่เป็น ‘Meta’ เเละวางแผนสำคัญในการสร้างเเพลตฟอร์มโลกเหมือนจริงบน “metaverse” อุปกรณ์ VR ก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในสินค้าเรือธงของบริษัท ด้วยพยายามจะทำให้เป็นสินค้าที่เข้าถึงได้ง่ายในราคาไม่เเพงมาก ด้วยระดับเริ่มต้นที่ 299 ดอลลาร์  (ราว 1 หมื่นบาท) เหล่านี้จะทำให้กระเเส metaverse เติบโตได้เร็ว เเละมีเเนวโน้มจะกลายเป็นเทรนด์เเห่งอนาคตได้ในที่สุด

     

    ที่มา : techcrunch

    ]]>
    1369796
    ไปด้วย! ‘Nike’ ซุ่มจดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ ‘Metaverse’ พร้อมหา ‘นักออกแบบสินค้าเสมือนจริง’ https://positioningmag.com/1360103 Wed, 03 Nov 2021 03:42:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1360103 หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ Facebook ประกาศว่าจะทำการรีแบรนด์เป็น Meta เพื่อมุ่งเน้นไปที่ Metaverse โลกเสมือนจริงที่ผู้คนสามารถพบปะและเชื่อมต่อแทบทุกอุปกรณ์ได้ ‘Nike’ (ไนกี้) ยักษ์ใหญ่ด้านแฟชั่นและกีฬาก็เอาด้วย โดยซุ่มไปจดสิทธิบัตร ‘สินค้าเสมือนจริง’ ถือเป็นอีกแบรนด์ที่เตรียมพร้อมเข้าสู่ Metaverse

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานว่า Nike ยื่นขอเครื่องหมายการค้ากับสำนักงานสิทธิบัตรการค้าของสหรัฐฯ สำหรับ สินค้าเสมือนจริงที่มีตราสินค้า Nike รวมถึงเสื้อผ้าและรองเท้าผ้าใบ โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นก้าวแรกของบริษัทในการที่จะทำและขายรองเท้าผ้าใบและเครื่องแต่งกายเสมือนจริงภายใต้แบรนด์ Nike

    ตามรายงานของสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าของสหรัฐอเมริกา Nike ได้ยื่นคำร้องในวันที่ 27 ต.ค. สำหรับชื่อ ‘Nike’ และโลโก้ รวมถึงสโลแกน ‘Just Do It’ ด้วย ต่อมาก็ได้มีการยื่นใบสมัครอีกสองรายการสำหรับโลโก้ ‘Air Jordan’ และ ‘Jumpman’ โดยรวมแล้วมีการส่งใบสมัครที่แตกต่างกัน 7 รายการ

    Nike กำลังปกป้องเครื่องหมายการค้าของพวกเขาสำหรับยุคใหม่นี้” Josh Gerben ทนายความด้านเครื่องหมายการค้ากล่าว

    นอกจากการยื่นจดสิทธิบัตรแล้ว Nike ยังกำลังมองหา นักออกแบบวัสดุเสมือนจริง สำหรับออกแบบรองเท้า รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในฐานะ Digital Product Creator อีกด้วย

    อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนในอนาคตในตอนนี้ แต่คนที่คุ้นเคยกับกลยุทธ์นี้กล่าวว่า พื้นที่มีความสำคัญสำหรับแบรนด์ และผู้บริโภคสามารถคาดหวังที่จะเห็นการเปิดตัวสินค้าเสมือนจริงมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

    “นี่จะเห็นได้ชัดว่าเป็นการตอบรับแนวคิดเรื่อง metaverse พวกเขากำลังยื่นคำร้องใหม่สำหรับเครื่องหมายการค้าหลักของบริษัท โดยบอกว่าพวกเขากำลังจะเปิดตัวและเริ่มขายเสื้อผ้าเสมือนจริง หมวก รองเท้า ในโลกออนไลน์และโลกเสมือนจริง”

    “ถ้าคุณต้องการควบคุมเครื่องหมายการค้าของคุณในโลกนั้น มันจะง่ายกว่าถ้าคุณเพิ่งลงทะเบียนสำหรับสินค้าเสมือนจริง การยื่นเครื่องหมายการค้าจะเพิ่มมูลค่าให้กับพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์โดยรวม เนื่องจากเครื่องหมายการค้าเป็นทรัพย์สินรูปแบบหนึ่ง”

    จากข้อมูลของ Gerben เครื่องหมายการค้าใหม่นี้ยังให้การคุ้มครองพิเศษแก่ Nike ในกรณีที่ผู้อื่นพยายามใช้แบรนด์ในลักษณะที่ไม่มีใบอนุญาต

    อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การรุกสู่โลกเสมือนจริงครั้งแรกของแบรนด์ โดยย้อนไปในเดือนพฤษภาคม 2019 แบรนด์ Jordan ร่วมมือกับ Fortnite โดยที่ตัวละครสวมรองเท้าผ้าใบแบรนด์ Nike นอกจากนี้ Nike ยังได้ร่วมมือกับ Roblox แพลตฟอร์มเกมออนไลน์อีกหลายครั้ง นอกจากนี้ บริษัทยังคงรอการจดสิทธิบัตรที่ยื่นเมื่อเดือนเมษายน 2019 สำหรับ ‘Cryptokicks’ ซึ่ง Nike วางแผนที่จะใช้เป็นโทเค็นของบริษัท

    ในขณะที่ Nike เตรียมพร้อมสำหรับโลกเสมือนจริง โลกจริงของบริษัทกำลังได้รับผลกระทบจากปัญหาซัพพลายเชน ในรายงานผลประกอบการล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กันยายน โดยบริษัทได้ ปรับลดแนวโน้มปีงบประมาณ 2022 ลง เนื่องจากปัญหาทั้งระยะเวลาขนส่งที่ยาวนานขึ้น การขาดแคลนแรงงาน และการปิดการผลิตที่ยืดเยื้อในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม หุ้น Nike เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยมีมูลค่าตลาดมากกว่า 2.65 แสนล้านดอลลาร์

    Source

    ]]>
    1360103
    พี่ก้อนบุกโลกเสมือนจริง! “บาร์บีคิวพลาซ่า” เปิดร้านบน V-Avenue ดันรายได้เดลิเวอรี่ https://positioningmag.com/1350002 Thu, 02 Sep 2021 10:32:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1350002 “บาร์บีคิวพลาซ่า” ทำการตลาดแนวใหม่ เปิดร้านอาหารเสมือนจริงบนแพลตฟอร์ม V-Avenue powered by AIS 5G เน้นเปิดประสบการณ์ใหม่ หาลูกค้ากลุ่มใหม่ ดันยอดสั่งเดลิเวอรี่ควบคู่ยอดขายนั่งทานในร้าน เผยยอดขายวันแรกหลังคลายล็อกดาวน์กลับมา 90% ของช่วงก่อน COVID-19

    บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร ฟู้ดแพชชั่น แนะนำแคมเปญใหม่ของร้าน “บาร์บีคิวพลาซ่า” เปิดร้านแบบเสมือนจริงหรือ “Virtual Restaurant” บนแพลตฟอร์ม “V-Avenue powered by AIS 5G”

    V-Avenue นั้นเป็นแพลตฟอร์มศูนย์การค้าเสมือนจริง โดยตัวอาคารและร้านค้าภายในจะเป็นรูปแบบ 3D สามารถคลิกเข้าไปในร้านต่างๆ เลือกดูสินค้าในร้านได้ และสั่งซื้อแบบออนไลน์ ปัจจุบันมีอยู่แล้วหลายร้าน เช่น เดอะมอลล์ กรุ๊ป, ทีวีไดเร็ค, Loft, JungSaemMool, ALAND ล่าสุดเพิ่งเปิดตัว CMG ในเครือเซ็นทรัล และ RS Mall

    V-Avenue

    สำหรับร้านบาร์บีคิวพลาซ่าแบบเสมือนจริงเป็นร้านอาหารร้านแรกใน V-Avenue เมื่อลูกค้าเข้าไปในร้านจะพบ “บูธสั่งอาหารเดลิเวอรี่” ของบาร์บีคิวพลาซ่า มีเมนูสั่งชุดหมูกะทะขึ้นมาให้กดสั่งได้เลย และมีบูธของฌานาและโภชาที่จะลิงก์มายังหน้าเพจ Facebook ของร้าน

    โดยฟู้ดแพชชั่นมีโปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้า AIS ที่สั่งผ่าน V-Avenue คือ สั่งครบ 750 บาทขึ้นไปรับส่วนลด 100 บาท สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. 64

    ภายในร้านบาร์บีคิวพลาซ่าแบบเสมือนจริง

    ศิวลี บูรณสงคราม หัวหน้าแผนกงานบริหารแบรนด์ AIS ระบุว่า V-Avenue เปิดตัวมาแล้วกว่า 3 เดือน มีลูกค้าเข้ามาทดลองใช้สะสม 3 ล้านราย จากลูกค้าทั้งหมด 43.2 ล้านเลขหมาย โดย AIS พัฒนาแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมาเพื่อสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าคุ้นชินกับเทคโนโลยีใหม่ ส่วนยอดขายผ่าน V-Avenue ถ้าวัดเฉพาะ AIS Shop ซึ่งจัดโปรฯ แรง ทำให้มียอดขายดีกว่าร้านออนไลน์ของบริษัทบนแพลตฟอร์มอื่น 4-5 เท่า

    บุญย์ญานุชกล่าวว่า ตัดสินใจร่วมแคมเปญกับ AIS เพราะต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า และ AIS มีฐานลูกค้าคุณภาพที่อาจจะยังไม่เคยสั่งเดลิเวอรีกับบาร์บีคิวพลาซ่า ซึ่งร้านต้องการกลุ่มลูกค้าใหม่เหล่านี้ รวมถึงต้องการจะเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ AIS อนาคตอาจมีแคมเปญร่วมกันอีกในแบรนด์อื่นๆ ของฟู้ดแพชชั่น

     

    วันแรกคลายล็อกดาวน์ ยอดขายดีดกลับมา 90%

    ด้านสถานการณ์ตลาดร้านอาหารหลังภาครัฐคลายล็อกดาวน์ อนุญาตให้นั่งทานในร้านเป็นวันแรกเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2564 บุญย์ญานุชระบุว่า บริษัทมีสาขาที่กลับมาเปิดบริการแล้ว 90% ของสาขาทั้งหมด และวันแรกของ “บาร์บีคิวพลาซ่า” ได้รับการตอบรับล้นหลาม มียอดขายคิดเป็น 90% เทียบกับก่อนเกิดวิกฤต COVID-19

    ทั้งนี้ มองว่าเกิดจากร้านอาหารลักษณะปิ้งย่างทำเองแบบนี้ ลูกค้ามักจะโหยหามาก เทียบกับร้านอาหารแบบอื่นๆ จากที่ได้พูดคุยกับเพื่อนผู้ประกอบการ มีลูกค้ากลับมา 50-60% ของยอดขายก่อนเกิด COVID-19 แต่คาดว่าในวันเสาร์-อาทิตย์แรกหลังคลายล็อกดาวน์น่าจะคึกคักยิ่งขึ้น

    แม้ว่าภาครัฐจะปลดล็อกแล้ว แต่บุญย์ญานุชมองว่าเดลิเวอรี่จะยังสำคัญกับเครือ เพราะลูกค้าบางกลุ่มก็ยังไม่พร้อมที่จะกลับมาทานอาหารที่ร้าน รวมถึงการโปรโมตเรื่องบริการยืม-คืนกระทะกับบาร์บีคิวพลาซ่าก็เข้าถึงลูกค้าไปมากแล้ว จึงมองว่าการใช้ V-Avenue เป็นช่องทางผลักดันเรื่องเดลิเวอรีเป็นทิศทางที่เหมาะสม

     

    ยอมรับตกเป้ารายได้ แต่ฮึดสู้เพื่อไม่ให้ขาดทุน

    สำหรับรายได้ของทั้งเครือ หลังเผชิญการระบาดจนร้านอาหารต้องปิดหน้าร้าน 2 เดือน ทำให้บริษัทประเมินรายได้ใหม่ จากเดิมมองว่าน่าจะแตะ 2,800 ล้านบาทเท่ากับปีก่อน ขณะนี้คาดว่าน่าจะไม่ได้ตามเป้า แต่จะพยายามดันรายได้ด้วยกลยุทธ์ต่างๆ เช่น สินค้าขายในไฮเปอร์มาร์เก็ตซึ่งจะจับมือกับผู้ผลิตวัตถุดิบเจ้าหนึ่ง, การเปิดร้าน GON Truck อีก 5-7 สาขาในปั๊มบางจาก, การปัดฝุ่นร้าน เรดซัน กลับมาลุยตลาดอาหารเกาหลี เป็นต้น

    บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านการสร้างโอกาสทางการตลาด กลุ่มธุรกิจอาหาร ฟู้ดแพชชั่น

    ควบคู่กันไป บริษัทยังคงเดินหน้าตัดรายจ่ายให้มากที่สุด เพื่อให้บริษัทยังมีกำไรสิ้นปี แม้ว่าปัจจุบันจะต้องแบกรับภาระมากขึ้นจากมาตรการทางสาธารณสุข ทำให้บริษัทต้องให้พนักงานตรวจเชื้อด้วย Antigen Test Kit (ATK) เป็นประจำ ขณะนี้กำลังมุ่งเป้าหาซัพพลายเออร์ ATK ในราคาถูกอยู่เพื่อควบคุมต้นทุน

    นอกจากรายได้ของบาร์บีคิวพลาซ่าจะลดลง คาดว่าตลาดร้านอาหารปิ้งย่างโดยรวมน่าจะลดลงด้วย โดยน่าจะจบปีที่ 3,500 ล้านบาทเท่านั้น เทียบกับปี 2562 ที่ขึ้นไปแตะ 6,600 ล้านบาท (คิดเฉพาะร้านประเภทเชนที่มีหลายสาขา)

    บุญย์ญานุชกล่าวด้วยว่า เชื่อว่าหลังจากนี้เชนร้านอาหารจะแข่งกันจัดโปรโมชันเพื่อเรียกลูกค้ามาที่ร้าน เพราะความไม่แน่นอนที่ไม่รู้ว่าจะถูกสั่งปิดร้านอาหารอีกหรือไม่และเมื่อไหร่ ทำให้ทุกคนต้องดันยอดขายให้ได้มากที่สุดในช่วงที่ยังเปิดได้

    ]]>
    1350002