AWC – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 10 Jun 2025 11:33:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 AWC จุดพลุทำเล “ล้ง1919-ทรงวาด” ลงทุน 5 พันล้าน ปั้น The Ritz-Calrton ราคาทะลุ 3 แสน/คืน ขึ้นแท่นแพงสุดในไทย https://positioningmag.com/1525208 Mon, 09 Jun 2025 11:04:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1525208 วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ลงทุนราว 5,000 ล้านบาท ปั้นโครงการท่องเที่ยวทางสายน้ำ ผ่านการาทำเส้นทางเรือ รถราง (tram) และพัฒนาที่ดิน 3 แปลง รวมพื้นที่ 50,400 ตารางเมตร เป็น โรงแรม The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside จำนวน 191 ห้อง ประกอบด้วย

ที่ดิน 3 แปลง สำหรับทำโรงแรม The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside จำนวน 191 ห้อง
  • โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เดอะริเวอร์ไซต์ (อยู่ฝั่งล้ง 1919) จำนวน 167 ห้อง แบ่งออกเป็น 2 ตึก คือ ตึกโลว์ไรส์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และตึกไฮไรส์ 20 ชั้น อยู่ด้านหลังสถาปัตยกรรมโบราณรูปตัว U ของ ล้ง 1919
  • โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เดอะริเวอร์ไซต์ (อยู่ฝั่งถนนทรงวาด) จำนวน 24 ห้อง รูปแบบห้องพักแบบเอ็กคลูซีฟ และ Shophouse
  • ศูนย์ประชุม (Convention Hall) ขนาด 420 ตร.ม. และที่จอดรถ ของโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ เดอะริเวอร์ไซต์ (อยู่ฝั่งถนนทรงวาด)

โครงการดังกล่าว เชื่อมต่อวัฒนธรรมไทย-จีน ผ่านพื้นที่ ล้ง 1919 ที่เน้นความสงบ และ ถนนทรงวาด แหล่งกิจกรรมสุดฮิปของ กทม. เข้าด้วยกัน

รวมไปถึงเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง AWC River Journey Project ที่เชื่อมโยงแลนด์มาร์กทางวัฒนธรรมริมสายน้ำเจ้าพระยา อาทิ ถนนทรงวาด เอเชียทีคฯ ปากคลองตลาด และโครงการในอนาคตอย่างเวิ้งนครเกษม เยาวราช เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในย่านไทย-จีนของกรุงเทพฯ

The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside

โดยเราวางทาร์เก็ตผู้เข้าพักเป็น ”นักท่องเที่ยวคุณภาพสูง“ และ ”กลุ่มคนรุ่นใหม่“ ที่ต้องการประสบการณ์เที่ยวเชิงวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ รวมถึงมองหาที่เที่ยวที่มีสตอรี่และสร้างแรงบันดาลใจได้

ส่วนโรงแรมต้องเป็นมากกว่า City Hotel แบบเดิม ๆ การออกแบบของ The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside จึงเน้นสไตล์จีน และคงสถาปัตยกรรมโบราณในล้ง 1919 ไว้ครบถ้วน

“เราตั้งเป้า ‘ห้องสวีตจะมีราคาสูงกว่า 300,000 บาท/คืน’ ขึ้นแท่นเป็นห้องพักที่มีราคาแพงสุดในไทย”

ทั้งนี้ สัดส่วนห้องพัก 20% ของโครงการจะเป็นรูปแบบ 2-3 ห้องนอน สำหรับรองรับครอบครัวใหญ่ หรือกระทั่งนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักในไทยระยะยาว

เบื้องต้น ขณะนี้โครงการได้ผ่าน EIA เป็นที่เรียบร้อย และได้ลงเสาเอกแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาพัฒนาโครงการราว    3-4 ปี ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางปี 2028

พิธีลงเสาเอก The Ritz-Calrton Bangkok, The Riverside

เมื่อถามถึง ภาพรวมตลาดโรงแรมในไทย ปี 2568 วัลลภา ประเมินว่า ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ภาพรวมยังเป็นบวก โดยโรงแรมเครือ AWC มีอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) มากกว่า 70%

ทว่าที่น่าห่วงคือ นักท่องเที่ยวจีน ยังไม่มีวี่แววกลับมาเที่ยวไทย แต่ยังมีกลุ่มตะวันออกกลางเข้ามาทดแทน ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยมีรูปแบบผสมผสานมากขึ้น (เดิมจีนเป็นส่วนใหญ่)

ขณะที่ผลพวงของ “แผ่นดินไหวเมียนมา” ที่กระทบตึกสูงในไทย ทำให้กลุ่มลูกค้าประชุมและสัมมนา มียอด New Booking ช้าลง แต่ยอดบุ๊กกิ้งเดิมไม่ได้มีการยกเลิก มองว่าประเทศไทยต้องใช้สรรพกำลังฟื้นความเชื่อมั่นของต่างชาติเพิ่มขึ้น

“ยังต้องประเมินสถานการณ์เพิ่มเติม เพราะช่วงไตรมาส 2 ปกติเป็นช่วงโลว์ซีซั่นอยู่แล้ว ตอนนี้เราหันไปเปิดพื้นที่ที่มีดีมานด์แข็งแกร่ง เช่น พัทยา ที่ได้เปิดตัวโรงแรม Meliá Pattaya และต่อด้วย Marriott Pattaya ซึ่งได้ดีมานด์จากต่างชาติ บวกกับโลคอลดีมานด์ที่แข็งแกร่ง“

]]>
1525208
AWC ปี 68 ลงทุนใหญ่ 2.2 หมื่นล้านบาท ผุด 9 โครงการไฮไลต์ เป้า 5 ปี สินทรัพย์แตะ 3 แสนล้าน https://positioningmag.com/1512745 Thu, 27 Feb 2025 11:17:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1512745 วัลลภา ไตรโสรัส แม่ทัพใหญ่ของ บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป หรือ AWC เจ้าของโครงการอสังหาฯ ดัง อาทิ เอเชียทีค, อาคารเอ็มไพร์, ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2567 บริษัทฯ ทำรายได้รวม 21,011 ล้านบาท เติบโต 10.5% (YoY) และกำไรสุทธินิวไฮ 5,850 ล้านบาท เติบโต 14.6% (YoY)

คีย์หลักการเติบโตมาจากธุรกิจโรงแรม ที่ทำอัตราเข้าพักเฉลี่ย 72% เติบโต 7% (YoY)

โดยรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) 5,873 บาทต่อคืน เติบโต 3.8% (YoY) ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 4,200 บาทต่อคืน เติบโต 14.8% (YoY)

ปี 2568 เตรียมลงทุนใหญ่ 22,000 ล้านบาท จำนวน 9 โครงการไฮไลต์ ในธุรกิจโรงแรมและคอมเมอร์เชียล อาทิ

  • ซื้อกิจการ บริษัท เลอ คองคอร์ด โฮเต็ล จำกัด ย่านรัชดาฯ ครอบคลุม อาคารสำนักงานขนาด 45,792 ตารางเมตร และโรงแรมขนาด 407 ห้อง โดยพัฒนาเป็น “Jubilee Prestige Tower” แทน พลิกโฉมสู่อาคารสำนักงานไลฟ์สไตล์รูปแบบใหม่ และโรงแรมหรูภายใต้แบรนด์ JW Marriott ที่บริหารงานโดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดปี 2571 ใช้งบลงทุนมูลค่า 8,704 ล้านบาท
  • เปิดตัวโรงแรมใหม่อีกหลายแห่ง เช่น โรงแรม มีเลีย พัทยา โฮเต็ล ประเทศไทยโครงการแรกของ AWC ในพัทยาซึ่งเปิดให้บริการแล้วในเดือนมกราคม 2568 ตามด้วยโรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ต แอนด์ สปา โรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท
  • โครงการ The Empire Wellness  เน้นสุขภาพ ประเดิมอาคาร “เอ็มไพร์”
  • โครงการ ลานนาทีค เดสทิเนชั่นเฟส 1 ณ จังหวัดเชียงใหม่
  • โครงการ Jurassic World: The Experience ณ โครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น รูปแบบสวนสนุกธีมพาร์ค

สำหรับเป้าหมายระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2568 – 2572) มี 3 ประการ ได้แก่

  • เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงาน 2 เท่า สู่ระดับ 300,000 ล้านบาท พร้อมขยายห้องพักรวมสู่ 12,000 ห้อง
  • สร้างผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) มากกว่า 15% จากการเร่งผลักดันศักยภาพของทรัพย์สินที่อยู่ในช่วงดำเนินงานเริ่มต้น (Ramp Up) ให้เข้าสู่ระดับการดำเนินงานปกติ (BAU)
  • เดินหน้าการเติบโตก้าวกระโดด มุ่งเน้นการสร้างจุดหมายปลายทางยั่งยืนระดับโลก ด้วยโครงการระดับแลนด์มาร์ก โดยร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก
]]>
1512745
“เวิ้งนครเกษม” แลนด์มาร์กไชน่าทาวน์ใหญ่สุดในโลก เปิดเฟสแรกไตรมาส 4 ปี 69 https://positioningmag.com/1507901 Thu, 23 Jan 2025 11:57:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1507901 “เวิ้งนครเกษม” ลงเสาเอกแล้ววันนี้ หลังกลุ่มทีซีซีของ “เจ้าสัวเจริญ” ซื้อที่ดินขนาด 14 ไร่ จาก “ราชสกุลบริพัตร” มูลค่าเกือบ 5 พันล้านบาท ตั้งแต่ปี 2555 และปัจจุบันกลุ่ม AWC จะใช้เวลาราว 5 ปี (พ.ศ. 2568 – 2572) ในการพัฒนาโครงการขึ้น เชื่อมการท่องเที่ยวเยาวราชไว้ด้วยกัน

“วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แอสเสทเวิรด์ คอร์ป (AWC) เปิดเผยว่า เวิ้งนครเกษม เยาวราช ใช้งบลงทุน 16,000 ล้านบาท ขึ้นแท่นมิกซ์ยูสของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด และมีมูลค่าสูงสุดในปัจจุบัน

เวิ้งนครเกษม

ตั้งอยู่ใจกลางเยาวราช บนที่ดิน 14 ไร่ หนึ่งในย่านการค้าเก่าแก่ เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ไว้กับวัฒนธรรมไทย-จีน

“จุดเด่น เวิ้งนครเกษม จะคงสถาปัตยกรรมเดิมที่เป็นเสน่ห์ไว้ เพื่อเป็นแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย”

แผนที่ตั้ง เวิ้งนครเกษม

สำหรับเวิ้งนครเกษม ตั้งอยู่บนยุทธศาสตร์ติดถนน 3 เส้นทาง คือ ถนนเยาวราช ถนนเจริญกรุง และถนนจักรวรรดิ

โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวม 135,000 ตร.ม. ห้อมล้อมด้วยตึกแถวที่อนุรักษ์ไว้ พื้นที่ข้างในจะเป็นส่วนทำกิจกรรม และตัวตึกจำนวน 2 ตึก เป็นตึก 10 ชั้น พ่วงด้วยชั้นใต้ดินอีก 5 ชั้น เป็นรีเทล 2 ชั้น และลานจอดรถ 3 ชั้น

เวิ้งนครเกษม ด้านติดถนนเยาวราช
เวิ้งนครเกษม ด้านติดถนนเยาวราช มีตึกแถวทรงดั้งเดิมล้อมรอบ

การพัฒนาแบ่งออกเป็น 3 เฟสใหญ่ ดังนี้

  • เฟส 1 ส่วนย่านการค้า (ตึกแถว) จำนวน 5 บล็อก เปิดไตรมาส 4 ปี 2569
  • เฟส 2 ค้าปลีก ชั้นใต้ดิน ขนาด 68,000 ตร.ม. (ยังไม่ระบุช่วงเวลา)
  • เฟส 3 โรงแรม รวมห้องพัก 500 ห้อง คือ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล จำนวน 300 ห้องพัก และโรงแรมคิมป์ตัน จำนวน 200 ห้อง

“โดยโครงการตั้งเป้าเปิดตัวเต็มรูปแบบในปี 2572 ซึ่งจะเป็นการเชื่อมต่อการท่องเที่ยวทั้งย่านเยาวราช ซึ่งจะมีการสร้างรถรางไฟฟ้า พาท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงอีกด้วย”

ตัวอย่างภาพเวิ้งนครเกษม

]]>
1507901
AWC ดึง “จูราสิค เวิลด์” อิมเมอร์ซีฟใหญ่สุดในโลก เปิด Q2/68 ที่เอเชียทีค https://positioningmag.com/1503793 Tue, 17 Dec 2024 05:55:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1503793 นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ต้องการสร้างประสบการณ์ที่เอเชียทีค กับแบรนด์พาร์ตเนอร์ระดับโลกระยะยาว จากปีก่อนได้จัดนิทรรศการฉลองครบรอบดิสนีย์

ล่าสุด บริษัทฯ ใช้งบลงทุน 1,400 ล้านบาท ทำ Jurassic World: The Experience” อิมเมอร์ซีฟใหญ่สุดในโลกของแฟรนไชส์จูราสสิค เวิลด์ และเป็นครั้งแรกที่เปิดนอกธีมพาร์ค ที่เอเชียทีค โดยร่วมกับ 2 พาร์ตเนอร์ ได้แก่

  • NEON ผู้นำในการสร้างประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟและเครื่องเล่นระดับโลก
  • Universal Live Events & Location Based Entertainment

“การลงทุนเปิดอาณาจักรจูราสสิค เวิลด์ ใช้งบลงทุนมากกว่าการสร้างเอเชียทีคเสียอีก (10 ปีก่อนใช้งบสร้างเอเชียทีค 1,000 ล้านบาท) โดยใช้พื้นที่ทั้งหมด 10,000 ตร.ม.”

  • โซน Jurassic World: The Experience ใช้พื้นที่ 6,000 ตร.ม. มีโซนเครื่องเล่นแบบสวนสนุก ไดโนเสาร์ และบรรยากาศจำลองจากในภาพยนตร์
  • โซน F&B 4,000 ตร.ม. ร้านอาหาร และบาร์ธีมจูราสสิค (การลงทุนส่วนนี้ ไม่รวมอยู่ในงบ 1,400 ล้านบาทข้างต้น)

Jurassic World: TheExperience แตกต่างจากสวนสนุกทั่วไป เพราะนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟและเครื่องเล่นระดับโลก รายล้อมไปด้วยไดโนเสาร์แอนิมาทรอนิกส์เสมือนจริง และบรรยากาศที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์บนเกาะ Isla Nublar”

เบื้องต้น จะเปิดตัวเฟสแรก โซน Jurassic World: The Experience ในไตรมาส 2 ปี 2568 จากแผนลงทุนทั้งหมด 3 เฟส ในระยะ 5 ปีข้างหน้า

โดยตั้งเป้าทราฟฟิกมากกว่าช่วงก่อนโควิด 20% ที่มีนักท่องเที่ยววันธรรมดา 30,000 คน/วัน และวันหยุดสุดสัปดาห์ 50,000 คน/วัน และปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวกลับมาแล้วประมาณ 80%


นายรอน ตัน ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม NEON
กล่าวว่า แฟรนไชส์ภาพยนตร์จูราสสิค เวิลด์ มีอายุ 30 ปี เจาะกลุ่มครอบคลุมทุกวัย และภาพยนตร์ภาค 4 เตรียมฉายในเดือน ก.ค. 68 ซึ่งมีการถ่ายทำในไทยบางส่วนด้วย

ทั้งนี้ กลุ่มไดโนเสาร์ ใน Jurassic World: The Experience ที่เอเชียทีค กรุงเทพฯ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างในสหรัฐอเมริกา ใช้วิศวกรร่วม 150 คน ซึ่งไดโนเสาร์นี้จะสามารถกะพริบตา ขยับ อ้าปาก และมีน้ำตาได้

ขณะเดียวกัน เตรียมทำสินค้าคาแรกเตอร์ เจาะกลุ่มแฟนคลับ จูราสสิค เวิลด์ ซึ่งปีที่แล้วมียอดขาย 200,000 ตัว/ปี สำหรับการเปิดในไทยตั้งเป้ายอดขาย 1 ล้านตัว/ปี

]]>
1503793
2 “อาคารโบราณ” ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จะถูกเนรมิตใหม่เป็น “โรงแรม” สุดหรู https://positioningmag.com/1492020 Fri, 27 Sep 2024 06:46:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1492020
โปรเจ็กต์ที่น่าสนใจอีก 2 แห่งกำลังจะเกิดขึ้นริมแม่น้ำเจ้าพระยาในย่านเจริญกรุง จากอาคารโบราณที่มีคุณค่าทางประวัติศาตร์ จะถูกรีโนเวตกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่เป็น “โรงแรม” สุดหรู

แห่งแรกคือ “อาคารอีสต์เอเชียติก” อาคารอายุ 124 ปีที่เคยเป็นที่ทำการบริษัทเดินเรือขนส่งจากยุโรป ปัจจุบันเจ้าของโครงการคือ AWC ตระกูลสิริวัฒนภักดี กำลังจะเปลี่ยนแปลงมาเป็นโรงแรม “เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก”

อีกแห่งหนึ่งคือ “โรงภาษีร้อยชักสาม” อาคารอายุ 140 ปี อดีตศุลกสถานเก็บภาษีนำเข้าส่งออกสินค้า ปัจจุบันเจ้าของโครงการที่ได้สัมปทานคือ “แรบบิท​ โฮลดิ้งส์” (เครือบีทีเอส กรุ๊ป) จะเปลี่ยนอาคารมาเป็นโรงแรม “เดอะ แลงแฮม แบงคอก”

ทั้งสองอาคารจะมีการเก็บอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมเอาไว้ ซึ่งถือเป็นงานที่ยากและต้องใช้เวลา ความประณีตในการทำงานสูงมาก

คาดว่าเราจะได้เห็นทั้ง 2 อาคารกลับมาให้บริการได้ในปี 2569

#อาคารโบราณ #รีโนเวต #ปรุงปรุงอาคาร #โบราณสถาน #อาคารเก่า #เจริญกรุง #ริมน้ำ #PositioningOnline

]]>
1492020
เผยโฉม ‘อินเตอร์คอนฯ เชียงใหม่ แม่ปิง’ จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของ ‘ล้านนาทีค’ โปรเจกต์ 3 หมื่นล้าน ของ ‘AWC’ https://positioningmag.com/1445437 Mon, 25 Sep 2023 12:44:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445437 เชียงใหม่ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ โดยแค่ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เชียงใหม่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึงกว่า 7 ล้านคน มีเงินสะพัดกว่า 70,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะมีเงินสะพัด 8-9 หมื่นล้านบาท ที่น่าสนใจคือ โปรเจกต์ ล้านนาทีค มูลค่า 3 หมื่นล้านของ AWC ก็กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อย ๆ รับการกลับมาของนักท่องเที่ยว

โปรเจกต์ล้านนาทีคคืออะไร

ล้านนาทีค (LANNATIQUE) คือ โปรเจกต์ยักษ์มูลค่า 30,000 ล้านบาท ที่หวังจะฟื้นคืนชีพ ไนท์บาร์ซ่า แลนด์มาร์กสำคัญของเชียงใหม่โดย บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC บริษัทอสังหาริมทรัพย์หนึ่งในเครือตระกูล สิริวัฒนภักดี โดยมี วัลลภา ไตรโสรัส ลูกสาวคนรองของ เจ้าสัวเจริญ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่

จาก “ไนท์บาซาร์” สู่ “ลานนาทีค” AWC ปั้นโปรเจ็กต์ชุบชีวิตอาณาจักรท่องเที่ยวใน “เชียงใหม่”

สำหรับพื้นที่ในโปรเจกต์ล้านนาทีคนั้นเกิดจากที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่ เจ้าสัวเจริญสะสมมาตลอด 30 ปี โดยมีพื้นที่รวม 100 ไร่ ซึ่งเชื่อมโยงพื้นที่ตั้งแต่ถนนช้างคลาน, ไนท์บาซ่า, ตลาดอนุสาร ไปจนถึงริมน้ำปิง ซึ่งโปรเจกต์ล้านนาทีค นี้จะประกอบไปด้วยโรงแรมและพื้นที่รีเทลรวม 10 โครงการ

อินเตอร์คอนฯ เชียงใหม่ แม่ปิง จิ๊กซอว์สำคัญจับกลุ่มไฮเอนด์

จะเห็นว่า 4 ใน 10 โครงการเป็นโรงแรม โดยเปิดบริการแล้วก็มี โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ และที่จะเปิดในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้คือ โรงแรมแมริออท เชียงใหม่ อีกโรงแรมที่กำลังจะเปิดให้บริการภายในสิ้นปีนี้ก็คือ อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล ที่ถือเป็นโรงแรมในเครืออินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งแรกของภาคเหนือ

สำหรับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล เป็นการรีโนเวตและรีแบรนด์จาก โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง (Imperial Mae Ping) โรงแรมที่มีอายุกว่า 31 ปี และถือเป็นหนึ่งในโรงแรมสำคัญของเชียงใหม่ที่รับแขกระดับโลกมากมายโดยโรงแรมได้เริ่มรีโนเวตตั้งแต่ปี 2020 ใช้งบประมาณกว่า 5,000 ล้านบาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ Living Museum หรือ พิพิธภัณฑ์มีชีวิต โดยได้ผสมผสานเทคโนโลยี AR ให้นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาข้อมูลวัฒนธรรมของเชียงใหม่ จากการใช้สมาร์ทโฟนสแกนพื้นที่สำคัญ ๆ ในโรงแรม

Hotel Lobby

โดยในเฟสแรกมีห้องพักและห้องสวีทรวม 240 ห้อง ซึ่งได้รับการตกแต่งด้วยงานศิลปะจากช่าง 10 หมู่ เพื่อถ่ายทอดวัฒนธรรม ประเพณี และเอกลักษณ์สำคัญของเชียงใหม่ อาทิ Kam Lobby Lounge (คำ ล็อบบี้เล้าจ์) ซึ่งนำอัตลักษณ์จากเทศกาลยี่เป็งมาประดับตกแต่งเหนือเพดานในรูปแบบของโคมไฟแบบล้านนาร่วมสมัย หรือ ห้องอาหาร The Gad Lanna (เดอะ กาด ลานนา) ที่จะให้บรรยากาศเหมือนกาดหรือตลาดแบบล้านนา เป็นต้น

Connecting Room – Mountain View
Classic King – Bathroom City View

มั่นใจดึงนักท่องเที่ยวจีนคุณภาพเข้าโรงแรม

สำหรับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล จะเน้นจับ กลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ลักชัวรี่ และกลุ่ม MICE ระดับโลก และเนื่องจากเป็นเครือโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลที่มีกว่า 200 สาขาใน 60 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถือว่าเป็นเชนโรงแรมที่มีเครือข่าย ลูกค้าคนจีนใหญ่สุดในโลก ดังนั้น เมื่อไทยเปิดฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน เชื่อว่าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทลจะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจีนคุณภาพให้มาพักที่โรงแรมได้

นอกจากนี้ ด้วยความที่ในอดีตโรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิงเดิมเคยให้การต้อนรับบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงมากมายระดับโลกมากมาย โดยหนึ่งในนั้นก็คือ เติ้ง ลี่จวิน (Teresa Teng) ที่มักพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมนี้เป็นประจำ และเติ้ง ลี่จวินก็ได้เสียชีวิตด้วยโรคหอบหืดในระหว่างเดินทางมาพักที่โรงแรมดังกล่าวเมื่อปี 2538

ถึงแม้จะรีโนเวตเป็นอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทลแล้วก็ตาม แต่ทางโรงแรมยังเก็บรักษา ห้อง 1502 ของชั้น 15 ไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ และได้เพิ่มพื้นที่ร้านอาหาร HONG’s Chinese Restaurant & Sky Bar ห้องอาหารจีนและสกายบาร์บนชั้น 16 และดาดฟ้าของโรงแรม เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์กสำคัญสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนต่อไป

Grand Ballroom
Event lawn

ไม่เกิน 5 ปี เสร็จโปรเจกต์ล้านนาทีค

นอกจากเหนือจากโรงแรม 2 แห่งที่จะเปิดภายในปีนี้ ยังมี เดอะพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ ที่ AWC ทุ่มงบปรับโฉม พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ ที่จะเปิดในเดือนธันวาคมนี้ โดย AWC วางไว้ว่าจะเป็นแหล่งไลฟ์สไตล์และเป็นที่พบปะสังสรรค์ โดยจะเปรียบเสมือนห้องนั่งเล่น และจะมีการรวมร้านอาหารชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดภาคเหนือเอาไว้ โดย วัลลภา ไตรโสรัส มั่นใจว่า โปรเจกต์ล้านนาทีค 30,000 ล้านบาท จะแล้วเสร็จภายใน ไม่เกิน 5 ปีจากนี้

เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี และ วัลลภา ไตรโสรัส ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC
]]>
1445437
จาก “ไนท์บาซาร์” สู่ “ลานนาทีค” AWC ปั้นโปรเจ็กต์ชุบชีวิตอาณาจักรท่องเที่ยวใน “เชียงใหม่” https://positioningmag.com/1427124 Tue, 11 Apr 2023 09:47:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1427124 “ไนท์บาซาร์” เปิดบริการใน “เชียงใหม่” มานานไม่ต่ำกว่า 30 ปี ก่อนที่โรคระบาดโควิด-19 จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ AWC วางโปรเจ็กต์ใหม่ รวบอาณาจักรที่ดินบนถนนช้างคลานมาชุบชีวิตเป็น “ลานนาทีค” ปั้นจุดขายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ “ต้องมา” ของชาวต่างชาติอีกครั้ง

อาณาจักรที่ดินในเชียงใหม่ของ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น หรือ AWC บริษัทอสังหาริมทรัพย์หนึ่งในเครือตระกูลสิริวัฒนภักดี เฉพาะโครงการบนถนนช้างคลานต่อเนื่องถึงถนนศรีดอนไชยนั้นมีไม่ต่ำกว่า 12 แปลง

ที่ดินเหล่านี้สร้างเป็นโครงการหลากหลายประเภท ทั้งโรงแรมและพื้นที่รีเทล แต่บริเวณที่มีชื่อเสียงที่สุดหนีไม่พ้น “ไนท์บาซาร์” ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางจุดตั้งต้นในการพัฒนาโครงการใหม่ “ลานนาทีค”

“วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC แย้มแผนการชุบชีวิตยกระดับพื้นที่นี้ โดยเป้าหมายคือต้องการให้เป็น ‘Tourist Destination’ จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว แบบเดียวกับที่ในกรุงเทพฯ มี “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์”

“ในอนาคตรถบัส รถทัวร์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกคันจะต้องมีโปรแกรมมาจอดที่ลานนาทีค เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเชียงใหม่” วัลลภาฉายภาพเป้าหมายที่เธอมองเห็น

AWC
วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ AWC

บริเวณที่ขณะนี้ AWC คาดว่าจะนับรวมเข้ามาอยู่ในโปรเจ็กต์ “ลานนาทีค” จะมีทั้งหมด 7 แปลง คือ

  • ตลาดไนท์บาซาร์
  • กาแลไนท์บาซาร์
  • เดอะพลาซ่า
  • โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ (เตรียมรีโนเวตเปลี่ยนแบรนด์เป็น ‘แมริออท’)
  • โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่
  • ตลาดอนุสาร
  • บ้านโบราณเชียงใหม่

แม้ที่ดินอาจไม่ได้เชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกันครบทั้งหมด แต่อยู่ในระยะเดินต่อเนื่องกัน และจะมีบ้านโบราณเชียงใหม่ที่เป็นทางออกไปสู่ริมแม่น้ำปิงด้วย

ลานนาทีค เชียงใหม่
ลานนาทีค และอาณาจักรโครงการทั้งหมดของ AWC ในบริเวณถนนช้างคลาน-ถนนศรีดอนไชย (ภาพถ่ายจาก งานแถลงข่าว The Pantip Lifestyle Hub)

ปัจจุบันการค้าในพื้นที่ไนท์บาซาร์จะเน้นสินค้าประเภทของฝาก ของที่ระลึก งานศิลปะ ของทำมือ หัตถกรรม เสริมด้วยร้านอาหารต่างๆ แต่คอนเซ็ปต์ใหม่ที่รวมเอาที่ดินหลายแปลงมาพัฒนาเป็นเนื้อเดียวกัน AWC ต้องการจะพลิกโฉมให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม

 

Lifestyle Experience ใน 4 ทำเลแหล่งท่องเที่ยว

กลยุทธ์ในภาพใหญ่ของ AWC นั้น แบ่งการบริหารโครงการในมือเป็น 4 ประเภท คือ โครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว, โครงการตลาดและศูนย์การค้าของชุมชนท้องถิ่น, โครงการค้าส่งและค้าออนไลน์ และสุดท้ายคือ กลุ่มอาคารสำนักงาน

สำหรับโครงการที่เน้นเจาะไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยว ที่เปิดบริการแล้วมีเพียงแห่งเดียวคือ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ แต่ในตระกูลเดียวกันจะมีตามมาอีก 3 แห่ง คือ เวิ้งนครเขษม, อควอทีค พัทยา และ ลานนาทีค เชียงใหม่ ที่เพิ่งจะเปิดแผนออกมา

เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ต้นแบบการพัฒนาโครงการเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว

วัลลภากล่าวว่า หลังจากผ่านจุดเปลี่ยนในช่วงโควิด-19 ทำให้บริษัทกลับมาคิดทบทวนใหม่ว่า “อะไรที่จะตอบโจทย์ลูกค้าได้ในธุรกิจรีเทล”

คำตอบที่ได้คือ รีเทลจะต้องเป็นการตอบโจทย์ Lifestyle Experience ให้กับลูกค้า ต้องสร้างประสบการณ์ให้คนอยากมาสัมผัส โดยเธอแบ่งออกเป็น 3 ด้านที่จะชวนคนมาได้ ได้แก่

1.Attractions มีจุดดึงดูดในเชิงการท่องเที่ยว เป็นจุดหมายให้มาเช็กอิน มีกิจกรรมให้ทำ

2.Food มีร้านอาหารที่น่าสนใจ เป็นจุดร่วมให้คนมาพบปะสังสรรค์

3.Lifestyle Market มีตลาดขายสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนแต่ละกลุ่ม เช่น ศิลปะ แคมป์ปิ้ง กีฬา สัตว์เลี้ยง

เห็นได้ว่า “ลานนาทีค” มีบางอย่างที่พร้อมอยู่แล้ว คือการเป็นตลาดขายสินค้าเฉพาะ เป็น Lifestyle Market ที่จับกลุ่มคนที่สนใจงานศิลปะ สะท้อนวัฒนธรรมล้านนา

โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ หนึ่งในพื้นที่ “ลานนาทีค” เป็นที่พักที่ช่วยดึงนักท่องเที่ยวเข้าสู่บริเวณ

สิ่งที่ต้องพัฒนาเพิ่มจึงเป็นเรื่อง Attractions จุดดึงดูดให้ต้องมาเยือนที่นี่ ซึ่งวัลลภาแย้มว่าปัจจุบัน AWC มีการเจรจาอยู่กับผู้จัดแหล่งท่องเที่ยวในระดับโลก 5 ราย เป็นการพูดคุยที่ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 4 แห่งของบริษัท

หากยังนึกภาพไม่ออกว่า Attractions คืออะไร ล่าสุด เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เริ่มนำร่องให้เห็นก่อนแล้วด้วยการดึง ‘Disney 100 Village’ เข้ามาในพื้นที่ สามารถดึงกลุ่มลูกค้าครอบครัวเข้ามาได้เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับลานนาทีคอาจจะต้องพิจารณาให้เหมาะสม เพราะคอนเซ็ปต์ของพื้นที่จะต้องคงความเป็น “ล้านนา” ของเชียงใหม่ไว้ให้ได้

วัลลภากล่าวว่า โปรเจ็กต์ลานนาทีคน่าจะได้เห็นภาพการพัฒนาเฟสแรก ภายในปลายปี 2566 นี้ และมีอีกหลายเฟสที่จะทยอยพัฒนาต่อเนื่องกันไป

 

ปลุกการท่องเที่ยว “เชียงใหม่” ให้ฟื้นคืน

นอกจากบริเวณที่ถูกนับรวมเป็นลานนาทีคแล้ว ยังมีที่ดินอีก 5 แปลงที่กำลังรีโนเวตหรือมีแผนการพัฒนา ซึ่งจะทำให้อาณาจักรของบริษัทบริเวณช้างคลาน-ศรีดอนไชยคึกคักขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น “พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่” ที่กำลังรีโนเวตใหม่ให้เป็นศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์แทนที่ศูนย์ไอที หรือ “โรงแรมอินเตอร์คอนทิเนนทัล เชียงใหม่ แม่ปิง” ที่กำลังรีโนเวตมาจากโรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิงเดิม หรือ “สุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์” ก็อยู่ในแผนรีโนเวตให้เพิ่มพื้นที่รีเทลเข้าไป

เชียงใหม่
โรงแรมอินเตอร์คอนทิเนนทัล เชียงใหม่ แม่ปิง (ปัจจุบันอยู่ระหว่างรีโนเวต)

ในภาพร่างพื้นที่ยังมีการเอ่ยถึงโรงแรมใหม่ชื่อ “Siem Pakdee” ที่จะเป็นดีไซน์โฮเทล ทำเลติดกับสุริวงศ์บุ๊คเซนเตอร์ และมีพื้นที่ชื่อ “Baan K Sirin” อยู่บริเวณตรงข้ามแม่น้ำปิง เยื้องกับบ้านโบราณเชียงใหม่ ซึ่งจะมาในคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับเวลเนสด้วย

“วันนี้ผู้เช่ามีความไม่แน่ใจกับตลาดเชียงใหม่อยู่จริง ไม่แน่ใจกำลังซื้อเพราะอัตราการเข้าพักโรงแรมในเชียงใหม่ยังต่ำกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่น เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต แล้วยังมีฝุ่น PM 2.5 เข้ามาอีก” วัลลภากล่าว

“แต่เรามีความพยายามที่จะเล่าเรื่องเสน่ห์ของเชียงใหม่ว่า นี่คือเมืองท่องเที่ยวคู่ขนานกับกรุงเทพฯ เชียงใหม่ยังคงเป็นจุดหมายหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น จีน ญี่ปุ่น สแกนดิเนเวียน เพียงแต่เราต้องมีพื้นที่ท่องเที่ยวที่จะเป็น ‘showcase’ สร้างคุณค่าให้กับเมือง”

]]>
1427124
ฉีกภาพ ศูนย์ไอที! “พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่” รีโนเวตเป็น “ไลฟ์สไตล์ ฮับ” รวมกวดวิชา-ร้านอาหารแทน https://positioningmag.com/1426996 Mon, 10 Apr 2023 08:32:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426996 กางแผน “พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่” รีโนเวตพลิกโฉมเป็น THE PANTIP LIFESTYLE HUB ฉีกภาพศูนย์ไอทีดั้งเดิม กลายเป็นแหล่งรวมกิจกรรมเยาวชน เช่น กวดวิชา กิจกรรมเสริมประสบการณ์ สนามเด็กเล่น และแหล่งร้านอาหารท้องถิ่น หวังดึงกลุ่มเด็กและครอบครัวเข้าห้าง

ศูนย์การค้า “พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่” ก่อตั้งมานาน 18 ปี ด้วยจุดแข็งเดียวกับ พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ในสมัยนั้น คือ เป็นแหล่งรวมสินค้าไอที ร้านซ่อมคอมพิวเตอร์-มือถือ แต่ด้วยยุคสมัยเปลี่ยน การใช้อุปกรณ์ยุคนี้ลดการสั่งประกอบ มีการซื้อผ่านออนไลน์มากขึ้น การซ่อมน้อยลง ทำให้ศูนย์ฯ เริ่มไม่ตอบโจทย์ลูกค้าอีกต่อไป

“วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป หรือ AWC เจ้าของศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ ระบุตรงไปตรงมาว่าปัจจุบันค่าเช่าของศูนย์ฯ แห่งนี้ไม่เป็นไปตามภาวะตลาด โดยปกติรีเทลในเชียงใหม่จะคิดค่าเช่ากันที่ 600-800 บาทต่อตร.ม.ต่อเดือน ทำให้ถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยน

โครงการพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่จึงเตรียมพลิกโฉมเป็น “THE PANTIP LIFESTYLE HUB” ที่จะเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ศูนย์การค้าใหม่หมดภายใต้แนวคิด “Every Happiness for Everyone” มูลค่าโปรเจ็กต์ 800 ล้านบาท

แนวคิดการปรับศูนย์ฯ จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักคือ

  • 30% เป็นแหล่งรวมกิจกรรมของเยาวชนและคนในครอบครัว เช่น ศูนย์การเรียนรู้ กวดวิชา โรงเรียนดนตรี สนามเด็กเล่นในร่ม กิจกรรมเสริมประสบการณ์เด็ก ฟิตเนส ศูนย์สุขภาพและความงาม เป็นต้น
  • 35% เป็น Food Lounge รวมร้านอาหารชั้นนำในจังหวัด ทั้งอาหารไทยและอาหารนาชาชาติ ในราคาจับต้องได้ง่าย จัดพื้นที่ในแบบ co-dining space ให้ทุกคนสามารถมานั่งทานอาหารพร้อมสังสรรค์กับครอบครัว/เพื่อนๆ ได้
  • 35% เป็นพื้นที่ Lifestyle Market โซนตลาดขายสินค้าที่สะท้อนความเป็นเชียงใหม่ เช่น งานศิลปะ สินค้าทำมือ ของตกแต่งบ้าน อาหารปลอดสารพิษ ฯลฯ และโซนไอทีเดิมจะมารวมอยู่ในพื้นที่นี้

หากเป็นแผนผังพื้นที่ภายใน THE PANTIP LIFESTYLE HUB ทั้ง 4 ชั้น จะแบ่งดังนี้

ชั้น 1 LANNA GAD โซนค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เก็ตบิ๊กซี และร้านอาหาร
ชั้น 2 LANNA ARTISAN โซนตลาดไลฟ์สไตล์ ไอที และร้านอาหาร
ชั้น 3 LANNA AESTHETIC โซนสินค้าแฟชั่น ศูนย์สุขภาพและความงาม แม่และเด็ก
ชั้น 4 LANNA AMUSEMENT โซนศูนย์การเรียนรู้ สนามเด็กเล่นในร่ม พื้นที่สร้างสรรค์

แน่นอนว่าภาพลักษณ์ของศูนย์ฯ จะต้องเปลี่ยนใหม่ จากเดิมที่เป็นศูนย์ไอทีจะไม่ได้ตกแต่งมากนัก แต่คอนเซ็ปต์ใหม่จะมากับสไตล์ตกแต่ง “ล้านนา โมเดิร์น” เพื่อให้เป็นศูนย์ฯ ที่ลูกค้ามาแฮงเอาต์ รับประสบการณ์ ทำกิจกรรม

“แต่ก่อนที่เป็นศูนย์ไอที เราจะตกแต่งมากไม่ได้ เพราะกลุ่มเป้าหมายจะมองว่าของในห้างฯ แบบนี้ ‘แพง’ แต่เมื่อเป็นไลฟ์สไตล์ ฮับ ก็จะต้องตกแต่งให้น่ามานั่ง มาทำกิจกรรมกัน” วัลลภากล่าว

พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่
พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ (ภาพจาก Google Maps เดือน พ.ค. 2564)

แผนการรีโนเวตพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่ เริ่มมาตั้งแต่ปลายปี 2565 แล้ว โดยไม่มีการปิดศูนย์ฯ AWC จะทยอยปรับปรุงไปพร้อมกับการหาผู้เช่าใหม่เข้ามาในพื้นที่ และคาดว่าจะเริ่มเห็นความสมบูรณ์ช่วงปลายไตรมาส 3 ปีนี้

“ขณะนี้ยังระบุชื่อผู้เช่าไม่ได้ แต่มีเจรจาอยู่ราว 60 ราย ในส่วน Food Lounge ที่จะเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร เรามีการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มเดลิเวอรีเจ้าหนึ่งด้วย เพื่อช่วยเราคัดเลือกร้านอาหารดังๆ ในเชียงใหม่เข้ามา” วัลลภากล่าวเสริม

ท่ามกลางศูนย์การค้าที่มีอยู่หลายแห่งในเชียงใหม่ วัลลภาเชื่อว่าจุดแข็งของ THE PANTIP LIFESTYLE HUB คือ “ทำเล” ที่อยู่กลางเมืองเชียงใหม่มากที่สุด ไม่ต้องวิ่งรถออกไปรอบนอก หลังเลิกเรียนนักเรียน-นักศึกษาเดินทางมาง่ายกว่าศูนย์การค้าที่อยู่รอบนอก รวมถึงอยู่กลางแหล่งท่องเที่ยว ทำให้จะได้ลูกค้าชาวต่างชาติด้วย

THE PANTIP LIFESTYLE HUB ถือเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งในอาณาจักร AWC เชียงใหม่ ในบริเวณถนนช้างคลาน บริษัทนี้มีโครงการในพื้นที่รวม 12 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรม 4 แห่ง คือ มีเลีย เชียงใหม่, ดุสิต ดีทู เชียงใหม่, อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง (รีโนเวตจากอิมพีเรียล แม่ปิง) และ เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ (เตรียมรีโนเวตเป็น แมริออท) และมีพื้นที่รีเทลอีก 8 แห่ง เช่น ตลาดไนท์บาซาร์ ตลาดอนุสาร ซึ่งปีนี้บริษัทกำลังจะสร้างคอนเซ็ปต์ใหม่เพื่อปลุกย่านนี้ในชื่อ “ล้านนาทีค” คาดเปิดเฟสแรกได้ช่วงปลายปี 2566

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม

]]>
1426996
“เอเชียทีค” ลงทุน 800 ล้านรีโนเวตพื้นที่ให้เที่ยวได้ “ทั้งวัน” จับมือ Disney สร้างกิจกรรมดึง “คนไทย” https://positioningmag.com/1419413 Wed, 15 Feb 2023 11:50:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1419413
  • “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” ครบรอบ 10 ปี ขึ้นทศวรรษใหม่ด้วยแผนลงทุน 800 ล้านบาท ปรับปรุงครั้งใหญ่สร้างเดสติเนชันที่เที่ยวได้ “ทั้งวัน” เป้าหมายหลังโควิด-19 ดึงทั้งต่างชาติและ “คนไทย”
  • ไฮไลต์กิจกรรมแม่เหล็กใหม่ “Disney 100 Village” จัดโซนถ่ายภาพและรับประสบการณ์จากคาแรกเตอร์ที่ทุกคนชื่นชอบ
  • แผนระยะยาวในทศวรรษนี้ เตรียมงบลงทุนเฟส 2 ต่อขยาย 10 ไร่ ขึ้นโครงการมิกซ์ยูสอาคารสูง 100 ชั้น
  • หลังผ่านสถานการณ์โควิด-19 “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์” จะปรับเป้าหมายใหม่ จัดสมดุลทราฟฟิกมาจากทั้งชาวต่างชาติและ “คนไทย” จากในอดีตที่นี่เคยเป็นเดสติเนชันของต่างชาติเป็นหลัก 90% โดยเฉพาะชาวจีนที่นิยมมาก

    เมื่อจะปรับใหม่สู่ทศวรรษใหม่ของเอเชียทีค “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดแผนการลงทุน 800 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงพื้นที่ให้ตรงกับเป้าหมายทั้งคนไทยและต่างชาติมากขึ้น

    “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC

    โดยเม็ดเงินส่วนใหญ่จะลงทุนกับการปรับโครงสร้างพื้นฐานให้เอเชียทีคเป็นจุดหมายที่มาได้แบบ “ALL DAY, EVERYDAY” จะมีการสร้างหลังคาบังแดดบังฝน ปรับเลย์เอาท์การวางแนวร้านค้าให้ทางเดินรับลมจากแม่น้ำ เสริมต้นไม้-ดอกไม้ในพื้นที่ ให้ลุคใหม่ที่สดชื่นขึ้น เพื่อให้สามารถมาเที่ยวชมในช่วงกลางวันได้ด้วย และเอเชียทีคจะปรับเวลาเปิดปิดใหม่เป็น 10:00-24:00 น. จากปกติร้านค้าจะเริ่มเปิดราว 16:00 น.

     

    ดึงคนด้วยกิจกรรม อาหาร และตลาดนัดไลฟ์สไตล์

    หลังปรับพื้นที่ให้พร้อมแล้ว เอเชียทีคจะมีองค์ประกอบใหม่เพิ่มเข้ามา แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่

    1.กิจกรรม-จุดท่องเที่ยวใหม่

    แต่เดิมเอเชียทีคมีจุดท่องเที่ยวอยู่แล้วคือ ชิงช้าสวรรค์เอเชียทีค สกาย, ม้าหมุน, บ้านผีสิง และโรงจัดการแสดงคาลิปโซ่ แต่หลังจากนี้จะเติมกิจกรรมใหม่เข้ามาอีกโดยเน้นระดับ Global Partner เริ่มต้นจากเดือนมีนาคมนี้จะเปิด “Disney 100 Village” เป็น pop-up attraction นำตัวละครและประสบการณ์จาก Disney เข้ามาจัดกิจกรรม

    รวมถึงกิจกรรม Trashpresso จากมิลาน อิตาลี ซึ่งเป็นเครื่องผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่จากขยะพลาสติกอัตโนมัติ เช่น จานรองแก้ว พวงกุญแจ

    2.ร้านอาหารและเครื่องดื่ม

    จะเพิ่มโซน “อาหารท้องถิ่น” ลักษณะเป็น Co-Dining มีบูธร้านอาหารท้องถิ่นไทยชื่อดังมาออกร้าน และมีที่นั่งรวมส่วนกลาง แตกต่างจากที่ผ่านมาเอเชียทีคจะมีร้านอาหารแยกเป็นร้านๆ และเป็นร้านขนาดใหญ่

    3.ไลฟ์สไตล์มาร์เก็ต

    เปิดพื้นที่ใหม่บริเวณเอเชียทีค สกาย จัดเป็น “ตลาดนัดตกแต่งพิเศษ” หมุนเวียนอิงตามเทศกาล เช่น สงกรานต์ หรืออิงตามธีมความนิยม เช่น Pet Market, ของแต่งบ้าน, งานศิลปะ ของทำมือ เป็นต้น ร้านค้าในงานจะเปิดรับผู้เช่ารายย่อยที่ตรงกับธีมเข้ามาเปิดจำหน่าย

    นอกจากนี้ เอเชียทีคยังมีผู้เช่ารายใหญ่รายใหม่คือ บิ๊กซี (Big C) จะเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตพื้นที่ 2,000 ตร.ม. ซึ่งจะมีโซนของฝาก ของที่ระลึก ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติด้วย

     

    Disney แม่เหล็กดึงกลุ่มครอบครัว

    แม่เหล็กสำคัญที่จะสร้างความฮือฮาคือ Disney 100 Village ซึ่งจะเปิดบริการช่วงวันที่ 24 มีนาคม – 31 กรกฎาคม 2566 ลักษณะไม่ใช่ธีมปาร์คสวนสนุกขนาดใหญ่ แต่จะเป็นการจัดพื้นที่ถ่ายภาพร่วมกับคาแรกเตอร์ และกิจกรรมพิเศษแบบ pop-up event เน้นการมารับประสบการณ์จากการ์ตูนหรือภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ

    รูปโปรโมตเบื้องต้นของงาน Disney 100 Village

    เท่าที่เปิดเผยได้ขณะนี้ Disney 100 Village จะมี 6 โซน ได้แก่

    1.Frozen Zone (*) บริเวณ Warehouse 4 หน้าหอนาฬิกา คล้ายกับที่เคยมีการจัดอีเวนต์ในไต้หวัน

    2.Marvel Zone (*) บริเวณเกือบถึงพื้นที่ริมน้ำ เป็นการสร้างประสบการณ์จากภาพยนตร์ Marvel แตกต่างจากที่เคยจัดในไทยที่จะอิงจากหนังสือการ์ตูน

    3.Princess Garden Zone (*) ธีมเจ้าหญิงดิสนีย์ Enchanted Ever After

    4.Disney 100 Zone บริเวณ Main Corridor รวมคาแรกเตอร์และฉากจากเรื่องต่างๆ เช่น Toy Story, Lion King

    5.Star Wars Zone บริเวณ Warehouse 10 โดยจะมีกิจกรรมประสบการณ์ใหม่

    6.Pixar Putt Zone ตีมินิกอล์ฟ 18 หลุมริมแม่น้ำเจ้าพระยา

    สำหรับโซนที่มี (*) คือโซนที่จะต้องซื้อตั๋วเข้าชมและจะเริ่มเปิดจำหน่ายบัตรวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ส่วนโซนอื่นๆ นั้นสามารถเข้าชมได้ฟรี

    กิจกรรมจาก Disney ถือเป็นโซนที่จะช่วยดึงกลุ่มครอบครัวได้เป็นอย่างดี และจะเป็นบริเวณที่มาได้ทั้งกลางวันกลางคืน ตอบโจทย์การปรับเวลาของเอเชียทีคให้มาเที่ยวได้ทั้งวัน

    เอเชียทีค

    เป้าหมายการปรับครั้งนี้ วัลลภาเชื่อว่าจะทำให้เอเชียทีคมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นในอนาคต ในวันธรรมดาเพิ่มเป็น 50,000 คนต่อวัน และวันเสาร์-อาทิตย์เพิ่มเป็น 80,000 คนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิด-19 ประมาณ 60%

    รวมถึงเป็นการปรับสัดส่วนลูกค้า จากเดิมมีต่างชาติถึง 90% เป้าหมายใหม่จะทำให้มีลูกค้าไทย 50% และลูกค้าต่างชาติ 50% โดยในครึ่งปีแรกยังมองลูกค้ากลุ่มเกาหลีใต้, สิงคโปร์, ฮ่องกง รวมถึงประเทศกลุ่มเอเชียอื่นๆ ก่อน เนื่องจากทัวร์จีนแผ่นดินใหญ่คาดว่าจะเริ่มคึกคักในช่วงครึ่งปีหลัง

     

    ทศวรรษนี้มาแน่ “อาคารสูง 100 ชั้น” แลนด์มาร์กใหม่

    วัลลภากล่าวต่อถึงแผนงานในทศวรรษที่สองของเอเชียทีค จะมีการขยายพื้นที่ที่ยังเหลืออยู่ จากเฟส 1 ที่ใช้พื้นที่ไปแล้วกว่า 40 ไร่ เฟส 2 จะมีการขยายพื้นที่อีก 10 ไร่ซึ่งเป็นที่ดินติดกันกับที่ดินเดิม

    เฟส 2 นี้เบื้องต้นมีการอนุมัติงบลงทุนแล้ว 2,000 ล้านบาทเพื่อขยายพื้นที่ตามคอนเซปต์ “Retailtainment” พื้นที่ค้าปลีกผสานความบันเทิง

    รวมถึงโครงการอาคาร “มิกซ์ยูส” สูง 100 ชั้น AWC ยังคงเดินหน้าการออกแบบ แต่มีการปรับเปลี่ยนแบบใหม่หลังผ่านโควิด-19 เปลี่ยนให้มีองค์ประกอบการเป็นอาคารพลังงานสะอาดโดยใช้พลังงานลม ยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรบริษัทออกแบบระดับโลก Adrian Smith + Gordon Gill Architecture ซึ่งเป็นผู้ออกแบบตึกเบิร์จ คาลิฟะ ในดูไบ

    อาคารหลังนี้ส่วนประกอบใหญ่ภายในจะเป็น “โรงแรม” โดยมีพันธมิตรเชนโรงแรมเข้ามาบริหาร 3 แบรนด์ คือ The Ritz Carlton Reserve, Autograph Collection และ JW Marriott

    วัลลภากล่าวว่าโครงการอาคาร 100 ชั้นยังไม่สรุปงบลงทุน แต่ต้องการจะให้ก่อสร้างเสร็จภายในปี 2576 หรือครบรอบ 20 ปีเอเชียทีค

    AWC ยังมีที่ดินส่วนขยายของเอเชียทีคได้อีกคือ ที่ดินขนาด 28 ไร่ บริเวณตรงข้ามถนนเจริญกรุง ปัจจุบันเป็นที่จอดรถ วางแผนว่าในอนาคตจะเป็นศูนย์รวมเวลเนส และอีกแปลงหนึ่งคือแปลงฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ บนถนนเจริญนคร พื้นที่ 29 ไร่ ที่ยังรอการออกแบบพัฒนา

    ]]>
    1419413
    ททท. วางเป้า 2565 “ต่างชาติ” เข้าไทย 7 ล้านคน โรงแรมเครือ AWC คาดอัตราเข้าพักแตะ 50% https://positioningmag.com/1381190 Sun, 10 Apr 2022 11:51:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381190 อัปเดตสถานการณ์ “ท่องเที่ยว” ประเทศไทย อนาคตดูจะสดใสขึ้นแม้ยังห่างไกลกับช่วงก่อนเกิด COVID-19 โดย ททท. วางเป้าปี 2565 ดึงนักท่องเที่ยว “ต่างชาติ” เข้าไทย 7 ล้านคน ธุรกิจท่องเที่ยวยังต้องพึ่งชาวไทยเป็นหลัก ด้านเครือโรงแรม AWC คาดอัตราเข้าพักปีนี้จะอยู่ระหว่าง 30-50% พร้อมเปิดโรงแรมแห่งล่าสุด “มีเลีย เชียงใหม่” รับลูกค้าคนรุ่นใหม่และธุรกิจ MICE

    ปี 2565 เป็นปีแห่งความหวังของธุรกิจท่องเที่ยวไทย หลังจากเริ่มทยอยคลายล็อกเปิดประเทศมาตั้งแต่ปลายปีก่อน โดยเมื่อช่วงต้นปี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์แบบกว้างๆ ว่านักท่องเที่ยว “ต่างชาติ” จะเข้าไทยประมาณ 5-15 ล้านคน ก่อนที่จะเกิดปัจจัยลบเพิ่มขึ้นอย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครน

    “สมฤดี จิตรจง” รองผู้ว่าการด้านการบริหาร ททท. เปิดเผยว่าปี 2565 ททท.วางเป้าดึงเม็ดเงินการท่องเที่ยวทั้งหมด 1.07 ล้านล้านบาท และนักท่องเที่ยวรวม 17.5 ล้านคน โดยในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40% คือ 7 ล้านคน เห็นได้ว่าปีนี้ภาคท่องเที่ยวไทยจะยังต้องพึ่งพิงชาวไทยเที่ยวในประเทศเสียส่วนใหญ่

    ปัจจัยลบอย่างหนึ่งที่ส่งผลกระทบโดยตรงคือ “สงครามรัสเซียยูเครน” เนื่องจากปกตินักท่องเที่ยวรัสเซียอยู่ในกลุ่ม Top 5 ของไทย และสงครามยังมีผลต่อราคาน้ำมันที่กระทบโดยอ้อมต่อนักท่องเที่ยวยุโรปด้วย

    รัสเซีย
    (Photo: Shutterstock)

    “กลุ่มนักท่องเที่ยวรัสเซียนั้นตอนแรกเหมือนจะไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้เริ่มมีแล้ว เพราะมีการปิดช่องทางชำระเงินสากล และสายการบินที่บินตรงกรุงเทพฯ-มอสโกตอนนี้เหลือแค่การบินไทย” สมฤดีกล่าว “อีกส่วนหนึ่งที่กระทบคือราคาน้ำมันสูง ทำให้ตั๋วเครื่องบินแพง จนนักท่องเที่ยวตลาดยุโรปจะเบนเข็มไปที่ที่ใกล้กว่า เช่น ตุรกี แต่เราก็มีตลาดอื่นทดแทน เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง มีความต้องการเข้าไทยมาก และเป็นกลุ่มที่พร้อมด้านการเงิน”

     

    รอปลดล็อกยกเลิกการตรวจ COVID-19

    อีกประเด็นที่ยังเป็นข้อติดขัดทำให้ประเทศไทยยังแข่งขันยากในตลาดโลก คือ ขั้นตอนการตรวจหาเชื้อโรค COVID-19 ก่อนเข้าประเทศ ในขณะที่บางประเทศปลดล็อกไปแล้ว เช่น มัลดีฟส์ , ดูไบ (UAE) โดยวันที่ 1 เมษายน 2565 ไทยเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นโดยยกเลิกการตรวจ RT-PCR จากประเทศต้นทาง แต่ยังต้องตรวจเมื่อเดินทางมาถึง ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้ต่างชาติยังไม่ต้องการเดินทางมาประเทศไทย เพราะยังต้องเสียเวลาการรอคอยผลตรวจในโรงแรมที่พัก รวมถึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

    (ซ้าย) “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC (ขวา) “สมฤดี จิตรจง” รองผู้ว่าการด้านการบริหาร ททท.

    “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวเสริมว่า ประเทศไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่แล้ว เพียงแต่ยังต้องรอมาตรการที่พร้อมต้อนรับ

    “นักท่องเที่ยวต่างชาติรอเข้ามาอีกเยอะ เพียงแต่ว่านักท่องเที่ยวก็ต้องการประสบการณ์โดยรวมที่ดีที่สุดจากประเทศที่เขาเลือกไป เวลาทุกนาทีที่เข้ามาท่องเที่ยว เขาต้องการให้เป็นเวลาที่มีคุณค่า ถ้าหากเราพร้อมเมื่อไหร่จะมีดีมานด์ขนาดใหญ่รออยู่แน่นอน” วัลลภากล่าว

    ทั้งนี้ สมฤดีระบุว่า ททท. ได้ยื่นข้อเสนอให้ ศบค. ยกเลิกทั้งระบบ Thailand Pass, Test & Go และ Sandbox ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศสามารถเข้าประเทศได้ในแบบเดียวกับช่วงก่อนปี 2563 โดยเสนอให้ยกเลิกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 หาก ศบค. ตอบรับข้อเสนอนี้ก็จะทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวอย่างชัดเจน

     

    AWC คาดอัตราเข้าพักขึ้นไปแตะ 50%

    ด้านการดำเนินการของเครือโรงแรม AWC ซึ่งมีพอร์ตโรงแรม 19 แห่ง รวมห้องพัก 5,201 ห้อง ใน 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ กระบี่ ภูเก็ต เกาะสมุย หัวหิน เชียงใหม่ มองเช่นกันว่าปีนี้จะเป็นปีที่กระเตื้องขึ้นของบริษัท

    วัลลภาฉายภาพย้อนหลังว่า ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เครือโรงแรม AWC มีอัตราเข้าพักที่ดีขึ้น โดยขึ้นไปพีคที่เดือนธันวาคม 2564 มีอัตราเข้าพัก 38% ก่อนจะกระทบจากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้เดือนมกราคม 2565 ลดลงมาบ้างที่ 30% แต่จากนั้นปรับเป็นขาขึ้นมาตลอด

    โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาคีส์ ควีนส์ปาร์ค หนึ่งในพอร์ตโรงแรมของ AWC

    คาดการณ์ว่าตลอดปี 2565 อัตราเข้าพักจะอยู่ระหว่าง 30-50% แต่เชื่อว่าปี 2566 น่าจะเป็นปีที่เห็นการฟื้นตัวที่ชัดเจนกว่าของธุรกิจโรงแรม ทั้งนี้ อัตราเข้าพักของโรงแรมเครือ AWC เมื่อเดือนมกราคม 2563 ก่อนเกิดโรคระบาด เคยสูงถึง 78%

    ด้านการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเครือ AWC วัดจากช่วงไตรมาส 4/64 ตลาดคีย์หลักอย่าง “ภูเก็ต” มีต่างชาติเข้าพักเพิ่ม 8 เท่า โดยเพิ่มสัดส่วนจาก 8% ในปีก่อนหน้าเป็น 66% ด้านตลาด “กรุงเทพฯ” ก็ปรับเพิ่ม 1.8 เท่า เช่นเดียวกับ “เชียงใหม่” มีต่างชาติพักเพิ่ม 1.8 เท่า สะท้อนให้เห็นว่าการเปิดประเทศสามารถดึงชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวได้

     

    “มีเลีย เชียงใหม่” เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่-ธุรกิจ MICE

    วัลลภากล่าวต่อถึงโรงแรมล่าสุดในเครือ AWC ที่เปิดบริการได้แก่ “มีเลีย เชียงใหม่” เริ่มแกรนด์โอเพนนิ่งวันที่ 10 เมษายน 2565 โดยเป็นการรีโนเวตจากโรงแรมเดิม มีห้องพักทั้งหมด 260 ห้อง ใช้เชนโรงแรมมีเลียจากสเปนเป็นผู้บริการ เนื่องจากเชนนี้มีความเชี่ยวชาญด้าน Leisure และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ใช้วัตถุดิบอาหารจากท้องถิ่นจากฟาร์มออร์แกนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโครงการหลวงหรือ Ori9in Farm

    มีเลีย เชียงใหม่ AWC
    โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่

    โรงแรมนี้เป็นโรงแรม 1 ใน 3 แห่งที่ AWC มีในเชียงใหม่ โดยมีเลีย เชียงใหม่จะเน้นนักท่องเที่ยวกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบความเรียบง่าย แต่ยังแฝงด้วยความสนุกจากรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดของเมือง รวมถึงตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจ MICE จากห้องประชุมที่สามารถปรับเป็นแบบกึ่งกลางแจ้งได้

    มีเลีย เชียงใหม่
    พบกับรูฟท็อปบาร์ที่สูงที่สุดของเมืองเชียงใหม่ได้ที่ มีเลีย เชียงใหม่

    อีก 2 แห่งในเชียงใหม่ ได้แก่ เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ จะมีการปรับเปลี่ยนแบรนด์เป็นแมริออทในช่วงปลายปีนี้ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กร ส่วนอีกแห่งหนึ่งคือ อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ซึ่งอยู่ระหว่างรีโนเวตจากโรงแรมแห่งเดิม แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ดั้งเดิมที่สื่อถึงมาตรฐานและความละเอียดในงานบริการ จะดึงดูดทั้งกลุ่มท่องเที่ยวและลูกค้าองค์กรได้

    สมฤดีกล่าวถึงจังหวัดเชียงใหม่ว่า ปีนี้ ททท. คาดว่าเชียงใหม่จะดึงเม็ดเงินธุรกิจท่องเที่ยวได้ราว 5.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นครึ่งหนึ่งของที่ทำได้ในปี 2562

    โดยขณะนี้ ททท. กำลังมุ่งต่อยอดชื่อเสียงของเชียงใหม่ในกลุ่ม “ดิจิทัล โนแมด” ซึ่งยกให้เชียงใหม่เป็นจุดหมายอันดับ 25 ของโลกที่ดิจิทัล โนแมดชื่นชอบ และมองว่าจะเลือกดึงดิจิทัล โนแมดจากสหรัฐฯ เข้ามาเป็นหลัก เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีกำลังซื้อ นอกจากนี้ การเจาะกลุ่มโนแมดยังทำให้ได้นักท่องเที่ยวกลุ่มลองสเตย์เพิ่มขึ้นด้วย

    ]]>
    1381190