Prada – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 11 Apr 2025 07:41:19 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ปิดดีลประวัติศาสตร์ Prada ซื้อ Versace ด้วยมูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญ https://positioningmag.com/1518245 Fri, 11 Apr 2025 04:29:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1518245 นับเป็นดีลครั้งประวัติศาสตร์ของวงการลักชัวรีแบรนด์ เมื่อทาง Prada คอนเฟิร์มการเข้าซื้อกิจการ Versace อย่างเป็นทางการด้วยมูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของ Prada และเป็นการฟื้นความแข็งแกร่งของแบรนด์หรูจากอิตาลีให้สามารถต่อสู้กับกลุ่มแบรนด์หรูระดับโลกจากฝรั่งเศส โดยเฉพาะ LVMH ได้ดียิ่งขึ้น

 

การเข้าซื้อกิจการดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะถดถอยของสินค้าแฟชั่นไฮเอนด์ระดับโลก แต่ Prada สามารถมีการเติบโตมียอดขายพุ่งสูงขึ้นในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้วจากความแรงของแบรนด์ Miu Miu ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่

 

สำหรับดีลนี้จะช่วยให้ Prada สามารถขยายอาณาจักรและ Portfolio ให้มีความหลากหลาย สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ได้มากขึ้น เนื่องจาก Prada จะเน้นแนวค่อนข้างนิ่ง ขณะที่ Versace มาในสไตล์บาโรกที่มีความจัดจ้าน 

 

ที่น่าสนใจคือ Prada ซื้อ Versace ในราคาต่ำกว่าที่ทาง Capri Holdings เคยจ่ายไว้ในปี 2018 ที่ 2.15 พันล้านเหรียญ (รวมท้งหนี้สิน) เพื่อซื้อ Versace จากตระกูล Versace และกองทุน Blackstone 

 

สำหรับกระแสการที่ Prada ซื้อ Versace เริ่มมีมาตั้งแต่ต้นปี 2025 หลังมีข่าวว่า Capri Holdings อยากขายแบรนด์ ร่วมกับแบรนด์รองเท้า Jimmy Choo ที่อยู่ในเครือเดียวกัน ซึ่งการเข้าซื้อ Versace ถือเป็นก้าวสำคัญของ Prada หลังจากไม่ได้มีดีลใหญ่มานานนับตั้งแต่เมื่อปลายยุค 90 ทาง Prada ที่เคยซื้อกิจการหลายแบรนด์ทั้ง Jil Sander และ Helmut Lang ก่อนจะขายทิ้งไป และยอมรับว่านั่นเป็นความผิดพลาดทางเชิงกลยุทธ์ 

 

ที่มา

 

https://www.reuters.com/markets/deals/italys-prada-agrees-buy-fashion-rival-versace-2025-04-10/

https://edition.cnn.com/2025/04/10/style/prada-group-acquires-versace/index.html

]]>
1518245
รายได้ Prada ปี 2021 ทะยาน 41% ตลาดแบรนด์เนมฟื้นเร็ว โตมากกว่าก่อนเกิดโรคระบาด https://positioningmag.com/1370896 Wed, 19 Jan 2022 09:24:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370896 Prada รายงานรายได้ปี 2021 เติบโต 41% จากปีก่อนหน้า และโตมากกว่าปี 2019 ที่ยังไม่มีวิกฤตโรคระบาดถึง 8% แบรนด์เติบโตได้ดีเนื่องจากดีมานด์ที่อัดอั้นของนักช้อป ซัพพลายเชนการผลิตถูกกระทบน้อย การปรับกลยุทธ์ลดการขายราคาส่ง และบุกตลาดดิจิทัลมากขึ้นของแบรนด์

บริษัทสินค้าแบรนด์เนมจากอิตาลี Prada รายงานยอดขายปี 2021 ของกลุ่มเติบโต 41% จากปีก่อนหน้า โดยทำรายได้ที่ 3,364 ล้านยูโร (ประมาณ 1.26 แสนล้านบาท) และตัวเลขนี้ยังเติบโตมากกว่ารายได้ปี 2019 ถึง 8% สะท้อนถึงตลาดสินค้าลักชัวรีที่กลับมาฟื้นเต็มที่แล้ว

เมื่อปี 2019 นั้น Prada กำลังจัดกลยุทธ์ใหม่เพื่อยกระดับแบรนด์ให้อยู่ในตลาดไฮเอนด์มากขึ้น และบุกช่องทางออนไลน์มากขึ้น หลังจากนั้นเกิดวิกฤตโรค COVID-19 ระบาด ทำให้แบรนด์มีการปิดสาขาหลายแห่งทั่วโลก และขาดรายได้จากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว

โฆษณา Prada ช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2021

อย่างไรก็ตาม Prada ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแรงเหมือนกับสินค้าลักชัวรีอื่นๆ เนื่องจากดีมานด์ของผู้บริโภคระดับบนที่ต้องการปรนเปรอตนเองด้วยสินค้าไฮเอนด์ รวมถึงซัพพลายเชนของสินค้าประเภทนี้มักจะผลิตภายในทวีปยุโรป ทำให้ไม่ถูกกระทบด้านการขนส่งวัตถุดิบการผลิต

 

แบรนด์ปรับตัวได้ทันเวลา

Prada ยังเริ่มได้รับอานิสงส์จากกลยุทธ์ที่บริษัทวางไว้ตั้งแต่ปี 2019 ที่จะเริ่มลดการขายแบบขายราคาส่ง และจะขายในราคาเต็มเท่านั้น ทำให้ได้รายได้สูงขึ้น และมีการบุกหนัก “อีคอมเมิร์ซ”เพื่อเข้าถึงลูกค้า

นอกจากนี้ แบรนด์ยังประสบความสำเร็จกับการ ‘localise’ ในตลาดเป้าหมาย โดยเฉพาะประเทศจีน มีการออกคอลเลกชันต้อนรับตรุษจีน หรือคอลเลกชันที่เจาะกลุ่มเมืองหลักในจีน เช่น เซี่ยงไฮ้

แบรนด์ยังปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มวัยที่เด็กลงกว่าเดิม มีการทำแคมเปญเป็น pop-up store มากขึ้น หรือการทำแคมเปญบน TikTok โดยใช้หมวกทรงถังที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์สร้าง challenge ทำให้วัยรุ่นคุ้นเคยกับแบรนด์มากขึ้น

รายได้ปีก่อนของ Prada ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดที่เคยทำได้ของแบรนด์เมื่อปี 2013 ที่ทำยอดขายไป 3,600 ล้านยูโร (ประมาณ 1.35 แสนล้านบาท) แต่แบรนด์กำลังเร่งเครื่องต่อไป

โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 แบรนด์มีการประกาศทิศทางแล้วว่า จะเริ่มบุกตลาดบิวตี้ ตกแต่งบ้าน และเครื่องประดับให้มากขึ้น มีการปรับราคาขึ้น รวมถึงจะเพิ่มสาขาทั้งในสหรัฐฯ ตะวันออกกลาง และเอเชีย เพื่อให้ทันกับดีมานด์อันเกิดจากการรับรู้แบรนด์ที่มากขึ้นของผู้บริโภคทวีปอื่น

Source: Reuters, Vogue Business

]]>
1370896
Prada เปิดตลาดสดที่เซี่ยงไฮ้ แต่ชาวจีนทิ้งผัก เอาแต่ถุงโลโก้แบรนด์ https://positioningmag.com/1359388 Mon, 01 Nov 2021 14:46:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1359388 Prada ลุยแคมเปญโปรโมตคอลเลกชันใหม่ ด้วยการเปิดตลาดสดที่เซียงไฮ้ กลายเป็นว่าชาวจีนแห่กันเข้าตลาดเพื่อซื้อของ แต่เททิ้งผักสดเป็นกอง แล้วเก็บแต่ถุงแบรนด์หรู ทำเอาโดนวิพากษ์วิจารณ์มากมาย

สื่อจีนบางค่ายก็ชี้ว่ามันเป็น PR สุดพังของ Prada แบรนด์แฟชั่นหรูจากเมืองมิลาน อิตาลี ในการลุยแคมเปญโปรโมตคอลเลกชัน Fall /Winter 2021 ด้วยชื่อธีม Feels like Prada ที่ตลาดสดอูจงในเขตสีว์ฮุ่ยของนครเซี่ยงไฮ้ ในวันจัดอีเวนต์สองสัปดาห์ช่วงสัปดาห์วันหยุดวันชาติจีต้นเดือนต.ค.

ผู้คนหลายร้อยคนแห่แหนเข้าแถวยาวเบียดเสียดกันเข้า “ตลาดสดแบรนด์หรู” ที่มีการตกแต่งตลาดสดด้วยโลโก้ Prada และลวดลายสัญลักษณ์แบรนด์แฟชั่นหรูแพงระยับจากแดนสปาเก็ตตี้รายนี้ โดยมีการจัดไฮไลต์ ลูกค้าที่ซื้อผักครบ 20 หยวน หรือราว 100 บาท จะได้รับถุงโลโก้ Prada โดยราคาผักที่ขายในอีเวนต์เป็นราคาปกติที่ขายทุกวัน

ลูกค้าที่มาตลาดสด Prada ที่หนาตามากคือกลุ่มวัยหนุ่มสาววัย 20-30 ปี พวกเขาถือถุงหูหิ้วมาตลาด แต่งตัวดีมีระดับ ถ่ายภาพ พร้อมอุปกรณ์ไลฟ์สดครบครันสำหรับเซลฟี่ลงโซเชียลมีเดีย ทำให้บรรยากาศผิดจากการมาจ่ายตลาดสดของชาวบ้านทั่วไปราวฟ้ากับเหว

รายงานของกลุ่มสื่อในจีน เผยว่าหลายคนที่มาเดินตลาดสด Prada หนำใจแล้วก็กลับออกไปโดยทิ้งผักที่ซื้อมาตามข้างถนนเป็นกองพะเนิน ซึ่งถูกวิจารณ์เละว่าสิ้นเปลืองสุดๆ และประเด็นนี้ก็ได้กลายเป็นไวรัลในจีนช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้

ชาวเน็ตหลายคนยกให้ตลาดสดอูจงในนครเซี่ยงไฮ้เป็นตลาดสดที่ทันสมัยที่สุด และอีกคนพูดถึงถุงโลโก้แบรนด์หรูว่า “มันเป็นผลิตภัณฑ์ Prada เพียงอย่างเดียวที่ฉันสามารถซื้อได้!”

ลูกค้าหญิงคนหนึ่งทิ้งผักที่ซื้อมาเพราะต้องการแค่ถุงโลโก้แบรนด์หรูจากอิตาลีเท่านั้น!

ขณะที่หลายคนก็ยอมรับเช่นกันว่าพวกเขาไปที่ตลาดสด Prada เพียงเพราะต้องการถุงโลโก้แบรนด์แฟชั่นหรู!

ชาวเน็ตกลุ่มหนึ่งได้ต่อว่าคนเทผักทิ้งว่า “มันเรื่องที่น่าละอาย พวกเขาไม่ควรทิ้งอาหารแบบนั้น ถ้าเธอไม่ต้องการมัน” ชาวเน็ตคนหนึ่งคอมเมนต์

“กิจกรรมของ Prada ได้ทำลายวิถีชีวิตติดดินของตลาดสด ฉันไม่ชอบเลย” ชาวเน็ตอีกคนวิจารณ์

ช่วงหลายปีมานี้ เหล่าแบรนด์หรูระดับโลกได้พุ่งเป้ามาเจาะตลาดในเอเชีย ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลให้แบรนด์เหล่านั้น เอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดหลักของ Prada Group ข้อมูลบริษัทปราด้า ระบุว่ายอดขายในครึ่งปีแรกของปี 2021 พุ่งกระฉูดถึง 77% เทียบกับรายได้ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

Source

]]>
1359388
ตลาด “ลักชัวรี” จีนฟื้นเร็ว คนรวยแห่ซื้อเเบรนด์เนม ยอดขาย Prada กลับมาโตกว่าปีก่อน COVID-19 https://positioningmag.com/1296739 Sun, 13 Sep 2020 12:01:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1296739 เเม้ว่ากลุ่มสินค้าเเบรนด์หรู จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ยอดขายลดฮวบ โดยคาดว่าทั้งตลาดจะหดตัวกว่า 35% ในปีนี้ เเต่กลุ่มคนมีเงินในตลาดจีนนั้นกลับออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สะท้อนให้เห็นจากยอดขายสินค้าหรูที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในเเดนมังกร

Patrizio Bertelli ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Prada เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เเม้จะต้องเผชิญวิกฤตโรคระบาดอย่างหนักในจีน เเต่ยอดขายของ Prada เพิ่มสูงขึ้นในระดับที่ดีกว่าปีที่แล้ว

ความต้องการสินค้าแบรนด์หรูของผู้บริโภคในจีน กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังเคยลดลงอย่างหนักในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา ตั้งเเต่ช่วงปลายปี 2019 จนเเบรนด์หรูต่างๆ ต้องปิดทำการสาขาชั่วคราว ขณะที่โรงงานที่รับผลิตสินค้าก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ยอดขายในจีนเริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด มาตั้งแต่ปลายเดือนมี.. และเติบโตด้วยอัตราสูงกว่า 60% ในเดือนต่อๆ มา โดยยอดขายในวันวาเลนไทน์ของจีนซึ่งตรงกับวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ทำสถิติสูงที่สุดตั้งแต่ทำตลาดในจีน และเชื่อว่ากระแสดีมานด์นี้จะต่อเนื่องไปจนสิ้นปี

ตามผลสำรวจของบริษัทวิจัย Bain ระบุว่า ในปี 2019 ชาวจีนซื้อสินค้าหรูถึง 37% ของยอดขายทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อขณะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เเละเมื่อปีนี้ไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ จึงทำให้ชาวจีนหันมาช้อปปิ้งเเบรนด์หรูกันมากขึ้น ทำให้ดีมานด์สินค้าหรูในจีนยังคงสูงต่อเนื่อง 

ยอดขายของ Prada ในช่วงครึ่งปีนี้ ส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถึง 44% สะท้อนการบริโภคของคนรวยชาวเอเชีย เเต่เมื่อดูยอดขายของ Prada ทั่วโลกเเล้วจะพบว่าลดลงถึง 40% เพราะเศรษฐกิจในหลายประเทศยังคงไม่ฟื้นตัวจาก COVID-19 ดังนั้นตลาดลักชัวรีก็ยังคงต้องสู้กันต่อไปอีกยาว

ท่ามกลางยอดขายทั้งตลาดที่มีเเนวโน้มจะลดฮวบในปีนี้ หลายแบรนด์ดำเนินการแก้เกม เช่น ขึ้นราคาสินค้า ออกสินค้าไลน์ใหม่ ใช้สินค้า Collab ที่มีจำนวนจำกัด ดึงลูกค้ากลุ่มแฟนพันธุ์แท้ให้ซื้อต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะต้องลุ้นเทรนด์ ‘Revenge Spending’ ของผู้บริโภคที่จะกลับมาช้อปกระหน่ำด้วยความอัดอั้น และลุ้นให้มีการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น เพื่อให้ยอดซื้อจากคนเดินทางกลับมาอีกครั้ง

อ่านต่อ : พิษไวรัสเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคลักชัวรีจนยอดขายร่วง แบรนด์เร่งหากลยุทธ์แก้เกม

 

ที่มา : Reuters , CNBC

 

]]>
1296739
เทรนด์ Streetwear บูมไม่หยุด Louis Vuitton เดินเกมเปิด Flagship Store สำหรับ “ผู้ชาย” สาขาเเรก https://positioningmag.com/1285024 Thu, 25 Jun 2020 01:03:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285024 ตลาดเครื่องแต่งกายผู้ชายเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บรรดาเเบรนด์หรูชั้นนำพยายามงัดกลยุทธ์เจาะตลาดกลุ่มนักช้อปผู้ชายกันมากขึ้น

จากรายงานของ Mordor Intelligence ระบุว่า ตลาดเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชาย มีแนวโน้มที่จะเติบโตถึง 5.7% ในระหว่างปี 2020 – 2025 ปัจจัยหลักๆ มาจากความนิยมของแฟชั่นสายสตรีท หรือเสื้อผ้ากลุ่ม Streetwear ที่กำลังมาเเรงในยุคนี้ รวมถึงเทรนด์ชุดกีฬาที่มีการสวมใส่ในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น

สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ชายมีทางเลือก ในการเเต่งตัวมากขึ้นและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่มักจะจำกัดเเค่ชุดสูทหรือเสื้อเชิ้ตแบบทั่วไป

ด้วยการเติบโตของเสื้อผ้าผู้ชาย ที่คาดว่าจะตามทันเสื้อผ้าผู้หญิงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แบรนด์เเฟชั่นไฮเอนด์รายใหญ่ อย่าง Prada, Gucci และ Dior ปรับรับเทรนด์ใหม่นี้ด้วยการเริ่มเปิดสาขาที่เน้นขายเครื่องเเต่งกายผู้ชายมากขึ้น

ล่าสุดเเบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton เตรียมเปิด Flagship Store จำหน่ายเฉพาะสินค้าสำหรับ “ผู้ชาย” เป็นครั้งเเรก นำร่องที่ญี่ปุ่น เเม้ตามสาขาทั่วไปของเเบรนด์จะมีสินค้าผู้ชายวางขายอยู่เเล้วก็ตาม เเต่ครั้งนี้จะเป็นการเปิดสาขาที่ขายสินค้าของผู้ชายโดยเฉพาะ

สาขาดังกล่าวจะตั้งอยู่ในย่านเเฟชั่นสำคัญอย่าง มิยาชิตะปาร์คในชิบูย่า ของกรุงโตเกียว มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ โดยสินค้าภายในร้านจะมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น อุปกรณ์กีฬา เครื่องประดับ น้ำหอม รวมถึงคอลเลกชั่นพิเศษต่างๆ

Photo: Louis Vuitton

ท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 ผู้ที่จะเข้าไปเยี่ยมชม Flagship Store สาขานี้จะต้องปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing โดยจะต้องลงทะเบียนจองล่วงหน้า ผ่านทางเว็บไซต์ของ Louis Vuitton ก่อน เพื่อจำกัดจำนวนลูกค้า ให้มีความปลอดภัยในการใช้บริการ

Louis Vuitton หันมาให้ความสำคัญกับตลาดเสื้อผ้าผู้ชายอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยมีการทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน Streetwear อย่าง Virgil Abloh มานั่งตำเเหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ นำทัพสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชาย ซึ่งเขาประสบความสำเร็จอย่างมากในญี่ปุ่น นำมาสู่การเปิด Flagship Store ในย่านชิบูย่าครั้งนี้

นอกจาก Virgil Abloh ที่กำลังเป็นดีไซเนอร์ดาวรุ่งของวงการเสื้อผ้าผู้ชายเเล้ว ยังมีดีไซเนอร์ที่น่าจับตามองอย่าง Kim Jones ของ Dior Men เเละ Hedi Slimane ของ Celine และล่าสุด Givenchy ก็เพิ่งแต่งตั้ง Matthew Williams ดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งเเบรนด์สตรีทชื่อดัง Alyx เจ้าของคอลเลกชั่น 1017 ALYX 9SM ขึ้นมาเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนล่าสุด

ความเคลื่อนไหวของเเบรนด์หรูเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นทิศทางของเเฟชั่นผู้ชายที่กำลังถูกขับเคลื่อนเเละจะเปลี่ยนเเปลงครั้งสำคัญในเร็วๆ นี้ 

 

ที่มา : CNA , WWD , fashionnetwork

]]>
1285024
ประท้วงฮ่องกงพ่นพิษ แบรนด์หรูกระทบหนัก Hermes ปิด 5 สาขา https://positioningmag.com/1248460 Thu, 03 Oct 2019 10:25:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1248460 4 เดือนของเหตุการณ์ประท้วงที่ฮ่องกงส่งผลให้แบรนด์หรูระดับโลกเจ็บช้ำไปตามกัน ทั้ง Prada, Cartier รวมถึง Tiffany ที่นับฮ่องกงเป็นตลาดใหญ่อันดับ 4 ของแบรนด์ ต่างมีแผลจากความไม่สงบที่ทำให้นักท่องเที่ยวหดหาย เกือบทุกแบรนด์จำใจปิดร้านค้าลงชั่วคราว กลายเป็นความเสียหายที่เริ่มชัดเจนผ่าน 4 สถิตินี้

1. ยอดเครื่องเพชรนาฬิกาหรูวูบ 47.4%

ฮ่องกงเป็นพื้นที่ติดอันดับ 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของนักช้อปที่ชื่นชอบสินค้าหรูหรา เพราะแบรนด์ใหญ่เลือกฮ่องกงเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการตั้งร้านค้าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ สถิติจาก Bernstein ระบุว่าฮ่องกงครองสัดส่วน 5-10% ของยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณปีละ 285,000 ล้านเหรียญ

แต่ข้อมูลวันที่ 2 ตุลาคมแสดงว่า ยอดค้าปลีกในฮ่องกงประจำเดือนสิงหาคม 62 ลดลง 23% จากปี 61 ซึ่งเป็นสถิติการหดตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่มูลค่ายอดขายสินค้ากลุ่มอัญมณี นาฬิกา และสินค้ามีค่ารายการอื่นทำสถิติลดลง 47.4%

2. นักท่องเที่ยวหด 39%

Annie Yau Tse ประธานสมาคมการค้าปลีกฮ่องกง Hong Kong Retail Management Association ยอมรับว่ายังไม่เห็นแสงสว่างของวิกฤติพิษประท้วงฮ่องกง บนสถิติล่าสุดที่สรุปแล้วว่าจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนฮ่องกงลดลง 39% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวแผ่นดินใหญ่ลดฮวบ 42.3%

3. แบรนด์ส่วนใหญ่ยอดตก 30-60%

ไม่ว่าจะ Hermes หรือ Tiffany รวมถึงหลายแบรนด์ที่ต้องปิดร้านในฮ่องกงชั่วคราวตั้งแต่เกิดการประท้วงในเดือนมิถุนายน ต่างเลี่ยงที่จะเปิดเผยผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 2 แต่การสำรวจของบริษัท RBC คาดว่าแบรนด์ส่วนใหญ่จะประสบภาวะยอดขายลดลงระหว่าง 30-60% ซึ่งจะปรากฏเป็นตัวเลขในรายงานไตรมาส 3

บริษัทวิจัย Bain & Co มองว่าภาวะนี้จะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจสินค้าหรูหราหรือ luxury sector ระดับโลกมีการเติบโตระดับต่ำในปีนี้ คิดเป็นการเติบโต 4-6% เท่านั้น

แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกามีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มเจ็บหนัก เพราะฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการค้านาฬิการะดับไฮเอนด์ เห็นได้ชัดจากที่กลุ่ม Swatch Group สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์และกลุ่ม Richemont เจ้าของแบรนด์ Cartier ทำเงินจากตลาดฮ่องกงมากกว่า 11-12% จากยอดขายทั่วโลก

4. Hermes แบรนด์เดียวปิด 5 สาขา

ห้างสรรพสินค้าหลักมากกว่า 30 แห่งตัดสินใจปิดบริการชั่วคราวในวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยไม่เพียงห้างสรรพสินค้า แต่แบรนด์หรูยังจำเป็นต้องปิดสาขาในสนามบินด้วย หนึ่งในนั้นคือ Hermes ผู้ผลิตกระเป๋าหนังสุดหรู Birkin ใบละ 6 แสนถึงเฉียด 3 ล้านที่เผยเมื่อกันยายนที่ผ่านมาว่าถูกกดดันให้ปิดร้านชั่วคราวทั้งหมด 5 สาขาในเกาะฮ่องกง

น่าเสียดายที่แบรนด์อื่นไม่เปิดเผยจำนวนร้านสาขาที่ปิดทำการชั่วคราว แต่สิ่งที่ชัดเจนคือทุกแบรนด์สูญเสียการขายอย่างชัดเจน เพราะการปิดห้าง 1 .. เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดประจำปีซึ่งเรียกกันว่า Golden Week ที่ปกติจะเป็นช่วงเวลาที่คึกคักสุดขีดสำหรับผู้ค้าปลีกในฮ่องกง

นอกจากการปิดร้าน งานอีเวนท์ของแบรนด์ก็ต้องระงับด้วย หนึ่งในนั้นคือ Chanel ที่วางแผนจัดแสดงแฟชั่นโชว์วันที่ 6 พฤศจิกายนเพื่อนำเสนอคอลเลคชั่น “Cruise” ก็ตัดสินใจเลื่อนโดยหยอดคำหวานว่างานแสดงแฟชันจะเกิดขึ้นในอนาคต ในช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่านี้

การสำรวจตลาดพบด้วยว่าแบรนด์กำลังหาทางเข้าถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่านแหล่งช้อปปิ้งอื่นแทนฮ่องกง นอกจากบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างญี่ปุ่น นักวิเคราะห์มองว่าเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการถดถอยในตลาดฮ่องกง.

Source 

]]>
1248460
เทรนด์แรงนางแบบรุ่นยายกำลังมา “Maye Musk” แม่ผู้ก่อตั้งเทสล่า วัย 69 ฟุ้งงานชุกยิ่งกว่าสมัยสาวๆ https://positioningmag.com/1155064 Tue, 30 Jan 2018 23:14:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1155064 ภาพจาก : bbc.com/news/world-us-canada-42838293

“Maye Musk” คุณแม่ของมหาเศรษฐีชื่อก้องโลก “Elon Musk” พลิกโฉมวงการแฟชั่นด้วยวัย 69 ปี คุยฟุ้งงานเดินแบบถ่ายแฟชั่นตลอดปี 2017 ที่ผ่านมาชุกมากยิ่งกว่าสมัยที่ตัวเองรับงานตั้งแต่ 50 ปีที่แล้ว คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเพราะแบรนด์อย่าง Prada ก็เริ่มดึงคุณยายยังสวยอายุมากกว่านี้มาถ่ายแบบลงนิตยสาร Hunger Magazine เช่นกัน

วันนี้ความสาวไม่ได้มีอิทธิพลเหนือทุกสิ่งเสมอไป อย่างน้อยก็ในกรณีของ Maye Musk ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่าความสำเร็จของเธอไม่ได้เป็นเทรนด์ธรรมดา เพราะแฟชั่นโชว์ฤดูกาลล่าสุด “Spring 2018” ในนิวยอร์ก ปารีส มิลาน และลอนดอน นั้นมีการเสนอตัวนางแบบอาวุโสมากเป็นประวัติการณ์ สถิตินางแบบที่เกิดในยุคปี 1950 และ 1960 บนแคตวอล์กคือ 27 คน ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยจากงานประชุม Fashion Spot

สิ่งที่เกิดขึ้นแปลว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นวันนี้กำลังก้าวข้ามค่านิยมรูปแบบความงามทั่วไป มาเป็นความงามที่สะท้อนออกมาในช่วงอายุที่มากขึ้น เรื่องนี้ Maye Musk ไม่ปฏิเสธ โดยบอกว่าเธอไม่เคยทำงานมากเท่านี้มาก่อน (ในปีที่ผ่านมา) เมื่อเทียบกับงานที่เธอทำมาตลอดชีวิตนางแบบกว่า 50 ปี

ดีกรีของ Maye Musk วัย 69 ปีนั้นไม่ธรรมดา เธอเป็นมารดาของ Elon Musk มหาเศรษฐีผู้ประกอบการและผู้ก่อตั้ง Tesla เธอใช้สัญชาติแคนาดาเริ่มต้นอาชีพนางแบบในแอฟริกาใต้ตอนอายุ 15 ปี มีอาชีพเป็นนักโภชนาการที่คว้าปริญญาโท 2 ใบ

ภาพจาก : bbc.com/news/world-us-canada-42838293

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอปัดฝุ่นตัวเองในฐานะนางแบบ โดย Musk ได้เซ็นสัญญากับ IMG Models ซึ่งเป็นตัวแทนของซูเปอร์โมเดลเช่น Gisele Bündchen และ Gigi Hadid

ผลคือคุณย่า Maye Musk ได้ปรากฏตัวบนหน้าปกของนิตยสาร New York Magazine, Elle Canada และ VOGUE Korea ที่สำคัญคือ เธอเป็นแอมบาสเดอร์ที่มีอายุมากที่สุดของบริษัทเครื่องสำอางอเมริกันชื่อ CoverGirl

คุณย่า Maye Musk เชื่อว่าการไม่ได้ย้อมผม และปล่อยให้ผมขาวตามธรรมชาติ มีส่วนช่วยให้เธอดูน่าสนใจ แต่การเป็นนางแบบดังก็ทำให้เธอรู้สึกท้าทายบางอย่าง เช่น เธอต้องวางแผนการรับประทานอาหารและของว่างทุกวัน เธอต้องควบคุมน้ำหนักมากกว่า 2 สัปดาห์เมื่อรับงาน เนื่องจากรูปร่างที่ไม่ผอมบางเหมือนนางแบบทั่วไป

สิ่งที่เราเห็นชัดเจนจากกรณีของ Maye Musk คือความคิดริเริ่มของแบรนด์แฟชั่น ที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางเชื้อชาติ อายุ ขนาด และความแตกต่างของร่างกายในสินค้าแฟชั่น จุดนี้ Debra Bourne ผู้อำนวยการโครงการ All Walks Beyond the Catwalk ให้ความเห็นว่าการเติบโตของโลกโซเชียลมีเดีย ทำให้เราได้เห็นเรื่องราวความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เมื่อมีการนำนางแบบนายแบบสูงอายุมาเป็นดาวเด่นในแคตวอล์ก

วันนี้ คุณย่า Musk ที่มักโพสต์ภาพเก๋ไก๋บน Instagram นั้นคว้าใจผู้ติดตามมากกว่า 90,000 คน จำนวนผู้ติดตามไม่ธรรมดาทำให้มีการคาดการณ์ว่า นักออกแบบหลายคนจะเน้นออกแบบสินค้าสำหรับผู้สูงอายุที่มีผมสีเงินมากขึ้นในช่วงหลายปีนับจากนี้

ในภาพรวม คุณย่ายังสวยยอมรับว่าวงการนางแบบจะมีการแข่งขันน้อยลงเมื่อนางแบบอายุมากขึ้น เช่นเดียวกับงานที่ลดลง แต่ถ้านางแบบรายนั้นยังคงทำงาน และโพสต์ผลงานต่อเนื่อง ก็จะสามารถดึงให้มีผู้ติดตามได้ตลอดเวลา 

สำหรับใครที่ต้องการเดินบนแคตวอล์ก คุณย่า Musk แนะนำว่าสามารถไปโชว์รูปถ่ายบนโลกโซเชียล และไม่ต้องไปเสียเวลาแคสติ้งหรือทดสอบหน้ากล้องแบบเดิมอีกด้วย

ด้าน Rebecca Valentine ผู้ก่อตั้งบริษัท Gray Model เอเจนซี่ในลอนดอนที่เน้นจัดหานางแบบนายแบบรุ่นใหญ่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้น ไปให้ความเห็นว่า ผู้สูงอายุคือตัวแทนใหม่จากที่โลกแฟชั่น ไม่ต่างจากกลุ่มร็อกเกอร์ แร็ปเปอร์ หรือกลุ่มรักร่วมเพศที่มีความต้องการสินค้าแฟชั่นเฉพาะทาง โดยบริษัทของเธอสามารถจัดหานางแบบเพื่อตอบโจทย์ London Fashion Week และนิตยสาร Hunger magazine และดึง Sara Stockbridge นางแบบวัย 52 ปีที่เคยแนบแน่นกับแบรนด์ Vivienne Westwood มาร่วมสังกัด สถิตินางแบบอายุมากที่สุดในบริษัทคือ 82 ปี ชื่อ Frances Dunscombe

ภาพจาก : bbc.com/news/world-us-canada-42838293

นี่ถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์วงการแฟชั่น เพราะที่ผ่านมา เรามักเห็นสตรีที่มีอายุมากกว่า 40 ปีในโฆษณาครีมต่อต้านริ้วรอย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการจองตัวให้โชว์สินค้าแฟชันสำหรับงานแฟชั่นยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ Maye Musk ยอมรับว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่ได้เห็นว่าแบรนด์นิตยสารและนักออกแบบมุ่งเน้นโชว์ความจริงจากผู้หญิงสูงอายุ โดยเชื่อว่าคนหนุ่มสาวชอบที่จะเห็นเธอในงานถ่ายแบบ ทำให้ทุกคนมองเห็นความหวังในอนาคต

ป้าย hashtag ของ Maye Musk คือ #justgettingstarted ใครอยากไปติดตามขอเชิญเลยจ้ะ.

ที่มา : bbc.com/news/world-us-canada-42838293

]]>
1155064