Prada – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 19 Jan 2022 15:39:57 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รายได้ Prada ปี 2021 ทะยาน 41% ตลาดแบรนด์เนมฟื้นเร็ว โตมากกว่าก่อนเกิดโรคระบาด https://positioningmag.com/1370896 Wed, 19 Jan 2022 09:24:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1370896 Prada รายงานรายได้ปี 2021 เติบโต 41% จากปีก่อนหน้า และโตมากกว่าปี 2019 ที่ยังไม่มีวิกฤตโรคระบาดถึง 8% แบรนด์เติบโตได้ดีเนื่องจากดีมานด์ที่อัดอั้นของนักช้อป ซัพพลายเชนการผลิตถูกกระทบน้อย การปรับกลยุทธ์ลดการขายราคาส่ง และบุกตลาดดิจิทัลมากขึ้นของแบรนด์

บริษัทสินค้าแบรนด์เนมจากอิตาลี Prada รายงานยอดขายปี 2021 ของกลุ่มเติบโต 41% จากปีก่อนหน้า โดยทำรายได้ที่ 3,364 ล้านยูโร (ประมาณ 1.26 แสนล้านบาท) และตัวเลขนี้ยังเติบโตมากกว่ารายได้ปี 2019 ถึง 8% สะท้อนถึงตลาดสินค้าลักชัวรีที่กลับมาฟื้นเต็มที่แล้ว

เมื่อปี 2019 นั้น Prada กำลังจัดกลยุทธ์ใหม่เพื่อยกระดับแบรนด์ให้อยู่ในตลาดไฮเอนด์มากขึ้น และบุกช่องทางออนไลน์มากขึ้น หลังจากนั้นเกิดวิกฤตโรค COVID-19 ระบาด ทำให้แบรนด์มีการปิดสาขาหลายแห่งทั่วโลก และขาดรายได้จากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว

โฆษณา Prada ช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2021

อย่างไรก็ตาม Prada ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแรงเหมือนกับสินค้าลักชัวรีอื่นๆ เนื่องจากดีมานด์ของผู้บริโภคระดับบนที่ต้องการปรนเปรอตนเองด้วยสินค้าไฮเอนด์ รวมถึงซัพพลายเชนของสินค้าประเภทนี้มักจะผลิตภายในทวีปยุโรป ทำให้ไม่ถูกกระทบด้านการขนส่งวัตถุดิบการผลิต

 

แบรนด์ปรับตัวได้ทันเวลา

Prada ยังเริ่มได้รับอานิสงส์จากกลยุทธ์ที่บริษัทวางไว้ตั้งแต่ปี 2019 ที่จะเริ่มลดการขายแบบขายราคาส่ง และจะขายในราคาเต็มเท่านั้น ทำให้ได้รายได้สูงขึ้น และมีการบุกหนัก “อีคอมเมิร์ซ”เพื่อเข้าถึงลูกค้า

นอกจากนี้ แบรนด์ยังประสบความสำเร็จกับการ ‘localise’ ในตลาดเป้าหมาย โดยเฉพาะประเทศจีน มีการออกคอลเลกชันต้อนรับตรุษจีน หรือคอลเลกชันที่เจาะกลุ่มเมืองหลักในจีน เช่น เซี่ยงไฮ้

แบรนด์ยังปรับตัวให้เข้ากับกลุ่มวัยที่เด็กลงกว่าเดิม มีการทำแคมเปญเป็น pop-up store มากขึ้น หรือการทำแคมเปญบน TikTok โดยใช้หมวกทรงถังที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์สร้าง challenge ทำให้วัยรุ่นคุ้นเคยกับแบรนด์มากขึ้น

รายได้ปีก่อนของ Prada ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดที่เคยทำได้ของแบรนด์เมื่อปี 2013 ที่ทำยอดขายไป 3,600 ล้านยูโร (ประมาณ 1.35 แสนล้านบาท) แต่แบรนด์กำลังเร่งเครื่องต่อไป

โดยเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 แบรนด์มีการประกาศทิศทางแล้วว่า จะเริ่มบุกตลาดบิวตี้ ตกแต่งบ้าน และเครื่องประดับให้มากขึ้น มีการปรับราคาขึ้น รวมถึงจะเพิ่มสาขาทั้งในสหรัฐฯ ตะวันออกกลาง และเอเชีย เพื่อให้ทันกับดีมานด์อันเกิดจากการรับรู้แบรนด์ที่มากขึ้นของผู้บริโภคทวีปอื่น

Source: Reuters, Vogue Business

]]>
1370896
Prada เปิดตลาดสดที่เซี่ยงไฮ้ แต่ชาวจีนทิ้งผัก เอาแต่ถุงโลโก้แบรนด์ https://positioningmag.com/1359388 Mon, 01 Nov 2021 14:46:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1359388 Prada ลุยแคมเปญโปรโมตคอลเลกชันใหม่ ด้วยการเปิดตลาดสดที่เซียงไฮ้ กลายเป็นว่าชาวจีนแห่กันเข้าตลาดเพื่อซื้อของ แต่เททิ้งผักสดเป็นกอง แล้วเก็บแต่ถุงแบรนด์หรู ทำเอาโดนวิพากษ์วิจารณ์มากมาย

สื่อจีนบางค่ายก็ชี้ว่ามันเป็น PR สุดพังของ Prada แบรนด์แฟชั่นหรูจากเมืองมิลาน อิตาลี ในการลุยแคมเปญโปรโมตคอลเลกชัน Fall /Winter 2021 ด้วยชื่อธีม Feels like Prada ที่ตลาดสดอูจงในเขตสีว์ฮุ่ยของนครเซี่ยงไฮ้ ในวันจัดอีเวนต์สองสัปดาห์ช่วงสัปดาห์วันหยุดวันชาติจีต้นเดือนต.ค.

ผู้คนหลายร้อยคนแห่แหนเข้าแถวยาวเบียดเสียดกันเข้า “ตลาดสดแบรนด์หรู” ที่มีการตกแต่งตลาดสดด้วยโลโก้ Prada และลวดลายสัญลักษณ์แบรนด์แฟชั่นหรูแพงระยับจากแดนสปาเก็ตตี้รายนี้ โดยมีการจัดไฮไลต์ ลูกค้าที่ซื้อผักครบ 20 หยวน หรือราว 100 บาท จะได้รับถุงโลโก้ Prada โดยราคาผักที่ขายในอีเวนต์เป็นราคาปกติที่ขายทุกวัน

ลูกค้าที่มาตลาดสด Prada ที่หนาตามากคือกลุ่มวัยหนุ่มสาววัย 20-30 ปี พวกเขาถือถุงหูหิ้วมาตลาด แต่งตัวดีมีระดับ ถ่ายภาพ พร้อมอุปกรณ์ไลฟ์สดครบครันสำหรับเซลฟี่ลงโซเชียลมีเดีย ทำให้บรรยากาศผิดจากการมาจ่ายตลาดสดของชาวบ้านทั่วไปราวฟ้ากับเหว

รายงานของกลุ่มสื่อในจีน เผยว่าหลายคนที่มาเดินตลาดสด Prada หนำใจแล้วก็กลับออกไปโดยทิ้งผักที่ซื้อมาตามข้างถนนเป็นกองพะเนิน ซึ่งถูกวิจารณ์เละว่าสิ้นเปลืองสุดๆ และประเด็นนี้ก็ได้กลายเป็นไวรัลในจีนช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้

ชาวเน็ตหลายคนยกให้ตลาดสดอูจงในนครเซี่ยงไฮ้เป็นตลาดสดที่ทันสมัยที่สุด และอีกคนพูดถึงถุงโลโก้แบรนด์หรูว่า “มันเป็นผลิตภัณฑ์ Prada เพียงอย่างเดียวที่ฉันสามารถซื้อได้!”

ลูกค้าหญิงคนหนึ่งทิ้งผักที่ซื้อมาเพราะต้องการแค่ถุงโลโก้แบรนด์หรูจากอิตาลีเท่านั้น!

ขณะที่หลายคนก็ยอมรับเช่นกันว่าพวกเขาไปที่ตลาดสด Prada เพียงเพราะต้องการถุงโลโก้แบรนด์แฟชั่นหรู!

ชาวเน็ตกลุ่มหนึ่งได้ต่อว่าคนเทผักทิ้งว่า “มันเรื่องที่น่าละอาย พวกเขาไม่ควรทิ้งอาหารแบบนั้น ถ้าเธอไม่ต้องการมัน” ชาวเน็ตคนหนึ่งคอมเมนต์

“กิจกรรมของ Prada ได้ทำลายวิถีชีวิตติดดินของตลาดสด ฉันไม่ชอบเลย” ชาวเน็ตอีกคนวิจารณ์

ช่วงหลายปีมานี้ เหล่าแบรนด์หรูระดับโลกได้พุ่งเป้ามาเจาะตลาดในเอเชีย ซึ่งสร้างรายได้มหาศาลให้แบรนด์เหล่านั้น เอเชียแปซิฟิกเป็นตลาดหลักของ Prada Group ข้อมูลบริษัทปราด้า ระบุว่ายอดขายในครึ่งปีแรกของปี 2021 พุ่งกระฉูดถึง 77% เทียบกับรายได้ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

Source

]]>
1359388
ตลาด “ลักชัวรี” จีนฟื้นเร็ว คนรวยแห่ซื้อเเบรนด์เนม ยอดขาย Prada กลับมาโตกว่าปีก่อน COVID-19 https://positioningmag.com/1296739 Sun, 13 Sep 2020 12:01:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1296739 เเม้ว่ากลุ่มสินค้าเเบรนด์หรู จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้ยอดขายลดฮวบ โดยคาดว่าทั้งตลาดจะหดตัวกว่า 35% ในปีนี้ เเต่กลุ่มคนมีเงินในตลาดจีนนั้นกลับออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สะท้อนให้เห็นจากยอดขายสินค้าหรูที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในเเดนมังกร

Patrizio Bertelli ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Prada เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เเม้จะต้องเผชิญวิกฤตโรคระบาดอย่างหนักในจีน เเต่ยอดขายของ Prada เพิ่มสูงขึ้นในระดับที่ดีกว่าปีที่แล้ว

ความต้องการสินค้าแบรนด์หรูของผู้บริโภคในจีน กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังเคยลดลงอย่างหนักในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา ตั้งเเต่ช่วงปลายปี 2019 จนเเบรนด์หรูต่างๆ ต้องปิดทำการสาขาชั่วคราว ขณะที่โรงงานที่รับผลิตสินค้าก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน

ยอดขายในจีนเริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด มาตั้งแต่ปลายเดือนมี.. และเติบโตด้วยอัตราสูงกว่า 60% ในเดือนต่อๆ มา โดยยอดขายในวันวาเลนไทน์ของจีนซึ่งตรงกับวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ทำสถิติสูงที่สุดตั้งแต่ทำตลาดในจีน และเชื่อว่ากระแสดีมานด์นี้จะต่อเนื่องไปจนสิ้นปี

ตามผลสำรวจของบริษัทวิจัย Bain ระบุว่า ในปี 2019 ชาวจีนซื้อสินค้าหรูถึง 37% ของยอดขายทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เป็นการซื้อขณะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เเละเมื่อปีนี้ไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ จึงทำให้ชาวจีนหันมาช้อปปิ้งเเบรนด์หรูกันมากขึ้น ทำให้ดีมานด์สินค้าหรูในจีนยังคงสูงต่อเนื่อง 

ยอดขายของ Prada ในช่วงครึ่งปีนี้ ส่วนใหญ่มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถึง 44% สะท้อนการบริโภคของคนรวยชาวเอเชีย เเต่เมื่อดูยอดขายของ Prada ทั่วโลกเเล้วจะพบว่าลดลงถึง 40% เพราะเศรษฐกิจในหลายประเทศยังคงไม่ฟื้นตัวจาก COVID-19 ดังนั้นตลาดลักชัวรีก็ยังคงต้องสู้กันต่อไปอีกยาว

ท่ามกลางยอดขายทั้งตลาดที่มีเเนวโน้มจะลดฮวบในปีนี้ หลายแบรนด์ดำเนินการแก้เกม เช่น ขึ้นราคาสินค้า ออกสินค้าไลน์ใหม่ ใช้สินค้า Collab ที่มีจำนวนจำกัด ดึงลูกค้ากลุ่มแฟนพันธุ์แท้ให้ซื้อต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะต้องลุ้นเทรนด์ ‘Revenge Spending’ ของผู้บริโภคที่จะกลับมาช้อปกระหน่ำด้วยความอัดอั้น และลุ้นให้มีการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น เพื่อให้ยอดซื้อจากคนเดินทางกลับมาอีกครั้ง

อ่านต่อ : พิษไวรัสเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคลักชัวรีจนยอดขายร่วง แบรนด์เร่งหากลยุทธ์แก้เกม

 

ที่มา : Reuters , CNBC

 

]]>
1296739
เทรนด์ Streetwear บูมไม่หยุด Louis Vuitton เดินเกมเปิด Flagship Store สำหรับ “ผู้ชาย” สาขาเเรก https://positioningmag.com/1285024 Thu, 25 Jun 2020 01:03:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285024 ตลาดเครื่องแต่งกายผู้ชายเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บรรดาเเบรนด์หรูชั้นนำพยายามงัดกลยุทธ์เจาะตลาดกลุ่มนักช้อปผู้ชายกันมากขึ้น

จากรายงานของ Mordor Intelligence ระบุว่า ตลาดเครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชาย มีแนวโน้มที่จะเติบโตถึง 5.7% ในระหว่างปี 2020 – 2025 ปัจจัยหลักๆ มาจากความนิยมของแฟชั่นสายสตรีท หรือเสื้อผ้ากลุ่ม Streetwear ที่กำลังมาเเรงในยุคนี้ รวมถึงเทรนด์ชุดกีฬาที่มีการสวมใส่ในชีวิตประจำวันกันมากขึ้น

สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ชายมีทางเลือก ในการเเต่งตัวมากขึ้นและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่มักจะจำกัดเเค่ชุดสูทหรือเสื้อเชิ้ตแบบทั่วไป

ด้วยการเติบโตของเสื้อผ้าผู้ชาย ที่คาดว่าจะตามทันเสื้อผ้าผู้หญิงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แบรนด์เเฟชั่นไฮเอนด์รายใหญ่ อย่าง Prada, Gucci และ Dior ปรับรับเทรนด์ใหม่นี้ด้วยการเริ่มเปิดสาขาที่เน้นขายเครื่องเเต่งกายผู้ชายมากขึ้น

ล่าสุดเเบรนด์หรูอย่าง Louis Vuitton เตรียมเปิด Flagship Store จำหน่ายเฉพาะสินค้าสำหรับ “ผู้ชาย” เป็นครั้งเเรก นำร่องที่ญี่ปุ่น เเม้ตามสาขาทั่วไปของเเบรนด์จะมีสินค้าผู้ชายวางขายอยู่เเล้วก็ตาม เเต่ครั้งนี้จะเป็นการเปิดสาขาที่ขายสินค้าของผู้ชายโดยเฉพาะ

สาขาดังกล่าวจะตั้งอยู่ในย่านเเฟชั่นสำคัญอย่าง มิยาชิตะปาร์คในชิบูย่า ของกรุงโตเกียว มีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ โดยสินค้าภายในร้านจะมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่น อุปกรณ์กีฬา เครื่องประดับ น้ำหอม รวมถึงคอลเลกชั่นพิเศษต่างๆ

Photo: Louis Vuitton

ท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 ผู้ที่จะเข้าไปเยี่ยมชม Flagship Store สาขานี้จะต้องปฏิบัติตามมาตรการ Social Distancing โดยจะต้องลงทะเบียนจองล่วงหน้า ผ่านทางเว็บไซต์ของ Louis Vuitton ก่อน เพื่อจำกัดจำนวนลูกค้า ให้มีความปลอดภัยในการใช้บริการ

Louis Vuitton หันมาให้ความสำคัญกับตลาดเสื้อผ้าผู้ชายอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยมีการทุ่มลงทุนครั้งใหญ่ด้วยการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้าน Streetwear อย่าง Virgil Abloh มานั่งตำเเหน่งครีเอทีฟไดเรกเตอร์ นำทัพสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายสำหรับผู้ชาย ซึ่งเขาประสบความสำเร็จอย่างมากในญี่ปุ่น นำมาสู่การเปิด Flagship Store ในย่านชิบูย่าครั้งนี้

นอกจาก Virgil Abloh ที่กำลังเป็นดีไซเนอร์ดาวรุ่งของวงการเสื้อผ้าผู้ชายเเล้ว ยังมีดีไซเนอร์ที่น่าจับตามองอย่าง Kim Jones ของ Dior Men เเละ Hedi Slimane ของ Celine และล่าสุด Givenchy ก็เพิ่งแต่งตั้ง Matthew Williams ดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งเเบรนด์สตรีทชื่อดัง Alyx เจ้าของคอลเลกชั่น 1017 ALYX 9SM ขึ้นมาเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์คนล่าสุด

ความเคลื่อนไหวของเเบรนด์หรูเหล่านี้ สะท้อนให้เห็นทิศทางของเเฟชั่นผู้ชายที่กำลังถูกขับเคลื่อนเเละจะเปลี่ยนเเปลงครั้งสำคัญในเร็วๆ นี้ 

 

ที่มา : CNA , WWD , fashionnetwork

]]>
1285024
ประท้วงฮ่องกงพ่นพิษ แบรนด์หรูกระทบหนัก Hermes ปิด 5 สาขา https://positioningmag.com/1248460 Thu, 03 Oct 2019 10:25:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1248460 4 เดือนของเหตุการณ์ประท้วงที่ฮ่องกงส่งผลให้แบรนด์หรูระดับโลกเจ็บช้ำไปตามกัน ทั้ง Prada, Cartier รวมถึง Tiffany ที่นับฮ่องกงเป็นตลาดใหญ่อันดับ 4 ของแบรนด์ ต่างมีแผลจากความไม่สงบที่ทำให้นักท่องเที่ยวหดหาย เกือบทุกแบรนด์จำใจปิดร้านค้าลงชั่วคราว กลายเป็นความเสียหายที่เริ่มชัดเจนผ่าน 4 สถิตินี้

1. ยอดเครื่องเพชรนาฬิกาหรูวูบ 47.4%

ฮ่องกงเป็นพื้นที่ติดอันดับ 1 ใน 5 จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของนักช้อปที่ชื่นชอบสินค้าหรูหรา เพราะแบรนด์ใหญ่เลือกฮ่องกงเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการตั้งร้านค้าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ สถิติจาก Bernstein ระบุว่าฮ่องกงครองสัดส่วน 5-10% ของยอดขายสินค้าฟุ่มเฟือยทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณปีละ 285,000 ล้านเหรียญ

แต่ข้อมูลวันที่ 2 ตุลาคมแสดงว่า ยอดค้าปลีกในฮ่องกงประจำเดือนสิงหาคม 62 ลดลง 23% จากปี 61 ซึ่งเป็นสถิติการหดตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่มูลค่ายอดขายสินค้ากลุ่มอัญมณี นาฬิกา และสินค้ามีค่ารายการอื่นทำสถิติลดลง 47.4%

2. นักท่องเที่ยวหด 39%

Annie Yau Tse ประธานสมาคมการค้าปลีกฮ่องกง Hong Kong Retail Management Association ยอมรับว่ายังไม่เห็นแสงสว่างของวิกฤติพิษประท้วงฮ่องกง บนสถิติล่าสุดที่สรุปแล้วว่าจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนฮ่องกงลดลง 39% โดยจำนวนนักท่องเที่ยวแผ่นดินใหญ่ลดฮวบ 42.3%

3. แบรนด์ส่วนใหญ่ยอดตก 30-60%

ไม่ว่าจะ Hermes หรือ Tiffany รวมถึงหลายแบรนด์ที่ต้องปิดร้านในฮ่องกงชั่วคราวตั้งแต่เกิดการประท้วงในเดือนมิถุนายน ต่างเลี่ยงที่จะเปิดเผยผลกระทบต่อผลประกอบการในไตรมาส 2 แต่การสำรวจของบริษัท RBC คาดว่าแบรนด์ส่วนใหญ่จะประสบภาวะยอดขายลดลงระหว่าง 30-60% ซึ่งจะปรากฏเป็นตัวเลขในรายงานไตรมาส 3

บริษัทวิจัย Bain & Co มองว่าภาวะนี้จะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจสินค้าหรูหราหรือ luxury sector ระดับโลกมีการเติบโตระดับต่ำในปีนี้ คิดเป็นการเติบโต 4-6% เท่านั้น

แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกามีแนวโน้มที่จะเป็นกลุ่มเจ็บหนัก เพราะฮ่องกงเป็นศูนย์กลางการค้านาฬิการะดับไฮเอนด์ เห็นได้ชัดจากที่กลุ่ม Swatch Group สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์และกลุ่ม Richemont เจ้าของแบรนด์ Cartier ทำเงินจากตลาดฮ่องกงมากกว่า 11-12% จากยอดขายทั่วโลก

4. Hermes แบรนด์เดียวปิด 5 สาขา

ห้างสรรพสินค้าหลักมากกว่า 30 แห่งตัดสินใจปิดบริการชั่วคราวในวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยไม่เพียงห้างสรรพสินค้า แต่แบรนด์หรูยังจำเป็นต้องปิดสาขาในสนามบินด้วย หนึ่งในนั้นคือ Hermes ผู้ผลิตกระเป๋าหนังสุดหรู Birkin ใบละ 6 แสนถึงเฉียด 3 ล้านที่เผยเมื่อกันยายนที่ผ่านมาว่าถูกกดดันให้ปิดร้านชั่วคราวทั้งหมด 5 สาขาในเกาะฮ่องกง

น่าเสียดายที่แบรนด์อื่นไม่เปิดเผยจำนวนร้านสาขาที่ปิดทำการชั่วคราว แต่สิ่งที่ชัดเจนคือทุกแบรนด์สูญเสียการขายอย่างชัดเจน เพราะการปิดห้าง 1 .. เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดประจำปีซึ่งเรียกกันว่า Golden Week ที่ปกติจะเป็นช่วงเวลาที่คึกคักสุดขีดสำหรับผู้ค้าปลีกในฮ่องกง

นอกจากการปิดร้าน งานอีเวนท์ของแบรนด์ก็ต้องระงับด้วย หนึ่งในนั้นคือ Chanel ที่วางแผนจัดแสดงแฟชั่นโชว์วันที่ 6 พฤศจิกายนเพื่อนำเสนอคอลเลคชั่น “Cruise” ก็ตัดสินใจเลื่อนโดยหยอดคำหวานว่างานแสดงแฟชันจะเกิดขึ้นในอนาคต ในช่วงเวลาที่เหมาะสมกว่านี้

การสำรวจตลาดพบด้วยว่าแบรนด์กำลังหาทางเข้าถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่านแหล่งช้อปปิ้งอื่นแทนฮ่องกง นอกจากบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างญี่ปุ่น นักวิเคราะห์มองว่าเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ เป็นพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการถดถอยในตลาดฮ่องกง.

Source 

]]>
1248460
เทรนด์แรงนางแบบรุ่นยายกำลังมา “Maye Musk” แม่ผู้ก่อตั้งเทสล่า วัย 69 ฟุ้งงานชุกยิ่งกว่าสมัยสาวๆ https://positioningmag.com/1155064 Tue, 30 Jan 2018 23:14:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1155064 ภาพจาก : bbc.com/news/world-us-canada-42838293

“Maye Musk” คุณแม่ของมหาเศรษฐีชื่อก้องโลก “Elon Musk” พลิกโฉมวงการแฟชั่นด้วยวัย 69 ปี คุยฟุ้งงานเดินแบบถ่ายแฟชั่นตลอดปี 2017 ที่ผ่านมาชุกมากยิ่งกว่าสมัยที่ตัวเองรับงานตั้งแต่ 50 ปีที่แล้ว คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเพราะแบรนด์อย่าง Prada ก็เริ่มดึงคุณยายยังสวยอายุมากกว่านี้มาถ่ายแบบลงนิตยสาร Hunger Magazine เช่นกัน

วันนี้ความสาวไม่ได้มีอิทธิพลเหนือทุกสิ่งเสมอไป อย่างน้อยก็ในกรณีของ Maye Musk ซึ่งมีการวิเคราะห์ว่าความสำเร็จของเธอไม่ได้เป็นเทรนด์ธรรมดา เพราะแฟชั่นโชว์ฤดูกาลล่าสุด “Spring 2018” ในนิวยอร์ก ปารีส มิลาน และลอนดอน นั้นมีการเสนอตัวนางแบบอาวุโสมากเป็นประวัติการณ์ สถิตินางแบบที่เกิดในยุคปี 1950 และ 1960 บนแคตวอล์กคือ 27 คน ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยจากงานประชุม Fashion Spot

สิ่งที่เกิดขึ้นแปลว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นวันนี้กำลังก้าวข้ามค่านิยมรูปแบบความงามทั่วไป มาเป็นความงามที่สะท้อนออกมาในช่วงอายุที่มากขึ้น เรื่องนี้ Maye Musk ไม่ปฏิเสธ โดยบอกว่าเธอไม่เคยทำงานมากเท่านี้มาก่อน (ในปีที่ผ่านมา) เมื่อเทียบกับงานที่เธอทำมาตลอดชีวิตนางแบบกว่า 50 ปี

ดีกรีของ Maye Musk วัย 69 ปีนั้นไม่ธรรมดา เธอเป็นมารดาของ Elon Musk มหาเศรษฐีผู้ประกอบการและผู้ก่อตั้ง Tesla เธอใช้สัญชาติแคนาดาเริ่มต้นอาชีพนางแบบในแอฟริกาใต้ตอนอายุ 15 ปี มีอาชีพเป็นนักโภชนาการที่คว้าปริญญาโท 2 ใบ

ภาพจาก : bbc.com/news/world-us-canada-42838293

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอปัดฝุ่นตัวเองในฐานะนางแบบ โดย Musk ได้เซ็นสัญญากับ IMG Models ซึ่งเป็นตัวแทนของซูเปอร์โมเดลเช่น Gisele Bündchen และ Gigi Hadid

ผลคือคุณย่า Maye Musk ได้ปรากฏตัวบนหน้าปกของนิตยสาร New York Magazine, Elle Canada และ VOGUE Korea ที่สำคัญคือ เธอเป็นแอมบาสเดอร์ที่มีอายุมากที่สุดของบริษัทเครื่องสำอางอเมริกันชื่อ CoverGirl

คุณย่า Maye Musk เชื่อว่าการไม่ได้ย้อมผม และปล่อยให้ผมขาวตามธรรมชาติ มีส่วนช่วยให้เธอดูน่าสนใจ แต่การเป็นนางแบบดังก็ทำให้เธอรู้สึกท้าทายบางอย่าง เช่น เธอต้องวางแผนการรับประทานอาหารและของว่างทุกวัน เธอต้องควบคุมน้ำหนักมากกว่า 2 สัปดาห์เมื่อรับงาน เนื่องจากรูปร่างที่ไม่ผอมบางเหมือนนางแบบทั่วไป

สิ่งที่เราเห็นชัดเจนจากกรณีของ Maye Musk คือความคิดริเริ่มของแบรนด์แฟชั่น ที่มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางเชื้อชาติ อายุ ขนาด และความแตกต่างของร่างกายในสินค้าแฟชั่น จุดนี้ Debra Bourne ผู้อำนวยการโครงการ All Walks Beyond the Catwalk ให้ความเห็นว่าการเติบโตของโลกโซเชียลมีเดีย ทำให้เราได้เห็นเรื่องราวความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เมื่อมีการนำนางแบบนายแบบสูงอายุมาเป็นดาวเด่นในแคตวอล์ก

วันนี้ คุณย่า Musk ที่มักโพสต์ภาพเก๋ไก๋บน Instagram นั้นคว้าใจผู้ติดตามมากกว่า 90,000 คน จำนวนผู้ติดตามไม่ธรรมดาทำให้มีการคาดการณ์ว่า นักออกแบบหลายคนจะเน้นออกแบบสินค้าสำหรับผู้สูงอายุที่มีผมสีเงินมากขึ้นในช่วงหลายปีนับจากนี้

ในภาพรวม คุณย่ายังสวยยอมรับว่าวงการนางแบบจะมีการแข่งขันน้อยลงเมื่อนางแบบอายุมากขึ้น เช่นเดียวกับงานที่ลดลง แต่ถ้านางแบบรายนั้นยังคงทำงาน และโพสต์ผลงานต่อเนื่อง ก็จะสามารถดึงให้มีผู้ติดตามได้ตลอดเวลา 

สำหรับใครที่ต้องการเดินบนแคตวอล์ก คุณย่า Musk แนะนำว่าสามารถไปโชว์รูปถ่ายบนโลกโซเชียล และไม่ต้องไปเสียเวลาแคสติ้งหรือทดสอบหน้ากล้องแบบเดิมอีกด้วย

ด้าน Rebecca Valentine ผู้ก่อตั้งบริษัท Gray Model เอเจนซี่ในลอนดอนที่เน้นจัดหานางแบบนายแบบรุ่นใหญ่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้น ไปให้ความเห็นว่า ผู้สูงอายุคือตัวแทนใหม่จากที่โลกแฟชั่น ไม่ต่างจากกลุ่มร็อกเกอร์ แร็ปเปอร์ หรือกลุ่มรักร่วมเพศที่มีความต้องการสินค้าแฟชั่นเฉพาะทาง โดยบริษัทของเธอสามารถจัดหานางแบบเพื่อตอบโจทย์ London Fashion Week และนิตยสาร Hunger magazine และดึง Sara Stockbridge นางแบบวัย 52 ปีที่เคยแนบแน่นกับแบรนด์ Vivienne Westwood มาร่วมสังกัด สถิตินางแบบอายุมากที่สุดในบริษัทคือ 82 ปี ชื่อ Frances Dunscombe

ภาพจาก : bbc.com/news/world-us-canada-42838293

นี่ถือเป็นการพลิกประวัติศาสตร์วงการแฟชั่น เพราะที่ผ่านมา เรามักเห็นสตรีที่มีอายุมากกว่า 40 ปีในโฆษณาครีมต่อต้านริ้วรอย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการจองตัวให้โชว์สินค้าแฟชันสำหรับงานแฟชั่นยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ Maye Musk ยอมรับว่าเป็นเรื่องน่าทึ่งมากที่ได้เห็นว่าแบรนด์นิตยสารและนักออกแบบมุ่งเน้นโชว์ความจริงจากผู้หญิงสูงอายุ โดยเชื่อว่าคนหนุ่มสาวชอบที่จะเห็นเธอในงานถ่ายแบบ ทำให้ทุกคนมองเห็นความหวังในอนาคต

ป้าย hashtag ของ Maye Musk คือ #justgettingstarted ใครอยากไปติดตามขอเชิญเลยจ้ะ.

ที่มา : bbc.com/news/world-us-canada-42838293

]]>
1155064