Tourism – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 30 Apr 2024 07:12:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ผลสำรวจเผยชาวจีนอยากท่องเที่ยวต่างประเทศแต่ยังไม่ได้จองตั๋วในปีนี้มากถึง 40% มองประเทศไทยทำแคมเปญการตลาดได้ดี https://positioningmag.com/1471162 Thu, 25 Apr 2024 10:55:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471162 Dragon Trail Research ได้เปิดเผยผลสำรวจชาวจีนเกี่ยวกับมุมมองการท่องเที่ยวในเดือนเมษายนว่า ชาวจีนมากถึง 40% มีแผนที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ยังไม่มีการจองตั๋วแต่อย่างใด ขณะที่ผู้จองตั๋วและมีการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศมีเพียงแค่ 5% เท่านั้น ขณะเดียวกันก็มองว่าประเทศไทยนั้นทำการตลาดแคมเปญได้ประทับใจ

Dragon Trail Research สำรวจชาวจีนมากถึง 1,015 ราย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งเมืองใหญ่และเมืองรองทั่วประเทศ และสอบถามโดยตั้งคำถามว่ามีแผนที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2024 นี้หรือไม่ พบว่า 40% มีแผนที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ยังไม่มีการจองตั๋วแต่อย่างใด รองลงมาคือไม่แน่ใจว่าปีนี้จะได้ท่องเที่ยวต่างประเทศหรือไม่ 27% ขณะที่ 18% ได้มีการจองตั๋วทริปต่างประเทศแล้ว 10% นั้นไม่มีแผนออกนอกประเทศจีน ที่เหลืออีก 5% ได้เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว

ในเรื่องของความปลอดภัยในแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทย ชาวจีนที่ได้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ 39% ไม่แน่ใจในเรื่องความปลอดภัยของประเทศไทย 34% มองว่าไม่ปลอดภัย ที่เหลืออีก 24% เชื่อมั่นว่าปลอดภัย

ประเทศไทยในมุมมองของชาวจีนที่ตอบแบบสอบถามของบริษัทที่ปรึกษาดังกล่าวถือว่าปลอดภัยต่ำกว่าหลายประเทศ เช่น อียิปต์ เม็กซิโก ด้วยซ้ำ แม้ว่าผลสำรวจในเดือนเมษานี้แสดงให้เห็นว่าชาวจีนเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในความปลอดภัยของประเทศไทยก็ตาม

ขณะที่แผนการเดินทางนอกเหนือจากทวีปเอเชียของชาวจีนที่ตอบแบบสอบถามดังกล่าวนั้นลดลงเหลือ 60% จากเดิมมากถึง 75% ในปี 2023 ที่ผ่านมา โดยทวีปยุโรปยังเป็นเป้าหมายหลักของชาวจีน

ข้อมูลจาก Dragon Trail Research

สิ่งที่ดึงดูดให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศนั้น ในแบบสอบถามมีคำตอบ เช่น วิวทิวทัศน์ที่หลากหลาย วัฒนธรรมที่แตกต่าง ผู้คนของแต่ละท้องถิ่น และอาหารแปลกใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับชาวจีนนั้นกว้างไกลมากขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการใช้จ่ายประเทศนั้น ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 10,000 ถึง 30,000 หยวนต่อทริป ชาวจีนส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสอบถาม 73% มองถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารการกินในต่างแดนเป็นหลัก รองลงมาคือสินค้าของประเทศนั้นๆ ขณะที่สินค้าประเภทเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้า เครื่องประดับ เป็นสัดส่วนรองลงมา

แพลตฟอร์มที่ชาวจีนไว้หาข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวส่วนใหญ่คือ Xiaohongshu โดย Dragon Trail Research แนะนำให้แบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทำแคมเปญการตลาดผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นหลักในปี 2024 นี้

นอกจากนี้ในผลสำรวจของ Dragon Trail Research ยังชี้ว่าการทำการตลาดของประเทศไทย ที่เกี่ยวกับด้านท่องเที่ยวนั้นสามารถสร้างความประทับใจให้กับชาวจีนได้ โดยประเทศมีอันดับรองลงมาคือ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มัลดีฟ เป็นต้น

]]>
1471162
ข้อมูลเผย จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาเยือนอาเซียนช่วงตรุษจีน เกินระดับก่อนการแพร่ระบาดโควิดแล้ว https://positioningmag.com/1463485 Wed, 21 Feb 2024 07:21:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463485 ข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวเผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนท่องเที่ยวในอาเซียนช่วงตรุษจีน เกินช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิดแล้ว ขณะที่ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของชาวจีนก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกันแต่ยังไม่พ้นระดับสูงสุดในปี 2019

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ได้เข้ามาท่องเที่ยวรวมกันในทวีปเอเชียในช่วงวันตรุษจีนเกินจำนวนช่วงก่อนการแพร่ระบาดโควิดไปแล้ว และยังรวมถึงปริมาณการใช้จ่าย โดยเฉพาะจุดหมายปลายทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือแม้แต่ไทย

ข้อมูลจาก Trip.com ได้เผยว่า ปริมาณชาวจีนที่ได้จองทริปการเดินทางมายัง สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมถึงไทย ในช่วงวันที่ 10-17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด ในขณะที่ประเทศอื่นๆ อย่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ทางด้านข้อมูลการเช่ารถของนักท่องเที่ยวชาวจีนจาก Trip.com ในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น 53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019

การจองห้องพักจากแพลตฟอร์มท่องเที่ยว LY.com ในช่วงวันที่ 10-13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในไทยนั้นมีปริมาณการจองเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะที่สิงคโปร์นั้นเพิ่มขึ้น 9 เท่า

ขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายของชาวจีนอ้างอิงข้อมูลจาก Alipay นั้น ในไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมกันเพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด และมากถึง 7 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2023 ที่ผ่านมา แต่ถ้าหากเทียบการใช้จ่ายรวมทั้งหมด ยังคิดเป็น 82% เมื่อเทียบกับช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน ได้เปิดเผยการเดินทางระหว่างประเทศ จีนมีการเดินทางเข้าและออกประมาณ 13.52 ล้านเที่ยว ซึ่งอยู่ระดับ 90% เมื่อเทียบกับปี 2019 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด

ปัจจัยสำคัญนั้นมาจากการเปิดฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ที่มีฟรีวีซ่าก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว

ข่าวดีดังกล่าวถือเป็นมาในท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจแดนมังกรอาจพบกับปัญหาเงินฝืด 

]]>
1463485
ปริมาณชาวจีนท่องเที่ยวภายในประเทศช่วง Golden Week กลับมาเติบโตกว่าปี 2019 เล็กน้อยแล้ว https://positioningmag.com/1447261 Mon, 09 Oct 2023 07:11:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447261 ปริมาณชาวจีนท่องเที่ยวภายในประเทศช่วง Golden Week กลับมาเติบโตก่อนช่วงเวลาแพร่ระบาดของโควิดเล็กน้อยแล้ว หลังจากที่จีนต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจพักใหญ่ อย่างไรก็ดีหลายตัวเลขนั้นยังน่ากังวลไม่น้อยเนื่องจากต่ำกว่าเป้าที่รัฐบาลจีนได้วางไว้ด้วยซ้ำ

กระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของจีนได้เปิดเผย จำนวนการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวจีนในช่วง Golden Week อยู่ที่ 826 ล้านเที่ยว เติบโต 4.1% ทำให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยว 753,430 ล้านหยวน หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 3.83 ล้านล้านบาท

โดยรายได้จำนวนดังกล่าวถือว่าเติบโตจากปี 2019 แล้ว 1.5% ถือเป็นการกลับมาเติบโตครั้งแรก หลังการแพร่ระบาดของโควิด

การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจีนนั้นดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจีนได้ประกาศมาตรการผ่อนคลายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงเดือนธันวาคมของปี 2022 ที่ผ่านมา หลังใช้ยาแรงด้วยมาตรการโควิดเป็นศูนย์มาเป็นระยะเวลายาว และมาตรการดังกล่าวกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงเศรษฐกิจจีนเองด้วย

ช่วง Golden Week นั้นเป็นช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ตามประเพณีของจีน รวมถึงยังเป็นวันหยุดประจำชาติในวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ในปีนี้รัฐบาลจีนได้ประกาศวันหยุดตั้งแต่วันศุกร์ที่ 29 กันยายน จนถึงวันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม ซึ่งระยะเวลาที่ยาวมากขึ้นถึง 8 วันทำให้ชาวจีนได้เดินทางท่องเที่ยว มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย

ปกติแล้วช่วง Golden Week ของชาวจีนจะมีระยะเวลาเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น

อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวที่ถือว่าต่ำกว่าที่รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมของจีนได้กล่าวกับ CCTV สื่อในประเทศจีนว่าตัวเลขการเดินทางของชาวจีนน่าจะอยู่ที่ราวๆ 896 ล้านครั้ง และรายได้จากการท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ราวๆ 782,500 ล้านหยวน

จากบทวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ที่ออกเมื่อเช้าวันจันทร์ (9 ตุลาคม) ยังได้ชี้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางภายในประเทศจีนนั้นมีจำนวนน้อยกว่าช่วงเดือนพฤษภาคม โดยมองว่าความต้องการในการท่องเที่ยวลดลง แต่ในช่วง Golden Week ของจีนแสดงให้เห็นว่าปริมาณการใช้จ่ายของชาวจีนพุ่งสูงสุดตั้งแต่มีการระบาดของโควิด ซึ่งแสดงให้เห็นการฟื้นตัวของภาคบริโภคของจีน

นอกจากนี้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติของจีน ได้รายงานตัวเลขบันทึกการเดินทางเข้าและออกจากจีนแผ่นดินใหญ่ประมาณ 11.8 ล้านครั้งในช่วงวันหยุด เฉลี่ยคิดเป็นเกือบ 1.5 ล้านเที่ยวต่อวัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวถือว่าเป็น 85.1% ของระดับในปี 2019 ก่อนมีการแพร่ระบาดของโควิด

ตัวเลขดังกล่าวยังถือว่าต่ำกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ซึ่งรายงานโดยสื่อของรัฐบาลจีน ที่คาดการณ์ว่าจะมีการเดินทางข้ามพรมแดนเกือบ 1.6 ล้านครั้งต่อวัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนี้ยังแสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวชาวจีนที่ออกนอกประเทศยังถือว่าฟื้นตัวได้ช้าและต้องใช้เวลาฟื้นตัว

]]>
1447261
ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ปรับแพ็กเกจใหม่เหลือ 4 แบบ เริ่มต้น 9 แสนบาท เจาะชาวต่างชาติกลุ่มรายได้สูงอยู่ไทยยาว https://positioningmag.com/1442901 Wed, 30 Aug 2023 15:35:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442901 Thailand Privilege Card ประกาศรีแบรนด์ใหม่ นอกจากนี้ยังปรับแพ็กเกจใหม่เหลือ 4 แบบ เริ่มต้น 9 แสนบาท และเพิ่มสิทธิประโยชน์ของบัตรมากขึ้น รวมถึงด้านการลงทุน ซึ่งบัตรดังกล่าวเจาะชาวต่างชาติกลุ่มรายได้สูงอยู่ในประเทศไทยระยะยาว 

มนาเทศ อันนวัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (Thailand Privilege Card) ได้กล่าวว่าบริษัทซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ภายใต้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ปรับโฉมองค์กรใหม่ภายใต้วิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำระดับโลกที่ให้บริการด้านสิทธิพิเศษแก่บุคคลสำคัญเพื่อการพำนักระยะยาวในประเทศไทย

บัตร 4 ประเภทใหม่ของ Thailand Privilege Card มีราคาเริ่มต้นที่ 900,000 บาท จนถึง 5,000,000 บาท ซึ่งมนาเทศกล่าวว่าต้องการลดความซับซ้อนลง ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าใจสิทธิประโยชน์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หลังจากที่บริษัทได้ทำสำรวจกับลูกค้า

สิทธิประโยชน์ของ ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด รูปแบบใหม่ ได้แก่

  • บัตร Reserve อัตราค่าธรรมเนียม 5,000,000 บาท อายุการเป็นสมาชิก 20 ปีขึ้นไป โดยสามารถเข้าออกประเทศไทยในระยะยาว สามารถต่ออายุได้ครั้งละ 5 ปี และรับคะแนนสะสมปีละ 120 คะแนน เพื่อนำไปใช้แลกคะแนน โดยบัตรดังกล่าวผู้สมัครต้องได้รับการเชิญเท่านั้น และจำกัดจำนวนสมาชิกปีละไม่เกิน 100 ท่าน
  • บัตร Diamond อัตราค่าธรรมเนียม 2,500,000 บาท อายุการเป็นสมาชิก 15 ปี มอบสิทธิพิเศษตลอดระยะเวลาการพำนักในประเทศไทย พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 55 คะแนน
  • บัตร Platinum อัตราค่าธรรมเนียม 1,500,00 บาท อายุการเป็นสมาชิก 10 ปี พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 35 คะแนน เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม
  • บัตร Gold อัตราค่าธรรมเนียม 900,000 บาท อายุการเป็นสมาชิก 5 ปี เหมาะสำหรับการเข้าออกประเทศไทยระยะสั้น พร้อมรับคะแนนสะสมปีละ 20 คะแนน

นอกจากนี้ ในวาระครบรอบการดำเนินงาน 20 ปีของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จึงได้มีการรีแบรนด์จาก Thailand Elite Card เป็น Thailand Privilege Card และอีกด้วย

มนาเทศ อันนวัฒน์ – ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ภาพจากบริษัท)

ขณะเดียวกัน Thailand Privilege Card ยังได้เพิ่มสิทธิประโยชน์ในหลายด้าน ซึ่งคะแนนสะสมในแต่ละบัตรสามารถนำมาแลกในด้านต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น

  • Stay สิทธิพิเศษการเข้าพักในโรงแรมแบรนด์ดัง พร้อมสิทธิประโยชน์อื่นๆ รวมถึงสิทธิในการอัพเกรดห้องพัก
  • Travel สิทธิพิเศษด้านเดินทางท่องเที่ยวจากสายการบินชั้นนำ พร้อมบริการผู้ช่วยส่วนตัวและพนักงานต้อนรับ ณ สนามบิน สิทธิพิเศษรถรับ-ส่งสนามบิน และบริการห้องรับรองพิเศษสนามบิน สิทธิพิเศษบริการคนขับรถส่วนตัว, เรือยอร์ชส่วนตัว รถเช่าส่วนตัว หรือแม้แต่ Private Jet
  • Leisure สิทธิประโยชน์จากพันธมิตรทั้งจาก ร้านอาหาร เอนเตอร์เทนเมนต์ ช้อปปิ้ง กีฬา อาทิ ส่วนลดร้านค้า การใช้ VIP Lounge ต่างๆ บริการ Personal Shopping การใช้งาน Co-working Space เป็นต้น
  • Well-Being สิทธิพิเศษด้านสุขภาพ อาทิ บริการตรวจสุขภาพในโรงพยาบาลชั้นนำ บริการ สปา บริการฟิตเนส Wellness Center ชั้นนำ เป็นต้น
  • Wealth สิทธิพิเศษด้านการลงทุน บริการที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุน การอบรมสัมนาด้านการลงทุน แพ็กเกจพิเศษสำหรับประกันสุขภาพและประกันชีวิต เป็นต้น

ซึ่งผู้ถือบัตรใหม่สามารถเลือกสิทธิประโยชน์ได้ตามความสมัครใจ ส่วนสมาชิกเดิมจะดึงเข้ากลุ่มเข้าสมาชิกใหม่ โดยปรับตามเกณฑ์ของประเภทบัตรนั้นๆ แต่ยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์แบบเดิมหรือจะเลือกสิทธิประโยชน์ใหม่ก็ได้ตามความสมัครใจ

สำหรับการปรับราคาใหม่ครั้งนี้ของ Thailand Privilege Card ราคาเริ่มต้นได้เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับราคาเริ่มต้นของ Elite Easy Access ซึ่งเป็นบัตรเก่าที่ 600,000 บาท ซึ่งบริษัทเลิกจำหน่ายบัตรสมาชิกเดิม 8 ประเภทในวันที่ 15 กันยายนนี้

ลูกค้าชาวต่างประเทศที่ Thailand Privilege Card เน้นเจาะกลุ่มได้แก่ กลุ่มนักลงทุนผู้มีความมั่งคั่งสูง กลุ่ม Digital Nomads ที่สามารถทำงานผ่านระบบออนไลน์ได้ทุกที่ กลุ่ม Expats ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่ทำงานในเมืองไทย และกลุ่มชาวต่างชาติที่มาเกษียณอายุในประเทศไทย

ขณะที่ชาวต่างชาติที่ Thailand Privilege Card รูปแบบใหม่ต้องการเจาะตลาดได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร รัสเซีย และเกาหลี กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป รวมถึงตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย และประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง

]]>
1442901
นักท่องเที่ยวจีนมาอาเซียนน้อยกว่าคาด ผลจากเที่ยวบินไม่พอ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน https://positioningmag.com/1437317 Mon, 10 Jul 2023 10:37:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1437317 เศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวประเทศเหล่านี้น้อยกว่าคาด โดยข้อมูลนั้นพบว่ายังต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิดด้วยซ้ำ โดยสาเหตุสำคัญนั้นมีหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเที่ยวบิน ไปจนถึงสภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนที่อ่อนแอกว่าคาด

สำนักข่าว Bloomberg ได้เก็บรวบรวมตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนที่ได้เข้ามาประเทศในอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น สื่อธุรกิจรายนี้พบว่าต่ำกว่าคาด และยังต่ำกว่าช่วงเวลาก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เกิน 50% ด้วยซ้ำ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวนี้ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในละแวกนี้มหาศาล

โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาแต่ละประเทศเมื่อเทียบกับปี 2019 

  • ไทยคิดเป็น 35.9%
  • อินโดนีเซียคิดเป็น 38.8%
  • เวียดนาม 34.3%
  • สิงคโปร์ 25.2%
  • ฟิลิปปินส์ 13.8%

ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนั้นอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจอาเซียนหลังจากนี้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่ทาง RHB สถาบันการเงินในมาเลเซียคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นจะเข้ามาไทยแค่ 26-28 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของทั้งสถาบันการเงิน หรือแม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย

สาเหตุใหญ่ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนไม่มีจำนวนมากอย่างที่คาดก็คือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนนั้นไม่ได้ดีอย่างคาด โดยตัวเลข GDP ไตรมาส 1 ที่ผ่านมาเติบโต 4.5% หลังจากที่ปี 2022 ที่ผ่านมาจีนมีการเติบโตต่ำจากผลของนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวทำให้สถาบันการเงินหลายแห่งได้ปรับลด GDP จีนลงมาจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ย่ำแย่กว่าคาด

นอกจากนี้ข้อมูลจาก Cirium ชี้ว่าปริมาณเที่ยวบินจากจีนมายังอาเซียนหลายประเทศยังต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิดด้วยซ้ำ โดยเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทยคิดเป็น 49.8% ขณะที่เที่ยวบินจากจีนไปยังฟิลิปปินส์นั้นต่ำสุดที่ 38% ทางด้านสิงคโปร์ที่มีเที่ยวบินจากจีนมากสุดในอาเซียนยังคิดเป็นจำนวนแค่ 77.9% เท่านั้น

ปริมาณเที่ยวบินที่ต่ำนั้นเกิดจากไม่ว่าจะเป็นความล่าช้าของบริษัทผลิตเครื่องบินอย่าง Boeing และ Airbus ไปจนถึงสายการบิน เนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด ส่งผลตั้งแต่ในเรื่องของ Supply Chain ในการผลิตเครื่องบินนั้นหยุดชะงัก ไปจนถึงหายนะทางการเงินของสายการบินต่างๆ ทั่วโลกที่ทำให้สายการบินเหล่านี้ต้องเหมือนกลับมาเริ่มต้นธุรกิจใหม่ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ดียังเหลือเวลาในช่วงครึ่งปีหลัง ที่นักท่องเที่ยวจีนอาจกลับมาท่องเที่ยวในอาเซียนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาส 4 ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป

]]>
1437317
บางกอกแอร์เวย์ส เล็งเปิดเส้นทางสมุย-ฮ่องกง ลุยจับลูกค้าต่างชาติ https://positioningmag.com/1424622 Thu, 23 Mar 2023 09:31:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1424622 บางกอกแอร์เวย์ส ประกาศเตรียมเปิดเส้นทางใหม่ สมุย-ฮ่องกง ขณะเดียวกันก็เตรียมหารายได้จากลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่ารายได้จากลูกค้าชาวต่างชาติในปีนี้จะมีสัดส่วนมากถึง 60% รวมถึงขายตั๋วโดยสารผ่านช่องทางออนไลน์อื่นๆ เพิ่มมากขึ้น

พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงประเทศไทยกำลังเปิดการท่องเที่ยวนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีภาพรวมของธุรกิจการบินในเอเชียแปซิฟิกยังเติบโตช้ากว่าทวีปอื่นๆ เนื่องจากแต่ละประเทศมีนโยบายค่อยๆ เปิดประเทศแบบระมัดระวัง แตกต่างกับทวีปอื่น

ขณะที่ในไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส มีการเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมาตรการของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการต่างๆ เช่น Thailand Pass หรือ Test & Go นั้นถูกยกเลิกลงไป ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเยอะขึ้น

เขายังชี้ว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประเทศไทยนั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก ตัวเลขปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากอาเซียนคิดเป็นสัดส่วน 41% รองลงมาคือยุโรปที่ 23% แตกต่างกับปี 2019 ก่อนการแพร่ระบาดโควิดที่นักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกคิดเป็นสัดส่วน 41% นักท่องเที่ยวจากอาเซียนเป็นสัดส่วนรองลงมา 

ปัจจัยดังกล่าวทำให้สายการบินมีตัวเลขอื่นๆ ดีเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นมาอยู่ที่ 2.65 ล้านคน อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Load Factor) ในปีที่ผ่านมาคือ 76% จำนวนเที่ยวบินในปี 2022 อยู่ที่ 29,892 เที่ยวมากกว่าปี 2021 มากถึง 244%

ขณะที่พาร์ตเนอร์สายการบินที่ส่งผู้โดยสารในปี 2022 รายสำคัญๆ ได้แก่ การบินไทย Emirates รวมถึง Qatar Airways 

กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของบางกอกแอร์เวย์สยังกล่าวว่า ทุกสายการบินพยายามเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน แต่บุคลากรคือปัญหาสำคัญ แม้ว่าจะมีการรับสมัครเพิ่มแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังรวมถึงการผลิตอะไหล่เครื่องบิน ที่ผลิตได้ช้า หรือหายาก เนื่องจากทุกสายการบินแย่งกลับมาเปิดให้บริการ การส่งซ่อมเครื่องใช้เวลานาน ทุกสายการบินทั่วโลกเจอปัญหาดังกล่าว

เขายังกล่าวว่าปีนี้อาจเปิดเส้นทางฮ่องกง สมุย มีการปรับปรุงสนามบินตราดให้รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ยังต้องมีการเจรจำเรื่องเช่าเครื่องบินด้วย ซึ่งเขาให้เหตุผลว่าหลังการแพร่ระบาดของโควิดทุกอย่างได้เปลี่ยนไป เนื่องจากบริษัทเช่าต้องการสัญญายาวขึ้น แต่สายการบินต้องการระยะสั้นลง ซึ่งต้องมีการเจรจา

ผู้บริหารของ Bangkok Airways – อนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา (ซ้าย) พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ (กลาง) คมกริช งามวงศ์วิโรจน์ (ขวา)

อนวัช ลีละวัฒน์วัฒนา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสสายงานการเงินและบัญชี กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปี 2022 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 12,742.1 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 889.3 ล้านบาท  ขาดทุนลดลง 64.9% เมื่อเทียบกับปี 2021

รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฯ ยังได้กล่าวถึงในปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้นำทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์สนามบินการบินกรุงเทพ (BAREIT) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 14 กันยายน2565 โดยมีการระดมทุน 14,300 ล้านบาท

คมกริช งามวงศ์วิโรจน์ ผู้อำนวยการแผนกลูกค้ารายใหญ่และผลิตภัณฑ์รายได้เสริม ได้กล่าวว่าสายการบินได้เตรียมที่จะหารายได้เพิ่มขึ้น โดยเน้นลูกค้าชาวต่างประเทศเป็นหลัก หลังจากช่วงครึ่งหลังของปี 2022 ลูกค้าชาวต่างประเทศกลับมาเยอะมาก เขาคาดว่าปีนี้ลูกค้าชางต่างประเทศอาจมีสัดส่วนถึง 60%

นอกจากนี้สายการบินจะเน้นการหารายได้เชิงรุกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบริหารช่องทางจัดจำหน่าย เช่นการจัดจำหน่ายตั๋วผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งในและต่างประเทศ ไปจนถึงการขายผ่านช่องทาง Search อย่างเช่น Google ซึ่งไม่ได้กระจุกตัวแค่การจำหน่ายผ่านหน้าเว็บไซต์ของบางกอกแอร์เวย์สที่ในอดีตมีสัดส่วนมากถึง 80%

ในเรื่องของโปรโมชัน สายการบินเองก็จะมีการจัดโปรโมชันช่วง 11/11 หรือ 4/4 หรือการขายช่วงเทศกาลต่างๆ มีอย่างสงกรานต์ ลอยกระทง เพื่อให้ลูกค้าสามารถกลับบ้านหรือไปเที่ยวได้ โดยมีราคาโปรโมชันแบบพิเศษ รวมถึงจัดทำราคาพิเศษสำหรับพาร์ตเนอร์โดยเฉพาะ

ผู้อำนวยการแผนกลูกค้ารายใหญ่ฯ ยังได้กล่าวว่าสายการบินเตรียมเปลี่ยนโฉมของเว็บไซต์ใหม่ และยังมีการนำ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ มาทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น การทำ Sport Marketing ด้วยการจัดงานวิ่งมาราธอนตามที่ต่างๆ อย่าง สุโขทัย พังงา รวมถึงการทำการตลาดร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ Blogger ทั่วโลก เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาประเทศไทยและมีโอกาสใช้บริการสายการบิน

เป้าหมายที่เป็นในส่วนตัวเลขของบางกอกแอร์เวย์สปี 2023 มีเที่ยวบินราวๆ 48,000 เที่ยวบิน รายได้รวม 15,000 ล้านบาท มี Load Factor 76%ราคาเฉลี่ยค่าตั๋วราวๆ 3,400 บาทต่อคน

]]>
1424622
Google Cloud เผยเทรนด์ท่องเที่ยวไทยยังเติบโตต่อ ส่งผลต่อภาคธุรกิจอื่นๆ ได้ผลดีตามไปด้วย https://positioningmag.com/1424275 Tue, 21 Mar 2023 11:02:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1424275 Google Cloud ได้เผยตัวเลขเทรนด์นักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นโอกาสให้ภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวยังสามารถเจาะลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวต่างๆ ได้ รวมถึงนักท่องเที่ยวไทยที่มีแผนที่จะเดินทางไปต่างประเทศด้วย

เอพริล ศรีวิกรม์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Google Cloud ได้กล่าวถึงการเปิดประเทศไทยนับตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาทำให้ความต้องการเดินทางเข้าประเทศไทยจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นเติบโตอย่างมาก โดยปริมาณการค้นหาของ Google พบว่ามีความต้องการขาเข้าเพิ่มขึ้น 386% เมื่อเทียบกับปี 2021 ขณะที่ข้อมูลล่าสุดในเดือนมีนาคมนั้นความต้องการขาเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้นมากกว่า 161% เมื่อเทียบกับปี 2022

ทางด้านความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวไทยก็ได้รับความต้องการที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยหลังเปิดประเทศนั้นความต้องการในการค้นหาใน Google สำหรับการเดินทางขาออกนอกประเทศเพิ่มขึ้น 544% เมื่อเทียบกับปี 2021 ที่ผ่านมา และการฟื้นตัวนี้ดำเนินต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม ซึ่งมีความต้องการดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 187% เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Google Cloud ยังได้ชี้ถึงเทรนด์การค้นหาใน Google ยังบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมใกล้เคียงสามารถคว้าโอกาสจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้ โดยผลการค้นหาเกี่ยวกับ “ประกันการเดินทาง” และ “การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์” ในประเทศไทย เติบโตขึ้นมากกว่า 900% และ 500% ตามลำดับ ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันคำค้นหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือ “Gastronomy Tourism” ในประเทศไทย ยังเติบโตมากกว่า 110% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เธอชี้ว่าเป็นโอกาสสำหรับผู้เล่นในอุตสาหกรรมอาหารที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีเป้าหมายหลักในการเดินทางเพื่อชิมและนำอาหารไทยต้นตำรับกลับบ้านไปทาน

ไม่เพียงเท่านี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับ “การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ในประเทศไทยขยับเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% ขณะเดียวกัน มีผู้บริโภคยุคดิจิทัลในไทย เกือบ 4 ใน 10 รายออกมาประกาศว่ายินดีจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยั่งยืน

ในช่วงการสัมภาษณ์ผู้บริหารจาก AOT และ EVme และ สกาย ไอซีที ร่วมกับผู้บริหารของ Google Cloud นั้นมีมุมมองตรงกันในเรื่องเทรนด์การนำข้อมูลต่างๆ มาทำโปรโมชันให้กับลูกค้า ซึ่งแตกต่างกับในอดีตที่มีโปรโมชันออกมา ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน โดยปัจจุบันนั้นบริษัทต่างๆ เริ่มที่จะมีการทำ Data Analytics เพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะเจาะลูกค้ากลุ่มต่างๆ ได้ตรงใจ

ทางด้านของเทรนด์นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาไทยนั้น ผู้บริหารของ AOT และ สกาย ไอซีที ชี้ว่าเทรนด์การเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เริ่มสนใจไปยังที่ใหม่ๆ ในกรุงเทพฯ มากขึ้น หรือเที่ยวตามเหล่า Blogger ในประเทศจีน ซึ่งแตกต่างกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิดที่จะเป็นทัวร์กลุ่มใหญ่ และชอบไปสถานที่สำคัญ

]]>
1424275
SCB EIC แนะ 4 แนวทางสำหรับผู้ประกอบการรับมือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในปีนี้ https://positioningmag.com/1419457 Wed, 15 Feb 2023 17:54:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1419457 SCB EIC ได้แนะแนวทางสำหรับผู้ประกอบการรับมือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในปี 2023 นี้ โดยในรายงานดังกล่าวยังคาดว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะมาเยือนประเทศไทยมากถึง 30 ล้านคน สามารถสร้างรายได้ถึง 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม

รายงานของ SCB EIC ได้ชี้ถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นจะทำให้ในปี 2023 รายได้จากนักท่องเที่ยวนั้นจะสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท ส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและภาคการบริการที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมานั้นจะมีการเร่งการลงทุนมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านี้ SCB EIC ได้แนะแนวทางสำคัญให้ผู้ประกอบการควรเตรียมพร้อมรับมือการเร่งตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ควบคู่ไปกับการสร้างจุดแข็งให้กับสินค้าและบริการเพื่อคว้าโอกาสจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบไปด้วย

1. การเตรียมพร้อมขยายขีดความสามารถในการให้บริการเพื่อบรรเทาปัญหาคอขวด ซึ่งเป็นผลจากการปรับโครงสร้างต้นทุนค่าใช้จ่ายในช่วงที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับวิกฤตโควิด-19 ดังนั้นผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวขยายขีดความสามารถการบริการให้รองรับปริมาณนักท่องเที่ยวจะเร่งตัวขึ้นไม่ว่าจะเป็นการเปิดบริการห้องพักโรงแรม การเพิ่มจำนวนรถที่ให้บริการขนส่ง รวมถึงพนักงานในร้านค้าหรือร้านอาหาร

2. การยกระดับสินค้าและบริการให้ถูกใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งมาตรฐานของสินค้าและบริการ รูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ราคาที่คุ้มค่า รวมถึงช่องทางการจ่ายเงินที่หลากหลายรูปแบบรองรับนักท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ

3. การออกแบบแพ็กเกจบริการท่องเที่ยวครบวงจรในราคาเหมาะสม เพื่อรองรับเทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ที่เน้นใช้จ่ายเพื่อสร้างประสบการณ์ นอกจากนี้แพ็กเกจที่นำเสนอควรมีความยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่มีความสนใจที่หลายหลายมากขึ้น

4. การโปรโมตผ่านสื่อสังคมออนไลน์และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังพร้อมทั้งสร้างช่องทางการขายออนไลน์แบบ Omni Channel จะช่วยส่งเสริมให้สินค้าและบริการเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติในวงกว้าง อีกทั้ง ช่องทางการขายออนไลน์พร้อมโปรโมชันราคาที่น่าดึงดูดจะสามารถเข้าถึงได้ง่ายและหากเป็นช่องทางแบบ Omni Channel จะยิ่งอำนวยความสะดวกและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น

โดย SCB EIC ได้ปรับเพิ่มประมาณการนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยปีนี้เป็น 30 ล้านคน จากเดิมที่คาดไว้ 28.3 ล้านคน หลังการเปิดประเทศจีนอย่างเต็มรูปแบบ ในบทวิเคราะห์ยังมองว่าในระยะแรกอาจมีข้อจำกัดในเรื่องเที่ยวบินออกจากประเทศจีน รวมถึงค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่อยู่ในระดับสูง

รายงานดังกล่าวยังคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในไทยจะฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในช่วงปลายปี 2024

นอกจากนี้รายงานของ SCB EIC ยังคาดการณ์ว่าตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไปจะเห็นนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยเร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในปีนี้นักท่องเที่ยวจีนอาจมีจำนวนมากถึง 4.8 ล้านคน และการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนจะช่วยส่งเสริมให้ภาคธุรกิจใน Tourism Ecosystem ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

]]>
1419457
Minor คาดรายได้หลังจากนี้โตแตะ 2 หลัก มองนักท่องเที่ยวจีน 6-9 เดือนหลังจากนี้ถึงกลับมาคึกคัก https://positioningmag.com/1416012 Thu, 19 Jan 2023 18:48:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1416012 บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจในเครือของปี 2022 นั้นกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีปัจจัยที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาวะเศรษฐกิจ การเปิดประเทศ ไปจนถึงอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าในปี 2023 นี้กลุ่มบริษัทนั้นกลับมามีรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ตัวเลข 2 หลัก แต่ก็มองถึงนักท่องเที่ยวจีนที่ต้องใช้เวลากว่าจะกลับมาคึกคักอีกรอบ

ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงภาพรวมของบริษัทว่า การฟื้นตัวของบริษัทหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือว่าแข็งแกร่งมาก จากปัจจัยหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหลายประเทศมีการฉีดวัคซีน รวมถึงเขามองว่าความรุนแรงของโควิดลดลง หลายพื้นที่ไม่มีการใส่หน้ากากอนามัยแล้ว

แม้ว่าจะพบกับอุปสรรคจากเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยในยุโรป แต่ตัวเลขต่างๆ ของบริษัทดีกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ ตลาดหลายที่บริษัทดำเนินการนั้นแข็งแกร่ง แน่นอนว่าไทยเป็นประเทศปลายทาง 1 ใน 5 นักท่องเที่ยวสนใจเข้ามา แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนยังไม่เข้ามา

ขณะเดียวกันสายการบินตอนนี้เที่ยวบินเต็ม แถมมีจำนวนจำกัด ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 

สำหรับผลประกอบการ Q3 ของปี 2022 ที่ผ่านไปนั้น เขามองว่าจะเป็นมาตรฐานของไตรมาส 4 และหลังจากนี้ ขณะเดียวกันบริษัทก็จะเพิ่มราคาห้องพักขึ้นมาเพื่อรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และเรตค่าห้องพักของโรงแรมนั้นเพิ่มขึ้นมากว่าช่วงก่อนโควิดไปแล้วกว่า 20% ในหลายๆ ที่ เช่น มัลดีฟ ออสเตรเลีย ฯลฯ หรือแม้แต่ประเทศไทย

โดย Positioning จะพาไปดูถึงภาพรวมในปี 2022 ที่ผ่านมา รวมถึงกลยุทธ์บริษัทในปี 2023 ว่ามีอะไรบ้าง

กลุ่มโรงแรม

หัวเรือใหญ่ของกลุ่ม Minor ได้กล่าวว่าในปี 2022 ที่ผ่านมาบริษัทนั้นถือเป็นผู้เล่นในกลุ่มโรงแรมทั่วโลกใหญ่ติด 1 ใน 10 และบริษัทในตอนนี้ได้มีการกระจายการลงทุนทั่วโลก ขณะเดียวกันหลายคนสงสัยการฟื้นตัวของยุโรป จากสภาวะเศรษฐกิจต่างๆ แต่เขาชี้ว่าธุรกิจโรงแรมในยุโรปฟื้นตัวแรงแข็งแกร่ง

ขณะที่ธุรกิจที่อื่นๆ อย่าง มัลดีฟ ตะวันออกกลางก็ฟื้นตัวได้แข็งแกร่งเช่นกัน ซึ่งโรงแรมในตะวันออกกลางนั้นได้ประโยชน์จากสายการบิน ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวอินเดีย รัสเซีย ส่วนที่ออสเตรเลียก็แข็งแกร่งมาก เขาชี้ว่าดีที่สุดนับตั้งแต่การซื้อกิจการ

สำหรับในประเทศไทย โรงแรมที่ภูเก็ตเติบโตแข็งแกร่งมาก เพราะนักท่องเที่ยวอินเดีย รัสเซีย และชาวยุโรปมาเที่ยว เขาชี้ว่าเวลานี้ภูเก็ตนั้นเหมือนเป็นฮับการท่องเที่ยว ขณะที่ภาพรวมนั้นภูเก็ตถือว่ามีความต้องการสูงจากนักท่องเที่ยวมาก เป็นผลส่วนหนึ่งมาจากนโยบายภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์

แม้ว่าก่อนหน้านี้ประเทศจีนจะยังไม่เปิดประเทศ แต่เขาชี้ว่าธุรกิจโรงแรมก็ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว หลายประเทศเปิดมากขึ้น สายการบินก็จะเปิดเที่ยวบินมากขึ้น ส่งผลดีต่อบริษัทมากขึ้น

ผู้บริหารของ Minor กล่าวว่ากลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรป เช่น NH Hotels ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง – ภาพจาก Shutterstock

กลุ่มธุรกิจอาหาร

ดิลลิปได้กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจอาหารนั้นมีกำไรตั้งแต่พฤษภาคมที่ผ่านมา ในไตรมาส 3 ของปี 2022 นั้นมีนรายได้เติบโตมากถึง 30% ขณะที่กำไรเติบมากกว่าปีที่แล้วถึง 4 เท่า เขาชี้ว่าธุรกิจอาหารในไทยและออสเตรเลียเป็นตัวขับเคลื่อน

แม้ว่าในประเทศจีนจะล็อกดาวน์ก็ตาม แต่เขามองว่าเทรนด์ธุรกิจนั้นจีนจะฟื้นตัวเหมือนกับช่วงการแพร่ระบาดของโควิด และจีนคลายล็อกดาวน์ในช่วงปี 2020 เขายังได้ย้ำว่าแม้ว่าตอนนี้จะไม่มีรายได้จากจีน ก็มีไทย ออสเตรเลีย รวมถึงสิงคโปร์ ที่ทำรายได้เติบโตตลอด

นอกจากนี้บริษัทปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ เช่น หันมาทำ Craft Bar ของ Swensen’s รวมถึงปรับโฉมแบรนด์ และการลดต้นทุน ทำให้กำไรกลับมาอีกครั้งได้

กลุ่มธุรกิจ Lifestyle

กลุ่มนี้รายได้กับกำไรอาจส่งผลกับบริษัทน้อย แต่เขาชี้ว่าบริษัทให้ความสำคัญอยู่เช่นกัน โดยใช้กลยุทธ์การลดต้นทุน ใช้ช่องทาง E-commerce มากขึ้น ปิดตัวแบรนด์บางตัว และปรับปรุงโครงสร้างของกลุ่ม ส่งผลทำให้มีกำไรมากขึ้นในปีที่ผ่านมา

กลยุทธ์บริษัทปี 2023

สำหรับกลยุทธ์ในปี 2023 ดิลลิปได้กล่าวว่ามีโรงแรมที่จะกำลังเปิดหลังจากนี้อีกจำนวนมากถึง 70 โรงในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะลงทุนเองหรือบริษัทได้เข้าไปบริหาร ขณะเดียวกันเขาก็รอดูนักท่องเที่ยวจีนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นโอกาสของการเติบโต

นอกจากนี้บริษัทยังได้ผลักดัน Loyalty Program ซึ่งตอนนี้มีสมาชิก 22 ล้านคนทั่วโลกที่รวมโรงแรมในเครือของบริษัทไว้มากกว่าเครือโรงแรมคู่แข่งอีกด้วย

ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารนั้น บริษัทได้เปิดร้าอาหารใหม่ทั้งในยุโรป ตะวันออกกลางอย่าง ซาอุดิอาระเบีย เขาชี้ถึงเทรนด์การกลับมากินอาหารในร้านมากขึ้น ขณะเดียวกันแบรนด์ก็ต้องสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาด อย่างการทำเมนูใหม่ๆ รวมถึงเปิดร้านอาหารที่ตอบโจทย์ความคาดหวังของลูกค้า เช่น เปิดร้านบอนชอนนอกกรุงเทพมากขึ้น ร้านชานม Gaga ขยายสาขาเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในประเทศและนอกประเทศมากขึ้น เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง

หัวเรือใหญ่ของกลุ่ม Minor คาดว่ารายได้จะโตไม่ต่ำกว่า 2022 ราวๆ 20% บริษัทจะได้ผลดีจากนักท่องเที่ยวจีน หรือรายได้จากกลุ่มอาหารในประเทศจีน นอกจากนี้เขายังมองว่ารายได้และกำไรจะแข็งแกร่ง จากการรีดประสิทธิภาพของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา และชี้ว่าปี 2023 จะทำให้ธุรกิจแข็งแกร่งมากกว่าเดิม

สิ่งที่ทำให้บริษัทเติบโต

กลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทเติบโตได้นั้น ดิลลิปชี้ว่า ต้องมีแบรนด์ที่เป็นผู้ชนะอยู่ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัทในหลายธุรกิจ รวมถึงจะต้องตอบโจทย์ลูกค้า ดูความต้องการของลูกค้าว่าต้องการอะไร ขณะที่คนที่ทำงานในบริษัทจะต้องเน้นในเรื่องการทำงานเป็นทีม และรวมถึงทำธุรกิจด้วยความยั่งยืน เนื่องจากบริษัทติดในดัชนีหลายตัว เช่น DJSI หรือ MSCI รวมถึง FTSE For good และยังต้องความโปร่งใสให้กับนักลงทุน มีความสม่ำเสมอด้วย

นอกจากนี้เขายังเล่าเรื่องของการปรับตัว โดยบริษัทนั้นไม่ได้นั่งเฉยๆ แต่หาโอกาสใหม่ๆ เช่น ซื้อโรงแรมในยุโรป แต่ก็รู้ว่าต้องเก็บกระแสเงินสด เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้พนักงานมี Productivity การวางแผนด้าน Supply Chain รวมถึงเรื่องการเงินของบริษัทที่ต้องบริหารอย่างชาญฉลาด

นอกจากนี้เขายังเน้นว่าแม้ว่าบริษัทจะขยายธุรกิจ แต่ดูเรื่องงบดุลของบริษัทด้วย ซึ่งเป็นบทเรียนจากช่วงโควิด-19 ที่บริษัทจะต้องมีกระแสเงินสดไว้

สำหรับมุมมองที่มีต่อนักท่องเที่ยวจีนนั้น เขามองว่าต้องใช้เวลาสักพัก โดยเฉพาะเรื่องของสายการบิน รวมถึงการเคลียร์วีซ่า 6-9 เดือนถึงจะเห็นความคึกคัก รวมถึงคนจีนน่าจะเที่ยวในประเทศอย่างการเยี่ยมเยือนญาติพี่น้องก่อน ขณะปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ทางบริษัทได้เปิดโรงเรียนด้านการโรงแรม AIHM กับสถาบันในสวิตเซอร์แลนด์ นั่นจะทำให้คนทำงานด้านนี้เพิ่มจำนวนมากขึ้น บุคลากรสามารถทำงานได้ทั่วโลก

]]>
1416012
คุยกับผู้บริหาร Qatar Airways ถึงอุตสาหกรรมการบิน และเทรนด์นักท่องเที่ยวที่กลับมาเติบโตอีกรอบ https://positioningmag.com/1414366 Sat, 31 Dec 2022 08:12:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1414366 Positioning ได้รับเกียรติพูดคุยกับ เบนเน็ต สตีเฟ่นส์ (Bennet Stephens) ผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีนของ Qatar Airways คนใหม่ ซึ่งมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการบินมาเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 20 ปี กับสายการบินต่างประเทศหลายแห่ง

ก่อนหน้าที่เขาจะย้ายมาเป็นผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีนนั้น เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการประจำภูมิภาคตะวันออกของออสเตรเลีย และผู้จัดการอาวุโสประจำภูมิภาคแอฟริกามาก่อน

เขาได้เล่าถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด การปรับธุรกิจ ความท้าทายของสายการบิน และความมั่นใจต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทย

ผลจากโควิดและการปรับตัวของสายการบิน

ผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีนของ Qatar Airways ได้เล่าถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่สร้างผลกระทบต่อสายการบินทั่วโลก และแน่นอนว่าสายการบินจากประเทศกาตาร์รายนี้ก็ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน ซึ่งสายการบินได้ปรับตัวโดยได้ผู้โดยสารที่จองตั๋วกับสายการบินสามารถขอเลื่อนการเดินทางได้นานถึง 2 ปี หรือแม้แต่ถ้าหากต้องการขอเงินคืนก็สามารถทำได้เช่นกัน

เขาได้เล่าว่าสิ่งที่ Qatar Airways ทำไปนั้นเพื่อต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของสายการบินในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้

ขณะเดียวกันสายการบินเองก็ยังดำเนินธุรกิจอยู่แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาด โดยยังมีเที่ยวบินที่ให้บริการในหลายทวีป แต่ทางสายการบินเองก็ได้ปรับธุรกิจมาเน้นการขนส่งคาร์โก้ทางอากาศมากขึ้นด้วย โดยเขาเล่าว่าปัจจุบันการขนส่งคาร์โก้ของสายการบินเองก็ยังเติบโตอยู่ หรือแม้แต่การจ้างสายการบินให้ขนคาร์โก้โดยเฉพาะก็เติบโตเช่นกัน

เบ็นเน็ต สตีเฟ่นส์ – ผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน กาตาร์ แอร์เวย์ส (คนกลางของรูป)

คนไทยไปแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ มากขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวก็มาไทยเยอะเช่นกัน

เบนเน็ต ยังได้กล่าวถึงเทรนด์ของนักท่องเที่ยวไทยที่ไปแหล่งท่องเที่ยวที่มีฟรีวีซ่าอื่นๆ มากขึ้น โดยเขาได้ยกตัวอย่างประเทศจอร์เจียที่สายการบินมีเส้นทางการบินอยู่แล้ว ซึ่งคนไทยรวมถึงเหล่าบล็อกเกอร์นิยมไปเที่ยวประเทศนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้เขายังเห็นปริมาณนักท่องเที่ยวไทยในประเทศอื่นๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย ส่งผลทำให้สายการบินได้ทยอยเพิ่มเที่ยวบินจากกรุงเทพและภูเก็ตไปยังกรุงโดฮา โดยล่าสุดมีเที่ยวบินจากประเทศไทยไปกาตาร์แล้วกว่า 7 เที่ยวบินต่อวัน แม้ว่าจะยังต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดซึ่งอยู่ที่ 10 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ก็ตาม

เขาย้ำว่าถ้าหากปริมาณนักท่องเที่ยวยังเพิ่มมากขึ้น สายการบินจะเพิ่มเที่ยวบินทันที ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเขากล่าวว่าปริมาณนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมาไทยก็เพิ่มสูงมากเช่นกัน

ประเทศอื่นๆ ในละแวกอินโดจีน ช่องทางขายตั๋วออนไลน์ และความท้าทายหลังจากนี้

ผู้บริหารรายนี้ยังได้กล่าวว่าไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่ปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่เขาได้กล่าวถึงประเทศที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตอย่างเวียดนาม ซึ่งสายการบินนั้นมีเที่ยวบินให้บริการเช่นกันนั้น เขาชี้ว่าความต้องการที่จะเดินทางนั้นเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน (Pent Up Demand) ในช่วงที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันเขาได้ชี้ว่าหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ช่องทางการขายตั๋วออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ของ Qatar Airways มีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น จากเดิมก่อนการแพร่ระบาดอยู่ที่ 20% เท่านั้น แต่ปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึง 35% ที่เหลือนั้นเป็นสัดส่วนของช่องทางจัดจำหน่ายผ่านเอเย่นต์ต่างๆ

ทางด้านความท้าทายของสายการบินนั้นเขาได้กล่าวถึงราคาน้ำมันนั้นเป็นปัจจัยสำคัญมากที่สุดของปี 2023 แต่เขาก็ชี้ว่า Qatar Airways สามารถรับมือในเรื่องดังกล่าวได้ และเขายังทิ้งท้ายว่ามั่นใจว่าอุตสาหกรรมการบินนั้นจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง รวมถึงมั่นใจว่าสายการบินจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยกลับมาเติบโตได้

]]>
1414366