J&J – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 23 Apr 2021 09:48:05 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สหรัฐฯ ผุดโครงการ ‘ลดหย่อนภาษี’ ดึงดูดใจให้ประชาชนไปฉีด ‘วัคซีนโควิด’ https://positioningmag.com/1329022 Fri, 23 Apr 2021 08:53:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329022 รัฐบาลสหรัฐฯ สรรหาวิธีดึงดูดใจให้คนไปฉีดวัคซีนโควิด-19’ ผุดโครงการลดหย่อนภาษีให้ผู้ประกอบการที่อนุญาตลูกจ้างลาหยุด’  ไปรับวัคซีน กระตุ้นเอกชนมีส่วนร่วมในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่‘  ให้เร็วที่สุด หลังมีคนจำนวนมากลังเลไม่อยากฉีด 

โครงการลดหย่อนภาษีดังกล่าว จะเป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายของบริษัทที่หายไป ในช่วงที่พนักงานลาหยุดเพื่อไปฉีดวัคซีนและยังได้รับค่าจ้างปกติ รวมไปถึงในช่วงการพักฟื้นจากผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วย

สำหรับธุรกิจขนาดเล็กกลาง และองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่มีพนักงานน้อยกว่า 500 ราย จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายมากสุดถึง 511 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันต่อคน ระยะเวลามากสุดถึง 10 วัน หรือ 80 ชั่วโมงทำการงาน ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน 2021

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังเรียกร้องให้นายจ้างช่วยเเบ่งปันข้อมูลที่ถูกต้อง เเละเชิญชวนให้พนักงานออกไปฉีดวัคซีน โดยให้สิทธิพิเศษอย่าง การแจกผลิตภัณฑ์ฟรีและให้ส่วนลดแก่ผู้ที่ได้รับวัคซีนเเล้ว

ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีพนักงานน้อยกว่า 500 รายนั้น นับเป็นกว่า 50% ของภาคเอกชนในสหรัฐฯ โดยโครงการลดหย่อนภาษีนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนเซ็นรับรองเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สหรัฐฯ กำลังระดมฉีดวัคซีนระยะต่อไปหลังอนุญาตให้ประชาชนที่อายุมากกว่า 16 ปีทุกคน สามารถเข้ารับวัคซีนได้ ถ้าคุณกำลังรอว่าเมื่อไรจะถึงคิวของคุณ คุณไม่ต้องรออีกต่อไป

ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุกว่า 80% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ส่งผลให้อัตราเสียชีวิตในผู้สูงวัยลดลงตามไปด้วย

โจ ไบเดน ได้ประกาศความสำเร็จ หลังรัฐบาลสามารถกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับชาวอเมริกันได้ทะลุเป้าหมายใหม่ที่วางไว้ 200 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งแล้ว เเละสำเร็จก่อนกำหนดถึง 1 สัปดาห์

จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมเเละป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) รายงานอัตราการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ เฉลี่ย 3 ล้านครั้งต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากประมาณ 1.8 ล้านครั้ง ในช่วงต้นเดือนมีนาคม

เเต่อัตราการฉีดวัคซีนลดลงเล็กน้อยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ว่าประชาชนวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ทุกคนจะมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนเเล้วก็ตาม

บรรยากาศการต่อคิวเข้ารับวัคซีน COVID-19 ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ

ทางการสหรัฐฯ ได้สั่งระงับการฉีดวัคซีน COVID-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นการชั่วคราว หลังพบรายงานภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน 6 ราย แม้ว่าวัคซีน J&J จะมีสัดส่วนน้อยกว่า 4% ของวัคซีนทั้งหมดกว่า 213 ล้านโดสที่สหรัฐฯ ฉีดไปจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีการใช้วัคซีนนี้ไปเเล้วมากกว่า 6.8 ล้านโดส

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เผยว่า ตอนนี้สหรัฐฯ มีวัคซีน COVID-19 ของบริษัท Pfizer เเละ Moderna เพียงพอที่จะเร่งฉีดได้ 3 ล้านครั้งต่อวัน

ก่อนหน้านี้ มีความเห็นจากแพทย์ในสหรัฐฯ ที่เกรงว่าจะเกิดปัญหาวัคซีนล้นประเทศ’ เพราะยังมีกลุ่มคนจำนวนมากกว่า 15-20% ที่ลังเลไม่อยากฉีดวัคซีน

 

ที่มา : CNBC , NBC News

]]>
1329022
ฝรั่งเศส ประกาศฉีดวัคซีนโควิด AstraZeneca ให้กับกลุ่ม ‘ผู้สูงอายุ’ ตั้งเเต่ 65-74 ปีได้แล้ว https://positioningmag.com/1321467 Tue, 02 Mar 2021 06:40:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321467 ทางการฝรั่งเศส อนุญาตให้ใช้วัคซีนต้าน COVID-19 ของ AstraZeneca กับกลุ่มผู้สูงอายุตั้งเเต่ 65-74 ปี ได้เเล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ให้ใช้วัคซีนดังกล่าวกับประชาชนที่อายุน้อยกว่า 65 ปีเท่านั้น เนื่องจากมีข้อกังวลด้านประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชนอายุ 75 ปีขึ้นไป รัฐบาลฝรั่งเศสยังคงแนะนำให้ฉีดวัคซีนของบริษัท Pfizer – Biontech ได้ตามปกติที่ศูนย์รับวัคซีนทั่วประเทศ  

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมามานูเอล มาครงประธานาธิบดีฝรั่งเศส เผยถึงของข้อกังวลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน AstraZeneca ในการใช้กับกลุ่มผู้สูงอายุ เนื่องจากข้อมูลที่มีอยู่ ณ ขณะนั้น ยังไม่เพียงพอ ทำให้รัฐบาลต้องกำหนดให้ใช้ได้กับประชาชนที่อายุน้อยกว่า 65 ปีก่อน

ด้านสหราชอาณาจักร เริ่มใช้วัคซีน AstraZeneca ที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด กับประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ โดยรัฐบาลยืนยันว่าวัคซีนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเท่ากับวัคซีนชนิดอื่น

โดยหลังจากที่ได้รับข้อมูลและมีผลการวิจัยเพียงพอ ทางการฝรั่งเศสจึงประกาศว่าวัคซีน AstraZeneca จากอังกฤษ ใช้ได้ผลกับกลุ่มผู้สูงอายุตั้งเเต่ 65-74 ปี เเละมีโรคประจำตัวมาก่อนได้ ซึ่งประชาชนสามารถฉีดวัคซีนนี้ได้ตามโรงพยาบาล หรือร้านขายยา

Photo : Shutterstock

ท่ามกลางความพยายามสร้างความเชื่อมั่น ฝรั่งเศสฉีดวัคซีนของ AstraZeneca ให้กับประชาชนเพียง 273,000 โดส จากจำนวน 1.7 ล้านโดสที่ได้รับภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์

ล่าสุดสำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ (PHE) เผยแพร่รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 มี..) เกี่ยวกับการศึกษาประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาของ Pfizer – Biontech ว่า หากฉีดเพียงเข็มเดียวจะมีประสิทธิผล 57-61% สำหรับป้องกันการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการในบุคคลอายุตั้งแต่ 70 ปี

ส่วนการฉีดวัคซีน AstraZeneca เเบบเข็มเดียว จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการของกลุ่มคนอายุ 70 ปีขึ้นไป ในอัตราระหว่าง 60-73% หลังรับวัคซีนโดสแรก 4 สัปดาห์

ผลวิจัยระบุว่า การฉีดวัคซีนยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งตั้งแต่เข็มแรก จะสามารถลดอัตราการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ด้วยอาการหนักจาก COVID-19 ในกลุ่มผู้มีอายุ 80 ปีขึ้นไป ได้มากถึง 80% อย่างไรก็ตาม วัคซีนของทั้ง Pfizer – Biontech เเละ AstraZeneca จะต้องฉีด 2 เข็ม โดยทิ้งระยะห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสที่มากกว่า

 

ด้านทางการสหรัฐฯ เพิ่งอนุมัติใช้วัคซีนป้องกัน COVID-19 เเบบฉีด ‘เข็มเดียว’ ของบริษัท Johnson & Johnson (J&J) อย่างเป็นทางการเเล้ว นับเป็นวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา ชนิดที่ 3 ที่ผ่านการรับรองให้ใช้ได้ในอเมริกา เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ต่อจาก Pfizer-Biontech เเละ Moderna 

 

ที่มา : BBC (1)(2) , Reuters 

]]>
1321467
อย.สหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีนป้องกัน COVID-19 เเบบฉีด ‘เข็มเดียว’ ของ Johnson & Johnson เเล้ว https://positioningmag.com/1321194 Sun, 28 Feb 2021 10:52:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1321194 ทางการสหรัฐฯ อนุมัติใช้วัคซีนป้องกัน COVID-19 เเบบฉีดเข็มเดียวของบริษัท Johnson & Johnson (J&J) อย่างเป็นทางการเเล้ว

นับเป็นวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา ชนิดที่ 3 ที่ผ่านการรับรองให้ใช้ได้ในอเมริกา เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ต่อจาก Pfizer-Biontech เเละ Moderna 

สำนักงานอาหารและยาหรือเอฟดีเอ (FDA) ระบุว่า วัคซีนของ J&J ที่ฉีดเพียงเข็มเดียว มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันผู้ป่วย COVID-19 ไม่ให้มีอาการหนัก และสามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้

โดยผลวิจัยทางคลินิกในเฟสสาม จากการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง 44,000 คน ปรากฏว่า วัคซีนดังกล่าวสามารถลดการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ 100% ภายในระยะเวลา 28 วันหลังรับการฉีดวัคซีน แต่หากคำนวณภายในกรอบเวลา 14 วัน จะมีประสิทธิผลป้องกันได้ 85%

ขณะที่ประสิทธิผลในภาพรวมอยู่ที่ 66% เเบ่งเป็น 64% สำหรับป้องกันอาการป่วยปานกลางจาก COVID-19 และสูงขึ้นเป็น 85% ในการป้องกันอาการป่วยหนัก 

อย่างไรก็ตาม วัคซีนของ J&J ยังต้องมีการวิจัยเพื่อวิเคราะห์เพิ่มเติมว่าอาจจะใช้ป้องกันกรณีการติดโควิด-19 ที่ไม่ได้แสดงอาการป่วยได้หรือไม่ 

J&J ตั้งเป้าจะส่งมอบวัคซีนให้ได้ 20 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ และให้ได้ 100 ล้านโดสภายในเดือนมิถุนายน

ล่าสุดประเมินว่า ตอนนี้มีชาวอเมริกันกว่า 65 ล้านคน รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสไปเเล้วจากวัคซีน Pfizer-Biontech เเละ Moderna ที่ได้รับการอนุมัติมาตั้งเเต่เดือนธันวาคม ปีที่เเล้ว โดยมีประสิทธิภาพเฉลี่ยราว 95% เเต่ต้องฉีดรวม 2 เข็ม

รัฐบาลสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรปและแคนาดา ได้สั่งวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ J&J เเล้ว ขณะที่โครงการวัคซีน COVAX ภายใต้การนำขององค์การอนามัยโลก ได้สั่งจองเป็นจำนวนกว่า 500 ล้านโดส เพื่อนำไปมอบเเจกจ่ายให้กับประเทศยากจน

 

ที่มา : Reuters , CNN

 

]]>
1321194
“จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน” ระงับทดลองวัคซีน COVID-19 อีกตัว หลังพบอาสาสมัครล้มป่วยปริศนา https://positioningmag.com/1301313 Wed, 14 Oct 2020 04:44:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1301313 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ประกาศว่าจะระงับการทดลองทางคลินิกวัคซีน COVID-19 ของทางบริษัท อย่างน้อยๆ ก็หลายวัน เพื่อเปิดทางให้คณะควบคุมความปลอดภัยอิสระ เข้าประเมินอาการป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้ของอาสาสมัครผู้เข้าร่วมทดลองรายหนึ่ง

หุ้นของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลงมากกว่า 2% หลังมีข่าวหยุดการทดลอง และทบทวนด้านความปลอดภัย หลังจากก่อนหน้านี้การทดลองว่าที่วัคซีนของคู่แข่งสำคัญอย่าง แอสตราเซเนกา พีแอลซี ซึ่งใช้เทคโนโลยีคล้ายกัน ก็ถูกระงับมานานกว่า 1 เดือน หลังพบผู้อาสาสมัครรายหนึ่งในสหราชอาณาจักร ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันเปิดเผยในวันจันทร์ที่ 12 ต.ค. ว่าอาการป่วยกำลังได้รับการตรวจสอบทบทวนจากคณะกรรมการเฝ้าระวังข้อมูลและความปลอดภัยอิสระ เช่นเดียวกับคณะทำงานด้านคลินิก และความปลอดภัยของพวกเขาเอง

คณะกรรมการเฝ้าระวังข้อมูล และความปลอดภัยอิสระ กำลังตรวจสอบทบทวนการทดลองของแอสตราเซเนกาเช่นกัน จำเป็นต้องยื่นผลการตรวจสอบของพวกเขาต่อองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ก่อนที่จะสามารถกลับมาเดินหน้าทดลองอีกครั้ง

มาไท มัมเมน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาธุรกิจยาของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดผยว่าทางบริษัทได้แจ้งคณะกรรมการความปลอดภัย เกี่ยวกับกรณีผู้เข้าร่วมทดลองล้มป่วยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 ต.ค. และทางคณะกรรมการร้องขอข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมบอกว่าทางบริษัทกำลังรวบรวมขอมูลเพื่อตอบคำถามต่างๆ ของทางคณะกรรมการ

เขาบอกว่าสืบเนื่องว่ามันเป็นการทดลองแบบอำพราง ทางบริษัทจึงไม่ทราบว่าอาสมัครที่ล้มป่วยนั้นได้รับวัคซีนจริง หรือยาหลอก และเผยว่าทางจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังอยู่บนเส้นทางของการเกณฑ์อาสาสมัครเข้าร่วมการทดลองให้ครบ 60,000 คนในช่วง 2 หรือ 3 เดือนข้างหน้า

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน บอกว่าปัญหาหยุดชะงักถือเป็นเรื่องปกติของการทดลองกลุ่มใหญ่ และเน้นว่าการสมัครใจหยุดการฉีดว่าที่วัคซีนให้แก่บรรดาผู้เข้าร่วมการทดลอง นั้นต่างจากการถูกระงับตามกฎข้อบังคับที่กำหนดโดยบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

ก่อนหน้านี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน คาดหมายว่าจะมีข้อมูลเพียงพอสำหรับขอใบอนุญาตจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบสหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี ในขณะที่ ไฟเซอร์ อิงค์ และ โมเดอร์นา อิงค์ 2 บริษัทที่กำลังวิจัยพัฒนาวัคซีนเช่นกัน คาดหมายว่าจะสามารถขอใบอนุญาตจากองค์การอาหาร และยาสหรัฐฯ สำหรับว่าที่วัคซีนของพวกเขา เร็วกว่านั้น

พวกผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ส่งเสียงแสดงความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจสร้างแรงกดดันแก่องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ และบรรดาผู้ผลิตยา ให้เร่งรีบป้อนวัคซีนที่ไม่มีความปลอดภัยเข้าสู่ตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งของเขา หลังจากเขาพูดย้ำมาตลอดว่าจะมีวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งที่สามารถใช้การได้ก่อนศึกเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน

วัคซีน COVID-19
Photo : Shutterstock

เมื่อเดือนที่แล้ว แอสตราเซเนกา ได้ระงับการทดลองขั้นสุดท้ายของวัคซีนทดลอง COVID-19 ที่พวกเขาร่วมพัฒนากับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด สืบเนื่องจากพบอาการป่วยรุนแรงไม่ทราบสาเหตุในอาสาสมัครรายหนึ่งในอังกฤษ แม้นับตั้งแต่นั้นว่าที่วัคซีนของ แอสตราเซเนกา ได้กลับสู่การทดลองแล้วในอังกฤษ, บราซิล, แอฟริกาใต้ และอินเดีย แต่ในสหรัฐฯยังคงระงับการทดลอง

วัคซีนของทั้งจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และแอสตราเซเนกา ต่างใช้ไวรัสอะดีโน (adenovirus) เป็นตัวนำพาคำสั่งทางพันธุกรรมเข้าสู่เซลล์ของมนุษย์ เพื่อกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันตอบโต้ไวรัสเป้าหมาย ซึ่งในกรณีนี้ก็คือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ทั้งสองยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Operation Warp Speed ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาวัคซีน โดยเมื่อวันที่ 22 กันยายน วัคซีนของ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นวัคซีนที่ 4 ของโครงการนี้ ที่เข้าสู่ขั้นสุดท้ายของการทดลองในมนุษย์ “มันเป็นเคสที่ 2 ของวัคซีนอะดีโนไวรัสที่กระตุ้นความกังวลด้านความปลอดภัย” จากความเห็นของนักวิเคราะห์รายหนึ่ง

ในส่วนวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นา ใช้เทคโนโลยีที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

แอสตราเซเนกา และพวกผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์บอกว่า การระงับการทดลองเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุของอาการป่วยของอาสาสมัครถือเป็นเรื่องปกติ

Source

]]>
1301313