mRNA – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 13 Jun 2022 05:44:38 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 วัคซีน COVID-19 ชนิด mRNA ฝีมือจีน เผยประสิทธิภาพในขั้นก่อนการทดลองทางคลินิก https://positioningmag.com/1388484 Sun, 12 Jun 2022 16:36:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1388484 (สำนักข่าวซินหัว) ผลการศึกษาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ชนิด mRNA จำนวน 2 ตัว ซึ่งผลิตโดยแคนซิโน ไบโอโลจิกส์ (CanSino Biologics) ของจีน พบประสิทธิภาพในการทดลองขั้นก่อนการทดลองทางคลินิก และบ่งชี้ศักยภาพของการดำเนินการทดลองในมนุษย์

วัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ทั้งสองตัวข้างต้น ได้แก่ ชนิด mRNA-Beta และชนิด mRNA-Omicron สามารถกระตุ้นระดับแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์เชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ดั้งเดิม และชนิดกลายพันธุ์ หลายสายพันธุ์ อาทิ เบตา เดลตา และโอไมครอน โดยมีค่าไตเตอร์สูง (high-titer) อันบ่งชี้ว่าป้องกันโรคได้

การศึกษาระบุว่าวัคซีน mRNA-Beta ปริมาณ 2 โดส สามารถกระตุ้นการป้องกันทั่วไป โดยเฉพาะเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์เบตา

ส่วนวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ชนิด mRNA-Omicron ถูกฉีดเป็นโดสกระตุ้นในหนูทดลองที่ก่อนหน้านั้นได้ฉีดวัคซีนชนิด mRNA-Beta หรือ Ad5-nCoV ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ เพื่อเพิ่มการป้องกันเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน

คำแถลงจากแคนซิโนฯ เมื่อไม่นานนี้ ระบุว่าวัคซีน mRNA ของจีน ได้รับอนุมัติการทดลองทางคลินิกในเดือนเมษายน และเข้าสู่ขั้นตอนการทดลองในมนุษย์ ระยะที่ 1 แล้ว

อนึ่ง เทคโนโลยี mRNA มีข้อได้เปรียบด้านวงจรการพัฒนาและการผลิตที่สั้นกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเทคโนโลยีวัคซีนแบบดั้งเดิม

แคนซิโนฯ เผยว่าปัจจุบันมีการก่อสร้างฐานอุตสาหกรรมวัคซีน mRNA ในนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน ซึ่งจะมีกำลังการผลิตรายปีสูงแตะ 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี 2022

ทั้งนี้ ผลการศึกษาข้างต้นได้รับการเผยแพร่ผ่านวารสารจุลชีพเกิดใหม่และการติดเชื้อ (Emerging Microbes & Infections)

]]>
1388484
WHO เดินหน้าเผยแพร่ ‘เทคโนโลยีวัคซีนโควิด’ สู่ประเทศยากจนให้ผลิตได้เอง https://positioningmag.com/1375555 Sun, 27 Feb 2022 11:13:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1375555 องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังสร้างศูนย์ฝึกอบรมระดับโลก เพื่อช่วยประเทศยากจนในการผลิตวัคซีนแอนติบอดี และการรักษามะเร็งโดยใช้เทคโนโลยี messenger RNA หรือ mRNA ที่ใช้ในการผลิตวัคซีน COVID-19

Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวว่า WHO กำลังสร้างศูนย์ฝึกอบรมระดับโลกที่แบ่งปันเทคโนโลยี mRNA ที่พัฒนาโดย WHO และพันธมิตรในแอฟริกาใต้ รวมถึงการช่วยเหลือจาก Moderna Inc. โดยศูนย์กลางแห่งใหม่นี้จะตั้งอยู่ในเกาหลีใต้

“วัคซีนได้ช่วยเปลี่ยนแนวทางของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 แต่ชัยชนะทางวิทยาศาสตร์นี้กลับถูกทำลายลงด้วยความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงเครื่องมือช่วยชีวิตเหล่านี้” Tedros Adhanom Ghebreyesus กล่าว

องค์การอนามัยโลกกล่าวว่าเทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกันนี้หวังว่าจะไม่เพียงส่งผลในวัคซีนป้องกัน COVID-19 เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ในการผลิตแอนติบอดี อินซูลิน และการรักษาโรคต่าง ๆ รวมถึงมาเลเรียและมะเร็ง

อย่างไรก็ตาม ดร. โสมยา สวามินาธาน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ WHO คาดการณ์ว่า ความพยายามในการสร้างวัคซีนของโมเดอร์นาขึ้นมาใหม่จะแล้วเสร็จช่วงปลายปีหน้าหรือกระทั่งปี 2024 แต่กล่าวว่าไทม์ไลน์อาจสั้นลงได้มากหากผู้ผลิตตกลงที่จะช่วย

ที่ผ่านมา วัคซีนนั้นถูกจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการจัดหาประเทศร่ำรวยมากกว่าที่ยากจนทั้งในด้านการขายและการผลิต โดยทั้ง Moderna และ Pfizer-BioNTech ผู้ผลิตวัคซีน mRNA COVID-19 ที่ได้รับอนุญาตทั้งสองรายการ ปฏิเสธที่จะแบ่งปันสูตรวัคซีนหรือความรู้ทางเทคโนโลยีกับ WHO และพันธมิตร

ทั้งนี้ ความเหลื่อมล้ำระดับโลกในการเข้าถึงวัคซีน COVID-19 นั้นมหาศาล ปัจจุบันแอฟริกาผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพียง 1% ของโลก และมีเพียง 11% ของประชากรทั้งหมดที่ได้รับวัคซีน ในทางตรงกันข้าม ประเทศในยุโรปอย่างโปรตุเกสมีประชากร 84% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน และมากกว่า 59% ของคนในประเทศได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้น

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว WHO กล่าวว่า 6 ประเทศในแอฟริกา ได้แก่ อียิปต์ เคนยา ไนจีเรีย เซเนกัล แอฟริกาใต้ และตูนิเซีย จะได้รับความรู้และความรู้ทางเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีน mRNA COVID-19 และ อีก 5 ประเทศจะได้รับการสนับสนุนจากศูนย์กลางแอฟริกาใต้ ได้แก่ บังกลาเทศ อินโดนีเซีย ปากีสถาน เซอร์เบีย และเวียดนาม

Source

]]>
1375555
โมเดอร์นา เร่งพัฒนาวัคซีน ‘เข็มเดียว’ รวมบูสเตอร์โควิด + ไข้หวัดใหญ่ หวังออกสู่ตลาดได้เป็นเจ้าเเรก ! https://positioningmag.com/1351203 Fri, 10 Sep 2021 04:52:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1351203 ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่อย่างโมเดอร์นา (Moderna) กำลังเร่งการพัฒนาวัคซีนเเบบเข็มเดียว ที่ฉีดเเล้วป้องกันได้ทั้งโควิด-19 เเละไข้หวัดใหญ่

โดยจะมีการต่อยอดไปพัฒนาวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ (RSV) และโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะเป็นการฉีดวัคซีนเพียง ‘เข็มเดียวต่อปี’

Stephane Bancel ซีอีโอของโมเดอร์นา บอกว่า โอกาสที่ยิ่งใหญ่มากๆ กำลังรออยู่ข้างหน้า หากสามารถนำวัคซีนป้องกันไวรัสทางเดินหายใจที่มีประสิทธิภาพสูง เเละฉีดเพียงเข็มเดียวต่อปี ออกสู่ตลาดได้ “เราเชื่อว่าโมเดอร์นา จะเป็นเจ้าแรกที่ทำตลาดวัคซีนชนิดใหม่นี้”

ทั้งนี้ โมเดอร์นา เริ่มทำการทดลองวัคซีน RSV ทางคลินิกกับอาสาสมัครกลุ่มผู้สูงอายุเเล้ว

นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ผู้ผลิตวัคซีนชนิด mRNA ทั้งโมเดอร์นา เเละไฟเซอร์/ไบออนเทค จะทำรายได้หลายพันล้านดอลลาร์จากการจำหน่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เป็นเข็มที่ 3 หรือ Booster Shots หลังมีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้ดี

โดยการรวมวัคซีนไข้หวัดใหญ่และโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจอื่นๆ เข้าไว้ด้วยกันนั้น จะช่วยเพิ่มผลกำไรของบริษัทเหล่านี้ให้มากขึ้นไปอีก

ด้านคู่เเข่งหน้าใหม่ที่ต้องจับตามองอย่าง ‘Novavax’ ซึ่งใช้เทคโนโลยี ‘โปรตีนเบส’ (Protein-nanoparticle Vaccine) ในการผลิตวัคซีน เเต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากอย.สหรัฐฯ สำหรับวัคซีนโควิด ก็ประกาศว่า บริษัทได้เริ่มการศึกษาในระยะเริ่มต้นเพื่อทดสอบการป้องกันไข้หวัดใหญ่และโควิดร่วมกันเเล้ว

วัคซีนต้านโควิดของโมเดอร์นานั้น ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปในสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการตรวจสอบให้ใช้ในวัยรุ่น ส่วนวัคซีนต้านโควิดของไฟเซอร์/ไบออนเทค ได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้กับผู้มีอายุ 12 ปีขึ้นไปเเล้ว

 

ที่มา : Reuters

]]>
1351203
จีนเตรียมผลิต ARCoVax วัคซีน mRNA ตัวแรกของประเทศ ฉีดแค่เข็มเดียว https://positioningmag.com/1351222 Fri, 10 Sep 2021 04:16:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1351222 กลุ่มสื่อจีนรายงานว่า จีนเตรียมเปิดสายการผลิตวัคซีน “ARCoVax” ซึ่งเป็นวัคซีนต้านโควิด-19 แบบ mRNA ชนิดแรกที่จีนพัฒนาขึ้นเองในเดือน ต.ค. 64

รายงานระบุว่า ARCoVax เป็นวัคซีนที่พัฒนาร่วมกันโดย บ. ซูโจว อบอเจน (Suzhou Abogen), บ.ยูนนาน วาวแวกซ์ ไบโอเทคโนโลยี (Yunnan Walvax Biotechnology) และสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารจีน (Academy of Military Medical Sciences)

โรงงานผลิตวัคซีนดังกล่าวตั้งอยู่ที่เมืองอวี้ซี มณฑลยูนนาน ด้วยเงินลงทุนรวม 520 ล้านหยวน หรือราว 2,600 ล้านบาท มีกำลังการผลิตวัคซีน mRNA 200 ล้านโดสต่อปี

วัคซีน ARCoVax มีวิธีการใช้โดยการฉีดเพียงครั้งเดียว สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 1 สัปดาห์ หรือที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียสเป็นเวลานาน ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาวัคซีนนี้ต่ำกว่ายี่ห้อต่างประเทศ

วัคซีน ARCoVax ได้รับการอนุมัติให้เริ่มการทดลองทางคลินิกระยะสุดท้ายในเม็กซิโก และอินโดนีเซียแล้ว

ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนดังกล่าวจะทำให้ทางเลือกในการฉีดวัคซีนในจีนมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการฉีดไขว้ระหว่างวัคซีน mRNA กับวัคซีนเชื้อตาย และการใช้วัคซีน mRNA เป็นบูสเตอร์

Source

]]>
1351222
หุ้น​ COVID-19 ตัวไหนปัง! พร้อมชี้เป้า ETF ลงทุนรับดีมานด์ทั่วโลก https://positioningmag.com/1347296 Sat, 21 Aug 2021 14:18:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1347296
ตอนนี้…เวลานี้ ใครๆ ก็เรียกหาวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพราะพวกเรารู้ว่า วัคซีนจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้โลกของเราเอาชนะโรคระบาดครั้งสำคัญนี้ได้ แต่การผลิตวัคซีน รวมไปถึงจัดสรรและกระจายตามความต้องการของแต่ละประเทศทั่วโลก ยังทำได้ไม่ทั่วถึง จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างมาก

อัปเดตถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ประชากรในสัดส่วน 30.02% ทั่วโลกได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส และสัดส่วน 15.7% คือประชากรที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ยังไม่ใช่สัดส่วนที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ หรือทำให้แต่ละประเทศเปิดพรมแดนเพื่อออกเดินทางกันอีกครั้ง

กว่า 8 เดือน นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 จนถึงสิงหาคม 2564 ที่กระจายวัคซีนไปแล้วกว่า 4,480 ล้านโดสทั่วโลก ตราบใดที่เชื้อไวรัส COVID-19 ยังสามารถกลายพันธุ์ไปได้อีกหลายสายพันธุ์ ทำให้เกิดการระบาดได้อย่างรวดเร็วและอาการมีความรุนแรงมากขึ้น การพัฒนาวัคซีนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก…มีความจำเป็นอย่างมาก

ถ้าเชื้อไวรัสนี้ยังอยู่ ความต้องการวัคซีนก็ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เป็น Recurring Demand เหมือนกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่เราฉีดทุกปี

นั่นหมายว่า การวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกัน COVID-19 จะไม่ได้จบเพียงเท่านี้ กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้น การลงทุนใหม่ๆ จะตามมา บริษัทไหนที่อยู่ในแวดวงวิทยาศาสตร์และการแพทย์ มีความเกี่ยวข้องกับการพัฒนาวัคซีน…กำลังเป็นโอกาสลงทุนครั้งสำคัญ

หุ้นวัคซีน COVID-19 ราคาขึ้นแรง

รู้หรือไม่ว่า… โดยทั่วไปแล้วการพัฒนาวัคซีนในแต่ละชนิด ใช้เวลาตั้งแต่ 5-10 ปี หรืออาจจะนานกว่านั้น จนกว่าจะผลิตวัคซีนมีคุณภาพที่ดี ซึ่งไม่ง่ายนัก… ที่จะเอาชนะโรคระบาดที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

แต่สำหรับ COVID-19 นับเป็นโรคอุบัติใหม่ ที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ห้วงเวลาการคิดค้นและพัฒนาวัคซีนใช้เวลาไม่ถึง 9 เดือน ตัดขั้นตอนการทดสอบหลายระดับ ให้เหลือเพียง 3 ระยะ เพื่อให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพมากพอในระดับที่สามารถใช้ได้ในร่างกายมนุษย์

Photo : Shutterstock

นอกจากนี้รัฐบาลแต่ละประเทศต่างเร่งรัดรับรองการใช้วัคซีน COVID-19 เป็นการฉุกเฉิน (Emergency Use) เพราะการแพร่ระบาดจนมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกรวมๆ กว่า 4.328 ล้านคน (ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2564) ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ

เมื่อเวลาไม่คอยท่า แต่ละบริษัทในกลุ่มบริการสุขภาพทั่วโลกต่างเร่งสปีดพัฒนาวัคซีน บางบริษัทได้รับงบสนับสนุนจากรัฐบาล จึงเป็นที่มาของวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพื่อกระตุ้นการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน หรือกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน มีอยู่ 4 ประเภท ได้แก่

1.Genetic Vaccine

วัคซีนที่ถูกพัฒนาโดยใช้ยีนของไวรัส หรือที่เรารู้จักกันว่า วัคซีน mRNA (Messenger RNA) ปัจจุบันมี 2 ผู้ผลิต ได้แก่ Pfizer (ร่วมกับ BioNTech ของเยอรมนี) และ Moderna จากสหรัฐฯ

โรคระบาด COVID-19 กลายเป็นตัวเร่งครั้งสำคัญที่ทำให้เกิดวัคซีน mRNA แรกของโลก โดยมีรายงานว่า ให้ประสิทธิภาพป้องกัน และไม่ทำให้เจ็บป่วยรุนแรงได้สูงถึง 94-95% [4]

vaccine covid-19 pfizer
Photo : Shutterstock

นอกจากนี้วัคซีน mRNA ยังมีรายงานด้วยว่า ยังมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ได้ เช่น สายพันธุ์อินเดีย (เดลตา) เป็นต้น

ส่งผลให้ความต้องการวัคซีน mRNA พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายประเทศต่างเร่งรัดส่งคำสั่งซื้อหลายล้านโดส เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด จนมีข่าวว่าภูมิภาคอาเซียนมียอดคำสั่งซื้อเต็มโควตาปี 2564 แล้ว หากต้องการจะสั่ง ต้องรอปีต่อไป [6]

สำหรับ 3 บริษัทที่พัฒนาวัคซีน มีราคาหุ้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ Moderna (+534.3%) BioNTech (+463.22%) และ Pfizer (+32.43%) (ข้อมูล ณ วันที่  11 สิงหาคม 2564)

Photo : Shutterstock

ด้วยเหตุผลของประสิทธิภาพของวัคซีน mRNA สูงพอที่จะป้องกันหลากหลายสายพันธุ์ของ COVID-19 ทำให้มีหลายบริษัทเตรียมที่จะพัฒนาวัคซีนประเภทนี้ด้วย เช่น

  • Sanofi จะลงทุน 400 ล้านยูโรเพื่อพัฒนาและผลิตวัคซีน mRNA เพื่อเป็นอีกทางเลือกในการต่อสู้กับ COVID-19
  • Fosun Pharma เซ็นร่วมมือกับ BioNTech เพื่อผลิตวัคซีน mRNA ในจีน กำลังการผลิต 1,000 ล้านโดส ลงทุนร่วมกัน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่ก็มีรายงานว่า วัคซีน mRNA มีผลข้างเคียงเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Heart Inflammation) โดยองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ได้เพิ่มคำเตือนลงไปในฉลากวัคซีนด้วย

2. Viral Vector Vaccine

วัคซีนที่ถูกพัฒนาโดยใช้ไวรัสที่ทำให้อ่อนลง และไม่ก่อให้เกิดโรค มาตัดต่อใส่สารพันธุกรรมของ COVID-19 ปัจจุบันมี 4 แบรนด์ที่พัฒนาวัคซีนประเภทนี้ ได้แก่ AstraZeneca (ร่วมกับ University of Oxford) จากสหราชอาณาจักร, Johnson & Johnson จากสหรัฐฯ, CanSino Biologics จากจีน และ Sputnik V (Gamaleya Research Institute of Epidemiology and Microbiology) จากรัสเซีย

โดย AstraZeneca เป็นวัคซีนที่ได้รับการยอมรับและนำไปใช้ทั่วโลก เพราะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันตั้งแต่โดสแรก และมีงานวิจัยฉีดผสมกับวัคซีน mRNA เพื่อป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ด้วย

Astrazeneca Vaccine
Photo : Shutterstock

สำหรับวัคซีน Johnson & Johnson ที่ฉีดเพียงเข็มเดียว มีประสิทธิภาพสูงถึง 85% ส่วน AstraZeneca จำนวน 2 โดส มีประสิทธิภาพ 82% และ Sputnik V จำนวน 2 โดส มีประสิทธิภาพสูงถึง 92%

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าวัคซีน Viral Vector มีรายงานเรื่องผลข้างเคียงคือ เกิดลิ่มเลือดในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย มาจากทั้ง AstraZeneca และ Johnson & Johnson แต่ก็ยังมีเปอร์เซ็นต์การเกิดไม่สูงมาก

สำหรับราคาหุ้นที่ผลิตวัคซีน Viral Vector ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มี CanSino Biologics ราคาเพิ่มขึ้น 69.58% และ Johnson & Johnson ราคาเพิ่มขึ้น 17.39% ส่วน AstraZeneca เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.86% (ข้อมูล ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2564)

3. Protein-based Vaccine

วัคซีนที่ถูกพัฒนาโดยใส่ชิ้นส่วนโปรตีนของไวรัส เรียกอีกอย่างว่า Subunit Vaccine โดยบริษัทพัฒนาวัคซีนนี้ คือ Novavax จากสหรัฐฯ มีรายงานว่า ประสิทธิภาพการป้องกันสูงถึง 90%

ขณะนี้วัคซีนของ Novavax ยังไม่ได้มีสถานะการรับรองจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) FDA และสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา (อย.) ของไทย คาดว่า เร็วๆ นี้ อาจจะมีความคืบหน้า มีการรับรองและอนุมัติแบบ Emergency Use

Photo : Shutterstock

ความหลากหลายของวัคซีน จะช่วยให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงวัคซีนได้ง่ายขึ้น เพราะภูมิคุ้มกันของมนุษย์มีความซับซ้อน บางคนอาจจะแพ้วัคซีนชนิดใดชนิดหนึ่งได้ ดังนั้น Subunit Vaccine ของ Novavax จะเป็นทางเลือกหนึ่งในการต่อสู้กับ COVID-19

ราคาหุ้นของ Novavax ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น สะท้อนมุมมองเชิงบวก และผลสำเร็จของวัคซีนเช่นเดียวกัน 28.96% (ข้อมูล ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2564)

4. Whole-virus Vaccine

วัคซีนที่ถูกพัฒนาโดยใช้ไวรัสที่ทำให้อ่อนลง หรือไม่ทำงาน เรียกอีกอย่าง Inactivated Virus Vaccine หรือ วัคซีนเชื้อตาย ปัจจุบันจีนยังเป็นประเทศหลักที่ผลิตวัคซีนประเภทนี้ เช่น CoronaVac (Sinovac Biotech) และ Sinopharm จากจีน และยังมี Covaxin (Bharat Biotech พัฒนาร่วมกับ Indian Council of Medical Research) จากอินเดีย

เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ทำการทูตวัคซีน จึงส่งออกวัคซีนทั้ง 2 แบรนด์ไปยังประเทศด้อยพัฒนา และกำลังพัฒนาทั่วโลก ในรูปแบบทั้งขาย และบริจาค จึงทำให้วัคซีนเชื้อตาย ถูกฉีดให้กับประชาชนส่วนใหญ่ในเอเชีย แอฟริกาใต้ และอเมริกาใต้

Photo : Shutterstock

สำหรับ Covaxin ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองทางคลินิก และยื่นขอการรับรองจาก WHO แต่กำลังประสบปัญหากับข้อตกลงส่งมอบวัคซีนกับประเทศในอเมริกาใต้ เช่น บราซิล ปารากวัย

ส่วนราคาหุ้น Sinopharm ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 9.67% (ข้อมูล ณ วันที่  11 สิงหาคม 2564)

ในกลุ่มวัคซีนทั้ง 4 ประเภทนี้ มีการพัฒนามาแล้ว 21 แบรนด์ทั่วโลก และได้รับรอง Emergency Use ในบางประเทศ ส่วนที่ WHO รับรองแล้วมี 6 บริษัท ได้แก่ Pfizer-BioNTech Moderna AstraZeneca Johnson & Johnson Sinopharm และ Sinovac 

นอกจากนี้โรคระบาด COVID-19 ยังเป็นแรงส่งให้กับนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ และบุคลากรทางการแพทย์ ในการพัฒนาวัคซีนให้มีความหลากหลายมากขึ้น ล่าสุดมีการพัฒนาวัคซีนชนิดพ่นจมูก (Intranasal) ของบริษัท Meissa ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนทดลองกับสัตว์ มีรายงานว่า สามารถป้องกันสายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟา) และแอฟริกาใต้ (เบตา) ได้ โดยจะเป็นวัคซีนที่สามารถสร้างแอนติบอดีในระบบทางเดินหายใจ และหากจามออกมา จะไม่แพร่เชื้อ

หุ้นชุดตรวจ COVID-19 ที่น่าสนใจ

ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ถูกพัฒนามาโดยตลอด ทำให้การตรวจ COVID-19 เบื้องต้นสามารถทำได้ด้วยตัวเองจากที่บ้าน โดยคุณไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล ลดความเสี่ยงในการออกไปข้างนอก

คุณสามารถใช้ชุดตรวจแบบ Rapid Test เป็นชุดตรวจที่ทราบผลเร็วภายใน 30 นาที ปัจจุบันมีผู้ผลิตจากหลายๆ ชาติ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ จีน ออสเตรเลีย ฟินแลนด์ และเกาหลีใต้ รวมทั้งมีการขึ้นทะเบียนรับรองการใช้งานนับสิบแบรนด์ในทุกประเทศ ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

1.Rapid Antigen Test

ใช้ตรวจหาเชื้อ COVID-19 เพื่อประเมินการติดเชื้อเบื้องต้น โดยใช้การเก็บตัวอย่างด้วยการแยงไม้เข้าไปในโพรงจมูก ช่องคอ และน้ำลาย คล้ายคลึงกับการตรวจ RT-PCR (Real-time Polymerase Chain Reaction) ของโรงพยาบาล หากประเมินว่า ได้รับเชื้อมาแล้ว 5-14 วัน จะได้ผลตรวจที่แม่นยำ

สำหรับไทย อย. เพิ่งประกาศให้ประชาชนสามารถซื้อชุดตรวจ ​​Rapid Antigen Test มาใช้เองได้แล้ว โดยก่อนหน้านี้ ไม่อนุญาตให้ซื้อขายตามร้านขายยา แต่ในหลายๆ ประเทศ ประชาชนสามารถหาซื้อได้เอง อย่างในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

Photo : Shutterstock

2. Rapid Antibody Test

ใช้ตรวจหาภูมิคุ้มกันหรือภูมิต้านทาน COVID-19 โดยใช้วิธีเจาะเลือดที่ปลายนิ้วหรือท้องแขน สามารถตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อได้ในวันที่ 10 เป็นต้นไป นับจากที่คาดว่า ได้รับเชื้อ

การใช้ชุดตรวจ Rapid Antibody Test ผลที่ได้จะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์คัดกรองการติดเชื้อเบื้องต้น เพราะการตรวจภูมิคุ้มกัน COVID-19 ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเพียงอย่างเดียว การฉีดวัคซีนป้องกัน และผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคนี้ สามารถตรวจพบภูมิต้านทานที่เพิ่มขึ้นได้

Photo : Shutterstock

ปัจจุบัน อย. ไทย ยังไม่รับรองให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงชุดตรวจ Rapid Antibody Test แต่จะอนุญาตให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ใช้ตรวจได้เท่านั้น ส่วนประเทศอื่นๆ อย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ประชาชนสามารถเข้าถึงชุดตรวจนี้ได้

ตัวอย่างหุ้นบริษัทที่ผลิตชุดตรวจที่น่าสนใจ บางรายเป็นผู้ผลิตทั้ง Rapid Antigen Test และ Rapid Antibody Test ได้แก่ Abbott Laboratories จากสหรัฐฯ ราคาหุ้นได้รับอานิสงส์จาก COVID-19 เพิ่มขึ้นเป็น 22.65% ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ วันที่  11 สิงหาคม 2564) โดยได้ผลิตชุดตรวจ Rapid Antigen Test แบบการ์ด ด้วยราคาเพียง 5 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมแสดงผลภายใน 15 นาทีผ่านแอปพลิเคชัน ส่วน Roche จากสวิตเซอร์แลนด์ ราคาเพิ่มขึ้น 16.32% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ชี้เป้า ETF ลงทุนหุ้น COVID-19

เชื้อ COVID-19 ค้นพบครั้งแรกในจีนเมื่อปลายปี 2563 จนตอนนี้ระยะผ่านมานานกว่า 1 ปีครึ่ง ทั่วโลกยังเผชิญกับสถานการณ์แพร่ระบาดหลายระลอก

บางประเทศคุมได้เร็ว แต่ก็ยังกลับมาระบาดได้อีก บางประเทศเลือกที่จะเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ได้สัดส่วนมากกว่า 70% ของประชากร มีเป้าหมายให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะคลายมาตรการล็อกดาวน์ เปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเปิดการท่องเที่ยว

ขณะที่หลายๆ ประเทศพยายามสั่งจองวัคซีนหลายล้านโดส จากหลายๆ แบรนด์ผู้ผลิต เพื่อมาฉีดให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด เนื่องจากไม่สามารถคุมการแพร่ระบาดได้ การสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้กับประชาชน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

มิฉะนั้น…จะเปิดประเทศไม่ได้ จะเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจไม่ได้ เศรษฐกิจเสียหายหนักและใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวเท่าช่วงก่อนเกิด COVID-19

Photo : Shutterstock

แม้วัคซีนเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่เรายังคาดการณ์ไม่ได้ว่า โลกจะเอาชนะ COVID-19 ได้หรือไม่ หรือจะต้องเผชิญกับการแพร่ระบาด รวมทั้งไวรัสกลายพันธุ์ไปจนถึงเมื่อไร

มันเป็นวิกฤตของโลกที่กำลังสะเทือนเศรษฐกิจทุกประเทศ ในทางกลับกัน…โอกาสการลงทุนก็อยู่กับบริษัทที่พัฒนาและผลิตวัคซีน ยาต้านไวรัส และชุดตรวจ Rapid Test รวมทั้งถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

อย่างที่เราได้รวบรวมข้อมูลหุ้นวัคซีนและชุดตรวจ COVID-19 วัดกันที่ราคาหุ้นระยะสั้น ส่วนใหญ่มีทิศทางที่ดีจากการพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จ มียอดสั่งซื้อจากทั่วโลก และการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่ๆ รวมไปถึงการคิดค้นชุดตรวจที่แสดงผลรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ธุรกิจบริการสุขภาพ และเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างจีโนมิกส์  จึงมีความน่าสนใจมากในยุค New Normal นี้ โดย Jitta Wealth ได้คัดเลือก ETF 2 กอง เข้ามาเป็นตัวแทนของธีมธุรกิจเมกะเทรนด์ในกองทุนส่วนบุคคล Thematic อย่างธีมสุขภาพ (Healthcare) และธีมจีโนมิกส์ (Genomics) ที่ได้รับอานิสงส์จากวิกฤต COVID-19 ด้วย

Photo : Shutterstock

ธีมสุขภาพ มี iShares Global Healthcare ETF (IXJ) ลงทุนในหุ้นธุรกิจบริการสุขภาพทั่วโลกประมาณ 110 บริษัท เป็น Passive Fund โดยมีดัชนีอ้างอิง S&P Global 1200 Healthcare Sector Index ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตจากวิกฤต COVID-19 เช่น บริษัท Johnson & Johnson บริษัท Pfizer บริษัท Moderna บริษัท AstraZeneca บริษัท Sanofi บริษัท Abbott Laboratories และ Roche

ผลตอบแทนของ IXJ

  • ย้อนหลัง 1 ปี (1 สิงหาคม 2563 – 31 กรกฎาคม 2564) อยู่ที่ +21.87%
  • ปี 2564 (1 มกราคม – 11 สิงหาคม 2564) อยู่ที่ +13.26%
  • นับตั้งแต่จัดตั้ง ETF (13 พฤศจิกายน 2544) อยู่ที่ +374.37%

ธีมจีโนมิกส์ มี iShares Genomics Immunology and Healthcare ETF (IDNA) ลงทุนในหุ้นที่พัฒนานวัตกรรมจากระบบพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต วินิจฉัยโรคในระดับยีน และลงลึกไปถึงระบบภูมิคุ้มกันวิทยา ซึ่งการพัฒนาวัคซีน mRNA คือ การใช้เทคโนโลยีจีโนมิกส์ด้วย

IDNA เป็น Passive Fund โดยมีอ้างอิง 2 ดัชนี คือ NYSE FactSet Global Genomics และ Immuno Biopharma Index ลงทุนหุ้นที่พัฒนาวัคซีน mRNA เช่น บริษัท Moderna บริษัท BioNTech และบริษัท Sanofi

ผลตอบแทนของ IDNA

  • ย้อนหลัง 1 ปี (1 สิงหาคม 2563 – 31 กรกฎาคม 2564) อยู่ที่ +34.49%
  • ปี 2564 (1 มกราคม – 11 สิงหาคม 2564) อยู่ที่ +13.17%
  • นับตั้งแต่จัดตั้ง ETF (11 มิถุนายน 2562) อยู่ที่ +115.01%

สำหรับ การลงทุนในธุรกิจบริการสุขภาพในจีน ตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่และเป็นผู้พัฒนาวัคซีนจำนวนมหาศาลของโลกเช่นเดียวกับสหรัฐฯ กองทุนส่วนบุคคล Thematic ของ บลจ. จิตต เวลธ์ มีธีมตลาดหุ้นจีน iShares MSCI China ETF (MCHI) ที่ลงทุนในหุ้น Sinopharm และ CanSino Biologics ด้วย

]]>
1347296
“มาเลเซีย” ตั้งเป้าฉีดวัคซีนผู้ใหญ่ครบ 100% ภายในต.ค. วัคซีน 70% เป็น mRNA https://positioningmag.com/1343009 Mon, 19 Jul 2021 05:00:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1343009 นายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน แห่งมาเลเซียประกาศเป้าหมายฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้กับประชากรวัยผู้ใหญ่ครบทุกคนภายในเดือน ต.ค. โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการต่อสู้ COVID-19 ระลอกใหม่ที่ทำให้ยอดผู้ป่วยในแดนเสือเหลืองพุ่งสูงกว่าวันละ 1 หมื่นคน

ผู้นำมาเลเซียระบุว่า รัฐบาลจะเพิ่มกำลังการฉีดวัคซีนให้ได้ถึง 500,000 โดสต่อวัน เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อตัวกลายพันธุ์ต่างๆ ที่ติดต่อกันได้ง่าย

“การฉีดวัคซีนยังคงเป็นหัวใจหลักที่จะช่วยให้เราสามารถเอาชนะ COVID-19 และเดิมทีเราได้ตั้งกรอบเวลาไว้ว่าจะฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากร 80% ภายในไตรมาสแรกของปี 2022 จากนั้นก็เลื่อนเข้ามาเป็นเดือน ธ.ค. ปี 2021 และเวลานี้เราจะเร่งเป้าหมายในการฉีดวัคซีนให้เร็วยิ่งขึ้นอีก” มูห์ยิดดิน แถลงผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 ก.ค.

รัฐบาลมาเลเซียยังมีแผนเร่งฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสในประชากรผู้ใหญ่ของรัฐสลังงอร์ และกรุงกัวลาลัมเปอร์ให้ครบ 100% ภายในวันที่ 1 ส.ค. ในขณะที่รัฐซาราวักคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายเดียวกันในช่วงสิ้นเดือน ส.ค.

“เกือบทุกรัฐจะต้องมีอัตราการฉีดวัคซีนเกิน 50% ภายในสิ้นเดือน ส.ค. และเกิน 70% ในทุกรัฐภายในเดือน ก.ย.”

มาเลเซียได้สั่งจองวัคซีนเอาไว้มากกว่า 76.1 ล้านโดส โดย 70% เป็นวัคซีนชนิด mRNA ของไฟเซอร์ ส่วนที่เหลือเป็นวัคซีนของซิโนแวค, แอสตร้าเซนเนก้า และแคนซิโน

มูห์ยิดดินเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียได้รับวัคซีนมาแล้ว 20 ล้านโดสจากจำนวนทั้งหมดที่สั่งจองไว้

“ยอดส่งมอบโดยรวมจะเพิ่มเป็น 30 ล้านโดสภายในสิ้นเดือนนี้, 40 ล้านโดสในเดือน ส.ค., 53 ล้านโดสในเดือน ก.ย. และ 58 ล้านโดสในเดือน ต.ค. ส่วนที่เหลือจะทยอยส่งเข้ามาระหว่างเดือน พ.ย. จนถึงเดือน ม.ค. ปี 2022”

Source

]]>
1343009
ดีลสำเร็จ! บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ TSMC – Foxconn ต่อรองซื้อวัคซีน 10 ล้านโดสให้ไต้หวัน เเก้เกมจีน https://positioningmag.com/1342005 Tue, 13 Jul 2021 10:40:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1342005 ต่อรองสำเร็จ! ‘TSMC’ และ ‘Foxconn’ บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ป้อนวงการเทคโนโลยีโลก บรรลุข้อตกลงกับ BioNTech จัดซื้อวัคซีนโควิดเเบบ mRNA ที่พัฒนาร่วมกับ Pfizer เพื่อนำมาฉีดฟรีให้ประชาชนชาวไต้หวัน 10 ล้านโดส ‘เเก้เกม’ ข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทเปและปักกิ่ง

สำหรับค่าใช้จ่ายการจัดซื้อวัคซีนของ BioNTech รวมไปถึงค่าบริการระบบการขนส่งและค่าประกันภัย จะอยู่ที่ไม่เกิน 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.7 พันล้านบาท) ซึ่งทั้งสองบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด เเละจะนำไปบริจาคให้กระทรวงสาธารณสุขของไต้หวัน

ปกติเเล้ว BioNTech จากเยอรมนี ร่วมมือกับ Shanghai Fosun Pharmaceutical ให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายวัคซีนชนิด mRNA ที่ได้พัฒนากับ Pfizer ในประเทศจีน

โดยรัฐบาลไต้หวัน อ้างว่าทางการจีนพยายามขัดขวางไม่ให้ไต้หวันจัดหาวัคซีนจาก BioNTech ซึ่งจีนยื่นข้อเสนอว่าจะบริจาควัคซีนป้องกันโควิดให้เอง เเต่ไต้หวันยืนยันปฏิเสธ

ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูง ไต้หวัน ต้องหาทางออกใหม่ โดยจับมือกับบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่มี ‘อำนาจการต่อรองทางธุรกิจสูง’ อย่าง Foxconn และ TSMC ให้ไปติดต่อกับ BioNTech และ Shanghai Fosun Pharmaceutical โดยตรงเพื่อจัดหาวัคซีนเเทนรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อตกลงใหม่ที่ว่า BioNTech และ Fosun ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายวัคซีนให้กับบริษัทเอกชน (มากกว่ารัฐบาลไต้หวัน) นั้น ทางรัฐบาลจีนก็คงยังมองว่า เป็นเรื่องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

Terry Gou มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Foxconn โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการแทรกแซงจากทางการจีน เเละขอบคุณที่การเจรจาทางธุรกิจครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี

อย่างที่ทราบกันว่า ‘Foxconn’ เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของโลก มีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเเบรนด์ดังต่างๆ ทั้ง HP, Dell , Lenovo เเละ Apple ส่วน TSMC เป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลิตชิปให้ AMD, Apple และ Nvidia รวมถึงชิ้นส่วนสำคัญของของสมาร์ทโฟนทั่วโลก

โดยฐานการผลิตของ Foxconn ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีนเเละประเทศอื่นๆ แต่ฐานการผลิตของ TSMC ส่วนใหญ่ยังอยู่ในไต้หวัน

ที่ผ่านมา ไต้หวันได้รับการยกย่องว่ามีการควบคุมการระบาดใหญ่ได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ขณะนี้กำลังประสบปัญหาระลอกใหม่ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 700 ราย ซึ่งปัจจุบันไต้หวันกระจายวัคซีนโควิด-19 โดสเเรกไปแล้ว 3.3 ล้านคน คิดเป็น 14% ของประชากรทั้งหมด

โดยทาง TSMC และ Foxconn ระบุว่า วัคซีนจาก ‘BioNTech’ จะถูกจัดส่งมาจากรงงานในเยอรมนี และจะนำเข้าไต้หวันได้เร็วที่สุดในช่วงปลายเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

 

ที่มา : The Verge , Financial Times

 

 

 

 

]]>
1342005