ซีพีสนับสนุนกลุ่มทรู อัดฉีด 3 พันล้านบาท เร่งขยายธุรกิจทรูมูฟ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของทรู สนับสนุนเงินจำนวน 3 พันล้านบาทเพื่อขยายธุรกิจของทรูมูฟ อีกทั้งเสริมทรูมูฟให้ได้ประโยชน์เต็มที่จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย พร้อมให้สิทธิทรูซื้อหุ้นคืนได้ทุกขณะ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี สนับสนุนธุรกิจทรูมูฟ ผ่านวิธีการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท กรุงเทพอินเตอร์เทเลเทค จำกัด (มหาชน) หรือ BITCO เป็นจำนวนทั้งสิ้น 6 พันล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 0.50 บาท ทั้งนี้ BITCO เป็นบริษัทแม่ของทรูมูฟ ซึ่งถือหุ้นโดย บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ Wirefree Services Belgium (บริษัทย่อยในเครือของ France Telecom)

นอกจากนี้ ซีพี ยังให้สิทธิ์กับทรูในการซื้อหุ้นคืนได้ในราคาตามต้นทุนจริงบวกค่าใช้จ่าย (Cost-plus Basis) ภายในระยะเวลา 18 เดือน โดยสามารถซื้อคืนได้ในราคาหุ้นละ 0.53 บาท ภายใน 6 เดือน หรือในราคาหุ้นละ 0.56 บาทภายใน 1 ปี และในราคาหุ้นละ 0.59 บาท ภายใน 18 เดือน

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานหัวหน้าคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ยืนยันว่า ทรูจะซื้อหุ้นทรูมูฟคืนจากซีพีอย่างแน่นอน

“ทรูรู้สึกยินดียิ่งที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ นอกจากจะแสดงความมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนบริษัทในระยะยาวแล้ว ยังสะท้อนความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของทรูมูฟและอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ซีพียังให้สิทธิ์ทรูสามารถซื้อหุ้นคืนเมื่อไรก็ได้ ภายในระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งเราตั้งใจว่าจะซื้อหุ้นดังกล่าวคืน ภายหลังจากการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้น”

“เงินสนับสนุนจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ในทรูมูฟครั้งนี้ จะช่วยลดภาระด้านเงินทุนที่กลุ่มทรูต้องนำไปสนับสนุนการขยายธุรกิจของทรูมูฟอย่างรวดเร็วในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้ทรูมูฟสามารถขยายโครงข่ายการให้บริการที่ครอบคลุมพื้นที่กว่า 92% ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ ทำให้ปัจจุบันทรูมูฟขยายธุรกิจจนถึงจุดที่สามารถสร้างกระแสเงินสด และเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้เพียงพอสำหรับการลงทุนในอนาคต” นายศุภชัยกล่าวเพิ่มเติม

นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ทรูมูฟสามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการได้มากกว่า 3 เท่า จากเดิม 3.4 ล้านราย มาเป็น 12 ล้านราย และสามารถครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจากอัตราร้อยละ 12.8 เป็นอัตราร้อยละ 23 โดยในช่วงเวลาเดียวกัน ทรูมูฟยังสามารถขยายการให้บริการโครงข่ายครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77 เป็นร้อยละ 92 ของจำนวนประชากรทั่วประเทศ

ผลการดำเนินงานของทรูมูฟตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้จากการให้บริการ (ที่ไม่รวมค่าเชื่อมโยงโครงข่าย) เติบโตในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 30.3 ต่อปี (จาก 13.1 พันล้านบาท ในปี 2547 เป็น 22.3 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2549) ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงาน ก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายตัดจ่าย หรือ EBITDA มีการเติบโตในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 46.9 ต่อปี (จาก 2.4 พันล้านบาท ในปี 2547 เป็น 5.1 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2549) และคาดว่าทั้งรายได้และ EBITDA จะเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไปในปี 2551

สำหรับการขายหุ้นดังกล่าวในราคาหุ้นละ 0.50 บาทนั้น เป็นราคาเดียวกับที่ใช้ในการแปลงหนี้เป็นทุนของทรูใน BITCO ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จำนวน 7.06 พันล้านบาท (ประกอบด้วยเงินต้น 6 พันล้านบาท และดอกเบี้ยค้างจ่ายจำนวน 1.06 พันล้านบาท)

การซื้อหุ้น BITCO ในครั้งนี้ ทำให้เครือเจริญโภคภัณฑ์มีสัดส่วนการถือหุ้นใน BITCO และ ทรูมูฟเพิ่มขึ้นจากอัตราร้อยละ 0.76 เป็นอัตราร้อยละ 23.92 โดยสัดส่วนการถือหุ้นของทรูจะลดลงจากร้อยละ 98.17 เป็นร้อยละ 75.26 และสัดส่วนการถือหุ้นของ Wirefree Services Belgium จะลดลงจากอัตราร้อยละ 1.07 เป็นอัตราร้อยละ 0.82

นายนพปฎล เดชอุดม รองหัวหน้าคณะผู้บริหารฝ่ายการเงิน กล่าวว่า “ทรูได้พิจารณาหาทางเลือกในการหาเงินสนับสนุนการขยายตลาดของทรูมูฟหลายวิธีด้วยกัน แต่การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว ให้กับเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทรู เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทรูมูฟ ในขณะนี้ทั้งในแง่การเสริมความแข็งแกร่งของงบดุลและปลดจากภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย รวมทั้งในแง่การให้สิทธิแก่ทรูในการซื้อหุ้นคืนในราคาที่สมเหตุผล เพื่อรักษาสัดส่วนในการลงทุนในทรูมูฟ ซึ่งทรูขอขอบคุณและตระหนักถึงความเชื่อมั่นของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่มีต่อกลุ่มบริษัททรู โดยให้ความสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง”

“เงินสนับสนุนทรูมูฟที่ได้รับจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ในครั้งนี้ จะทำให้ทรูมูฟได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งจากโอกาสในการดำเนินยุทธศาสตร์คอนเวอร์เจนซ์ของกลุ่ม และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตเพิ่มขึ้นในอนาคต ภายใต้การกำกับดูแลที่มีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้น” นายศุภชัย กล่าวในที่สุด