“กระทิงแดง” ลุยพรีเมียม ขยายฐานสู่คนรุ่นใหม่

ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเป็นอีกตลาดที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องงาน และกำลังซื้อที่น้อยลง ส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในช่วงปีที่ผ่านมาเติบโตเพียงแค่ 1-2% เท่านั้น มีมูลค่า 21,400 ล้านบาท โดยเอ็ม 150 ยังเป็นเจ้าตลาดด้วยด้วยส่วนแบ่ง 57.7%

กระทิงแดงในฐานะอันดับ 3 ที่ครองส่วนแบ่งตลาด 16.3% ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ทำให้ต้องมีการปรับกลยุทธ์ในการออกสินค้าในกลุ่มพรีเมียม เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคยรุ่นใหม่มากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงจากกลุ่มลูกค้าหลักที่มีความถี่ในการดื่มน้อยลง

สำหรับตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในระดับพรีเมียมถือว่าเล็กอยู่ คิดเป็นสัดส่วน 15% ของตลาดรวม หรือราว 3,400 ล้านบาท มีการเติบโต 2-3%  ขึ้นอยู่ว่าแต่ละปีมีการออกสินค้าใหม่ในตลาดหรือไม่

2_Kratingdaeng2

กระทิงแดงได้เริ่มนำร่องออกเซ็กเมนต์พรีเมียมเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ในชื่อ แบรนด์กระทิงแดง G2 ที่มีส่วนผสมจินเซนโนไซน์ ชูจุดขายเรื่องบำรุงสมอง ราคา 15 บาท เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เป็นกลุ่มนักศึกษา

และในปีนี้ได้ออกอีกแบรนด์ในกลุ่ม G ใช้ชื่อ กระทิงแดง G3 มีส่วนผสมของเคอร์คูมินอยด์ ชูเรื่องการบำรุงตับ สำหรัคนที่ชอบทานของมัน และชอบปาร์ตี้ด้วย

สุรชัย จงเลิศวราวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด กล่าวว่า เครื่องดื่มชูกำลังมีกลุ่มลูกค้าหลักเป็นคนใช้แรงงานหรือกลุ่มรากหญ้า ที่พอเศรษฐกิจไม่ดีทำให้เขาทำมาหากินไม่ได้ ความถี่ในการดื่มก็น้อยลง เราเลยต้องมองหาตลาดอื่นเพื่อขยายฐานลูกค้าไปกลุ่มอื่นอย่างคนรุ่นใหม่มากขึ้น เป็นการกระจายความเสี่ยง หรือหาโอกาสในช่วงที่ตลาดแมสไม่เติบโต

“แต่ในการที่จะคุยกับคนรุ่นใหม่ ทำให้ต้องทำการบ้านอย่างหนักอยู่พอสมควร เพราะต้องล้างภาพลักษณ์ของเครื่องดื่มชูกำลังที่เป็นเครื่องดื่มของคนใช้แรงงาน ซึ่งคนจะจดจำภาพขวดสีชา เราจึงต้องทำแพ็กเกจใหม่ให้ทันสมัย และเพิ่มราคาให้ดูพรีเมียมขึ้น”

1_Kratingdaeng

พร้อมทั้งใช้พรีเซ็นเตอร์ควบคู่ไปด้วย เลือกใช้พระเอกจากช่อง 7 เวียร์ ศุกลวัฒน์ คณารศ เพื่อให้แบรนด์ดูทันสมัยมากขึ้น และเข้ากับคอนเซ็ปต์ลูกผู้ชายตัวจริง หลังจากที่ไม่ได้ใช้พรีเซ็นเตอร์มากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งสาเหตุต้องใช้พรีเซ็นเตอร์อีกครั้ง เพื่อมากระตุกภาพลักษณ์ให้เด็กลง ให้ทันสมัย และเข้าถึงคนได้ง่าย

แต่อย่างไรแล้วในตลาดแมสก็ยังคงเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งขับเคลื่อนด้วยโปรโมชั่นมาโดยตลอด ทำให้กระทิงแดงต้องมีโปรโมชั่นควบคู่ไปด้วย “ตลาดนี้แข่งขันด้วยโปรโมชั่นมาโดยตลอด พ่วงด้วยทีมสาวๆ ของแต่ละค่าย จนถึงทุกวันนี้ถ้ามีโปรโมชั่น หรือไม่มีโปรโมชั่นคนก็เก็บฝาตลอด จะไม่ให้มีโปรโมชั่นไม่ได้ เพราะเราคุยกับคนรากหญ้าจำเป็นต้องมีโปรโมชั่นเข้ามากระตุ้น แต่ก็ต้องสร้างแบรนด์ควบคู่ไปด้วย”

ในปีนี้กระทิงแดงได้วางงบการตลาด 200 ล้านบาท เป็นทั้งการจัดโปรโมชั่น และทำกิจกรรมออนกราวนด์ต่างๆ และใช้สื่อดิจิทัลมากขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้มีการเติบโต 5-8% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 1% จากปัจจุบันมี 16.3% ครองอันดับ 3

นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของกระทิงแดง เพราะกระทิงแดงไม่ใช่เจ้าแรกที่ทำเซ็กเมนต์พรีเมียม ในตลาดก็มีผู้เล่นหลายรายที่เป็นคู่แข่งโดยตรงที่ทำตลาดมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ ลิโพ เอ็มสตรอม และชาร์คคูลไบท์ ของค่ายฉลาม โดยที่ลิโพเป็นผู้นำตลาด และยังมีคู่แข่งทางอ้อมก็เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงสมองอย่างเปปทีน หรือแบรนด์ แต่มีราคาสูงกว่ามาก ต้องดูว่ากลยุทธ์ของ กระทิงแดง ใช้เป็นจุดเด่นก็คือส่วนผสมที่ให้คุณประโยชน์เพิ่ม รวมทั้งแพ็กเกจจิ้ง ให้ดูพรีเมียมขึ้น และใช้พรีเซ็นเตอร์มาช่วยสร้างการรับรู้ จะช่วยปลุกตลาดเครื่องดื่มชูกำลังได้มากน้อยแค่ไหน

plan_Kratingdaeng

3_Kratingdaeng

info_Kratingdaeng