หลังจากรอกันมาพักใหญ่ ในที่สุด นีลเส็น ประเทศไทย ก็ได้ประกาศเปิดใช้งาน “บริการข้อมูลการวัดเรตติ้งแบบมัลติสกรีน หรือ Digital Content Ratings” ซึ่งเป็นการวัดผลผู้ชมผ่านจอต่างๆ ให้กับลูกค้าทีวี เอเจนซี่ และเจ้าของสินค้า ในไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 เป็นต้นไป
การวัดผลด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า Digital Content Ratings หรือ DCR ของนีลเส็น จะทำการวัดเรตติ้งผู้ชมในจอต่างๆ ทั้ง วิดีโอ, เว็บไซต์ และวิทยุ แบบรายวัน โดยมีจุดสำคัญคือมี “มาตรวัด” ที่สามารถใช้ควบคู่กับเรตติ้งทีวีได้
นีลเส็น ระบุว่า นับจากวันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป ลูกค้าของนีลเส็น ซึ่งประกอบไปด้วยเจ้าของสื่อ เอเจนซี่ และเจ้าของสินค้า จะสามารถเข้าถึงรายงานการเปรียบเทียบข้อมูลของพฤติกรรมการรับชมดิจิตอลคอนเทนต์ของผู้บริโภคผ่านทางเดสก์ท็อป แล็ปท็อป, สมาร์ทโฟน (แอปและบราวเซอร์), แท็บเล็ต (แอปและบราวเซอร์) และสมาร์ท ทีวี ซึ่งสามารถรายงานข้อมูลผู้ชมแบบรายวัน ครอบคลุม เพศ และวัยของผู้ชม จึงช่วยให้ได้ข้อมูลภาพรวมของการรับชมสื่อของผู้บริโภคได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้เข้าใจถึงพฤติกรรมการรับชมดิจิตอลคอนเทนต์ในทุกๆ จอ ทำให้สามารถวางกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ รายการ เว็บไซต์ และวิทยุ
สินธุ์ เภตรารัตน์ กรรมการผู้จัดการธุรกิจมีเดียนีลเส็น ประเทศไทยเวียดนาม และพม่า กล่าวว่า “การเปิดบริการ Digital Content Ratings ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จที่สำคัญมากอีกก้าวหนึ่งของนีลเส็น ที่พิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นที่มีต่อการพัฒนาการวัดให้กับอุตสาหกรรมในส่วนของออนไลน์ ซึ่งเชื่อถือได้ และเป็นข้อมูลจากองค์กรอิสระที่มีความคงที่ สม่ำเสมอในการส่งมอบ เป็นมาตรฐานสากล
การให้บริการการวัด Digital Content Ratings ของนีลเส็นนั้นได้ใช้กรรมวิธีในการวัดรูปแบบเดียวกับการวัด Digital Ad Ratings (บริการวัดผลโฆษณาออนไลน์) ของนีลเส็น ซึ่งมีการใช้งานกว่า 25 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นการเปิดตัวการให้บริการทั้งสองรูปแบบ ประกอบด้วย Digital Content Ratings และ Digital Ad Ratings จะทำให้ลูกค้าสามารถได้รับข้อมูลที่ละเอียด เจาะลึก ซึ่งทำให้สามารถที่จะวางแผนทั้งในส่วนของคอนเทนต์และการวัดประสิทธิภาพของโฆษณาได้ดียิ่งขึ้น
3 ช่องทีวี-เคเอฟซี ขานรับ
สำหรับผลตอบรับของสถานีโทรทัศน์ โดย ชลากรณ์ ปัญญาโฉม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานดิจิทัลทีวี บริษัทเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ระบุถึงผู้ชมของเวิร์คพอยท์ ที่มีการรับชมคอนเทนต์ผ่านมัลติสกรีนทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นเวิร์คพ้อยท์เองก็ต้องการทราบว่าผู้ชมกำลังดูอะไรอยู่และใช้อุปกรณ์ใดบ้าง เครื่องมือของ DCR นี้ช่วยให้มีทัศนวิสัยที่ดีขึ้นและได้รับข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นกว่าที่เคยมีมา และเมื่อผู้ชมบนดิจิตอลของเติบโตขึ้น เครื่องมือนี้จะช่วยให้เราสามารถทำการตัดสินใจทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้นเพื่อเข้าถึงผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จิตสุภา วัชรพล เจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และการตลาด สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี มองว่า DCR สามารถนำมาใช้พัฒนาคอนเทนต์ทีวีให้ขยายกลุ่มเป้าหมายสู่แพลตฟอร์มออนไลน์
พลากร สมสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัทกรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือช่อง 7 กล่าวว่า “จากข้อมูลที่ได้ ด้วยการวัดผลของ Digital Content Rating นั้น ทำให้ช่อง 7 ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนจากทุกแพลตฟอร์มและทุกช่องทาง นอกเหนือจากการวัดเรตติ้งทางทีวี ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่าคนดูไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เปลี่ยนช่องทางการรับชมเท่านั้น
ทางด้าน อัลฮูล ซัวฮาน รองประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาด – เคเอฟซี บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การพัฒนาเมตริกในการวัดเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งระบบการวัดของอุตสาหกรรมในปัจจุบันนี้ยังมีช่องว่างอยู่มาก หนึ่งในช่องว่างที่ใหญ่มากคือการที่ตอนนี้เรายังไม่มีอะไรที่สามารถวัดข้ามแพลตฟอร์มได้ แพลตฟอร์มแต่ละแพลตฟอร์มมีเมตริกของตัวเองที่แตกต่างกัน เหมือนเป็นกำแพงกั้นไว้
เมื่อมาลองดูที่ผู้บริโภค จะรู้เลยว่าเราจำเป็นต้องวัดข้ามแพลตฟอร์ม เพราะฉะนั้นนี่คือโอกาสที่สำคัญมากอย่างแรก
โอกาสที่สองคือ หากสามารถใช้ benchmark และมีเมตริกในการวัดที่เหมือนกับออฟไลน์ เพราะว่าเราจะไม่สามารถตัดสินใจว่าเราจะเอาเม็ดเงินไปวางไว้ที่ไหนหากเราไม่มีเมตริกในการวัดแบบเดียวกัน
“คุณต้องวัดแอปเปิลกับแอปเปิล ไม่ใช่แอปเปิลกับส้ม ดังนั้นการวัดที่ใช้เมตริกเดียวกันระหว่างออฟไลน์และออนไลน์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและ ROI ได้” อัลฮูล กล่าว