“ขอให้รวย…ขอให้รวย” เป็นคาถาที่ผู้บริหารนมตรามะลิต้องท่องไว้ในใจ เมื่อต้องใช้กลยุทธ์ “อิทธิฤทธิ์ มาร์เก็ตติ้ง” มาใช้กับการอกผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมกับแคมเปญล่าสุดที่นมมะลิเลือกใช้วิธีแจกวัตถุมงคล แผ่นทองเหลืองลงคาถามหาลาภ ที่หลวงพ่อรวย ปาสาทิโก พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดตะโก พระนครศรีอยุธยา มาทำพิธีปลุกเสก เพื่อนำไปใช้กับชุดแต่งร้านค้าใหม่ให้กับลูกค้าเป้าหมายที่เป็นรถเข็นกาแฟและโรตี จำนวน 5 พันกว่าราย
กลยุทธ์แบบอินไซท์ลูกค้าถึงเพียงนี้ เป็นเพราะผู้บริหารของนมตรามะลิหวังว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ ”นมมะลิ“ ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว”
หมัดแรกนั้น เป็นการติดอาวุธให้กับผลิตภัณฑ์ใหม่ “มะลิโกลด์” ครีมเทียมข้นหวาน ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังเติบโต ด้วยอัตราเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5-10% ทุกปี เป็นที่นิยมของร้านกาแฟ และร้านโรตี ที่เฉลี่ยใช้ร้านละ 6 -12 กระป๋องต่อวัน เพราะมีราคาถูกกว่านมข้นหวานถึง 5 บาท ทำให้ตลาดรวมมูลค่า 3 พันล้านบาท ถูกครีมเทียมข้นหวานเอาไปครองแล้วถึง 60%
แต่ตลาดครีมเทียมข้นหวานก็มีนม “คาเนชั่น” เป็นคู่แข่งคนสำคัญ ที่ออกสตาร์ททำตลาดครีมเทียมข้นหวานไปก่อนหน้านี้ ทำให้มีสัดส่วนครองส่วนแบ่งตลาดในตลาดนี้กว่า 40%
ยิ่งไปกว่านั้น ร้านกาแฟและโรตีเหล่านี้เป็นลูกค้าเป้าหมายสำคัญของบรรดาแบรนด์ต่างๆ เพราะมีอัตราการใช้สม่ำเสมอ และมีจำนวนมากนับแสนราย จึงสามารถใช้เป็นพื้นที่โฆษณาให้กับแบรนด์ต่างๆ หลายแบรนด์ จึงนิยมใช้กลยุทธ์การแจกของตกแต่งให้กับร้านค้าเหล่านี้ อย่าง คาเนชั่น ก็ใช้ได้ผลมาแล้ว ล่าสุดยังมีน้ำตาลมิตรผล ก็เริ่มใช้กลยุทธ์เดียวกันนี้ มะลิต้องสร้างความแปลกแหวกแนวเพื่อซื้อใจร้านค้าเหล่านี้
“เวลานี้ ทุกรายก็ใช้กลยุทธ์เดียวกัน สิ่งของกับเจ้าของร้านทั้งผลิตภัณฑ์และเครื่องใช้ต่างๆ เหมือนกัน คนขายเขาก็หันมาเลือกซื้อจากราคาเป็นหลัก ใครให้ถูกกว่ากันเขาก็เลือกใช้สินค้านั้นๆ นมมะลิเราก็เลยต้องหนีไปคิดหาวิธีที่แตกต่าง เรามองแล้วว่าเครื่องรางของขลังที่ปลุกเสกไปตกแต่งร้านนอกจากเพิ่มความมั่นใจและเป็นสิริมงคลแล้ว ยังสร้างรอยัลตี้ให้กับแบรนด์อีกด้วย เพราะร้านค้าในระดับรากหญ้าต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยเฉพาะช่วงนี้คนจะเข้าหาวัดมากขึ้น” สุวิทย์บอกถึงความต่างของการตกแต่งร้านในสไตล์มะลิที่เข้าถึง Consumer Insight มากขึ้น
ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจขาลงด้วยแล้ว ยิ่งมีโอกาสที่ทำให้คนสนใจทำธุรกิจในลักษณะรถเข็นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนตกงานและคนที่หางานทำ เพราะใช้เงินลงทุนไม่สูงมากนัก นอกจากมะลิจะเร่งสร้างรอยัลตี้โปรแกรมผ่านรถเข็นลดโลกร้อนซึ่งมอบให้แก่ร้านกาแฟและร้านโรตีกว่า 50 คันที่ผ่าน ช่วยให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์มะลิดีวันดีคืน และเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อรวยนี้นอกจากช่วยยึดเหนี่ยวจิตใจของพ่อค้าแม่ขายแล้ว สุวิทย์หวังว่าจะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายนี้เลือกใช้มะลิไม่เปลี่ยนแปลงด้วยคาถาของหลวงพ่อเช่นกัน
แคมเปญ “ทองล้นร้าน กับคาราวานมะลิโกลด์” ครั้งนี้ นมมะลิอัดฉีดงบถึง 150 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่มาที่ใช้เพียง 100 ล้านบาท
ตลาดรวมนมข้นหวานและครีมเทียมข้นหวานมูลค่า 3, 000 ล้านบาท
นมข้นหวาน 40%
ครีมเทียม 60%
ส่วนแบ่งตลาดครีมเทียมข้นหวาน (by brand)
มะลิ 30%
คาร์เนชั่น 40%
เบิร์ดวิง เรือใบ และอื่น 30%
ครีมเทียมข้นหวาน “มะลิโกลด์”
Launched 22 มิถุนายน 2552 นักข่าวสายธุรกิจการตลาด รวม 20 คน ณ วัดตะโก อำเภอภาชี พระนครศรีอยุธยา
Market Analysis ตลาดครีมเทียมข้นหวานมีอัตราการเติบโตปีละ 5-10% มีช่องทางจัดจำหน่ายอยู่ที่ร้านกาแฟและโรตีเป็นหลัก และพ่อค้าแม่ขายหันมาใช้ครีมเทียมข้นหวานแทนเพราะราคาถูกกว่านมข้นหวาน 5 บาท ทำให้ตลาดนมข้นหวานนั้นมีอัตรการเติบโตลดลง
Position เป็นครีมเทียมข้นหวานที่ให้ความหวานและหอม ราคาถูกแต่ภาพลักษณ์ดูพรีเมียม ด้วยการใช้แพ็กเกจจิ้งสีทองแสดงถึงความร่ำรวยและโชคลาภ
Target ร้านกาแฟและโรตี ประมาณ 1 แสนร้าน
Promotion ใช่แคมเปญ “ทองล้นร้าน กับคาราวานมะลิโกลด์” ใช้งบ 150 ล้านบาท เน้นไปที่รายการ แซดทีวีทางช่อง 5 เป็นหลัก ตลอดระยะเวลา 1 ปี