ช่วง 2 ปีมานี้การแข่งขันของธนาคารเปลี่ยนไป ต้องปรับกลยุทธ์ให้เป็นธนาคารแห่งอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “พาร์ตเนอร์ชิพ แบงกิ้ง” ซึ่งหลังจากที่ “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” วางนโยบายสู่ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น หนึ่งในกลยุทธ์ในการร่วมมือกับสตาร์ทอัพหรือฟินเทค ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถขยายกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ล่าสุด กรุงศรีขอลุยขยายธุรกิจไปสู่การให้ “สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์” ผ่าน “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” ที่เป็นธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และ “กรุงศรี ออโต้” ซึ่งเป็นธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร ตามมาติดๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ 1 วัน SCB จับมือลาซาด้าเปิดตัวสินเชื่อออนไลน์ สำหรับกลุ่มร้านค้า SME
ขณะเดียวกัน ธนาคารกสิกรไทย ก็จับมือกับ Grab เพื่อเป็นแพลตฟอร์มการเงินให้กับ Grab และปล่อยสินเชื่อให้กับคนขับรถของ Grab
โดยกรุงศรีเลือกจับมือกับ “ลาล่ามูฟ” ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นขนส่งสินค้าแบบ On Demand จากประเทศที่ฮ่องกง ปัจจุบันมีการดำเนินการอยู่ใน 10 เมืองหลักใน 8 ประเทศเขตภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอีก 96 เมืองในประเทศจีน ส่วนเมืองไทยบุกเข้ามาได้ราว 4 ปีแล้ว โดยให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก
คีย์หลักที่ต้องมาร่วมมือกัน เพราะลาล่ามูฟมีจำนวนผู้ขับอยู่ในระบบกว่า 80,000 คน เฉลี่ยแล้วมีรายได้ 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวการันดีได้ว่า จะได้ฐานลูกค้าที่มีคุณภาพ และก่อให้เกิดความเสี่ยงของหนี้เสียได้น้อยที่สุด อีกทั้งยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับธุรกิจของ กรุงศรี ออโต้ เพราะยังไงแล้วคนขับก็ต้องการซื้อรถมอเตอร์ไซค์มาใช้สำหรับทำงาน
เบื้องต้นจะมีผู้ขับประมาณ 5,000 – 6,000 รายที่จะเข้าข่ายในการให้ให้สินเชื่อ คัดเลือกจากกลุ่มที่มีผลงานดีเยี่ยมก่อน (กลุ่ม Super Star และ Star) รับงานอย่างน้อยเดือนละ 400 – 500 งาน โดยกรุงศรี คอนซูมเมอร์ มีสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และสินเชื่อผ่อนชำระ ส่วนกรุงศรี ออโต้ให้สินเชื่อกรุงศรี มอเตอร์ไซค์ หรือกรุงศรี บิ๊กไบค์
กรุงศรีจะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยเชื่อมต่อข้อมูลจากแอปพลิเคชั่นของลาล่ามูฟ เช่น ข้อมูลการรับงานของผู้ขับขี่ จำนวนรายได้ที่ผู้ขับขี่ได้รับจริงในแต่ละเดือน เป็นต้น ซึ่งการได้ข้อมูลเหล่านี้มาประกอบ กรุงศรีให้ความเห็นว่า จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ลดความเสี่ยง และทำให้ยอดการอนุมัติ (Approve) สูงขึ้น
เพราะปรกติแล้วกลุ่มคนที่ทำงานอิสระ มักจะไม่ค่อยกล้าขอสินเชื่อเนื่องจากไม่มีหลักฐานทางการเงินมาประกอบเหมือนกับกลุ่มที่มีเงินเดือนเข้าประจำ ยอดอนุมัติที่ผ่านมาจึงน้อยตามไปด้วย อีกทั้งนี่ยังทำให้ต้นทุนลดลงไป ไม่ต้องส่งพนักงานภาคสนามออกไปตรวจสอบ เมื่อต้นทุนลดต่อไปดอกเบี้ยก็มีโอกาสลดตามไปด้วย
ฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ บอกว่า
“จริงๆ แล้ว คนกลุ่มนี้ไม่ได้ต้องการเงินที่มาก อาจจะอยู่ในหลัก 3,000 – 5,000 บาท ซึ่งแต่ก่อนธนาคารจะไม่กล้าปล่อย เพราะมีต้นทุนทางการเงินสูงจึงต้องมียอดหลักหมื่นขึ้นไป ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้กรุงศรีเรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ก่อนที่จะนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์ในอนาคต”
ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียงเฟสหนึ่ง เป็นสินเชื่อออนไลน์ที่จะเริ่มปล่อยในเดือนธันวาคมนี้ โดยกรุงศรีเตรียมวงเงินคร่าวๆ ประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่ายอดสินเชื่อจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 15,000 บาทต่อคน คิดดอกเบี้ยประมาณ 28% ต่อปี ส่วนสินเชื่อมรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กดอกเบี้ย 1.59% ต่อเดือน ผ่อนสูงสุด 24 เดือน และรถบิ๊กไบค์ดอกเบี้ย 6% ต่อปี ผ่อนได้สูงสุด 48 เดือน
ส่วนเฟส 2 จะขยายไปยังการลงทุนหรือประกัน และให้ความรู้เกี่ยวกับการเงินด้วย ส่วนกับลาล่ามูฟนั้น ได้วางแผนที่จะเชื่อมต่อหลังบ้านกัน ต่อไปหากผู้ขับขอสินเชื่อเมื่อถึงเวลาจ่ายก็จะหักตรงเลย ขณะเดียวกันกรุงศรีก็ขยายพาร์ตเนอร์ไปด้วย ตอนนี้คุยทั้งหมด 4 ราย คาดว่าจะได้เห็นช่วงต้นปีหน้า.