Nokia 2015 Mobile Computer Era

จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเราในปี 2015 … คำตอบจาก “โนเกีย” เบอร์ 1 ของอุตสาหกรรมมือถือของโลก คือ “คอมพิวเตอร์จะหายไป” และ “โทรศัพท์มือถือ” จะมาแทนที่เข้าสู่ “ยุคคอมพิวเตอร์มือถือ (Mobile Computer)” อย่างสมบูรณ์แบบ และนี่คือการรบครั้งใหม่ที่โนเกียประกาศวิสัยทัศน์นำ “บริการ” เป็นอาวุธในสนามในตลาดทุกเซ็กเมนต์ ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ที่จะทำให้โนเกียได้ลูกค้า 300 ล้านคน ในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2011 จากผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกว่า 4,000 ล้านคน และอีกหลักพันล้านคนของประชากรโลกอินเทอร์เน็ตทั้งหมด 6,000 ล้านคนในปี 2015

“โนเกีย” แสดงวิสัยทัศน์ตอกย้ำการเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมากกว่า “โทรศัพท์มือถือ” อย่างชัดเจน ในงาน “The Way we live Next 3.0” บิ๊กอีเวนต์ประจำปีของโนเกีย ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ที่สำนักงานใหญ่โนเกีย หรือที่เรียกว่า “โนเกีย เฮาส์” เมือง Espoo ชานกรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 2009 ที่ผ่านมา ท่ามกลางนักข่าวทั่วโลกเกือบ 100 คน กับทีมผู้บริหารระดับคีย์แมนของโนเกียชุดใหญ่

“ผลิตภัณฑ์หนึ่งชนิด หรือขนาดเดียวนั้น ไม่ได้เหมาะกับผู้บริโภคทุกคน หรือ One size doesn’t fit all” คือการเริ่มต้นเล่าเส้นทางอนาคตของโนเกีย จาก “Mary Mcdowell” Chief Development Officer ที่ฉายภาพให้เห็นว่าไม่เพียงแต่เครื่องโทรศัพท์เท่านั้นที่โนเกียนำเสนออย่างหลากหลายให้กลุ่มเป้าหมายเลือกซื้อ แต่ต่อไป “บริการบนมือถือ” ที่เป็นธุรกิจใหม่ของโนเกียก็จะหลากหลาย เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายเช่นกัน และจะไม่ใช่สิ่งที่อยู่เฉพาะในก้อนเมฆแห่งโลกออนไลน์ที่หลายคนมีโอกาสแชร์เครือข่ายนำเสนอบริการใหม่ๆ ในโลกออนไลน์เท่านั้น

แผนของโนเกียคือ การเสนออุปกรณ์ที่น่าสนใจ มีประโยชน์ในการใช้งาน ในราคาที่หาซื้อได้ พร้อมกับบริการที่เหมาะกับชีวิตประจำวันของทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา ในกลุ่มเป้าหมายใหญ่คือผู้ใช้มือถือในโลกนี้ โนเกียต้องการทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงแต่ละคน และอยู่ในใจของผู้คนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่โนเกียจะเชื่อมต่อผู้คน ด้วยคุณสมบัติที่เป็นมากกว่าโทรศัพท์เพื่อการโทรเพียงอย่างเดียว

เพราะนี่คือเวลาเริ่มต้นของยุค Mobile Computer ที่คนจะต่อเชื่อมโลกออนไลน์ผ่านโทรศัพท์มือถือมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่ง Henry Tirri Head of Nokia Research Center บอกไว้อย่างชัดเจนว่าในปี 2015 คอมพิวเตอร์จะหายไป กลายเป็นคอมพิวเตอร์มือถือที่ อุปกรณ์ 1 ชิ้นสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย เราจะได้เห็นคนในเจนเนอเรชั่นใหม่ ที่ก้าวผ่านคอมพิวเตอร์มาใช้คอมพิวเตอร์มือถือไปเลย

นี่คือผลวิจัยที่ศูนย์วิจัยของโนเกียพบ จากการที่โนเกียมีแล็ปวิจัยอยู่ทั่วโลก มีทีมงานอยู่ถึง 50 สัญชาติที่ทำให้รู้ความต้องการของลูกค้าหลากหลาย ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาระดับโลกในการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค การร่วมมือกับคู่ค้า

“บริการ” รักษาแชมป์
“Heikki Norta” Head of Corporate Strategy บอกว่า การเติมบริการลงบนมือถือของโนเกีย จะอยู่ทุกกลุ่มเป้าหมายของโนเกีย ตั้งแต่กลุ่มที่ใช้มือถือราคาถูกเพียงแค่ส่งเอสเอ็มเอสได้ ไปจนถึงสมาร์ทโฟน ซึ่งทั้งหมดคือโอกาสใหม่ของโนเกีย

ปี 2015 ผู้คนจะยังคงมีความเป็นส่วนตัว แต่ก็พร้อมเปิดเผยตัวเอง มีนวัตกรรมใหม่ๆ ความสร้างสรรค์ และการแบ่งปัน จะทำให้ทุกคนมีสีสันในชีวิตมากกว่าเดิม และโนเกียก็เตรียมบริการเหล่านี้ไว้แล้ว ต่อยอด และเพิ่มเติม จากบริการที่โนเกียดูจากผลในช่วง 6 เดือนที่มา คือบริการรับส่งข้อมูล แผนที่ บริการทางการเงิน เพลง และแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ จาก Ovi Store ซึ่งในไตรมาสแรกของปีหน้า โนเกียจะมีตั้งแต่บริการทางการเงิน ไปจนถึงสีสันใหม่ ๆ ในโซเชียลเน็ตเวิร์ค

Norta บอกว่า กลยุทธ์ของโนเกียเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จใน ยุคของคอมพิวเตอร์มือถือคือ สรุปได้ 4 ข้อหลักๆ คือ
1.การผลิตอุปกรณ์ที่ดีที่สุด
2.การนำเสนอบริการที่ดีและฉลาด
3.การสร้างสัมพันธ์โดยตรง และต่อเนื่องกับผู้บริโภค
4.การมีโซลูชั่นดีจนไม่อาจปฏิเสธได้ และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทุกฝ่าย

ทั้งหมดนี้จะทำให้โนเกียเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใช้บริการ 300 ล้านคน ภายในปี 2011

นี่คือความต้องการของผู้บริโภคที่ทำให้ “โนเกีย” ต้องหาบริการมาเติมเต็ม เพื่อรักษาความเป็นแบรนด์เบอร์ 1 ในอุตสาหกรรมนี้ ที่โนเกียยังมีการบ้าน คือการพัฒนาระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน หรือ Operating System (OS) ถึง 2 ตัวในเวลานี้ ตัวแรกคือ Symbian ที่อยู่คู่กับสมาร์ทโฟนโนเกียมาตั้งแต่ต้น และในวันนี้พัฒนามาถึงเวอร์ชั่น 2 ที่สมบูรณ์แล้วเตรียมเผยโฉมในครึ่งปีแรกของปี 2010 ต่อเนื่องไปจนถึงเวอร์ชั่น 3 ในครึ่งปีหลัง และเวอร์ชั่น 4 ในครึ่งแรกของปี 2011 ซึ่งจะมีลูกเล่นถึง 466 ฟีเจอร์ เช่น Near Field Communication หรือ NFC ที่ช่วยให้มือถือส่งสัญญาณใช้คู่กับเครื่องเสียง รถยนต์ เป็นต้น

อีกตัวหนึ่งคือ Maemo ที่โนเกียพัฒนามานานประมาณ 2 ปี และเป็นความหวังว่าโนเกียจะสามารถดึงนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้หันมาเล่นกับโนเกียมากขึ้น Maemo ตัวนี้ ได้ลงทดสอบทำตลาดแล้วในการเป็น OS ของโนเกีย N 900 ที่โนเกียวาง Positioning เป็น Internet Tablet และจำหน่ายถึงมือลูกค้าแล้วตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการออกตัวครั้งสำคัญที่โนเกียหวังว่า Maemo จะเป็น OS ที่ลูกค้า Mobile Computer ในอนาคตนิยม

คำถามคือว่า “โนเกีย” มาช้าเกินไปหรือไม่กับบริการเหล่านี้ หลังจากที่ทั้งแบล็คเบอรี่ และไอโฟน ต่างจับจองตลาดนี้ไปแล้วส่วนหนึ่ง จนส่วนแบ่งตลาดของโนเกียในกลุ่มสมาร์ทโฟนลดลงเหลือประมาณ 39% จากประมาณ 42% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2009 และโนเกียจะสามารถรักษาความเป็นเบอร์ 1 ในยุคคอมพิวเตอร์มือถือ เหมือนอย่างที่โนเกียทำได้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาหรือไม่ Norta บอกว่า “ถูกต้องที่โนเกียมาช้า แต่จุดแข็งของโนเกียคือ “แบรนด์” ที่ให้บริการทั่วโลก ไม่ใช่ตลาดเฉพาะกลุ่ม มีผู้คนจำนวนนับพันล้านคนในโลกเชื่อถือ และไว้ในใจแบรนด์ของโนเกีย และนี่คือโอกาสที่จะทำให้โนเกียมีรายได้เพิ่มขึ้นในยุคของ Mobile Computer อย่างแน่นอน”

Next Life 3.0
ทิศทางธุรกิจที่โนเกียกำลังเดินไปด้วย “บริการ” นั้น ทำให้ “Oskar Korkman” Head of Opportunity Identification in Consumer&Customer Insights โนเกีย บอกว่า นับจากนี้ไม่เพียงแค่ต้องรู้ว่าเทรนด์ของคนใช้มือถือเป็นอย่างไร แต่ต้องรู้ด้วยว่าเมื่อมือถือหลอมรวมกับคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวกันแล้วจะตอบสนองความต้องการส่วนลึกของผู้บริโภคได้อย่างไรบ้าง

Oskar แชร์ข้อมูลสิ่งที่เขาค้นพบ “ตัวตน” ของผู้บริโภคผ่านกระบวนการวิจัยอย่างเต็มรูปแบบทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และนำมาสู่ชีวิตผู้คนยุคใหม่ที่แยกออกจากโลกของดิจิตอลไม่ได้ ดังนี้

1.Sharing the Love เทรนด์ของการแบ่งปันความรัก เพราะจากความเหงาของผู้คนในโลก ทำให้เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลเน็ตเวิร์คช่วยให้แบ่งปันความรักทำได้มากขึ้น

2.Digital Intimacy การเติบโตของสื่อดิจิตอลจะมีผลกับพฤติกรรมของผู้คน โดยผู้คนจะรู้สึกสะดวกใจมากยิ่งขึ้นในการสร้างความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า แม้จะเพิ่งเจอกันที่ปาร์ตี้ในคืนที่ผ่านมา คนมีความเขินน้อยลงในการทำความรู้จักกัน เพราะโซเชียลมีเดีย และนำไปสู่มิตรภาพ การสร้างแบรนด์ บริการ และสิ่งใหม่ๆ

3.Local Living ขณะที่อินเทอร์เน็ตทำให้บางคนกลายเป็นประชากรระดับโลก แต่คนจำนวนมากก็จะเพิ่มความสัมพันธ์ และสร้างประสบการณ์ในระดับท้องถิ่นที่เขาเหล่านั้นอยู่อาศัยมากขึ้น

4.Waking Things Up ผู้คนจะมีปฎิสัมพันธ์กับสิ่งของต่างๆ รอบ ๆ ตัวมากขึ้น ส่วนหนึ่งทำให้ตัวเองมีเรื่องราวบอกเล่าในโซเชียลเน็ตเวิร์ค และสื่ออื่นๆ มากขึ้น

บทสรุปจากพฤติกรรมของใหม่เหล่านี้ นำไปสู่การทำให้ความสัมพันธ์ของคนในสังคม ที่ปกติมีพฤติกรรมอยู่ 4 รูปแบบนั้นง่าย และเหนียวแน่นมากขึ้น คือ

1.Bonding ความสัมพันธ์แบบผูกพันกัน อย่างเช่นคนในครอบครัว

2.Friendship ความสัมพันธ์ของคนในสังคม

3.Purpose รูปแบบความสัมพันธ์ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกันเป็นจุดเชื่อมโยง

4.Stranger ความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า เช่นจากการไปงานเดียวกัน หรือคอนเสิร์ต

“Nokia” is all aroud

หนุ่มวัยทำงาน ที่ซานฟรานซิสโก มีโนเกียบอกเส้นทาง ใช้เชื่อมต่อกับทีวีดูถ่ายทอดสดฟุตบอล พร้อมๆ กับเพื่อนที่ฝรั่งเศสเหมือนได้ดูด้วยกัน และยังใช้เป็นเครื่องวัดสภาพร่างกายขณะกำลังขี่จักรยาน, สาวน้อยนักศึกษาที่สเปนใช้ “โนเกีย” เก็บภาพเพื่อนใหม่ พร้อมข้อมูลที่บอกว่าพบที่ไหน เมื่อไหร่ เธอได้ฟังเพลงพร้อมกับแฟนที่อยู่ลอนดอน ทำให้รู้สึกได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และเป็นสมาชิก Ovi เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายสังคมออนไลน์ และภาพสุดท้าย หนุ่มอินเดียอาชีพประมง ชอบดูหนัง “บอลลีวู้ด” เขาดาวน์โหลดหนังจากมือถือโนเกีย มาต่อเชื่อมกับทีวีที่บ้าน เพื่อดูพร้อมครอบครัว เขาได้รับรายงานสภาพอากาศทุกวันตอนเช้าก่อนออกเรือ และช่วยขายสินค้าได้เงินสะดวกขึ้นจากบริการโนเกียมันนี่

เป็นภาพของไลฟ์สไตล์จาก 3 เซ็กเมนต์ ที่โนเกียบอกว่าพร้อมให้บริการไม่ว่าผู้คนจะใช้มือถือเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิต ใช้เพื่อเข้าสู่เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือเพื่อความบันเทิง

การประกาศทิศทางของโนเกีย และการสาธิตบริการต่างๆ ของโนเกีย ที่โนเกีย เฮาส์ ทำให้รู้สึกได้ว่าอนาคตอันใกล้นี้ “โนเกีย” อาจอยู่รอบๆ ตัวเรามากขึ้น โดยสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ที่ผู้คนมีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ และกลุ่มประเทศเกิดใหม่

ในกลุ่มตลาดของประเทศพัฒนาแล้ว โนเกียเน้นการนำเสนอบริการที่ช่วยให้การเข้าเครือข่ายสังคมออนไลน์มีสีสัน และสะดวกมากยิ่งขึ้น ตามเทรนด์ของพฤติกรรมของคนยุคใหม่ โดยมีบริการทั้งที่โนเกียพัฒนาเอง และจากพันธมิตรนักพัฒนาแอพฯ ทั่วโลก เช่น

“Speedhero”
เป็นมือถือที่สามารถตรวจวัดความเร็วของการเล่นกีฬาได้ ตั้งแต่ฟุตบอล วอลเลย์บอล เทนนิส ไอซ์ฮอกกี้ เมื่อเราลองเตะลูกฟุตบอลให้เข้าประตูจำลองที่ตั้งไว้ในมุมสาธิตบริการ โดยมีมือถือวางไว้ใกล้ (พอที่จะปลอดภัย) เครื่องจะวัดจากเสียงของเท้าที่อัดเข้ากับลูกบอล และขณะลูกบอลกระทบกำแพงหลังประตู เสียงนี้จะคำนวณกลายเป็นความเร็ว

ได้ตัวเลขแล้ว ก็สามารถอัพขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คอย่าง Facebook อวดเพื่อนได้ทันที

“Lifecasting with Ovi”
ด้วย Ovi จะทำให้สามารถโพสต์ได้สดๆ ว่าคุณกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหนจากหน้าจอมือถือของคุณ หรือแม้แต่โพสต์เข้าไปใน Facebook ก็พร้อมให้อัพเดตทั้งสถานที่ และภาพได้ทันที

Nokia Point & Find
มาโชว์ให้เห็นชัดๆ และใช้งานได้จริงในปีนี้ หลังจากเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว เพียงแต่ว่ามีโลโก้ รูปภาพ ของสินค้าหรือแบรนด์เข้าไปอยู่ในระบบของโนเกีย และมีกล้องมือถือ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ โลโก้ หรือภาพเหล่านั้น ก็จะหากันเจอในระบบ เมื่อเข้าไปใน http://pointandfind.nokia.com และทำให้รู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน และจะไปที่หมายที่คุณไม่รู้จักได้อย่างไร

สำหรับในกลุ่มตลาด Emerging Market หรือประเทศเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนา บริการที่ได้รับความสนใจมาก ต้องยกให้กับบริการที่ช่วยให้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมายสะดวกสบาย และเพิ่มมูลค่าในแง่รายได้ และความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เช่น

Nokin Money
เป็นบริการที่โนเกียให้ความสำคัญมากที่สุด โดยจัดให้ผู้บริหารที่รับผิดชอบบริการนี้ มาบรรยายให้นักข่าวทั่วโลกฟังนานเกือบ 20 นาที

โดยมีบริการตั้งแต่โอนเงิน จนถึงจ่ายค่าสินค้า ซึ่งโนเกียเห็นโอกาสของบริการนี้จากช่องว่างของการเข้าถึงบริการทางการเงิน ของประเทศเกิดใหม่หลายแห่งในโลก โดยกลุ่มที่มีโอกาสใช้บริการนี้ คือ 1.ผู้ที่มีโทรศัพท์มือถือ ที่คุณสมบัติของเครื่องเพียงส่ง SMS ก็สามารถใช้ได้ กับ 2.กลุ่มที่ไม่มีบัญชีธนาคาร

ขณะที่ประชากรในโลกนี้มี 6 พันล้านคน มีโทรศัพท์มือถือแล้ว 4 พันล้านคน แต่มีบัญชีธนาคารกันเพียง 1 พันล้านคนเท่านั้น นี่คือโอกาสที่โนเกียจะเริ่มให้บริการนี้ในไตรมาสแรกของปีหน้า โดยโนเกียเป็นเจ้าของระบบให้บริการ มีรายได้จากค่าธรรมเนียม มีพันธมิตรธุรกิจคือธนาคารของท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อมีใบอนุญาตบริการทางการเงิน และพันธมิตรผู้ให้บริการมือถือ เพื่อใช้เครือข่าย ที่สำคัญโนเกียมันนี่ คือบริการที่โนเกียเปิดกว้างให้ลูกค้าที่ใช้มือถือแบรนด์อื่นๆ สามารถใช้บริการได้

Health Radar
มือถือที่จะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถติดตามการแพร่ระบาดของโลกได้ ด้วยข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตามศูนย์อนามัยต่างๆ รายงานเข้าสู่เซิร์ฟเวอร์

Nokia Life Tools
โนเกียร่วมกับผู้ให้บริการคอนเทนต์ต่างๆ เช่น ข้อมูลด้านราคาสินค้าเกษตร บริการด้านการศึกษา ข้อมูลบันเทิง เพื่อส่งไปยังลูกค้า ซึ่งตัวอย่างที่มาสาธิตครั้งนี้ คือข้อมูลราคาสินค้าเกษตร ที่ขณะนี้ให้บริการแล้วที่ 18 รัฐในอินเดีย และเพิ่งเปิดที่อินโดนีเซียเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา ด้วยราคาเดือนละ 1 ดอลลาร์สหรัฐ กับการบริการส่งข้อมูลตอนเช้าวันละ 1 ครั้ง