ล้วงลึก Bar B Q Plaza กับกลยุทธ์ “Marketing Collaboration” เมื่อคนทำแบรนด์สมัยนี้ต้องใจกว้าง หมดยุคลูกค้าเป็นของฉันทั้งชีวิต!

การทำธุรกิจในวันนี้มีความยากมากขึ้นทุกวัน เพราะใครๆ ก็อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ยิ่งเป็นธุรกิจที่ผู้บริโภคต้องใช้ทุกวัน ยิ่งต้องเจอกับคู่แข่งที่ถาโถมเข้ามา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านอาหาร ซึ่งแต่ละวันผู้บริโภคต้องกิน 3 มื้อ และบางคนกินมากกว่านั้นด้วยช้ำ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินมูลค่าตลาดธุรกิจร้านอาหารในปี 2018 น่าจะอยู่ที่ 411,000-415,000 ล้านบาท เติบโตราว 4-5% จึงไม่ต้องแปลกใจหากจะมีร้านอาหารใหม่ๆ เกิดขึ้นมาทั้งในห้างและนอกห้างเต็มไปหมด

กลายเป็นความท้าทายที่แม้แต่เชนร้านอาหารยังต้องปรับตัว สำหรับ “Bar B Q Plaza” ได้เลือกแก้โจทย์เรื่องนี้ด้วยกลยุทธ์ “Marketing Collaboration” หรือการไปร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ โดยถึงกับยกให้ปี 2019 จะเป็นปีแห่ง Collaboration เลยทีเดียว

บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด

บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า บริษัท ฟู้ด แพชชั่น จำกัด เล่าให้ฟังว่า Bar B Q Plaza มีแนวคิดอย่างหนึ่งคือ “First Move” การทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เพื่อเข้าไปยังมุมที่แบรนด์ยังไม่เคยเข้าถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ Collaboration ผ่านพาร์ตเนอร์ชิพกับแบรนด์อื่นๆ

กลยุทธ์นี้เริ่มขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนตอนออกแคมเปญรีฟิล โดย Bar B Q Plaza ดึงบัตรเครดิต 11 ธนาคารมาทำแคมเปญร่วมกัน ต่อมาก็ทำอีกเรื่อยๆ ทั้งทรานส์ฟอร์มไปอยู่ใน Air Asia, Grab Car, Coke นำคาแร็กเตอร์บาร์บีกอนไปปรากฏตัวบนเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ Anitech หรือปีที่ผ่านมาก็ไปร่วมกับ สาหร่ายมาชิตะของค่ายสิงห์ ออกรสชาติ เบคอนย่างซอสบาร์บีคิวพลาซ่า 

สิ่งที่แบรนด์จะได้มานอกเหนือจากการเพิ่มฐานลูกค้าระหว่างแบรนด์ที่เข้าไปจับมือ เพิ่ม Brand Awareness – Brand Value – Brand Perception แต่ที่สำคัญที่สุดสามารถนำแนวคิด Know-how ของแบรนด์นั้นๆ มาเป็นเชื้อเพลิงสำหรับต่อยอดเกมการตลาดได้

“Pizza Hut” Collaboration ดีลแรกของปี 2019

สำหรับในปี 2019 คาดว่าจะได้เห็น Marketing Collaboration จำนวน 3 ดีลจาก Bar B Q Plaza มี 2 ดีลที่กำลังคุยอยู่เป็นแบรนด์อาหารและไลฟ์สไตล์ โดยดีลแรกของปีคือการร่วมมือกับ “Pizza Hut” ธุรกิจที่อยู่ภายใต้ตระกูลมหากิจศิริ

แม้จุดเริ่มต้นของดีลจะมาจาก Pizza Hut เดินเข้ามาหาก่อน แต่ลึกๆ แล้วความท้าทายที่ Bar B Q Plaza กำลังเจอคือ การที่ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในโหมด “Auto Pilot” เดินเข้ามาไม่ต้องต้องดูเมนู สามารถสั่งได้เลย แต่แทนที่จะเป็นจุดได้เปรียบว่าเป็นแฟนคลับจริงๆ แต่กลับสร้างผลเสียแทน

เพราะแม้จะสร้างแบรนด์ได้ดีแค่ไหนแต่เมื่อมีแต่อาหารซ้ำๆ ก็ไม่ตอบโจทย์ลูกค้า ยิ่งกินแต่เมนูเดิมๆ ก็อาจจะสร้างความเบื่อหน่ายและไม่มีความกระตือรือร้นที่อยากจะเดินเข้ามาที่ร้าน ทางออกจึงต้องเพิ่มเมนูใหม่ๆ เพื่อสร้าง Need ให้ลูกค้า โดย Bar B Q Plaza วางแผนจะออกแคมเปญใหม่ทุกไตรมาส

สำหรับดีลกับ Pizza Hut เป็นการนำเอาจุดแข็งคือรสชาติมาทำร่วมกัน โดยฝั่ง Bar B Q Plaza จะออกชุดหมูบาร์บีฮัทในราคาสุดคุ้ม 299 บาท ที่เสิร์ฟมาในถาดพิซซ่า ยังมีเมนูทานเล่นและของหวานอีก 2 เมนู

ส่วน Pizza Hut ออกพิซซ่าหน้าใหม่พิซซ่าฮัทบีก้อนขายในราคาถาดละ 299 บาท (ปกติ 429 บาท) ทั้งหมดจะวางขายเฉพาะ 1 เมษายน – 20 พฤษภาคม

ทั้งคู่ยังได้ร่วมกันใช้งบ 80 ล้านบาทสำหรับโปรโมตแคมเปญฟินเว่อร์ ฮัทเจอก้อนและยังได้ออก Co-Promotion ใน 7 วันแรกที่เริ่มแคมเปญเมื่อซื้อเมนูที่ทำร่วมกันจะได้ส่วนลด 100 บาทไปใช้กับร้านของอีกฝ่ายได้ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในเกมตลาดที่จะดึงให้คนส่วนใจ และเพิ่มจำนวนลูกค้าในช่วงสงกรานต์ที่จะมาถึง

ปรกติคนทำอาหารจะหวงลูกค้ากันมาก จะไม่ยอมมา Collaboration ร่วมกันเลย แต่การร่วมมือของเราคู่ถือเป็นวิธีคิดแบบใหม่ และเป็นครั้งแรกในวงการอาหาร เพราะมองว่า คนทำแบรนด์สมัยนี้ต้องใจกว้าง หมดยุคลูกค้าเป็นของฉันทั้งชีวิต การร่วมกันกลับจะยิ่งทำให้ธุรกิจแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

เพราะเป้าหมายต้องการคือ Cross Target ของทั้งสองแบรนด์ ฝั่ง Pizza Hut ก็อยากได้ฐานกลุ่มวัยรุ่น (Teen) และคนรุ่นใหม่ (Young Adult) เพิ่มส่วน Bar B Q Plaza ก็เติมกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ที่มีลูก (Young Family with Kids) และยังตั้งเป้ายอดขายโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

3 กลยุทธ์ปี 2019 ของ Bar B Q Plaza

ด้านกลยุทธ์ในภาพรวมของปี 2019 Bar B Q Plaza วางเป้าไว้ 3 ข้อ ได้แก่

1.เน้นการเติบโตของยอดขายเดิม มากกว่าการขยายสาขาใหม่ ในปีนี้วางแผนเปิดเพียง 5 สาขา ลดลงจากปีก่อนที่เปิด 8 สาขา ใช้งบสาขาละ 10 ล้านบาท และวางแผนรีโนเวตสาขาเดิม 4-5 สาขา งบ 5-7 ล้านต่อสาขา ถ้าเป็นไปตามแผนสิ้นปี 2019 จะมีทั้งสิ้น 255 สาขา ภายรวมใช้งบลงทุน 10% ยอดขาย มีแคมเปญใหญ่ประมาณ 3-4 แคมเปญ

2.ปรับโครงสร้างการทำงาน เพราะโลกหมุนเร็วไปทุกวัน แค่คิดอาจจะสายเกิดไปด้วยซ้ำ Bar B Q Plaza จึงได้เปลี่ยนระบบการทำงานให้สามารถขยับตัวได้เร็วมากขึ้น จากเดิมทำเป็นแผนกมาสู่การทำงานแบบ Agile

3.เพิ่มคุณภาพ โดนตั้งเป้าให้ทุกสาขาผ่านการรองรับระบบคุณภาพ GMP

อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าธุรกิจอาหารจะไม่โดนดิสรัปชั่น เพราะคนยุคนี้ต้องการความสะดวกสบายไม่อยากออกมาข้างนอก อยู่บ้านก็สามารถกิจได้ Bar B Q Plaza จึงกำลังศึกษาโมเดลเดลิเวอรี่ เบื้องต้นอาจจะตั้งทีมขึ้นมาทำเอง แต่ถ้าศึกษาแล้วไปต่อไม่ได้ก็จะไปหาพาร์ตเนอร์มาช่วย เพราะธุรกิจวันนี้หยดยุคมานั่งงมเอง ถ้าไม่ไหวก็ต้องหาตัวช่วยมาติดความเร็วให้กับธุรกิจ