“ธุรกิจร้านอาหาร” เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม New Gen ที่ต้องการเป็น “เจ้าของธุรกิจ” เช่นเดียวกับอาชีพ “เชฟ” ที่กลายเป็นอันดับต้นๆ อาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ แต่ท่ามกลางธุรกิจร้านอาหารที่มีการแข่งขันสูง “ฝีมือ” การสร้างสรรค์เมนูอาหาร จึงต้องมาพร้อมสกิลการบริหารจัดการธุรกิจที่ดี เพื่อทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้
หลังเปิดตัว โรงเรียนสอนทำอาหาร Le Cordon Bleu Dusit (เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต) ทำเลใหม่ใจกลางเมือง บนพื้นที่ชั้น 17-19 พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร อาคารเซน เวิลด์ ทาวเวอร์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท
เลอ กอร์ดอง เบลอ สถาบันสอนทำอาหาร 123 ปี จากฝรั่งเศส ได้เปิดตัวโปรแกรมการจัดการด้านอาหารชั้นสูง (The Advanced Culinary Management Programme) เพื่อตอบสนองความต้องการที่จะเรียนรู้ทักษะการเป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการทำอาหารเพิ่มเติม ซึ่งเป็นหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมาในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา โดยเปิดสอนแล้วที่ ปารีส ฝรั่งเศส, ลอนดอน อังกฤษ และโซล เกาหลีใต้ ล่าสุดเปิดสอนที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย
ธุรกิจร้านอาหารเปิดปีแรกปิดตัว 60%
สุชาดา สถาปิตานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจร้านอาหารประเทศไทย มีมูลค่ากว่า 415,000 ล้านบาทต่อปี แต่ละปีมีร้านอาหารเปิดใหม่นับ 10,000 ร้าน แต่ก็พบว่าร้านเปิดใหม่ 60% ต้องปิดตัวหลังจากเปิดปีแรก และใน 5 ปี ปิดตัว 80% วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกปี
สะท้อนได้ว่าร้านอาหารเป็นอีกธุรกิจที่มีการแข่งขันรุนแรง จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทำให้ต้องแข่งขันด้านราคาและการสร้างความน่าสนใจ ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแบกภาระต้นทุนสูง ทำให้โรงเรียนสอนทำอาหารวันนี้ ไม่สามารถหยุดอยู่เพียงการสร้างหลักสูตรอาหารใหม่ๆ เท่านั้น แต่ต้องเพิ่มทักษะการบริหารจัดการให้ผู้เรียนด้วย
เปิดคอร์สเสริมทักษะบริหาร
เลอ กอร์ดอง เบลอ จึงได้เปิดตัวโปรแกรมการจัดการด้านอาหารชั้นสูงในประเทศไทย ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อให้นักเรียนมีทักษะที่จำเป็นในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในอุตสาหกรรมอาหารที่มีการแข่งขันสูง ทั้งจากคู่แข่งร้านอาหารทั่วไป สตรีทฟู้ด และรูปแบบเดลิเวอรี่
หลักสูตรบริหารที่จัดทำขึ้น เพื่อเสริมทักษะการบริหารจัดการ ตั้งแต่การวิเคราะห์และวางแผนธุรกิจร้านอาหาร การวางคอนเซ็ปต์เมนู การสร้างแบรนด์และการตลาด การควบคุมต้นทุน เน้นการปฏิบัติแผนธุรกิจเสมือนเป็นเจ้าของร้านอาหาร อัตราค่าเรียนหลักสูตรการจัดการด้านอาหารชั้นสูง อยู่ที่ 2.4 แสนบาท จำนวน 180 ชั่วโมง ระยเวลาเรียน 3 เดือน เปิดคอร์ส เดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ได้รับความนิยมในประเทศที่เปิดสอนทั้งในฝรั่งเศส อังกฤษ และเกาหลีใต้ มีผู้เข้าเรียนเต็มทุกเทอม
“พูดได้ว่า เลอ กอร์ดอง เบลอ ได้พัฒนาหลักสูตรวิชาการจัดการธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหาร ที่ให้ความสำคัญทั้งรสชาติและการบริหารจัดการควบคู่กัน เพื่อให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จทั้ง 2 ด้าน”
คนรุ่นใหม่แห่เรียนเปิดธุรกิจร้านอาหาร
การเปิดหลักสูตรการจัดการด้านอาหารชั้นสูง ของเลอ กอร์ดอง เบลอ ในประเทศไทย เพื่อเป็นอีกหลักสูตรเสริมทักษะให้กับผู้เรียน เพื่อตอบสนองแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ (New Gen) ที่ต้องการมีธุรกิจร้านอาหารเป็นของตัวเอง
ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีความต้องการที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจมากกว่าเป็นลูกจ้างขององค์กร พฤติกรรมนี้ได้ส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจอาหาร เห็นได้จากเพิ่มขึ้นของนักเรียน “เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต” ที่อยู่ในช่วงอายุ 20-25 ปี มีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 30% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
พบว่าคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบการศึกษาเข้ามาเรียนทำอาหารมากขึ้น เพราะตั้งใจเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร ในกลุ่มนี้จะเรียนครบทุกหลักสูตรทั้งอาหารคาวและขนมทุกประเภท โดยค่าเรียนทุกหลักสูตรจะอยู่ที่ 1.4 ล้านบาท ในกลุ่มนี้มีสัดส่วนราว 5% หากแยกเป็นหลักสูตรราคาหลักสูตรละ 2.4 แสนบาท โดยหลักสูตรยอดนิยม 3 อันดับแรก คือ อาหารคาว, ขนมอบ และขนมปัง
ช่วงปีแรกที่โรงเรียน เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เปิดสอน คนที่มาเรียนจะอยู่ในกลุ่มอายุ 25-45 ปี หลังจากนั้นอายุจะลดลงเรื่อยๆ ปัจจุบันมีหลักสูตรจูเนียร์ เชฟ อายุ 8-11 ปี และ ทีน เชฟ อายุ 15-18 ปี สำหรับเยาวชนและวัยรุ่นที่มีความสนใจเรียนทำอาหาร โดยเป็นหลักสูตรระยะสั้น เช่น หลักสูตร 1 วัน ราคา 6,000 บาท หลักสูตร 4 วัน ราคา 3-5 หมื่นบาท
เทรนด์ทำอาหารมาแรง
ปัจจุบันต้องบอกว่า “การเรียนทำอาหาร” เป็นเทรนด์สำคัญของโลก จากปัจจัยการหันมาดูแลสุขภาพ ความนิยมอาหารโฮมเมด อาหารคลีน รวมไปถึงความต้องการพัฒนาทักษะด้านการทำอาหารที่ถูกยกระดับให้เป็นทักษะที่ได้รับการยอมรับทางสังคมมากขึ้น
สำหรับประเทศไทยพบว่าบุคคลหลายสาขาอาชีพให้ความสนใจเรียนทำอาหารมากขึ้น ที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต มีทั้ง หมอ ทนายความ และอาชีพต่างๆ สนใจเข้ามาเรียนทำอาหารอย่างต่อเนื่อง วัตถุประสงค์ของการเรียนเพื่อเป็นการทำอาหารดูแลตัวเองและคนในครอบครัว
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มดารา นักแสดง เซเลบ ที่สนใจเรียนทำอาหารมากขึ้นเช่นกัน โดยกลุ่มนี้เรียนเพื่อต่อยอดความรู้ เพื่อเป็น Food Stylist พิธีกรด้านอาหาร เป็นต้น
ชู “ครัวไทย” เจาะนักเรียนต่างชาติ
หลังจาก เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เปิดให้บริการที่อาคารเซน ทาวเวอร์ ซึ่งมีพื้นที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 2,000 ตารางเมตร เป็น 3,000 ตารางเมตร ปีนี้คาดว่าจะมีนักเรียนเพิ่มขึ้น 20% เป็น 1,200 คน
พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์บุกตลาดต่างประเทศ โดยชูเอกลักษณ์ของอาหารไทย โดย เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เป็นสถาบันสอนทำอาหารแห่งแรกในเครือข่าย เลอ กอร์ดอง เบลอ ที่เปิดสอนหลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาการ “ครัวไทย” ซึ่งเป็นอาหารที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก อัตราค่าเรียนหลักสูตรละ 4.3 แสนบาท
โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนนักเรียนต่างประเทศจาก 20% เป็น 30% ในปี 2563 โดยเฉพาะในกลุ่มอาเซียน ซึ่งไทยได้เปรียบเรื่องค่าครองชีพและการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว จึงดึงดูดนักเรียนต่างชาติให้เดินทางมาเรียน
มั่นใจแบรนด์แกร่ง สู้ศึกโรงเรียนสอนทำอาหาร
นอกจาก เลอ กอร์ดอง เบลอ อายุ 123 ปี จากฝรั่งเศส ที่เข้ามาเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารในไทยเมื่อปี 2550 หรือกว่า 12 ปี ในปีที่ผ่านมา บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) ได้จัดตั้ง “โรงเรียนศิลปะการอาหารและผู้ประกอบการ คูลิเนอร์” (Culineur, School of Culinary Arts and Entrepreneurship) โดยมีพันธมิตร Lausanne Hospitality Consulting (LHC) หน่วยงานด้านการศึกษาของ Ecole Hoteliere de Lausanne (EHL) สถาบันสอนการโรงแรมจากสวิตเซอร์แลนด์ อายุเก่าแก่ 125 ปีเช่นกัน
สุชาดา มองว่าในธุรกิจโรงเรียนสอนทำอาหาร “ทุกราย” ทั้งสถาบันจากต่างประเทศและโรงเรียนสอนทำอาหารในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนสอนทำอาหารอาจารย์ยิ่งศักดิ์ หรืออาจารย์ท่านอื่นๆ รวมทั้งรูปแบบ Cooking Studio ของเชฟต่างๆ และเชฟที่เรียนจาก เลอ กอร์ดอง เบลอ ล้วนเป็นทางเลือกของผู้เรียนและเป็นคู่แข่งในธุรกิจโรงเรียนสอนทำอาหารด้วยกันทั้งสิ้น
แต่มองว่าการมีโรงเรียนสอนทำอาหารเกิดขึ้นจำนวนมาก จะทำให้ตลาดคึกคักและช่วยกันกระตุ้นให้คนทั่วไปและคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำอาชีพเชฟ สนใจเข้ามาเรียนทำอาหารมากขึ้น จากตัวเลือกการเรียนที่หลากหลาย
สำหรับ เลอ กอร์ดอง เบลอ มั่นใจในแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ของธุรกิจโรงเรียนสอนทำอาหารกว่า 123 ปี มีสาขาอยู่ทั่วโลก 20 ประเทศ และหลักสูตรทั้งอาหารคาว หวาน และขนม ที่เป็นพื้นฐาน ผู้เรียนสามารถนำไปต่อยอดสร้างธุรกิจร้านอาหารและการก้าวสู่อาชีพเชฟ ได้ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ.
ข่าวเกี่ยวเนื่อง
