Netflix คว้าสิทธิ์ “ถ้ำหลวง” ปั้นเป็น Original Content

แม้แถลงการณ์ไตรมาส 1 ปี 2019 “Netflix” จะบอกว่า การเปิดตัวบริการวิดีโอสตริ่มมิ่งของ Apple และ Disney เมื่อเร็ว นี้ จะไม่กระทบกับการเติบโต เนื่องจากว่ายังมีโอกาสอีกมหาศาลในด้านความต้องการรับชมทีวีและภาพยนตร์ ซึ่ง Netflix สามารถตอบสนองสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของความต้องการ

เทียบให้เห็นภาพชัดขึ้นคือในสหรัฐอเมริกา ชั่วโมงการชมทีวีสตรีมมิ่งของ Netflix คิดเป็นเพียงประมาณ 10% ของการดูทีวีทั้งหมดเท่านั้น และ Sandvine ประเมินว่า การชม Netflix ผ่านอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ทั่วโลกคิดเป็นเพียง 2% เท่านั้น จึงหมายความว่า Netflix ยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากในหลายประเทศ ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่าง เช่น โทรศัพท์มือถือ

แน่นอนลึกๆ แล้ว ในใจ Netflix ต้องกังวลอยู่ เพราะแต่ละรายที่กำลังจะเข้ามา ไม่ใช่รายเล็กๆ หากแต่เป็นรายใหญ่ที่พร้อมจะทุ่มเงินปั้นคอนเทนต์เข้ามาแข่ง โดยเฉพาะกับ Disney ที่ถึงกับดึงคอนเทนต์ของตัวเองที่ไปออกยังสตรีมมิ่งอื่นๆ กลับมา นำไปเติมใน Disney+ ซึ่งจะคลอดปลายปีนี้

แต่สิ่งที่สร้างความสบายใจให้กับ Netflix ว่าเหนือกว่าคู่แข่งแน่ๆ คือตัวเลขฐานลูกค้า ซึ่ง วันนี้อยู่ 148 ล้าน Activ User โดยฐานลูกค้าที่ได้มาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย แต่เกิดจากพลังของ “Content” ล้วนๆ

เพราะนอกจากดึงคอนเทนต์จากผู้ผลิตรายอื่นๆ เข้ามาแล้ว แต่ละปี Netflix ยังใช้เงินมหาศาลในการปั้น “Original Content” เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นๆ

“Mitch Lowe” Co-founding Executive of Netflix ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในงาน AIS เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า

ในปี 2019 นี้ Netflix มีการใช้เงินราว 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กับการลงทุนด้านคอนเทนต์ใหม่ๆ และถ้าใครก็ตามที่เป็นคู่แข่งของ Netflix ก็จำเป็นที่จะรู้เรื่องนี้ไว้ด้วย

โดยสำหรับ Original Content ไม่ใช่จู่ๆ เรื่องจะขึ้นมาเลย หากจะต้องผ่านด่าน Checklist ของ Netflix เสียก่อน เพื่อให้แน่ใจว่า เงินที่ลงไปจะคุ้มค่าจริงๆ

สิ่งหนึ่งที่กำลังจะเห็นจาก Original Content มากขึ้นคือการหยิบเรื่องราวในท้องถิ่นนั้นๆ มาสร้างเป็นเรื่องราว นอกจากจะเพิ่มความหลายหลายให้กับเนื้อหาแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงดึงดูดให้กับคนในประเทศนั้นๆ อีกด้วย

สำหรับในเมืองไทย บริษัทวิจัย สเตทิสตา (statista.com) ประเมินตัวเลขฐานผู้ใช้บจะเพิ่มเป็น 546,000 รายในปี 2020 นอกจากตัวเลขที่เติบโตแล้ว ดูเหมือนว่าดูเหมือนว่า Netflix กำลังสนใจเรื่องราวในเมืองไทยอยู่ไม่น้อย

เพราะในปีนี้ Original Content จากเมืองไทยเท่าที่รับรู้ทั่วกันมีอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.เคว้ง (The Stranded) , 2.อุบัติกาฬ (Shimmers) และ 3.ร้านเจ๊ไฝ สตรีทฟู้ดที่ได้รับดาวมิชลิน 1 ดาวติดกันถึง 2 ปี โดยคาดว่าจะไปปรากฎในสารคดีเรื่อง Street Food

ถ้ำหลวง กลายเป็นเรื่องล่าสุดที่ได้เข้าไปอยู่ในมือของ Netflix เรียบร้อยแล้ว ผ่านการเซ็นสัญญารับสิทธิ์อย่างเป็นทางการในวันนี้ (30 เมษายน 2019) โดยถือร่วมกับ โกลบอล เอนเตอร์เทนเมนต์ จากอเมริกา

โดยรับสิขสิทธิ์จากบริษัท 13 ถ้ำหลวง จำกัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแล จัดการ บริหารสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับสิขสิทธิ์และทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้อง มีผู้ถือหุ้นเป็นโค้ชและเยาวชนอีก 12 คน โดยรายได้ 15% จะบริจาคให้หน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย

ความคืบยังของเรื่องนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แม้จะเปิดกล้องเมื่อไหร่ งบที่ใช้ ทำในรูปแบบไหน จะฉายช่วงไหน น้องๆ ต้นเรื่องจะไปปรากฏตัวในเรื่องไหม บอกแค่เพียงว่ากำกับโดยบาสนัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับฉลาดเกมส์โกง และจอน เอ็ม ชูจากเรื่อง Crazy Rich Asians

ใครที่อยากรู้คงต้องไปลุ้นที่เดียวตอนที่เรื่องนี้เข้าสู่ Netflix เรียบร้อยแล้ว 🙂