สำนักงานข้อมูลสื่อสิ่งพิมพ์ หรือ Publishers Information Bureau เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับหน้าโฆษณาที่ตีพิมพ์ในนิตยสารระดับโลก ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2006 พบว่ามีหน้าโฆษณาเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หวุดหวิดหลังจากลุ้นว่ายอดจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะช่วงครึ่งแรกของปีพบว่าลดลง 0.2% ส่วนยอดรายได้เพิ่มขึ้น 4.3% สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์ที่พบว่ามีหน้าโฆษณาลดลง เช่น นิตยสาร Jane หน้าลดลง 25.8% Conde Nast Publications Book ลดลง 41.2% Conde’s The New Yorker ลดลง 16.9% ...
เด็กชายจากต่างจังหวัด ครอบครัวทำธุรกิจค้าขายผ้าไหม พ่อเป็นนายตำรวจ มีฐานะเพียงพอส่งลูกๆ ทั้ง 5 คนเรียนต่างประเทศได้ ล้มลุกคลุกคลานในวัยเรียน เพราะทำตัวเอง ทั้งโดดเรียน หนีเที่ยว เรียกตัวเองว่าเป็น ”เด็กเห...” สอบไม่ผ่าน ติดโปรฯ จนเกือบไม่รอด แต่ก็รอดจนได้ดี ที่ดีแทค เพราะทั้งมีเพื่อนเยอะ ที่แปรเป็น Connection เสริมส่งหน้าที่การงานโดยอัตโนมัติ และ Gut Feeling ที่เจ้าตัวยึดเป็นแนวทางการทำงานมาตลอด นี่ไม่ใช่เรื่องราวของฝันที่เป็นจริง แต่คือความมันส์ในรสชาติชีวิตของ ”วัชรพงษ์ ศิริพากย์” ที่สามารถส่งต่อ ออกดอกออกผลมาที่แผนการตลาดหลายต่อหลายแคมเปญของดีแทค หลังจาก ”วัชรพงษ์” จบม.6 ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ที่เจ้าตัวรู้อยู่แล้วว่ายังไงยังไง ก็คงเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้แน่นอน...
นับเป็นนโยบายที่แตกต่างสุดขั้วระหว่างนโยบายรัฐบาลยุคทักษิณ ชินวัตร ที่มุ่งเน้นการเติบโตของตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ จนทำให้ประเทศต้องประสบกับวิกฤต ในขณะที่รัฐบาลในยุคของ “สุรยุทธ์ จุลานนท์” ได้หันมาประกาศยึดนำหลักปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” มาใช้ในการขับเคลื่อนประเทศ ทั้งในภาคเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในสังคมไทย เริ่มจากกรอบใหญ่ของประเทศเรื่อง ”เศรษฐกิจพอเพียง” ถูกบรรจุอยู่ในร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 อย่างชัดเจน ทั้งเป้าหมายและแนวทางปฏิบัติ ที่ไม่บิดเบือน ต่างจากแผน 9 ที่แม้จะอัญเชิญปรัชญาเศรษฐกิจมาร่างแผน แต่ก็ใช้แนวทางที่ก้ำกึ่ง เอนเอียงไปในแนวทางเติบโตทางเศรษฐกิจมากจนไม่เกิดความสมดุล (รายละเอียดอ่านเพิ่มเติมในตารางเปรียบเทียบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับ 1-10) การปฏิบัติที่ชัดเจนยิ่งขึ้น คือการแถลงนโยบายของรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2549 ...
ไวน์ไร้แบรนด์หรือที่นักดื่มไวน์ออสซี่รู้จักกันในนาม “cleanskin” กำลังมาแรงในหมู่นักดื่มไวน์ เพราะนอกจากราคาที่ถูกมาก แต่รสชาติในขวดนั้นไม่แพ้ไวน์มีแบรนด์ราคาแพงเลย คลีนสกินส่วนใหญ่คือไวน์ที่มาจากไวน์เนอรี่ผู้ผลิตโดยตรง บรรจุขวดเสร็จแล้วก็ส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง บางส่วนก็ถูกนำไปเพิ่มมูลค่าด้วยการติดยี่ห้อ บวกค่าวัตถุดิบเพิ่มความสวยงามของการออกแบบตรารอบขวด รวมค่าผลิตตรา ค่าโฆษณา ค่าวางตลาดแล้ว ทำให้ราคาไวน์ขวดที่มียี่ห้อนั้นแพงกว่า “คลีนสกิน” ที่มีแต่ขวดปิดฝาและน้ำองุ่นหมักข้างในเป็นสิบๆ เท่า ทั้งที่มาจากถังเดียวกัน ในขณะที่เจ้าของไวน์เนอรี่บางแห่งก็ตั้งใจผลิตขึ้นมาเพื่อขายคลีนสกินอย่างเดียว คอไวน์ชาวออสซี่หลายคนฮือฮากันมาก โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ร้านขายเครื่องดื่มรายใหญ่แห่งแดนจิงโจ้ Dan Murphy กระหน่ำโฆษณานำคลีนสกินมาบุกตลาด เน้นราคาเป็นหลัก บางขวดแค่ 2 เหรียญเท่านั้นเอง (1 เหรียญออสเตรเลียประมาณ 28-30 บาท) ทำให้ตลาดไวน์คึกคัก ถูกใจผู้บริโภคชาวออสซี่ยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามนี้ที่ฤดูกาลจับจ่ายและเทศกาลเฉลิมฉลองกำลังจะมาถึงอีกครั้ง
เครื่องขายของอัตโนมัติ (Vending Machine) มีความน่าสนใจ เพราะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ ในจุดที่ร้านค้าทั่วไปเข้าไปไม่ถึง ในปีที่ผ่านมา มี Vending Machine ในอังกฤษจำนวน 1.2 ล้านเครื่อง และสามารถทำยอดขายไปกว่า 3,420 ล้านปอนด์ (240,000 ล้านบาท) โดยทั่วไปแล้วเครื่อง Vending Machine ของอังกฤษจะแบ่งเป็น 3 สินค้าหลัก คือ เครื่องดื่ม บุหรี่ และสินค้าอื่นๆ Vending Machine ที่ขายสินค้าอื่นๆ ที่กำลังเป็นที่นิยม มีไอเดียที่เก๋ แปลกใหม่ เกิดจากความต้องการของลูกค้าชาวอังกฤษเอง เช่น เครื่องขายมือถือ Quickphone...
Internationale Funkausstellung – IFA คืองานจัดแสดงสินค้าคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของโลก (เริ่มจัดจริงๆ ตั้งแต่ ค.ศ. 1953 แต่ใช้ชื่อนี้อย่างเป็นทางการเมื่อ ค.ศ. 1971) มีขึ้นเป็นประจำทุกปีที่ศูนย์แสดงสินค้า Messe เบอร์ลิน เป็นสนามให้แต่ละค่ายผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเทคโนโลยีการสื่อสารมาแสดงแสนยานุภาพกันอย่างเต็มที่ โดยในปีนี้จุดเด่นของงานจับไปที่เทคโนโลยีของเครื่องรับโทรทัศน์ และอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงภายในบ้าน จากจำนวนบริษัทที่มาร่วมออกบูธ 1,049 ราย จาก 32 ประเทศ ผู้ผลิตรายใหญ่ค่ายโสม เช่น ซัมซุง ซึ่งเปิดตัวเครื่องเล่น Blu-ray Disc มาแรงจนลบรัศมีค่ายปลาดิบให้หมองไปเลยทีเดียว ขณะที่โทรทัศน์ที่แพงที่สุดในโลกกลับมาจากอิตาลี ในงานนี้มีพื้นที่การจัดแสดงสินค้ามากกว่า 150,000 ตร.ม. เดินดูสามวันก็ยังไม่ครบทุกชิ้น ภาพที่นำมาฝากในครั้งนี้จึงเป็นแค่เพียงไฮไลต์บางส่วนเท่านั้น ขอเชิญติดตามชม...
ฉบับนี้ต่อด้วยรถยนต์คลาสสิกในยุคหลังสงคราม คุณภาพระดับพิพิธภัณฑ์ ที่แสดงในงาน Geneva’s Concours ณ มลรัฐอิลลินอยส์ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 แล้ว วัตถุประสงค์ของงานในปีนี้คือ ช่วยหารายได้ให้กับสมาคมผู้ป่วยด้วยโรคเอ็มเอส หรือมัลติเพิล สเกลอโรซิส (Multiple Sclerosis) คือโรค "ปลอกหุ้มเส้นประสาทอักเสบ" ทำให้เนื้อเยื่อในร่างกายเกิดการแข็งตัว ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ของงานนี้มาจากงานกาลาดินเนอร์ของบรรดาเจ้าของรถล้ำค่าที่นำมาจากทั่วอเมริกา สำหรับรถรุ่นหลังสงครามนี้ เริ่มนับตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1950 จนถึงประมาณปี ค.ศ. 1980 และอเมริกาในช่วงนั้นนิยมสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่มีกำลังแรง จากการแนะนำตัวเครื่องยนต์ V8 ของจีเอ็มเป็นครั้งแรก ภายใต้แบรนด์ Oldsmobile และ Cadillac นอกจากนี้ค่ายรถยุโรปก็ส่งรถรุ่นต่างๆ...
บนสังเวียนเฟอร์นิเจอร์ในญี่ปุ่นดูเหมือนจะถูกจำกัดอยู่ในหมู่ผู้เล่นหน้าเก่ามาเป็นเวลาเนิ่นนาน แม้ว่าการแข่งขันภายในประเทศที่ดุเดือดขึ้นตามลำดับนั้นส่งผลให้เฟอร์นิเจอร์ของญี่ปุ่น ได้รับการพัฒนาและออกแบบได้ตรงความต้องการของลูกค้า มีดีไซน์ทันสมัยถูกตาถูกใจแต่ทว่าไม่ถูกเงิน ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อ IKEA ผู้เล่นยักษ์ใหญ่หน้าใหม่สัญชาติสวีเดนขึ้นฝั่งท้าดวลที่เมือง Funabashi จังหวัด Chiba ด้วยกลยุทธ์การตลาดแบบสากลที่เขย่าสังเวียนเฟอร์นิเจอร์ญี่ปุ่นอย่างแรงตั้งแต่ยกแรก IKEA Funabashi สร้างความตื่นตาด้วยจำนวน Item เฟอร์นิเจอร์นับไม่ถ้วนที่ล้วนแต่มีดีไซน์ล้ำ สมัยในราคาต่ำกว่าอย่างไม่น่าเชื่อ บนเนื้อที่กว้างใหญ่พอที่จะใช้เวลาเดินเลือกซื้อได้ทั้งวัน จนกลายเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในวงการคนรักบ้านที่มาต่อแถวเป็นชั่วโมงโดยเฉพาะในช่วงวันหยุด เพื่อรอเข้าร้านทั้งที่ไม่ใช่งานจัดแสดงเฟอร์นิเจอร์ ตามมาด้วยยกสอง กลางเดือนกันยายนที่ IKEA Kohoku ชานเมือง Yokohama ใกล้กับทางด่วนที่เชื่อมไป Tokyo บนเนื้อที่ร้านขนาด 40,000 ตารางเมตร และมีระบบจัดการคลังแบบใหม่ป้องกันสินค้าขาดสต็อก ถุงใส่สินค้าตรา IKEA สีน้ำเงินเหลืองสดใสที่ติดมือลูกค้ากลับบ้านซึ่งพบเห็นได้บ่อยในรถไฟก็ดี รถส่งของที่ออกวิ่งสู่เขตที่พักในเมืองก็ดีกลายเป็นการโฆษณา IKEA...
การได้พรีเซ็นเตอร์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง เหมือนอย่างที่หลายสินค้าที่ได้นักกอล์ฟระดับโลก อย่างไทเกอร์ วูดส์ มาร่วมในแผนการตลาด เริ่มจากไนกี้ ที่เริ่มเซ็นสัญญากับ ไทเกอร์ วูดส์เมื่อปี 1996 ต่อมาในปี 1998 ไนกี้ก็ขยายธุรกิจด้วยการเปิด ”ไนกี้ กอล์ฟ” จนในปี 2006 “ไนกี้ กอล์ฟ” กลายเป็นร้านจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟที่มีรายได้เป็นอันดับ 4 จากตลาดรวมที่ 5,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไทเกอร์ วูดส์ คือผู้สร้างรายได้ให้ไนกี้ กอล์ฟ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ เพาเวอร์ของไทเกอร์ วูดส์ ยังช่วยสินค้าอีกหลายบริษัททั้งในแง่ของภาพลักษณ์ และสร้างยอดขาย อย่างค่ายรถเจเนอรัล มอเตอร์ ที่ไทเกอร์...
ศูนย์กลางความเจริญของสื่อโฆษณาของโลกต้องยกให้กับอเมริกา โดยดูจากตัวเลขเงินหมุนเวียนในระบบ ที่มากมายตามจำนวนประชากร และขนาดของพื้นที่ประเทศ ล่าสุดวงการโฆษณาของอเมริกาเผยผลสำรวจเม็ดเงินที่หมุนเวียนจากบริษัทด้านมีเดียจำนวน 100 บริษัทในปี 2006 พบว่าเติบโตจากปี 2005 ที่ 6.6% ด้วยมูลค่าถึง 268,450 ล้านเหรียญสหรัฐ อันดับ 1 ยังคงเป็นกลุ่มไทม์ วอร์เนอร์ มีมูลค่า 33,730 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.9% โดยมีสื่อที่ช่วยรักษาแชมป์ไว้ได้คืออินเทอร์เน็ตและเคเบิลทีวี เมื่อแบ่งตามประเภทสื่อที่โฆษณาเข้าไปเทงบให้ พบว่าสื่อประเภทภาพยนตร์ได้ไป 19,270 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 0.3%...







