ใต้ฟ้าตะวันเดียว ละครไทย…หัวใจเกาหลี

กระแสคลั่งเกาหลี หรือ Korea Trend ยังคงเป็นเทรนด์สำคัญไม่จืดจาง กลายเป็น Blue Ocean ของละครไทยยุคนี้ ที่ต้องหา “Blue Ocean” เพื่อใช้เป็นจุดขายใหม่ ใช้แลกหมัดกับช่อง 3, 5 และ 7 เชื่อว่างานนี้การันตีได้ทั้งคนดูและสปอนเซอร์ได้ชัวร์

ไม่ว่าละครน้ำเน่า หรือละครน้ำดี ดาราดังขั้นเทพ หรือดาราหน้าใหม่แสนธรรมดา ไม่มีใครปฏิเสธว่า หากปะยี่ห้อเกาหลีแล้ว ส่วนใหญ่มักประสบความสำเร็จกับการนำมาฉายที่เมืองไทย

โดยเฉพาะกับทางช่องฟรีทีวี ที่มีละครเกาหลีฉายประกบละครไทยในความถี่เช้า สาย บ่าย เย็น ไม่นับรวมเคเบิลทีวี ที่เปิดช่องเป็นพิเศษสำหรับละครจากเกาหลีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม หากเป็นช่วงละครหลังข่าวแล้วล่ะก็ ไม่ว่าเกาหลีหน้าไหน ก็ไม่สามารถสู้ละครน้ำเน่าของฟรีทีวีได้ โดยเฉพาะช่องเจ็ดสี ที่มีคุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เป็นผู้ดูแลตั้งแต่การเลือกนักแสดงที่จะมารับบทเด่น จนกระทั่งการคัดเลือกบทละคร ซึ่งแทบทุกเรื่องสามารถครองเรตติ้งสูงสุดได้อย่างไม่ยากเย็น

ตำแหน่ง King of Drama ของช่องเจ็ด ที่แม้ช่องสาม คู่แข่งที่สูสีที่สุดก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้ และยิ่งเป็นผู้จัดละครหน้าใหม่ด้วยแล้วล่ะก็ ปิดประตูแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้สร้าง

เฉลิมชัย มหากิจศิริ เองก็คิดเช่นนั้น เขาจึงขอลองสู้สักตั้ง ด้วยละครที่เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ เรื่อง “ใต้ฟ้าตะวันเดียว”ที่อาศัยกระแสเกาหลี ผลักดันให้ละครไทยเรื่องนี้พัฒนาสู่จุด Korea Wannabe มาเป็นจุดขายใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ละคร Blue Ocean

ตามคำบอกเล่าของเฉลิมชัย มหากิจศิริ ทายาทของประยุทธ์ มหากิจศิริ เจ้าพ่อเนสกาแฟ ที่ในวันนี้จูงมือภรรยา สุวิมล และลูกสาวคนโต อุษณีย์ มาให้กำลังใจลูกชายคนกลาง และอุษณา ลูกสาวคนเล็ก ซึ่งร่วมเป็นผู้ผลิตในชื่อบริษัท 411 Entertainment ในงานแถลงข่าวละครเรื่องใต้ฟ้าตะวันเดียว ระบุว่าละครเรื่องนี้ ถือเป็น Blue Ocean ที่มีกลิ่นอายเกาหลีแทรกอยู่ในทุกอณู

นับตั้งแต่การนำดาราไทย และเกาหลี มาแสดงร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยมีแม่เหล็กชั้นดีอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ ที่ไม่เคยรับเล่นละครมาก่อน มาเป็นพระเอกของเรื่องนี้ บทละครที่ละเมียด ละไม ให้ความลึกซึ้งกินใจไม่ต่างจากละครเกาหลีของแท้ สถานที่ถ่ายทำที่กว่า 80% ถ่ายทำในประเทศเกาหลี และบรรยากาศซึ่งเลือกช่วงฤดูใบไม้ร่วงในเกาหลี ที่สุดแสนโรแมนติกมาเป็นองค์ประกอบ

หรือแม้กระทั่งการดึงเอ ศุภชัย ศรีวิจิตร มานั่งตำแหน่งผู้จัดครั้งแรก ก็เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยกว่า ความแรงของนักแสดงเช่นเดียวกัน

ไม่นับรวมการลงทุนด้านการผลิต ที่เฉลิมชัย เปิดเผยว่า เป็นละครเรื่องแรกที่ได้นำระบบ HD หรือ High-Definition ที่ให้ภาพความละเอียดสูงมาใช้ ซึ่งภาพที่ได้รับคมชัดมากกว่าทั่วไป เพิ่มอรรถรสในการชมมากขึ้น ซึ่งเมื่อรวมทุกความพิเศษที่เฉลิมชัยตั้งใจรวมเข้าไว้ด้วยกัน ละครเรื่องนี้จึงใช้งบประมาณในการลงทุนเกินจากที่ตั้งเอาไว้ตอนแรก โดยตัวเลขกลมๆ ที่ลงทุนทั้งหมดอยู่ที่ 30 ล้านบาท

เพียงเท่านี้ก็สร้างความแตกต่างจากละครที่ฉายอยู่ตามฟรีทีวีช่องอื่นได้อย่างชัดเจน

เฉลิมชัย ยอมรับว่ารายรับที่ได้จากละครเรื่องนี้ผ่านการฉายฟรีทีวี ช่องโมเดิร์นไนน์ ไม่คุ้มกับงบประมาณที่ลงทุนไป แต่ในระยะยาว ละครเรื่องนี้จะกลายเป็นผลงานชิ้นมาสเตอร์พีช หนึ่งในโพรไฟล์สำคัญทางด้านบันเทิงของเขา ที่ช่วยการันตีความสามารถได้

“ละครเมืองไทย มีช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 7 แข่งกันอยู่แล้ว ผมเป็นคนใหม่ในแวดวงนี้ ถ้าทำตามของเดิมก็คงยากที่จะเจาะ ผมจึงต้องสร้างตลาดใหม่เป็น Blue Ocean เพื่อเจาะกลุ่ม Niche Market ผมมองว่าหากเป็น First Mover ของตลาด ก็จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก”

“เงินลงทุนไม่ใช่เรื่องสำคัญ แม้ถ้าเทียบกับละครไทยด้วยกัน ใต้ฟ้าตะวันเดียวจะใช้เงินลงทุนสูงกว่ามาก แต่ถ้าเทียบกับทางเกาหลีแล้ว ละครแต่ละเรื่องของเขาลงทุนสูงกว่านี้มาก สิ่งที่ผมคาดหวังจากละครเรื่องนี้ คือ การสร้างโปรไฟล์ให้กับตัวเองทางด้านงานบันเทิงมากกว่าผลกำไร”

นอกจากการสร้างชิ้นงานที่โดดเด่นแล้ว การทำงานร่วมกับดาราและทีมงานบางส่วนจากเกาหลี ได้ช่วยสร้างโนว์ฮาวใหม่ๆ ในการทำละครให้กับเฉลิมชัย และทีมงานคนไทย ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ละครเกาหลีได้รับความนิยมสูงสุดในแถบเอเชีย

ทั้งในเรื่องของการเขียนบทละคร ที่ต้องให้ซาบซึ้งกินใจ การดูแลนักแสดง ที่เทียบชั้นกับมืออาชีพระดับฮอลลีวูด และการควบคุมคุณภาพของละครให้ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด

ถูกใจสปอนเซอร์

ทฤษฎี Blue Ocean ของเฉลิมชัย ในการนำมาปรับใช้กับธุรกิจละคร ดูเหมือนจะได้รับความสำเร็จ และมีคนเห็นด้วยมาตั้งแต่ยังถ่ายทำได้เพียงครึ่งเรื่องเท่านั้น

เพราะ เขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) บอกว่า โฆษณาของใต้ฟ้าตะวันเดียวถูกจองเต็มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าทางโมเดิร์นไนน์ ได้อัพราคาโฆษณาขึ้นเป็นนาทีละ 300,000บาท จากอัตราเดิมอยู่ที่ประมาณ 280,000 บาท

เนสกาแฟ, คอฟฟี่เมต, ดีแทค, มาสด้า, ฮอนด้า, 12พลัส, มิสทิน, มายมิ้นต์ และดัตชี่ เหล่านี้คือสปอนเซอร์ที่ต่างจับจองช่วงเวลาโฆษณากันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งบางส่วนเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ได้ใช้ดารา นักร้องเกาหลี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในงานโฆษณาอยู่แล้ว

เขมทัตต์ เผยว่า การที่ใต้ฟ้าตะวันเดียวเรียกสปอนเซอร์ให้หนาแน่นได้ในระยะเวลาอันสั้น เป็นข้อพิสูจน์หนึ่งได้อย่างดีว่า เรตติ้ง ไม่ใช่เรื่องสำคัญในการตัดสินใจลงโฆษณาอีกต่อไป

“เรตติ้งส่งผลต่อการตัดสินใจเพียง 10 – 20% เท่านั้น ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่มีอิทธิพลเหนือกว่า โดยเฉพาะการสร้างคอนเทนต์ที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย อย่างเช่น ละครเรื่องใต้ฟ้าตะวันเดียว ซึ่งมีแรงดึงดูดสปอนเซอร์ได้อย่างมหาศาล”

ไม่เพียงแต่การอัพค่าโฆษณาเท่านั้น เขมทัตต์เชื่อว่า ใต้ฟ้าตะวันเดียวจะช่วยสร้างกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เบื่อละครหลังข่าวน้ำเน่าแบบเดิมๆ และหันไปหาอินเทอร์เน็ต แทนการเสพละครผ่านทีวี หันกลับมาเป็นกลุ่มผู้ชมอันเหนียวแน่นในช่วงหลังข่าวเวลา 20.30 – 21.30 น. ของทางโมเดิร์นไนน์ได้

วัชรพงษ์ ศิริพากษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่ม ดีแทคคอมมูนิเคชั่น หนึ่งในผู้สนับสนุนละครใต้ฟ้าตะวันเดียว บอกถึงการตัดสินใจในครั้งนี้ว่า โดยทั่วไป ดีแทคซื้อสื่อในช่วงละครหลังข่าวเป็นประจำ เพราะเป็นช่วง Prime Time ที่ได้รับความนิยมจากประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ละครหลังข่าวจะเน้นไปที่ช่อง 3 และช่อง 7 ที่มีราคาค่อนข้างสูงและโฆษณาจากสินค้าต่างๆ มากมาย

แต่สำหรับครั้งนี้ ละครใต้ฟ้าตะวันเดียว ถือเป็นสิ่งใหม่ที่น่าสนใจในการสนับสนุน เพราะเป็นละครฟอร์มใหญ่ที่สุดของช่อง 9 ที่เคยสร้างมา และใช้ดาราที่มีชื่อเสียงมากมาย ทั้งดาราไทยและดาราเกาหลี ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างสูง
และช่วงเวลาการออกอากาศของละครเรื่องนี้ ตรงกับการเปิดตัวสินค้าแฮปปี้ซิมกันแดด โดยเน้นที่จะสื่อสารกับกลุ่ม Micro Segment เช่น กลุ่มผู้หญิงทำงาน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ชื่นชอบซีรี่ส์เกาหลี จึงทำให้ดีแทคตัดสินใจเป็นผู้สนับสนุนละครใต้ฟ้าตะวันเดียว

จากใจลี แฮ วู “ผมอยากได้งานโฆษณา”

ดาราหนุ่มวัย 22 ปีจากเกาหลีคนนี้ กล่าวด้วยน้ำเสียงอันชัดถ้อยชัดคำระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยในงานแถลงข่าวว่า สิ่งที่เขาคาดหวังจากการเล่นละครเรื่องนี้ คือ งานโฆษณา

“ผมอยากได้งานโฆษณา” ลี แฮ วู ตอบอย่างไม่รีรอ ทันทีที่ล่ามได้แปลคำถามของนักข่าว

หลังจากอกหักมาแล้วจากการออดิชั่นสินค้าโฆษณาชิ้นหนึ่งในไทย แต่ได้รับการปฏิเสธ ลี แฮ วู จึงฝากความหวังของการแจ้งเกิดในประเทศไทยไว้ที่ละครเรื่องใต้ฟ้าตะวันเดียว ซึ่งอาจทำให้เขาได้เบียดความร้อนแรงของซูเปอร์จูเนียร์ ขึ้นทำเนียบพรีเซ็นเตอร์เกาหลีในไทยบ้าง

ใต้ฟ้าตะวันเดียว
จำนวน 26 ตอน
ออกอากาศ เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 20.30 – 21.30 น. ทางโมเดิร์นไนน์
งบลงทุน 30 ล้านบาท

ค่าโฆษณาละครหลังข่าว
ช่อง 3 450,000 บาท/นาที
ช่อง 5 370,000 บาท/นาที
ช่อง 7 450,000 บาท/นาที
ช่อง 9 300,000 บาท/นาที