ทุกครั้งที่แอปเปิลปล่อยหมัดเด็ดด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ทุกคนในอุตสาหกรรมไอทีต่างก็อยากจะรู้ว่าแอปเปิลมองเห็นโอกาสทองอะไร และเล็งเป้าคู่แข่งไว้เป็นใคร ประเด็นของเรื่องนี้อยู่ที่ iPod, iMac และ iPhone นั้นมีตลาดเป้าหมายเด่นๆ เพียง 1 เดียว แต่ “iPad” คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตใหม่แกะกล่องที่แอปเปิลเพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายเดือนมกราคม 2553 นั้น นับไปนับมาพบว่าอาจจะทำให้แอปเปิลต้องเป็นคู่แข่งกับผู้ผลิตถึง 4 กลุ่มอุตสาหกรรม!
รู้จัก iPad
คำจำกัดความ : Mobile Tablet Browsing Device อุปกรณ์เล่นอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่หน้าจอสัมผัสไร้แป้นคีย์บอร์ด
Positioning : อุดช่องว่างตรงกลางระหว่าง iPhone และคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปตระกูล MacBook
รูปร่างหน้าตา : มองผ่านๆ คือ “iPhone ยักษ์” หน้าจอ 9.7 นิ้ว ความละเอียด 1024×768 พิกเซล หนา 0.5 นิ้ว น้ำหนัก 0.7 กิโลกรัม
หน่วยประมวลผล : ใช้หน่วยประมวลผล 1GHz Apple A4 ซึ่งแอปเปิลออกแบบเอง เบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้แอปเปิลสามารถการันตีแบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่อง 10 ชั่วโมง (สามารถเปิดเครื่องพร้อมใช้งานได้นาน 1 เดือนโดยไม่ต้องชาร์จไฟ)
คุณสมบัติภายใน : หน่วยความจำมีให้เลือก 3 ขนาดได้แก่ 16GB 32GB และ 64GB รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth มีให้เลือกทั้งรุ่นรองรับและไม่รองรับ 3G มีเทคโนโลยี accelerometer ที่ทำให้ภาพหน้าจอเครื่องสามารถพลิกกลับเป็นแนวตั้งหรือนอนได้อัตโนมัติตามการถือจับตัวเครื่อง หน้าจอมีเซ็นเซอร์ Ambient Light Sensor สำหรับตรวจจับแสงสว่างโดยรอบเพื่อปรับปรุงการแสดงผล
ราคาเครื่อง : แอปเปิลเปิดทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการและไม่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ความเร็วสูงอย่าง 3G โดยรุ่นที่เป็น Wi-Fi อย่างเดียวจำหน่ายในราคา 499, 599 และ 699 เหรียญ ตามขนาดความจุ แต่หากเป็นรุ่นที่รองรับ 3G ด้วย จะมีราคา 629, 729 และ 829 เหรียญ
กำหนดวางแผง : ไอแพดรุ่น 3G จะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ เดือนเมษายนนี้ โดยแอปเปิลคาดว่าจะทำสัญญากับเครือข่ายมือถือนอกสหรัฐฯ ได้ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม
ทิศที่ 1 : NetBook
นาทีนี้ iPad ทำให้แอปเปิลกลายเป็นคู่แข่งของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ตัวเล็กพกง่ายราคาไม่ถึง 2 หมื่นบาทซึ่งเรียกกันติดปากว่าเน็ตบุ๊กไปแล้ว เพราะ Positioning ของทั้ง iPad และเน็ตบุ๊กนั้นถูกวางไว้ในจุดเดียวกัน นั่นคือตรงกลางระหว่างสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก
สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) ซีอีโอแอปเปิล ยอมรับว่า คอมพิวเตอร์ Tablet หรือแนวคิดคอมพิวเตอร์ไร้คีย์บอร์ดอย่าง iPad นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะกำเนิดขึ้นบนโลกมานานกว่า 10 ปีแล้ว และไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่สำหรับ iPad จ็อบส์มั่นใจว่าผู้บริโภคที่มีทั้งสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์พกพาอยู่แล้ว จะอยากได้ iPad มาไว้ในครอบครอง
iPad นั้นสามารถเปิดหน้าเว็บไซต์ได้เต็มหน้าเว็บเพจ ใช้ท่องเว็บได้ดีกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป แถมยังมีโปรแกรมคีย์บอร์ดระบบสัมผัสซึ่งมีขนาดแป้นใกล้เคียงคีย์บอร์ดจริง ที่ผู้ใช้สามารถจรดนิ้วเพื่อพิมพ์บนหน้าจอได้เลยเพียงพลิกเครื่องมาเป็นแนวนอน
ตรงนี้แอปเปิลวางหมากมาดี ด้วยการพัฒนาโปรแกรม iWork เพื่อให้ลูกค้า iPad สามารถสร้าง-แก้ไข-เล่นไฟล์เอกสาร ทั้งไฟล์นำเสนองาน แผ่นงานคำนวณ และงานเอกสารประมวลผลคำ สามารถทำจดหมายข่าวและการสร้างเอกสารพร้อมจัดวางในรูปแบบมาตรฐาน โปรแกรมนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ iPad ไม่ใช่ iPod Touch หรือ iPhone ยักษ์เสียทีเดียว และผลงานที่ได้ก็ไม่ต่างจากการทำงานบนเน็ตบุ๊ก (แอปเปิลแยกจำหน่ายโปรแกรม iWork ในราคาเริ่มที่ 9.99 เหรียญสหรัฐ)
iPad ถูกมองว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนของอุปกรณ์คู่กายนักธุรกิจในยุคหน้าก็ได้ โดยเฉพาะนักธุรกิจที่ไม่ต้องการฟีเจอร์มากมาย ขอเพียงพกพาสะดวกและหรูหราก็สบายใจแล้ว
ที่สำคัญ ผู้ใช้ iPad ยังสามารถใช้แอปพลิเคชันกว่า 140,000 ชิ้นที่สร้างมาเพื่อ iPhone และ iPod Touch ได้บนหน้าจอยักษ์ชัดแจ๋วของ iPad โดยผู้ที่มีแอพพลิเคชั่น iPhone อยู่แล้วสามารถนำไปใช้บน iPad ได้เลยไม่ต้องซื้อใหม่ ถือเป็นอีกจุดเด่นที่ทำให้ iPad เปล่งประกายกว่าเน็ตบุ๊กอย่างชัดเจน
แถมราคาของ iPad ก็ไม่ได้เริ่มต้นสูงลิ่วมากมาย (แม้จะยังต้องลุ้นว่า ราคาจำหน่ายในประเทศไทยจะเกิน 2 หมื่นบาทหรือไม่) ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ผลิตเน็ตบุ๊กกลุ้มใจอย่างช่วยไม่ได้
ทิศที่ 2 : eReader
นอกจากแอพพลิเคชั่นจากร้าน Apps Store หรือเพลงและภาพยนตร์จากร้าน iTunes เจ้าของ iPad ยังสามารถซื้ออีบุ๊กหรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์จากร้านใหม่ iBookstore ได้ด้วย iPad จึงป็น eReader ที่พร้อมส่งให้แอปเปิลผงาดขึ้นเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของผู้ผลิตเครื่องอ่านอีบุ๊กในตลาดขณะนี้ และทิศทางนี้น่าจะชัดเจนที่สุด
นักวิเคราะห์ทั่วโลกมองว่าแอปเปิลวาดอนาคตในธุรกิจหนังสือไฮเทคไว้อย่างมั่นคงยาวนาน เพราะแอปเปิลพัฒนาให้ iPad สามารถใช้งานไฟล์หนังสือมาตรฐาน ePub ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์โลก ซึ่งผิดวิสัยแอปเปิลอย่างแรง เพราะที่ผ่านมาแอปเปิลมักตั้งตัวเป็นอิสระจากมาตรฐานกลาง สิ่งที่เกิดขึ้นจึงมี 2 ประเด็น หนึ่งคือ iPad นั้นจะชนกับ eReader ทุกหัวระแหงโดยตรง และสองคือผู้ใช้และสำนักพิมพ์จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนพฤติกรรมของแอปเปิลแน่นอน
สำนักพิมพ์พันธมิตรที่แอปเปิลประกาศชื่อในขณะนี้มี 5 ค่ายใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ The New York Times ที่เรียกเสียงฮือฮาขณะแอปเปิลสาธิตการใช้งานแล้วพบว่า การอ่านหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์บน iPad นั้นให้อารมณ์คล้ายกับการอ่านบนกระดาษจริง แถมเหนือกว่าตรงที่สามารถเล่นภาพและวิดีโอได้ในตัว จนมีข้อวิจารณ์ในอินเทอร์เน็ตว่ามีลักษณะคล้ายหนังสือพิมพ์ในโลกพ่อมด HarryPotter ทีเดียว
ต้องยอมรับว่าในแง่เทคโนโลยี iPad นั้นไม่มีอะไรต่างจากเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ค่ายอื่นๆ แต่ประเด็นที่หลายคนจับตามองคือ แอปเปิลจะใช้อิทธิพลของร้านขายคอนเทนต์อย่าง iTunes ที่ตัวเองทำให้ติดตลาดไปแล้ว มาช่วยเสริมการขายหนังสือได้ดีเพียงไร จนทำให้มีการลุ้นว่า แอปเปิลจะทำให้อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนเหมือนที่เคยทำกับอุตสาหกรรมเพลงได้หรือไม่
ทิศที่ 3 : เครื่องเล่นเกมพกพาและ MID
ลำพัง iPhone กับหน้าจอสัมผัสสุดล้ำก็ทำให้ค่ายผู้ผลิตเกมพกพากินตลาดได้ไม่เต็มปากอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อสตีฟ จ็อบส์เชื่อว่า iPad จะถูกใจคอเกมเพราะการแสดงผลบนจอเยี่ยมยอด และประสบการณ์การเล่นเกมที่แปลกใหม่กว่า iPad ก็ยิ่งมีโอกาสกวาดคะแนนนิยมและกลายเป็นเครื่องเล่นเกมพกพาทางเลือกที่น่ากลัวยิ่งขึ้น
iPad มาพร้อมจอภาพเทคโนโลยี IPS ที่สามารถมองเห็นภาพชัดในองศาที่กว้างกว่า รวมถึงสถานที่ซึ่งมีแสงจ้าหรือน้อยเกินไปได้ดีกว่า LCD ธรรมดา แถมยังแสดงผลได้เร็วและให้ค่าสีที่แม่นยำกว่าด้วย ทั้งหมดนี้ทำให้คอเกมส่วนใหญ่อ่อนไหวเอาได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่า iPad อาจจะสามารถทดแทนเครื่องเกมได้ในบางโอกาสและในบางคนเท่านั้น เพราะมนต์ขลังของแท่นบังคับเกมอย่างจอยสติกยังมีอยู่ แต่อุปกรณ์อย่าง MID หรือ Mobile Internet Device อุปกรณ์เล่นอินเทอร์เน็ตสำหรับเคลื่อนที่ทุกชิ้นถูกมองว่าจะได้รับผลกระทบมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะ MID กลุ่มที่มีขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่ เช่น อุปกรณ์ในรถยนต์, เครื่องเล่น MP5 ฯลฯ
ทิศที่ 4 : ชิปเซ็ต
ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตอุปกรณ์ แต่ iPad ยังทำให้แอปเปิลมีแนวโน้มเป็นคู่แข่งกับผู้ผลิตส่วนประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างชุดชิปเซ็ตด้วย เนื่องจากคุณสมบัติชิป A4 (A ย่อมาจาก Apple) สุดยอดชิปที่แอปเปิลพัฒนามาเพื่อ iPad โดยเฉพาะนั้นสามารถต่อกรกับชิปคอมพิวเตอร์ความเร็ว 1GHz สำหรับสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ประหยัดพลังงาน ของผู้ผลิตอย่าง Qualcomm และ Freescale ได้อย่างสบายๆ
ชิป A4 ให้ความเร็วเหนือกว่าชิปในรุ่น iPhone 3GS สามารถทำงานที่ความถี่สูงสุด 1GHz เทียบกับ 600MHz (0.6GHz) ของ iPhone 3GS ได้รับการการันตีว่าเป็นชิปที่ก้าวหน้าที่สุดที่แอปเปิลเคยทำมา ผลงานการพัฒนาของทีม PA Semi บริษัทลูกที่แอปเปิลเพิ่งซื้อมาในปี 2008 โดยนี่คือครั้งแรกที่แอปเปิลประกาศเปิดตัวชิปอิเล็กทรอนิกส์แบรนด์แอปเปิลต่อสาธารณชน
ด้านลบiPad
-ผลสำรวจของบริษัท Retrevo ก่อนการเปิดตัว iPad (26 มกราคม 53) พบว่า 3% ของกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันระบุว่าจะซื้อหา iPad มาใช้งานแน่นอนแม้จะยังไม่เห็นตัวจริง แต่หลังการเปิดตัว ตัวเลขกลุ่มนี้เพิ่มเป็น 9% ขณะที่ตัวเลขผู้มองว่า iPad ไม่ตรงกับความต้องการนั้นมีสูงถึง 61%
– หลายคนมองว่า iPad อาจจะเป็น “อุปกรณ์ชิ้นที่สาม” นอกจากโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ที่เหมาะเอาไว้ให้ผู้ใช้นอนอ่านเล่นบนเตียงที่บ้านเมื่อไม่ได้ต้องการทำงานจริงจังมากกว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณสมบัติที่ไม่ครบเครื่อง เช่น ไม่มีกล้องดิจิตอล ไม่รองรับไฟล์ Flash และไม่มีพอร์ต USB ตามแบบฉบับคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปทั่วไป (มีเฉพาะพอร์ตพิเศษของแอปเปิลและ Dock connector) รวมถึงไม่มีช่องเสียบหน่วยความจำภายนอกอย่าง SD Card ด้วย
iPad เปิดจองแล้ว
ความคืบหน้าล่าสุดของ Apple iPad คือการเปิดให้ผู้สนใจเริ่มสั่งจองในวันที่ 12 มีนาคม 2553 โดยเปิดจองทั้งรุ่น Apple iPad Wi-Fi ที่มีไว-ไฟอย่างเดียวและ Wi-Fi+3G ซึ่งมี 3G ด้วย โดยเปิดให้สั่งจองจากร้าน Apple Online Store เพื่อไปรับเครื่องที่ร้านค้าปลีกของแอปเปิลหรือ Apple Retail ในวันที่ 3 เมษายน
iPad จะเริ่มจำหน่ายในประเทศแถบยุโรปช่วงปลายเดือนเมษายน โดยราคาตลาดโลกจะมีการประกาศอีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้
นาทีนี้มีผู้บริโภคที่ไม่อยากรอบางรายเริ่มหันไปหาคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตหน้าตาคล้ายกับ iPad จากจีนแล้ว เป็นคอมพ์พกพาที่มีหน้าจอ 10.1นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 7 และโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ตได้ ถูกจำหน่ายอย่างเป็นล่ำเป็นสันแล้วในเว็บไซต์ Midbbs รายละเอียดสินค้าถูกระบุว่าผลิตขึ้นโดยบริษัท Taiwan Shuo ใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า TESO แต่ด้านหลังมีโลโก้ Apple และสกรีนตัวหนังสือ iPad ติดไว้ชัดเจน