ปรากฏการณ์ของ iPad ในบ้านเราในแง่มุมของเครื่องมือทางการตลาด กระแสแรกที่เห็นชัดเจนคือสินค้าใดที่มีโปรแกรมชิงโชค ก็ประกาศแจกของรางวัลเป็น iPad ทันทีที่เพิ่งเปิดตัว และถือไปครองกันแล้วหลายคน ตั้งแต่ชาเขียวโออิชิ เป๊ปซี่ ไปจนถึงสถาบันการศึกษา แม้ว่าคนคิดโปรโมชั่นจะต้องจ่ายสูงเพราะการปั่นราคาในช่วงแรกสูงกว่าราคาจริงเกือบหมื่นก็ตาม
เป็นการเสริมแบรนด์ให้ดูดีทันตาเห็น และขยับต่อมาของปรากฏการณ์ทางการตลาดบ้านเรา แม้จะยังไม่เห็นกรณีศึกษาการใช้ฟีเจอร์เนื้อในของของ iPad มาให้เป็นประโยชน์ แต่หลายแบรนด์ก็จดๆ จ้องๆ อยู่ เพราะอีกไม่นานคนจะถือ iPad คงมีมากขึ้น และอาจถึงจุดคุ้มทุนสำหรับนักการตลาด ที่ว่ากันว่าต้องเป็นถึงหลักแสนถึงจะชัวร์ เมื่อนั้น iPad จะเป็นอีกสื่อหนึ่งที่ทรงพลังในวงการโฆษณา
“กติกา สายเสนีย์” Digital Invention Director มายด์แชร์ บอกว่า โอกาสของโฆษณาที่จะใช้ iPad เป็นเครื่องมือนั้นสามารถมองจากคอนเทนต์ใหม่ที่จะเกิดขึ้น เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ ที่ Interactive มากขึ้น คนอ่านรู้สึกสนุกมากขึ้นกับคอนเทนต์ที่ไม่เพียงมีแต่ตัวอักษร แต่จะมีผ่านเคลื่อนไหว และเสียง ซึ่งแบรนด์สามารถเข้าไปโฆษณาบนหน้าหนังสือใน iPad และมีลูกเล่นกับคนอ่านได้มากขึ้น ตั้งแต่เจาะช่องเพื่อลิงค์มาดูคลิปวิดีโอ ไปจนถึงเล่นเกม
เป็นการสร้าง Brand Engagement กับกลุ่มเป้าหมายให้เหนียวแน่นได้มากขึ้น นอกเหนือจากแบรนด์มีแอพพลิเคชั่นของตัวเอง ซึ่งจากคุณสมบัติของ iPad ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกไม่น่าเบื่อ เช่นการเอียง ขยับ หรือ Rotate ตัวเครื่องเพื่อให้เกิดมุมมองที่สนุกขึ้น ซึ่งประสบการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้วจาก iPhone แต่จอที่กว้างกว่าทำให้สนุกกว่า และนักโฆษณาเองก็สามารถใส่ลูกเล่นได้มากกว่า
Brand Engagetment ทำให้เกิดประสบการณ์ของลูกค้าต่อสินค้า และระยะยาวคือการสร้าง Brand Loyalty ซึ่งเป็นสุดยอดปรารถนาของเจ้าของสินค้า
กรณีที่เกิดขึ้นในเมืองไทยอย่าง “แสนสิริ” ที่นำมาใช้พรีเซนต์ หรือเครื่องมือช่วยการขาย ชัดเจนว่าคือการ Branding ที่จะทำให้เจ้าของแบรนด์นั้นเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ใกล้ชิดมากขึ้น เพราะเหมือนคุยเรื่องที่คนรุ่นใหม่ที่กำลังให้ความสนใจอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อในอนาคต นอกจากคุณภาพของสินค้าแล้ว Emotional ก็จะมีส่วนช่วยให้แบรนด์นั้นประสบความสำเร็จด้วย