ความแรงของ iPad ไม่ใช่แค่ฮอตในกลุ่มคนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นไทยได้ขายไอเดียเพื่อสร้างธุรกิจบนโลกออนไลน์อีกด้วย และนี่คือแผนต่อไปของเว็บไซต์ TARAD.com ผู้นำด้านตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์สัญชาติไทยที่ ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น
“ตอนนี้เรามีแอพพลิเคชั่นบน iPhone และ BB แล้ว” ภาวุธ หรือ ป้อมบอก ซึ่งเขาได้แนวคิดนี้จากการเดินทางไปดูงานของคู่ค้าทางธุรกิจที่ญี่ปุ่นคือ Rakuten.co.jp ซึ่งเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซอันดับ 1 ของญี่ปุ่นที่พัฒนาแอพพลิเคชั่นบน iPhone จนได้รับความนิยมสูง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงกลับมาพัฒนาแอพลิเคชั่นเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ามาดูข้อมูลและค้นหาร้านค้าที่อยู่ใน TARAD.com ผ่านช่องทางนี้ได้ พร้อมกับมีแผนเปิดตัวแอพลิเคชั่นนี้บน iPad ในอีก 1 เดือนข้างหน้าเช่นกัน ซึ่งนอกจาก Rakuten แล้ว เขายังเห็นตัวอย่างจากเหล่าผู้นำด้านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชั้นนำอย่าง eBay และ Amazon.com ที่พัฒนาแอพพลิเคชั่นมาให้บริการแก่ลูกค้าทั้งบน iPhone และ iPad ด้วย
นอกจากนี้ TARAD.com ยังมีโปรแกรม Layar ที่นำเทคโนโลยี Augmented Reality หรือ AR ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือนมาใช้งานในรูปแบบอีคอมเมิร์ซทำให้เกิด “การค้าขายผสานโลกเสมือนจริง (Augmented Reality E-Commerce)” เพื่อให้ผู้ซื้อค้นหาสินค้าที่ต้องการ โดยสามารถรู้ตำแหน่งของสินค้าว่าอยู่ที่ไหน? ทิศทางไหน และอยู่ไกลเท่าไร จากตำแหน่งที่ยืนอยู่ เพียงแค่มองผ่านโทรศัพท์มือถือที่ลงโปรแกรมดังกล่าว โดยสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมนี้ไปใช้ได้กับมือถือระบบปฏิบัติการ Andriod หรือ iPhone รวมทั้งมีแผนเปิดให้บริการบน iPad ได้ในเร็วๆ นี้ด้วย
สำหรับยอดการดาวน์โหลดแอพบน iPhoneนั้น ป้อมคาดว่าน่าจะถึงหลักหมื่นแล้ว ส่วน iPad ยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับไทยและยังไม่ค่อยมีคนใช้มากนักจึงต้องรอดูความต้องการของตลาดก่อน ซึ่งเขามองว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังต้องการแอพที่เป็นภาษาไทยอยู่ โดยเขาตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 2 เดือนจะพัฒนาให้ทำการ “ซื้อ-ขาย” สินค้าผ่านทาง iPhone และ iPad ได้ รวมทั้งมีแผนพัฒนาแอพพลิเคชั่นด้านอีคอมเมิร์ซอื่นๆ ตามมาอีก
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่มี iPad ไว้ใช้งานส่วนตัวเพราะกำลังรอซื้อรุ่น 3G อยู่ แต่ที่ใช้งานอยู่ในตอนนี้เป็นการลงทุนซื้อรุ่น WiFi 64 GBเพื่อให้ทีมงานที่เป็นนักพัฒนาและโปรแกรมเมอร์ได้ใช้งานจำนวน 6 เครื่อง “งบลงทุนเฉพาะซื้อเครื่องก็หลักแสนอยู่” ป้อมบอก ซึ่งนอกจากทีมงานที่พัฒนาแอพฯของ TARAD.com แล้ว เขายังตั้งบริษัท Tarad Solution เพื่อให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาSolutions Applicaiton Programแบบครบวงจร ซึ่งมีแผนพัฒนาแอพบน iPad ให้กับลูกค้าที่สนใจด้วยเช่นกัน
เมื่อถามถึงธุรกิจอื่นๆ ในไทยที่สามารถนำ iPad มาใช้ประโยชน์ได้นั้น เขามองว่ามีหลากหลายมาก ตั้งแต่การศึกษา การแพทย์ โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจภาพยนตร์ รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตเพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์
“ตอนนี้ iPad ที่อเมริกาขายดีมาก ด้วยความที่ราคาถูกกว่าทำให้ขายได้ง่ายกว่า และ Modelของ Apple ไม่ได้ต้องการขายเครื่องแต่ขายแอพลิเคชั่น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทำราคาให้ต่ำลงเพราะเน้นขายเซอร์วิสมากกว่า เมื่อราคาถูกลงก็ทำให้เข้าถึงกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น รวมทั้งยังไม่ต้องมีการผูกสัญญากับโอเปอเรเตอร์เหมือน iPhoneทำให้จำหน่าย iPad ได้อย่างอิสระกว่า นำไปใช้ง่ายขึ้นทำให้ตลาดกว้างกว่า”
ขณะเดียวกัน เขาก็มองว่า iPad ไม่สามารถแทนโน้ตบุ๊กหรือเน็ตบุ๊กได้เพราะเป็นคนละกลุ่มกัน แต่ iPad เป็นกลุ่มใหม่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลเพื่ออ่านหนังสือ เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต “เป็น Content Browser แต่ไม่ใช่อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับ Input ข้อมูลจำนวนมาก แบบนั้นจะเหมาะกับพวกโน้ตบุ๊กและเน็ตบุ๊กมากกว่า” ป้อมสรุป