เปิดใจ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ยากกว่าการปิด “ดุสิตธานี” คือดูแลพนักงานเต็มที่ 100%

CEO ดุสิตธานี เปิดใจในวันที่ต้องปิดโรงแรมทั้งหมด 7 แห่งในไทยชั่วคราว แต่ต้องดูแลพนักงานทุกคน ยอมลดเงินเดือนระดับผู้บริหาร เพื่อให้พนักงานได้เงินเดือนเต็ม 100%

ดูแลพนักงานให้เหมือนครอบครัว

จากวิกฤต COVID-19 ในตอนนี้ที่สร้างผลกระทบต่อทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร เรียกว่าไม่มีนักท่องเที่ยว รวมถึงคนในประเทศเองก็ต้องกักตัวอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย ลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสให้มากที่สุด

“ดุสิตธานี” เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และโรงแรมในประเทศไทย ได้ประกาศปิดให้บริการโรงแรมในเครือทั้งหมด 7 แห่งเป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วย

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า

“วิกฤติครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้า เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย เพราะไม่ใช่แค่กระทบกับธุรกิจ แต่ยังกระทบถึงการใช้ชีวิต กระทบถึงความรู้สึก เราต้องอยู่ห่างจากคนที่เรารัก เราไม่สามารถแม้แต่จะกอด เพื่อปลอบประโลมใจหรือให้กำลังใจกันได้ในวันที่เราต่างต้องการมันมากที่สุด แต่เราจะต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและอดทน”

ศุภจี บอกว่า ในวันที่ต้องตัดสินใจประกาศยุติการให้บริการโรงแรม 7 แห่งในประเทศ ไม่ต้องใช้ความยากลำบากในการตัดสินใจ เพราะเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้เข้าพักและพนักงาน จากการแพร่ระบาดของไวรัส ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า “สุดท้ายเราต้องปิดโรงแรม” แต่สิ่งที่ยากกว่า ละเอียดอ่อนกว่า คือ การดูแลพนักงานทุกคนของดุสิตธานี ที่อยู่ร่วมกันเหมือนกับครอบครัวใหญ่ โดยยังคงต้องรักษาสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ เช่น ผู้ถือหุ้น

ผู้บริหารลดเงินเดือน 25-50% พนักงานรับเต็ม 100%

เบื้องหลังการบริหารจัดการวิกฤติการณ์นี้ ศุภจีบอกว่า เธอเลือกที่จะบาลานซ์ด้วยการยืดระยะเวลาจนดุสิตธานีน่าจะเป็นกลุ่มท้ายๆ ที่ประกาศปิดโรงแรมเป็นการชั่วคราว ซึ่งเธอต้องประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมๆ กับจัดวางโครงสร้างทางการเงิน ดูแลสภาพคล่อง  ควบคุมต้นทุน เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้ว พนักงานอยู่ได้ ธุรกิจอยู่ได้ ซึ่งหมายถึงผู้ถือหุ้นก็จะอยู่ได้

“เรามีมาตรการเพื่อให้เกิดผลกระทบกับพนักงานน้อยที่สุด โดยเฉพาะพนักงานระดับปฏิบัติการ เราพยายามจะไม่ให้กระทบเลย เพราะเราทราบอยู่แล้วว่า พนักงานกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องการการประคับประคอง เราต้องดูแลให้ดี”

สิ่งที่ดุสิตธานีทำ ก็คือ ผู้บริหารยอมลดเงินเดือนตัวเองลง ผู้บริหารระดับสูง ระดับรองลงมา ก็ลดเงินเดือนตามส่วน ตั้งแต่ลด 50% จนถึง 25% เพื่อให้พนักงานที่อยู่ในฐานล่างพีระมิดไม่ได้รับผลกระทบ ระดับปฏิบัติการยังคงได้รับเงินเดือน 100% เต็มเหมือนเดิม ได้รับสวัสดิการเหมือนเดิม ไม่มีการลดคน แม้โรงแรมจะปิดให้บริการชั่วคราว และเพื่อให้พนักงานไม่ต้องไปเพิ่มภาระให้กับประกันสังคม เพราะดุสิตธานียังพอมีกำลัง ยังคงดูแลทุกคนได้อย่างเท่าเทียม

เพราะธุรกิจเดินต่อได้ด้วย “พนักงาน”

ข้อสังเกตประการสำคัญนับเนื่องตั้งแต่การยุติการให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงการปิดโรงแรม 7 แห่งเป็นการชั่วคราว คือ การรักษาพนักงานกลุ่มดุสิตธานีไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งศุภจีบอกว่า เพราะ “พนักงาน” คือคนที่ทำให้เกิดธุรกิจนี้ และธุรกิจนี้จะเดินหน้าต่อไปได้ก็ด้วยพนักงาน

“ในวันที่เราให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการปิดโรงแรม เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย และเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน แต่เราก็ยังทำธุรกิจใหม่ๆ เช่น ดิลิเวอรี่ พนักงานของเรายังมีงานทำ เรายังพยายามหารายได้ และยังแบ่งปัน เราใช้ช่วงเวลานี้ถือโอกาสซ่อมบำรุงโรงแรม ปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยการทำ Business Transformation และ Technology Transformation เพื่อให้องค์กรเกิดประสิทธิภาพ และไม่เกิดความซ้ำซ้อน เราเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะรอวันกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง”

แม้วันนี้ห้องพักทุกห้องของโรงแรมดุสิตธานีจะถูกปิดลง แต่เมื่อประตูห้องพักถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง “ศุภจี” มั่นใจว่า หัวใจของพนักงานทุกคนที่ได้รับการเยียวยาและดูแลจากองค์กร จะกลับมาพร้อมให้บริการลูกค้าของดุสิตธานีอย่างเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม